สืบเนื่องจากดราม่าเกี่ยวกับสาย USB ที่แถมมาในกล่องของ Samsung Galaxy S5 อ้างถึง: Galaxy S5 รองรับ USB3.0 แต่ทำไมแถมสาย USB 2.0 มาให้??) <<
http://pantip.com/topic/31914404 นับจากวันที่ตั้งกระทู้ก็ผ่านมาเป็นเวลา 1 เดือนได้แล้วนะครับ คาดว่ากระแสดราม่าก็คงจะเงียบหายไปแล้วหล่ะ เพราะทาง Samsung ประเทศไทยก็ออกมาบอกว่าจะรับผิดชอบในกรณีนี้ให้อย่างแน่นอน และสำหรับคนที่สงสัยว่า สรุปแล้วมันขอได้จริงๆ หรอสำหรับสาย USB 3.0 ของเจ้า Samsung Galaxy S5 เนี่ย แล้วถ้าได้จะมีวิธีการอย่างไรบ้าง
สำหรับขั้นตอนแรกให้สมัคร Log In ใน Pantip แล้วส่งข้อความหลังไมค์ไปหา Samsung Mobile Support บอกไปว่ามีความต้องการที่จะใช้สาย USB 3.0 ซึ่งขั้นตอนนี้ใช้เวลาไม่นานก็จะมีการตอบข้อความกลับมาว่า ขอชื่อ, ที่อยู่, เบอร์โทร และอีเมล์กลับไปให้ทาง Samsung จากนั้นก็จะขอข้อมูลเพิ่มเติมดังนี้
เลข IMEI
- Serial Number
- สาขาศูนย์บริการที่สะดวกไปรับของ
- รูปใบเสร็จ
เมื่อส่งข้อมูลทั้งหมดให้กับ Samsung ไปแล้ว ก็ต้องรอการตรวจสอบจากทาง Samsung อีกที สำหรับเคสของพี่เขาใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 15 วันนับตั้งแต่ที่ติดต่อไปหา Samsung Mobile Support ครั้งแรก (14 เมษายน – 30 เมษายน) ก็มีจดหมายส่งกลับมาทางอีเมล์ที่ได้ให้ไว้ เนื้อความประมาณว่าการดำเนินการเรียบร้อยไปด้วยดี ลูกค้าสามารถนำสาย USB 2.0 “ไปเปลี่ยน” เป็นสาย USB 3.0 ได้ที่ศูนย์บริการที่ระบุไว้ได้เลย โดยสิ่งที่ต้องเตรียมไปด้วยมีดังนี้ครับ
- สาย USB 2.0 (โดยเจ้าหน้าที่ทางศูนย์บริการจะเก็บสาย USB 2.0 กลับคืนไปด้วย)
- บัตรประชาชนตัวจริง และสำเนาบัตรประชาชนของลูกค้า พร้อมทั้งระบุเลข IMEI ในเอกสารพร้อมเซ็นสำเนาถูกต้อง
- ตัวเครื่อง Samsung Galaxy S5 (ทางศูนย์จะเช็คเลข IMEI ของตัวเครื่องอีกรอบ)
หลังจากที่พี่เขาได้รับจดหมายตอบกลับมาก็เลยไปที่ศูนย์บริการที่เลือกไว้ แต่ดันไปในวันที่ 1 พฤษภาคม ซึ่งตรงกับวันแรงงาน ปรากฎว่าศูนย์บริการปิด (แต่ตัวศูนย์บริการเองอยู่ในห้างสรรพสินค้า และศูนย์บริการไม่ใช่ร้านที่ขายเครื่องนะครับ คนละส่วนกัน เข้าใจตรงกันนะ!) จึงไปเปลี่ยนในวันอื่นแทน ผลปรากฎว่า ทางศูนย์บริการสาขาที่พี่เขาเลือกไว้บอกว่าไม่ได้มีการติดต่อมาจากศูนย์ใหญ่ของ Samsung แต่ไม่เป็นไร ยังให้เปลี่ยนสาย USB 3.0 ได้ เดี๋ยวจะดำเนินการต่อให้เอง
ก็ถือว่าโชคดีไปนะครับที่ไปไม่เสียเที่ยว ได้เปลี่ยนสาย USB 2.0 มาเป็น USB 3.0 แทน
ส่วนตัวผู้เขียนมองว่าปัญหาใหญ่มันไม่ได้อยู่ที่ทาง Samsung ประเทศไทย แต่มันอยู่ที่การกำหนดมาตรฐานอุปกรณ์เสริมที่ใส่มาในตัวเครื่องของ Samsung มากกว่า ว่าทำไมถึงทำตัวเครื่องให้รองรับ USB 3.0 แต่แถมสาย USB 2.0 มาให้ในกล่อง เพราะเครื่องที่วางขายบางประเทศก็ยังแถมสาย USB 3.0 มาให้ ซึ่งกรณีนี้เคยเกิดขึ้นแล้วใน Samsung Galaxy Note 3 ที่มีการนำเวอร์ชั่น Exynos ที่ไม่รองรับการใช้งาน 4G แต่ประเด็นคือในรุ่น Snapdragon 800 ที่รองรับการใช้งาน 4G ก็มีราคาต่างกันไม่มาก แต่ Samsung ก็ยังเอารุ่น Exynos มาวางขายในประเทศไทย ทำให้เกิดดราม่าขึ้นเมื่อปลายปีที่ผ่านมา แต่ทาง Samsung ประเทศไทยเองก็น่าจะป๋ากว่านี้หน่อยนะครับ อย่างเช่นว่าประกาศไปเลยว่านำหลักฐานมารับสาย USB 3.0 ได้เลยที่ศูนย์บริการ ไม่ต้องเอาสายเก่าไปเปลี่ยน น่าจะได้ใจจากลูกค้ามากกว่านะครับเนี่ย
**หมายเหตุ ขั้นตอนการขอสาย USB 3.0 จากทาง Samsung ประเทศไทยเป็นข้อมูลจากคนใกล้ตัวของผู้เขียนเอง และใช้ได้เฉพาะกรณีของ Samsung Galaxy S5 เท่านั้นนะครับ**
ที่มา
http://specphone.com/ 
ขั้นตอนการ “ขอ” สาย USB 3.0 ของ Samsung Galaxy S5
สำหรับขั้นตอนแรกให้สมัคร Log In ใน Pantip แล้วส่งข้อความหลังไมค์ไปหา Samsung Mobile Support บอกไปว่ามีความต้องการที่จะใช้สาย USB 3.0 ซึ่งขั้นตอนนี้ใช้เวลาไม่นานก็จะมีการตอบข้อความกลับมาว่า ขอชื่อ, ที่อยู่, เบอร์โทร และอีเมล์กลับไปให้ทาง Samsung จากนั้นก็จะขอข้อมูลเพิ่มเติมดังนี้
เลข IMEI
- Serial Number
- สาขาศูนย์บริการที่สะดวกไปรับของ
- รูปใบเสร็จ
เมื่อส่งข้อมูลทั้งหมดให้กับ Samsung ไปแล้ว ก็ต้องรอการตรวจสอบจากทาง Samsung อีกที สำหรับเคสของพี่เขาใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 15 วันนับตั้งแต่ที่ติดต่อไปหา Samsung Mobile Support ครั้งแรก (14 เมษายน – 30 เมษายน) ก็มีจดหมายส่งกลับมาทางอีเมล์ที่ได้ให้ไว้ เนื้อความประมาณว่าการดำเนินการเรียบร้อยไปด้วยดี ลูกค้าสามารถนำสาย USB 2.0 “ไปเปลี่ยน” เป็นสาย USB 3.0 ได้ที่ศูนย์บริการที่ระบุไว้ได้เลย โดยสิ่งที่ต้องเตรียมไปด้วยมีดังนี้ครับ
- สาย USB 2.0 (โดยเจ้าหน้าที่ทางศูนย์บริการจะเก็บสาย USB 2.0 กลับคืนไปด้วย)
- บัตรประชาชนตัวจริง และสำเนาบัตรประชาชนของลูกค้า พร้อมทั้งระบุเลข IMEI ในเอกสารพร้อมเซ็นสำเนาถูกต้อง
- ตัวเครื่อง Samsung Galaxy S5 (ทางศูนย์จะเช็คเลข IMEI ของตัวเครื่องอีกรอบ)
หลังจากที่พี่เขาได้รับจดหมายตอบกลับมาก็เลยไปที่ศูนย์บริการที่เลือกไว้ แต่ดันไปในวันที่ 1 พฤษภาคม ซึ่งตรงกับวันแรงงาน ปรากฎว่าศูนย์บริการปิด (แต่ตัวศูนย์บริการเองอยู่ในห้างสรรพสินค้า และศูนย์บริการไม่ใช่ร้านที่ขายเครื่องนะครับ คนละส่วนกัน เข้าใจตรงกันนะ!) จึงไปเปลี่ยนในวันอื่นแทน ผลปรากฎว่า ทางศูนย์บริการสาขาที่พี่เขาเลือกไว้บอกว่าไม่ได้มีการติดต่อมาจากศูนย์ใหญ่ของ Samsung แต่ไม่เป็นไร ยังให้เปลี่ยนสาย USB 3.0 ได้ เดี๋ยวจะดำเนินการต่อให้เอง
ก็ถือว่าโชคดีไปนะครับที่ไปไม่เสียเที่ยว ได้เปลี่ยนสาย USB 2.0 มาเป็น USB 3.0 แทน
ส่วนตัวผู้เขียนมองว่าปัญหาใหญ่มันไม่ได้อยู่ที่ทาง Samsung ประเทศไทย แต่มันอยู่ที่การกำหนดมาตรฐานอุปกรณ์เสริมที่ใส่มาในตัวเครื่องของ Samsung มากกว่า ว่าทำไมถึงทำตัวเครื่องให้รองรับ USB 3.0 แต่แถมสาย USB 2.0 มาให้ในกล่อง เพราะเครื่องที่วางขายบางประเทศก็ยังแถมสาย USB 3.0 มาให้ ซึ่งกรณีนี้เคยเกิดขึ้นแล้วใน Samsung Galaxy Note 3 ที่มีการนำเวอร์ชั่น Exynos ที่ไม่รองรับการใช้งาน 4G แต่ประเด็นคือในรุ่น Snapdragon 800 ที่รองรับการใช้งาน 4G ก็มีราคาต่างกันไม่มาก แต่ Samsung ก็ยังเอารุ่น Exynos มาวางขายในประเทศไทย ทำให้เกิดดราม่าขึ้นเมื่อปลายปีที่ผ่านมา แต่ทาง Samsung ประเทศไทยเองก็น่าจะป๋ากว่านี้หน่อยนะครับ อย่างเช่นว่าประกาศไปเลยว่านำหลักฐานมารับสาย USB 3.0 ได้เลยที่ศูนย์บริการ ไม่ต้องเอาสายเก่าไปเปลี่ยน น่าจะได้ใจจากลูกค้ามากกว่านะครับเนี่ย
**หมายเหตุ ขั้นตอนการขอสาย USB 3.0 จากทาง Samsung ประเทศไทยเป็นข้อมูลจากคนใกล้ตัวของผู้เขียนเอง และใช้ได้เฉพาะกรณีของ Samsung Galaxy S5 เท่านั้นนะครับ**
ที่มา http://specphone.com/