ช่วงนี้ปิดเทอม ว่างๆไม่มีอะไรทำก็เลยมาตั้งกระทู้ แฉความเลวของตัวเองสักหน่อย
คำเตือน กระทู้นี้อาจมีเนื้อหากระทบกระเทือนความรู้สึกของคนที่ทำงานทางด้านวิทย์-สุขภาพ ผู้ที่เรียนวิทย์-สุขภาพ และผู้ที่อยากจะเรียนวิทย์-สุขภาพ
บางคนอาจจะมองว่า ผมมาตั้งกระทู้โอ้อวดตัวเอง ก็สุดแล้วแต่ความคิดของท่าน
เพราะฉะนั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เริ่มเข้าเรื่องกันเลยแล้วกัน เวลาพูดเรื่องการสอบเข้า สิ่งแรกที่ควรคิดก็คงหนีไม่พ้นจะเรียนอะไร?ที่ใหน?
ซึ่งผมรู้ตัวเองอยู่แล้วว่าจะเรียนอะไรกันแน่ แต่สำหรับคนที่อยู่ในยุคของระบบรับตรงและแอดมิชชั่นอย่างผม
ก็เลยกระทำการ มีอะไรสอบ สอบให้หมด และ สิ่งที่ชาวบ้านทั่วไปคิดคือ การสอบติดแพทย์คือคนเก่ง
และผมอยากจะแข่งกับคนเก่งๆ ให้คนอื่นรู้ว่าผม มันไม่ได้ห่วย
ผมก็เลยทำการสมัครแพทย์ทุกโครงการที่ผมสอบได้ รวมเป็นเงินมากกว่า4000บาท
แล้วจะสอบแพทย์เตรียมตัวอย่างไร?
เนื่องจากผมไม่ได้อยากเรียนแพทย์อยู่แล้ว การอ่านหนังสือของผมไม่ได้เน้นไปทางนั้นเลย
คือไอ้ที่ผมจะเรียน มันสอบอยู่แค่4วิชา(คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ)
ผมก็อ่านมันแค่4วิชานี้ โดยที่3วิชาที่เหลือผมไม่สนใจมันเลย
แล้วไงต่อ?
ผมก็เข้าไปสอบแพทย์ ผลออกมาคือ 2โครงการแรกที่ผมสอบ
สอบไม่ติดอะไรเลย ก็โอเค เราไม่ได้ซีเรียสอะไรกับแพทย์อยู่แล้ว
แล้วในที่สุด ผมก็สอบติดที่ที่ผมอยากเรียนสักที คราวนี้แหล่ะ ขอเล่นให้มันสุดๆล่ะกัน
ผมเลิกอ่านหนังสือแทบจะทั้งหมด(ยังคงอ่านอีก1วิชา เนื่องจากเป็นวิชาที่เรียนต่อในมหาวิทยาลัย)
+ทิ้งความฝันว่าอยากจะสอบติดแพทย์ลงไป
เมื่อพระเจ้าเล่นตลกกับผม
ถัดไป2เดือนจากผมทิ้งการอ่านหนังสือ ผมไปสอบแพทย์โครงการหนึ่ง
เป็นโควต้าพื้นที่ ของมหาวิทยาลัยรัฐที่พึ่งจะเข้าร่วมกับกสพทได้ไม่นาน
ก็บังเอิญติดขึ้นมา ผมก็ไม่ไปรายงานตัว
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เพื่อนผมคนที่ไปรายงานตัว มาเล่าให้ผมฟังว่า คนที่นั่งข้างหน้ารับนักเรียนไปรายงานตัวบ่นกันว่า
"ไอ้พวกที่ไม่มารายงานตัวคิดอะไรกันอยู่" ประมาณนี้ครับ(สาเหตุที่เค้าบ่นกันคือ คนที่ผ่านเกณฑ์มีพอดีกับที่รับ ในเมื่อมีคนไม่ไปรายงานตัว นั่นก็คือต้องเปิดรับรอบ2)
สิ่งที่ผมรู้สึกคือ เฮ้ย!!! ก็แค่ไม่ไปรายงานตัว จะอะไรกันนักกันหนา
ผมสอบติดแพทย์ครั้งที่2
ติดจากระบบโควต้าพื้นที่อีกแล้วครับ เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆของประเทศ
ถามว่ามันยิ่งใหญ่ขนาดใหน ผมไม่รู้หรอกครับ แต่สำหรับคนอื่นเค้าคงไม่คิดอย่างงั้น
เอาเป็นว่าผมจะบอกล่ะกันว่าผมสอบติด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แพทย์รามา
ชาวบ้านก็แห่แหนกันมาถามไถ่อีก ว่านั่นแพทย์...เลยนะ ไม่เรียนจริงเหรอ?
ความรู้สึกผมคือ ก็แค่แพทย์... จะทำตัวดี๊ด๊ากันไปใหน
จนกระทั่งผมได้รู้สึก ถึงความเห็นแก่ตัวของผม ที่เที่ยวไปสอบแพทย์ไว้ตั้งหลายที่ พอติดมาแล้วไม่เอา
คือ คณะแพทย์เค้ายิ่งใหญ่มากครับ ถ้าเค้าจะรับคน100คน เค้าก็จะประกาศมา100คน แล้วก็มีคนเอา100คน
เช่นเดียวกับแพทย์...ที่ผมสอบติดครับ รับคนเดียว ประกาศคนเดียว
สุดท้ายผลที่ตามมาคือ เค้าต้องประกาศเพิ่ม(ก็ทำไม ไม่ประกาศตัวสำรองพร้อมตัวจริงตั้งแต่ทีแรก)
ก็เรียกว่าทำให้หลายๆคนที่เกี่ยวข้องต้องเสียเวลา เสียเงินในการจัดสถานที่อะไรกันเพิ่ม
กล่าวคือ ถ้าผมไม่ไปยุ่งกับการสอบแพทย์ตั้งแต่แรก ผมก็ไม่ได้ไม่เสียอะไร ฝ่ายนู้นเค้าก็ไม่เสียอะไรเหมือนกัน
คนเรามันมีสิทธิกันทุกคน แต่การใช้สิทธิโดยที่หวังแก่ประโยชน์ของตนโดยไม่สนใจคนอื่น มันก็ไม่ดีเท่าไหร่นัก
เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้แล
ถ้าเห็นว่าเป็นประโยชน์ก็กด+ หรือมีความรู้สึกอย่างไรก็กดอีโมชั่นบ้างก็ดีนะครับ
หรือจะแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนกันบ้างก็ดี
ท้ายที่สุดนี้ ผมอยากจะบอกคนที่กำลังสอบเข้ามหาวิทยาลัยว่า
ไม่ได้มีเพียงแค่คนเก่งมีที่เรียนในมหาวิทยาลัยเท่านั้น พื้นที่เหล่านั้นยังเปิดโอกาสให้คนขยันอยู่ครับ
สารภาพบาป ชีวิตการสอบเข้ามหาวิทยาลัย
คำเตือน กระทู้นี้อาจมีเนื้อหากระทบกระเทือนความรู้สึกของคนที่ทำงานทางด้านวิทย์-สุขภาพ ผู้ที่เรียนวิทย์-สุขภาพ และผู้ที่อยากจะเรียนวิทย์-สุขภาพ
บางคนอาจจะมองว่า ผมมาตั้งกระทู้โอ้อวดตัวเอง ก็สุดแล้วแต่ความคิดของท่าน
เพราะฉะนั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เริ่มเข้าเรื่องกันเลยแล้วกัน เวลาพูดเรื่องการสอบเข้า สิ่งแรกที่ควรคิดก็คงหนีไม่พ้นจะเรียนอะไร?ที่ใหน?
ซึ่งผมรู้ตัวเองอยู่แล้วว่าจะเรียนอะไรกันแน่ แต่สำหรับคนที่อยู่ในยุคของระบบรับตรงและแอดมิชชั่นอย่างผม
ก็เลยกระทำการ มีอะไรสอบ สอบให้หมด และ สิ่งที่ชาวบ้านทั่วไปคิดคือ การสอบติดแพทย์คือคนเก่ง
และผมอยากจะแข่งกับคนเก่งๆ ให้คนอื่นรู้ว่าผม มันไม่ได้ห่วย
ผมก็เลยทำการสมัครแพทย์ทุกโครงการที่ผมสอบได้ รวมเป็นเงินมากกว่า4000บาท
แล้วจะสอบแพทย์เตรียมตัวอย่างไร?
เนื่องจากผมไม่ได้อยากเรียนแพทย์อยู่แล้ว การอ่านหนังสือของผมไม่ได้เน้นไปทางนั้นเลย
คือไอ้ที่ผมจะเรียน มันสอบอยู่แค่4วิชา(คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ)
ผมก็อ่านมันแค่4วิชานี้ โดยที่3วิชาที่เหลือผมไม่สนใจมันเลย
แล้วไงต่อ?
ผมก็เข้าไปสอบแพทย์ ผลออกมาคือ 2โครงการแรกที่ผมสอบ
สอบไม่ติดอะไรเลย ก็โอเค เราไม่ได้ซีเรียสอะไรกับแพทย์อยู่แล้ว
แล้วในที่สุด ผมก็สอบติดที่ที่ผมอยากเรียนสักที คราวนี้แหล่ะ ขอเล่นให้มันสุดๆล่ะกัน
ผมเลิกอ่านหนังสือแทบจะทั้งหมด(ยังคงอ่านอีก1วิชา เนื่องจากเป็นวิชาที่เรียนต่อในมหาวิทยาลัย)
+ทิ้งความฝันว่าอยากจะสอบติดแพทย์ลงไป
เมื่อพระเจ้าเล่นตลกกับผม
ถัดไป2เดือนจากผมทิ้งการอ่านหนังสือ ผมไปสอบแพทย์โครงการหนึ่ง
เป็นโควต้าพื้นที่ ของมหาวิทยาลัยรัฐที่พึ่งจะเข้าร่วมกับกสพทได้ไม่นาน
ก็บังเอิญติดขึ้นมา ผมก็ไม่ไปรายงานตัว
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เพื่อนผมคนที่ไปรายงานตัว มาเล่าให้ผมฟังว่า คนที่นั่งข้างหน้ารับนักเรียนไปรายงานตัวบ่นกันว่า
"ไอ้พวกที่ไม่มารายงานตัวคิดอะไรกันอยู่" ประมาณนี้ครับ(สาเหตุที่เค้าบ่นกันคือ คนที่ผ่านเกณฑ์มีพอดีกับที่รับ ในเมื่อมีคนไม่ไปรายงานตัว นั่นก็คือต้องเปิดรับรอบ2)
สิ่งที่ผมรู้สึกคือ เฮ้ย!!! ก็แค่ไม่ไปรายงานตัว จะอะไรกันนักกันหนา
ผมสอบติดแพทย์ครั้งที่2
ติดจากระบบโควต้าพื้นที่อีกแล้วครับ เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆของประเทศ
ถามว่ามันยิ่งใหญ่ขนาดใหน ผมไม่รู้หรอกครับ แต่สำหรับคนอื่นเค้าคงไม่คิดอย่างงั้น
เอาเป็นว่าผมจะบอกล่ะกันว่าผมสอบติด[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ชาวบ้านก็แห่แหนกันมาถามไถ่อีก ว่านั่นแพทย์...เลยนะ ไม่เรียนจริงเหรอ?
ความรู้สึกผมคือ ก็แค่แพทย์... จะทำตัวดี๊ด๊ากันไปใหน
จนกระทั่งผมได้รู้สึก ถึงความเห็นแก่ตัวของผม ที่เที่ยวไปสอบแพทย์ไว้ตั้งหลายที่ พอติดมาแล้วไม่เอา
คือ คณะแพทย์เค้ายิ่งใหญ่มากครับ ถ้าเค้าจะรับคน100คน เค้าก็จะประกาศมา100คน แล้วก็มีคนเอา100คน
เช่นเดียวกับแพทย์...ที่ผมสอบติดครับ รับคนเดียว ประกาศคนเดียว
สุดท้ายผลที่ตามมาคือ เค้าต้องประกาศเพิ่ม(ก็ทำไม ไม่ประกาศตัวสำรองพร้อมตัวจริงตั้งแต่ทีแรก)
ก็เรียกว่าทำให้หลายๆคนที่เกี่ยวข้องต้องเสียเวลา เสียเงินในการจัดสถานที่อะไรกันเพิ่ม
กล่าวคือ ถ้าผมไม่ไปยุ่งกับการสอบแพทย์ตั้งแต่แรก ผมก็ไม่ได้ไม่เสียอะไร ฝ่ายนู้นเค้าก็ไม่เสียอะไรเหมือนกัน
คนเรามันมีสิทธิกันทุกคน แต่การใช้สิทธิโดยที่หวังแก่ประโยชน์ของตนโดยไม่สนใจคนอื่น มันก็ไม่ดีเท่าไหร่นัก
เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้แล
ถ้าเห็นว่าเป็นประโยชน์ก็กด+ หรือมีความรู้สึกอย่างไรก็กดอีโมชั่นบ้างก็ดีนะครับ
หรือจะแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนกันบ้างก็ดี
ท้ายที่สุดนี้ ผมอยากจะบอกคนที่กำลังสอบเข้ามหาวิทยาลัยว่า
ไม่ได้มีเพียงแค่คนเก่งมีที่เรียนในมหาวิทยาลัยเท่านั้น พื้นที่เหล่านั้นยังเปิดโอกาสให้คนขยันอยู่ครับ