
สวัสดีค่ะ ทุกท่านที่แวะเวียนมาอ่านกระทู้นี้ค่ะ ก่อนอื่นขอเกริ่นก่อนนะคะ ทำ Spoil ไว้ให้เผื่อใครไม่อยากอ่านยาวๆ
กะทิ เป็นแมวจรที่เราผูกพันมาตั้งแต่กะทิตัวเล็กๆ ไม่เคยฉีดวัคซีนให้เพราะไม่คิดว่าเค้าจะเป็นหนักขนาด เป็นไข้หวัดชนิดรุนแรงและลูคิเมีย
เรารักษาเค้าต่อเนื่องได้ไม่ถึงเดือนดี กะทิก็หายไปจากบ้านตั้งแต่เช้าวันที่ 17 พ.ค. เรากับทุกคนในบ้านตามหาก็ไม่เจอ จนถึงวันนี้ก็ 3 วันแล้วที่ไม่เจอเค้า
เราหมดหวังแล้วค่ะ คิดว่าเค้าคงไปดีแล้ว แต่เราก็อดคิดถึงไม่ได้ และโทษตัวเองไม่ได้ที่ไม่ฉีดวัคซีนให้เค้าตั้งแต่เล็ก ทำให้เค้าต้องมาทรมานและจากไปโดยที่เราไม่เห็นเค้าเป็นคนสุดท้าย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เมื่อปลายปี 54 หลังจาก เหตุการณ์น้ำท่วมผ่านไป บ้านเราก็โดนน้ำท่วมเหมือนกัน แต่ไม่ได้เสียหายมาก
เพราะเตรียมตัวไว้ทัน ก็พบเจอลูกแมวตัวเล็กๆ 2 ตัวอายุประมาณ 2 เดือน วิ่งเล่นกันอยู่หน้าบ้าน เจ้าแมว2 ตัวนั้นเป็นฝาแฝดค่ะ
เป็นแมวสีดำ ตาสีเหลือง มีถุงเท้าสีขาว 4 ข้าง ท้องสีขาว ยาวไปถึงคาง เราเป็นคนที่ค่อนข้างชอบแมวมาก
รวมถึงครอบครัวเราด้วย จึงไปซื้อปลาทูมาไว้ให้ เจ้าตัวเล็ก 2 ตัวได้กินประทังหิว แรกๆ ทั้ง 2 ตัวนั้นก็กลัวๆ
กล้าๆ ไม่ให้จับเลย ได้เพียงแค่เข้าไปวางอาหารให้หน้าบ้านเท่านั้น แต่พอเริ่มคุ้นเคย เจ้าตัวเล็กตาสีเหลืองเข้มกว่าอีกตัว ก็ยอมให้พ่อเราจับ
ครั้งนั้น เป็นจุดเริ่มต้น ที่เจ้าตัวเล็กนั้น เข้ามาเป็นส่วนร่วมในบ้านมากขึ้น เราตั้งชื่อว่า "กะทิ" เพื่อให้ชื่อตรงข้ามกับสีของเค้า กะทิเข้ามาในบ้าน มาอ้อน มาเล่น นอนบนตัก ทุกคนในบ้านค่อนข้างหลงรักเลยล่ะค่ะ
แต่ด้วยความที่แม่เราเป็นภูมิแพ้ รวมถึงเราด้วย แม่เลยไม่ยอมให้เลี้ยงกะทิอย่างจริงจัง เลยได้เพียงแค่ให้อาหารและเล่นกับกะทิแค่นั้น กลางคืนกะทิก็จะไปข้างนอกเที่ยวเล่น
เช้าก็จะมาอ้อนขอกิน วิ่งเล่นในบ้าน จนทั้งบ้านออกไปทำงาน เป็นแบบนี้มาตลอด เราจะแอบกอดหอมกะทิ ตอนที่ไม่มีใครอยู่ เพราะเรารู้สึกว่าเรารักกะทิมาก
โดยไม่เฉลียวใจเลยว่าการไม่พาเค้าไปฉีดยา ฉีดวัคซีนจะเป็นเหตุทำให้เราต้องเสียเค้าไป....
ตอนกะทิอายุประมาณ 1 ปี กะทิตั้งท้องแรก เราเฝ้าดูจนถึงวันที่กะทิปวดท้องมาก อ้อนเรามากกว่าปกติ คืนนั้นเราเตรียมกล่องไว้ เอาผ้าปูและวางไว้แอบๆข้างห้องน้ำ ประมาณเที่ยงคืนเรานอนไม่หลับเลยไปแอบดู
ก็พบว่ากะทิได้คลอดตัวน้อยสีขาวออกมา แต่ว่าเจ้าตัวน้อย ตายแล้ว ไม่หายใจ เห็นกะทิเลียแล้วเลียอีก เราเลยปล่อยเค้าให้อยู่ด้วยกัน ก่อนที่จะแยกออกมา หลังจากผ่านเหตุการณ์นั้นเหมือนกะทิจะเศร้าซึมไปช่วงนึง
แต่ก็กลับมาร่าเริงเป็นปกติเช่นเคย
จนช่วงก่อนสงกรานต์ของปี 57 เราเห็นเค้าซึม มีขี้ตา จาม เล็กน้อย แต่เค้ายังทานอาหารได้ เลยคิดว่าเค้าน่าจะแค่แพ้อากาศเท่านั้น เดี๋ยวก็น่าจะหาย เราไปต่างจังหวัด หลายวัน
จนเรากลับมา เค้าก็ยังมีร้องอ้อนเรา กระโดดขึ้นตักมาหลับเหมือนเคย เราก็นั่งลูบตัวเค้าไป แบบไม่คิดอะไร เค้าเริ่มกินอาหารน้อยลงเรื่อยๆ
จนไม่กิน 2-3 วัน ผอมมาก ผอมจนจับโดนซี่โครง เราเลยทนไม่ได้บอกว่า "แม่ น้ำจะพากะทิไปหาหมอ ไม่กินข้าวมาหลายวันแล้ว " เย็นวันนั้น (วันที่ 2 พ.ค) เราก็พาเค้าไปหาหมอที่ รพ.สัตว์เกษตร
ตอนทีพาเค้าไป กะทิหนักแค่ 2 กก. เท่านั้น พอถึงคิว คุณหมอตรวจ เบื้องต้นคุณหมอสันนิษฐานเพียงว่า น่าจะเป็นไข้หวัดแมวชนิดรุนแรงนะ
แล้วหมอก็ให้เราพากะทิไปห้องหัตการเพื่อเจาะเลือดและดมควัน เพื่อให้ทางเดินหายใจโล่งขึ้น พอถึงคิวเจาะเลือดเราพากะทิวางลงบนเตียง ผู้ช่วย 2-3 คนมาช่วยกันจับกะทิแล้วคุณหมอก็ทำการเจาะเลือดจาก คอกะทิ
ตอนที่คุณหมอเจาะเลือดกะทิ กรีดร้องจนเราน้ำตาซึม เหมือนกะทิเจ็บมาก เราแทบอยากให้คุณหมอหยุดเดียวนั้นเลย พอเจาะเลือดเสร็จก็ให้น้ำเกลือและดมควัน
คุณหมอพากะทิเข้าตู้ กะทิร้องตะเกียกตะกาย จนเราเดินไปเรียกเค้า เค้าเลยหยุดลงและร้องเรียกเรา จนหมดควันเราพากะทิไปพบคุณหมออีกครั้ง คุณหมอบอกผลตรวจเลือด
ค่าตับ ไต ปกติ แต่ ในมีการติดเชื้อในกระแสเลือดสูงมาก และมีภาวะเป็น ลูคิเมีย เราหน้าชาเลย ไม่คิดว่ากะทิจะเป็นหนักขนาดนี้
เราพากะทิกลับบ้าน จริงๆคุณหมอบอกให้ขังเค้า ดูอาการ 2-3 วัน แล้วพาเค้าไปพบหมออีกครั้ง กะทิกลับบ้านมาก็ไม่กินอะไรเหมือนเคย
เราพยายามป้อนน้ำ ซุปไก่ ป้อนยาเค้า แม้จะต้องฝืนใจก็ตาม พยายามลูบตัวเค้าไม่ให้เค้าเครียด บอกกับเค้าว่าสู้ๆนะ พี่จะรักษากะทิให้ดีขึ้นให้ได้ พยายามปลอบเค้าใกล้ชิดกับเค้ามากที่สุด
วันที่ 4 พ.ค. กะทิก็ซึมเหมือนวันแรกที่พาไปหาหมอ และก็ยังไม่กินอะไรเลย เสียงร้องก็ไม่มี เวลาเราเรียกชื่อ กะทิ เค้าจะร้องตอบเราเสมอ แม้ว่าเค้าจะไม่มีเสียง
วันที่ 5 พ.ค. วันนี้ตอนเช้า กะทิ กินปลาทูได้มากกว่าปกติ เราดีใจมาก แต่พอตกเย็นก็ซึมและไม่กินเหมือนเดิม อาหารเปียกก็ไม่กินเราก็จับป้อนซุปไก่และน้ำเปล่า เรามองเค้าน่าสงสารมาก กลืนน้ำยังลำบาก เรี่ยวแรงไม่มี
เราได้แต่บอกตัวเองว่าไม่ว่าจะหมดเงินเราก็จะหาทางมารักษาเค้าให้เต็มที่
ช่วงหลังจากนั้นเราก็พาไปให้น้ำเกลือ ไปฉีดยาติดกัน 2-3 วัน วันละ 3-4 เข็ม สงสารมาก ดูเค้าระบมไปหมดเลย จนมาวันที่ 16 พ.ค.
เย็นวันนั้น เราพากะทิไปพบคุณหมอ หลังจากที่ตอนเช้ากะทิกินปลาทูได้อีกแล้ว พอตอนเย็นก็เมินปลาทู เมินอาหาร ซึมอีกครั้ง คุณหมอเลิกฉีดยาแต่ยังให้น้ำเกลือ
เพราะว่าร่างกายเค้าขาดน้ำมาก ผิวหนังเหี่ยวไปหมด ไม่โดนฉีดยาคุณหมอเลยให้ยาก้างปลา ยาบำรุงเลือด ยาสร้างภูมิ ให้เค้ากินมื้อเช้า
เช้าวันที่ 17 พ.ค. เราตื่นมาทำงาน มองหากะทิ และเรียก เรียกเท่าไหร่ก็ไม่มา เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตอบ (หรือว่าตอบแต่ว่าเราไม่ได้ยิน TT)เราเลิกงานครึ่งวันกลับมาดูกะทิ มาหาทุกซอกทุกมุม ข้างบ้าน ที่คิดว่ากะทิน่าจะแอบอยู่ แต่ก็ไม่มี
จนค่ำแล้ว กะทิก็ไม่กลับ เรายังคิดว่ายังมีหวังอยู่ รอพ่อกลับมาก่อน ให้พ่อเรียกแทน เพราะเค้าอาจจะกลัวเรา เราเรียกทีไรก็พาเค้าไปหาหมอ เค้าคงเจ็บมาก
เช้าวันที่ 18 พ.ค เรียกหาแต่เช้า เราไปทำงานก็ยังไม่เจอกะทิ น้าอยู่บ้านก็คอยเรียก คอยหาให้ก็ไม่เจอ พ่อกลับมาถึงบ้านตอน ทุ่มกว่าๆ มาเรียกหา กะทิก็ไม่มา แม่เราบอกได้เพียงว่า ถ้าตายก็หาศพให้เจอเอากะทิไปฝังให้ดีๆ
แต่นี่หายังไงก็ไม่เจอ แต่เราคิดว่าเราหมดหวังแล้ว 2 วันเต็มๆ รวมวันนี้(19 พ.ค.) ก็ 3 วัน แล้ว ข้าวก็ไม่กิน น้ำก็ไม่กิน กะทิคงจากเราไปแล้วจริงๆค่ะ TT
เรื่องของเรากับกะทิ คงมีเท่านี้ สิ่งหลักๆที่จะกล่าวถึงก็คือ การฉีดวัคซีนต่างๆให้ครบเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเค้า ค่าฉีดวัคซีน ไม่แพงเท่าค่ารักษาและชีวิตของเค้าค่ะ
แม้กะทิจะเป็นเพียงแมวจร แต่เราก็รักเค้าเหมือนคนในครอบครัวจริงๆ
ป.ล.ฝาแฝดของกะทิ เราเรียกว่า "กะทะ" เบื้องต้นเราเห็นว่ากะทะจาม แล้วก็ดูซึมๆ คาดว่าอาจจะติดหวัดกันค่ะ
จริงๆเรามีแมวอีกตัวที่บ้านยาย ชื่อหนูสร้อย ไม่ได้ฉีดวัคซีนมาตั้งแต่เล็ก และ ไม่ได้ทำหมัน ฉ๊ดยาคุมให้ จนอายุ 10 ปีได้ หนูสร้อยเป็นมะเร็งที่ช่องท้อง ท้องเป็นแผลเหวอะหวะ
ตอนที่เค้าหมดลม ยายเราเป็นคนไปอุ้มเค้าจะเอาไปฝัง ยายบอกท้องหนูสร้อยแตก น้ำต่างๆในท้องไหลออกมาส่งกลิ่นเหม็นมาก
นั่นเพราะภายในของหนูสร้อย พังจนเจ็บปวดและทนไม่ได้เลยจากไป....
คิดถึงนะกะทิ ของพี่ ไม่มีแล้ว แมวน้อยที่ชอบแอบมองตอนอาบน้ำ ร้องเรียกตอนพี่ร้องไห้ แมวที่ชอบนอนขดตัวกลมๆบนตัก และนอนทับหน้าอก
พี่จะคิดถึงกะทิเสมอนะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามานะคะ
ฉันต้องเสียใจเพราะไม่ได้ฉีดวัคซีนให้แมว.....
กะทิ เป็นแมวจรที่เราผูกพันมาตั้งแต่กะทิตัวเล็กๆ ไม่เคยฉีดวัคซีนให้เพราะไม่คิดว่าเค้าจะเป็นหนักขนาด เป็นไข้หวัดชนิดรุนแรงและลูคิเมีย
เรารักษาเค้าต่อเนื่องได้ไม่ถึงเดือนดี กะทิก็หายไปจากบ้านตั้งแต่เช้าวันที่ 17 พ.ค. เรากับทุกคนในบ้านตามหาก็ไม่เจอ จนถึงวันนี้ก็ 3 วันแล้วที่ไม่เจอเค้า
เราหมดหวังแล้วค่ะ คิดว่าเค้าคงไปดีแล้ว แต่เราก็อดคิดถึงไม่ได้ และโทษตัวเองไม่ได้ที่ไม่ฉีดวัคซีนให้เค้าตั้งแต่เล็ก ทำให้เค้าต้องมาทรมานและจากไปโดยที่เราไม่เห็นเค้าเป็นคนสุดท้าย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เรื่องของเรากับกะทิ คงมีเท่านี้ สิ่งหลักๆที่จะกล่าวถึงก็คือ การฉีดวัคซีนต่างๆให้ครบเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเค้า ค่าฉีดวัคซีน ไม่แพงเท่าค่ารักษาและชีวิตของเค้าค่ะ
แม้กะทิจะเป็นเพียงแมวจร แต่เราก็รักเค้าเหมือนคนในครอบครัวจริงๆ
ป.ล.ฝาแฝดของกะทิ เราเรียกว่า "กะทะ" เบื้องต้นเราเห็นว่ากะทะจาม แล้วก็ดูซึมๆ คาดว่าอาจจะติดหวัดกันค่ะ
จริงๆเรามีแมวอีกตัวที่บ้านยาย ชื่อหนูสร้อย ไม่ได้ฉีดวัคซีนมาตั้งแต่เล็ก และ ไม่ได้ทำหมัน ฉ๊ดยาคุมให้ จนอายุ 10 ปีได้ หนูสร้อยเป็นมะเร็งที่ช่องท้อง ท้องเป็นแผลเหวอะหวะ
ตอนที่เค้าหมดลม ยายเราเป็นคนไปอุ้มเค้าจะเอาไปฝัง ยายบอกท้องหนูสร้อยแตก น้ำต่างๆในท้องไหลออกมาส่งกลิ่นเหม็นมาก
นั่นเพราะภายในของหนูสร้อย พังจนเจ็บปวดและทนไม่ได้เลยจากไป....
คิดถึงนะกะทิ ของพี่ ไม่มีแล้ว แมวน้อยที่ชอบแอบมองตอนอาบน้ำ ร้องเรียกตอนพี่ร้องไห้ แมวที่ชอบนอนขดตัวกลมๆบนตัก และนอนทับหน้าอก
พี่จะคิดถึงกะทิเสมอนะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามานะคะ