เมื่อคืนวันที่ 3/5/57 ตอนเวลา 23:30 น.
ผม (โน๊ต) กลับขับมอเตอร์ไซต์กับเพื่อนเพื่อจะไปดูหนังเรื่อง amazing spider man 2 ที่โรงหนังเเเถวแยกเเคราย
ผมตื่นเต้นกับหนังเรื่องนี้มาก เพราะเป็นเเฟนคลับ spider man มานาน คือดูจนแบบที่ว่าสามารถภาคตามได้เลยทีเดียว
เวลาประมมาณ 02:15 น. ผมก็ขับมอเตอร์ไซต์กลับคอนโดย่านบางพลัด พอถึงคอนโดผมก็หยิบโทรศัพย์ขึ้นมาดู
สิ่งที่ผมเห็นคือ Misscall ขอเบอร์คุณแม่ วินาทีเเรกที่เข้ามาในหัวผมคือ คุณยายขอผมท่านต้องไม่สบายหนักแน่ๆ
หรืออาจจะเกิดอะไรขึ้นกับท่าน เพราะตอนนี้ท่านอายุ 80 กว่าเเล้ว ต้องไปฟอกไตอาทิตย์ละสองครั้ง และคนที่พาไปฟอกไตก็คือคุณพ่อ กับลุณลุงที่จะผลัดเวรขับรถพาคุณยายไปฟอกไต กลับเข้าเรื่องเลยดีกว่า ผมเลยโทรกลับไปหาคุณแม่ ซึ่งคนที่รับคือคุณน้า(น้าจูน)ของผม
ผม : ฮัลโลครับ
น้าจูน : โน๊ตๆๆ จองเครื่องบินกลับบ้านด่วยเลย พ่อไม่สบาย อาการหอบพ่อกำเริบ แต่อาการดีขึ้นเเล้ว แต่โน๊ตมาอยู่เป็นเพื่อนเเม่หน่อย แม่ไม่มีสติเลย แม่ทำอะไรไม่ถูกเลย
ผม : ได้ครับ เเล้วเบื้องต้นอาการพ่อเป็นไงบ้าง
น้าจูน : พ่อเป็นหอบ แต่อาการดีขึ้นเเล้ว ไม่เป็นอะไรเเล้ว
ณ.ตอนนั้น เวลานั้นหลังจากวางสาย ผมก็เริ่มหาเที่ยวบินของสายการบินต่างๆ ที่เร็วที่สุดในตอนนี้
ผมได้เที่ยวบินของสายการบินสีเเดง เวลา 9:50 น. ถึง 10:50 น. ดอนเมือง-สุราษฎร์ธานี
คืนนั้นผมนอนไม่หลับ ร้องไห้ทั้งคืน ในหัวตอนนั้นคิดว่าพ่ออย่าเป็นอะไร พ่อต้องไม่เป็นอะไร เเล้วผมก็เผลอหลับไป
07:00 น. เสียงนาฬิกาปลุกก็ดังขึ้น ผมรีบอาบน้ำ แปลงฟัง นั่งรถไปสนามบิน
11:00 น. ผมก็ถึงสนามบิน โดยมีพี่ยีนส์ และพี่จุ้ยมารับ ซึ่งพี่ยีนส์ และพี่จุ้ยเป็นลูกของป้าเเท้ๆของผม พี่ยีนส์ขับรถมาจากสงขลาซึ่งเป็นบ้านเกิดของพ่อผม เพื่อที่จะมาดูอาการของคุณพ่อของผม ระหว่างทางผมก็ถามอาการของพ่อ
พี่ทั้งสองคนเหมือนจะไม่อยากตอบ แต่พี่ยีนส์ก็บอกแค่ว่า อาการของคุณพ่อ ดีขึ้นเเล้ว
ซึ่งในหัวของผมคิดเลยว่า คำตอบของพี่ผมมันต้องมีอะไรเเน่ๆ
เเล้วผมก็ถึงโรงพยาบาล สุราษฎร์ธานี ตึกที่พ่อผมอยู่คือ อายุรกรรมชาย
พอถึงตึก ผมก็เห็น ญาติ พี่ ป้า น้า อา ของผมเยอะเเยะไปหมด ผมก็ได้ทักทายกันบ้าง
พี่ยีนส์กับพี่จุ้ยก็นำผมขึ้นลิฟท์ไปหาพ่อ ที่ชั้น 4
ติ๊ง!! เสียงประตูลิฟท์เปิด ภาพเเรกที่ผมเห็นก็คือ ผู้ป่วยเยอะแยะไปหมด ทั้งหญิงทั้งชาย เยอะขนาดที่ว่าไม่มีทางเดินเลยทีเดียว
ผมกับพี่ก็เดินมาเรื่อยๆ จนถึงเตียงพ่อผม ภาพที่เห็นคือ พ่อนอนอยู่บนเตียง มีน้า มีเเม่ กับพี่ๆอยู่รอบเตียง
พร้อมกับเครื่องช่วยหายใจ เครื่องฉีดยา เครื่องวัดความดัน เครื่องวัดคลื่นหัวใจ เเละที่แขวนน้ำเกลือ
ณ. ตอนนั้นความรู้สึกของผมมัน หน่นวงๆ อึ้งๆ อึนๆ มึนๆ เเบบบอกไม่ถูก พร้อมกับน้ำตาเริ่มไหล
แม่ก็พูดกับผมว่า โน๊ต ลองไปเรียกพ่อข้างๆหูดู เผื่อพ่อจะรู้สึกตัว ผมก็เรียก พ่อ พ่อ พ่อ !!! ซึ่งผลที่ตอบรับก็คือ ไม่มีเลย
น้าผมเล่าให้ฟังว่า ก่อนที่ผมจะมา พ่อผมตัวกระตุกมาก กระตุกทั้งตัวจนทุกคนในห้องต้องหันมาดู
หมอบอกว่าเป็นอาการข้างเคียงของสมองขาดเลือด และหมอก็ให้ยาเพื่อที่จะได้อาการกระตุกหายไป
แม่บอกให้ผมใช้มือถือพ่อโทรบอกเพื่อนๆ ของพ่อ ผมลืมบอกไป พ่อผมรับราชการครู อยู่ที่ โรงเรียนเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ผมก็ใช้นิ้วของพ่อผมมาสเเกนลายนิ้วมือ เพื่อโทรหาเพื่อนๆครูของพ่อ ซึ่งตอนนั้นเพื่อนของพ่อก็ทราบข่าวกันบ้างเเล้ว
ทิ้งไอโฟนไว้ซักพักมันก็ล็อค ต้องใช้นิ้วของพ่อปลดล็อคไอโฟนตลอด เพราะไม่มีใครทราบเลยว่า Pass code ของพ่อคืออะไร
ผมก็เลยลองสุ่มๆๆๆๆๆๆๆ จนเครื่องล็อคไปเลย
ผ่านวันเเรกไป มาวันที่สอง ผมก็มาดูอาการพ่อตั้งแต่เช้า
ต้องบอกก่อนนะครับว่ากฎของโรงยาบาลคือ เวลา 20.00-08.00 น. ให้มีคนเฝ้าเพียงคนเดียว
และคนเดียวที่ทางครอบครัวผมเลือกก็คือ พยาบาลพิเศษที่จ้างมาเพื่อที่จะดูแลคอยเช็ดตัว ดูดเสมหะ วัดความดัน ETC.
ผ่านมาวันที่ 2 วันที่ 04/05/57 ผมก็ไปเยี่ยมพ่อ ภาพเเรกที่เห็นคือ อาการท่านดรขึ้น หน้าตาสดใส ไม่มีอาการกระตุกเเล้ว ตอนนั้นผมดีใจมาก
หมอบอกว่า อาการของพ่อไม่ใช่เกิดจากหอบ (โรคหอบเป็นโรคประจำตัวของคุณพ่อผม) เเต่เกิดจากกล้ามเนื้อหัวในขาดเลือด ทำให้หัวใจหยุดเต้น และมันหยุดเต้นนานจนสมองขาดเลือด และต้องรอเช็คอาการของสมองภายใน 3 วัน
วันนี้ทั้งวัน อาการของพ่อผมดีขึ้นมาก จนทำให้ทุกคนทีกำลังใจ
ผ่านมาเข้าสู่วันที่ 3 วันที่ 05/05/57 หมอเจ้าของไข้บอกว่า ม่ายตาไม่ตอบสนองเลย ถ้าคนไข้ไม่ฟื้นภายใน 3 วัน คนไข้จะกลับมาเป็นปกติได้ยาก
ซึ่งนี่มันก็ 2 วันกว่าๆ หมอก็ถามว่าถ้าพ่อหยุดหายใจอีกจะปั้มหัวใจมาอีกไหม
ทุกคนในครอบบอกเลยว่าไม่ อยากให้พ่อไปแบบสบายๆ ก่อนหน้านี้คุณพ่อเคยบอกว่า ถ้าพ่อเป็นอะไรพ่อจะไม่ยอมนอนไม่รู้สึกตัว ทำอะไรไม่ได้ เป็นเจาชายนิททราเป็นอันขาด และคุณหมอก็เห็นด้วยอาการพ่อไม่ดีขึ้นเลยประมาณว่ายื้อเพื่อที่จะให้ญาติพี่น้องมาดูพ่อกันให้พร้อมหน้า และก่อนหน้านี้ผมได้เห็นเตียงข้างๆหัวใจหยุดเต้น และพยาบาลก็ช่วยกันปั้มหัวใจ ซึ่งภาพมันไม่น่าดูมาก คนที่โดนคงจะเจ็บปวดมากขนาดที่ว่ากันว่าซีกโครงหักกันเลยทีเดียว และคนไข้คนนั้นก็ไม่ฟื้นกลับมา
ณ.ตอนนั้น วันนั้น อาการของพ่อเเย่ลงจากเมื่อวาน ความดันสูงมากประมาณ 22X หมอก็คอยให้ยาตลอด
เวลา 18.00น. ผมก็ลงไปกินข้าวกับน้อง ระหว่างเดินหาของกิน แม่ก็โทรมาบอกว่า ให้มาหาพ่อด่วน
ซึ่งตอนนั้นผมก็คิดเเล้วว่ามันเป็นข่าวไม่ดีแน่ๆ และพอผมไปถึงแม่บอกว่าพ่อจะไปเเล้ว จะบอกอะไรพ่อมั้ย
ผมก็เดินไปกระซิบข้างหูพ่อว่า "หลับให้สบายนะพ่อ แม่กับน้องผมดูแลเอง" เเล้วพ่อของผมก็จากไปอย่างสงบ
ในใบมรณบัตรระบุว่า เสียชีวิตเมื่อเวลา 19.10น. โดยโรค กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ซึ่งหมอสันิฐานว่าเกิดจากเส้นเลือดหัวใจตีบ
**** ผมจะสรุปเหตุการก่อนคุณพ่อผมเสียชีวิตให้ฟังนะครับ เผื่อให้ผู้อ่านทุกท่านได้สังเกตุคนรอบตัว และคนที่ท่านรัก
เบื้องต้น พ่อผมเป็นคนที่มีไขมันในเลือดสูง เเต่ท่านไม่กินยา แต่จะใช้วิธีควบคุมอาหาร
วันพฤหัส ที่ 1/05/57 ท่านได้กินไอติมกับลูกศิษย์ชื่อน้องเเน๊ต ระหว่างกิน คุณพ่อบ่นกับลูกศิษย์ว่า ตอนนี้ปวดหน้าอกมาก ปวดจนจุก
น้องเเน๊ตก็บอกให้คุณพ่อไปหาหมอ คุณพ่อก็ตอบว่าจะไปหาวันเสาร์ที่ 3/05/57 เพราะในวันศุกร์ที่ 2/05/57 ต้องพาคุณยายไปฟอกไต
และระหว่างรอคุณพ่อจะไปดูของแต่งบ้าน เพราะที่บ้านกำลังต่อเติม ตกแต่งบ้านกันอยู่ (ซึ่งอาการดังกล่าวคงเป็นอาการเตือนขั้นสุดท้าย)
วันที่ 03/05/57 เวลาประมาณ 23.30น. คุณพ่อขับรถมาส่งคุณยายกลับบ้านหลังฟอกไต จากโรงพยาบาลถึงบ้านประมาณ 70 กม.
พอถึงบ้านพ่อก็รีบวิ่งเข้าห้องน้ำ เพราะปวดอุจระ พอออกมาจากห้องน้ำ น้าจูน ซึ่งเป็นน้าที่พายายไปฟอกไตด้วยเห็นอาการพ่อไม่ดี
เลยถามว่าเป็นอะไร พ่อตอบว่า "แน่นหน้อก หายใจไม่ออก" น้าจูนเลยพยุงคุณพ่อไปนั่ง แต่อาการไม่ดีขึ้นเลยส่ง โรงพยาบาล ซึ่งตอนอยู่ในรถระหว่างๆไปโรงพยาบาล แม่คอยดูอาการในรถ ทางจากบ้านในโรงพยาบาลใช้เวลาประมาณ 15 นาที ซึ่งระหว่างทางพ่อผมคงหัวใจหยุดเต้นเเล้ว คุณแม่ผมบอกว่า ระหว่างๆนั้นก็พยายามเรียก พยายามป้ัมหัวใจ+เป่าปาก แต่คุณแม่เป็นคนตัวค่อนข้างเล็ก บวกกับคุณพ่อเป็นคนค่อนตัวใหญ่มาก เเถมยังอยู่ในรถเลยช่วยอะไรได้ไม่ดีเท่าที่ควร แถมไม่มีความรู้ทางด้านนนี้ด้วย
พอไปถึง รพ.สมเด็จพระยุพราชเวียงสระ พยาบาลก็ปั้มหัวใจจนกลับมาเต้น เเละได้ส่งตัวไปยัง รพ.สุราษฎร์ทันที
กว่าจะถึง รพ. สมองคุณพ่อก็ขาดเลือดเกิน 4 นาที เเล้ว นั่นก็ทำให้สมองขาดออกซิเจน และท่านก็ไปสบายในที่สุด
สรุปวันที่มีอาการเตือนถึงวันที่ฌาปนกิจ (01/05/57-11/05/57) ใช้เวลาเพียงแค่ 11 วันเท่านั้น
ซึงความรู้สึกผมตอนนี้คือมันเหมือนฝํนไป เรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นไวมาก คือมันบอกไม่ถูกเลยจริงๆ
** จากทั้งหมดที่ผมกล่าวมา ผมแค่อยากจะบอกทุกท่านครับว่า
1. การเกิด แก่ เจ็บ ตาย มันเป็นเรื่องไม่แน่นอนจริงๆ รักใครให้รีบบอก อยากทำอะไรให้รีบทำ
2. ใครที่มีไขมันในเลือดสูง ควรดูแลและสังเกตุอาการของตัวเองดีๆ
3. ใครที่มีการการ เจ็บหน้าอก ให้รีบไปพบเเพทย์ทันที
4. อยากจะให้ทุกท่านลองหาข้อมูลเกี่ยวกับการปั้มหัวใจ (CPR) เผื่อเจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดกับคนในครอบครัวท่าน หรือคนรอบตัวท่าน จะได้ช่วยคนคนนั้นได้ทัน
*** มาถึงเรื่องของ iPhone 5s ของคุณพ่อผม เบื้อนต้น ผมได้เอาไป iStudio เซ็ลทรัลสุราษ
ผลก็คือ พนักงานบอกว่า ช่วยอะไรไม่ได้เลย เนื่องจากไม่ทราบ E-mail และ Password ของ Apple ID และ E-mail ที่คุณพ่อใช้
แต่พนักงานที่นี่น่ารักมากครับ พยายามเจาะ พยายามสุ่ม วันเดือนปีเกิด ป้ายทะเบียนรถ ชื่อ แต่ก็ไม่ได้
พนักงานแนะนำว่าลองโทรไปสอบถาม iService สาขา Amarin Plaza ผมก็โทรไปสอบถาม
>>> ลืมบอกไปคุณพ่อผมซื้อ iPhone 5s มาจาก Apple Store online
ผม : สวัสดีครับ ผมขอสอบสามว่า พ่อผมใช้ iPhone 5s ซึ่งตอนนี้ท่านได้เสียชีวิตเเล้ว และผมไม่มีใบเสร็จ ไม่มีรหัส Apple ID ไม่มีรหัส E-Mail
ไม่ทราบว่าจะช่วยอะไรผมได้บ้าง ซึ่งสิ่งที่ผมมีคือกล่อง ใบมรณบัตร สำเนาบัตรปชช.ของคุณพ่อ
พนักงาน : บอกประมาณว่า ถ้าไม่มีใบเสร็จ หรือ Password อะไรเลย ต้องโทรไปคุยที่ Apple store สิงคโปร์
ผม : ห๊ะ!!!! Apple store สิงคโปร์
พนักงาน : ใช่ครับ ทางโน้นจะสอบถามซักประวัติ เเละให้คำเเนะนำ และพนักงานก็ให้เบอร์มา คือเบอร์ 001800-441-2904
ในความคิดผมตอนนั้น ต้องขนาดนี้เลยเหรอ แล้วอีกถ้าโทรไปคงเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งผมได้แค่งูๆปลา
**** ผมเลยมีคำถามผู้รู้ว่า จะช่วยเเนะนำร้าน หรือวิธีการไหนแนะนำให้ผมได้บ้าง
ปล.ตอนที่ผมโทรไปถามผมอยู่สุราษฎร์ธานี ตอนนี้ผมอยู่ที่ กทม. และผมคิดว่าผใจะลองไป iService Amarin Plaza อีกทีเผื่อมีข้อเเนะนำอื่น
>>>> มีข้อผิดพลาดประการใดเกี่ยวกัวใช้ภาษาหรือการเล่าเรื่อง ผมขอโทษไว้ณ.ที่นี้ด้วยนะครับ
ปกติส่วนมากจะมาหาข้อมูล หาความรู้ มากกว่า ไม่ค่อยได้ตั้งกระทู้สักเท่าไหร่
>>> ช่วยด้วยครับ..!!! คุณพ่อผมเสียชีวิต iPhone 5s ของพ่อผมล็อค
ผม (โน๊ต) กลับขับมอเตอร์ไซต์กับเพื่อนเพื่อจะไปดูหนังเรื่อง amazing spider man 2 ที่โรงหนังเเเถวแยกเเคราย
ผมตื่นเต้นกับหนังเรื่องนี้มาก เพราะเป็นเเฟนคลับ spider man มานาน คือดูจนแบบที่ว่าสามารถภาคตามได้เลยทีเดียว
เวลาประมมาณ 02:15 น. ผมก็ขับมอเตอร์ไซต์กลับคอนโดย่านบางพลัด พอถึงคอนโดผมก็หยิบโทรศัพย์ขึ้นมาดู
สิ่งที่ผมเห็นคือ Misscall ขอเบอร์คุณแม่ วินาทีเเรกที่เข้ามาในหัวผมคือ คุณยายขอผมท่านต้องไม่สบายหนักแน่ๆ
หรืออาจจะเกิดอะไรขึ้นกับท่าน เพราะตอนนี้ท่านอายุ 80 กว่าเเล้ว ต้องไปฟอกไตอาทิตย์ละสองครั้ง และคนที่พาไปฟอกไตก็คือคุณพ่อ กับลุณลุงที่จะผลัดเวรขับรถพาคุณยายไปฟอกไต กลับเข้าเรื่องเลยดีกว่า ผมเลยโทรกลับไปหาคุณแม่ ซึ่งคนที่รับคือคุณน้า(น้าจูน)ของผม
ผม : ฮัลโลครับ
น้าจูน : โน๊ตๆๆ จองเครื่องบินกลับบ้านด่วยเลย พ่อไม่สบาย อาการหอบพ่อกำเริบ แต่อาการดีขึ้นเเล้ว แต่โน๊ตมาอยู่เป็นเพื่อนเเม่หน่อย แม่ไม่มีสติเลย แม่ทำอะไรไม่ถูกเลย
ผม : ได้ครับ เเล้วเบื้องต้นอาการพ่อเป็นไงบ้าง
น้าจูน : พ่อเป็นหอบ แต่อาการดีขึ้นเเล้ว ไม่เป็นอะไรเเล้ว
ณ.ตอนนั้น เวลานั้นหลังจากวางสาย ผมก็เริ่มหาเที่ยวบินของสายการบินต่างๆ ที่เร็วที่สุดในตอนนี้
ผมได้เที่ยวบินของสายการบินสีเเดง เวลา 9:50 น. ถึง 10:50 น. ดอนเมือง-สุราษฎร์ธานี
คืนนั้นผมนอนไม่หลับ ร้องไห้ทั้งคืน ในหัวตอนนั้นคิดว่าพ่ออย่าเป็นอะไร พ่อต้องไม่เป็นอะไร เเล้วผมก็เผลอหลับไป
07:00 น. เสียงนาฬิกาปลุกก็ดังขึ้น ผมรีบอาบน้ำ แปลงฟัง นั่งรถไปสนามบิน
11:00 น. ผมก็ถึงสนามบิน โดยมีพี่ยีนส์ และพี่จุ้ยมารับ ซึ่งพี่ยีนส์ และพี่จุ้ยเป็นลูกของป้าเเท้ๆของผม พี่ยีนส์ขับรถมาจากสงขลาซึ่งเป็นบ้านเกิดของพ่อผม เพื่อที่จะมาดูอาการของคุณพ่อของผม ระหว่างทางผมก็ถามอาการของพ่อ
พี่ทั้งสองคนเหมือนจะไม่อยากตอบ แต่พี่ยีนส์ก็บอกแค่ว่า อาการของคุณพ่อ ดีขึ้นเเล้ว
ซึ่งในหัวของผมคิดเลยว่า คำตอบของพี่ผมมันต้องมีอะไรเเน่ๆ
เเล้วผมก็ถึงโรงพยาบาล สุราษฎร์ธานี ตึกที่พ่อผมอยู่คือ อายุรกรรมชาย
พอถึงตึก ผมก็เห็น ญาติ พี่ ป้า น้า อา ของผมเยอะเเยะไปหมด ผมก็ได้ทักทายกันบ้าง
พี่ยีนส์กับพี่จุ้ยก็นำผมขึ้นลิฟท์ไปหาพ่อ ที่ชั้น 4
ติ๊ง!! เสียงประตูลิฟท์เปิด ภาพเเรกที่ผมเห็นก็คือ ผู้ป่วยเยอะแยะไปหมด ทั้งหญิงทั้งชาย เยอะขนาดที่ว่าไม่มีทางเดินเลยทีเดียว
ผมกับพี่ก็เดินมาเรื่อยๆ จนถึงเตียงพ่อผม ภาพที่เห็นคือ พ่อนอนอยู่บนเตียง มีน้า มีเเม่ กับพี่ๆอยู่รอบเตียง
พร้อมกับเครื่องช่วยหายใจ เครื่องฉีดยา เครื่องวัดความดัน เครื่องวัดคลื่นหัวใจ เเละที่แขวนน้ำเกลือ
ณ. ตอนนั้นความรู้สึกของผมมัน หน่นวงๆ อึ้งๆ อึนๆ มึนๆ เเบบบอกไม่ถูก พร้อมกับน้ำตาเริ่มไหล
แม่ก็พูดกับผมว่า โน๊ต ลองไปเรียกพ่อข้างๆหูดู เผื่อพ่อจะรู้สึกตัว ผมก็เรียก พ่อ พ่อ พ่อ !!! ซึ่งผลที่ตอบรับก็คือ ไม่มีเลย
น้าผมเล่าให้ฟังว่า ก่อนที่ผมจะมา พ่อผมตัวกระตุกมาก กระตุกทั้งตัวจนทุกคนในห้องต้องหันมาดู
หมอบอกว่าเป็นอาการข้างเคียงของสมองขาดเลือด และหมอก็ให้ยาเพื่อที่จะได้อาการกระตุกหายไป
แม่บอกให้ผมใช้มือถือพ่อโทรบอกเพื่อนๆ ของพ่อ ผมลืมบอกไป พ่อผมรับราชการครู อยู่ที่ โรงเรียนเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ผมก็ใช้นิ้วของพ่อผมมาสเเกนลายนิ้วมือ เพื่อโทรหาเพื่อนๆครูของพ่อ ซึ่งตอนนั้นเพื่อนของพ่อก็ทราบข่าวกันบ้างเเล้ว
ทิ้งไอโฟนไว้ซักพักมันก็ล็อค ต้องใช้นิ้วของพ่อปลดล็อคไอโฟนตลอด เพราะไม่มีใครทราบเลยว่า Pass code ของพ่อคืออะไร
ผมก็เลยลองสุ่มๆๆๆๆๆๆๆ จนเครื่องล็อคไปเลย
ผ่านวันเเรกไป มาวันที่สอง ผมก็มาดูอาการพ่อตั้งแต่เช้า
ต้องบอกก่อนนะครับว่ากฎของโรงยาบาลคือ เวลา 20.00-08.00 น. ให้มีคนเฝ้าเพียงคนเดียว
และคนเดียวที่ทางครอบครัวผมเลือกก็คือ พยาบาลพิเศษที่จ้างมาเพื่อที่จะดูแลคอยเช็ดตัว ดูดเสมหะ วัดความดัน ETC.
ผ่านมาวันที่ 2 วันที่ 04/05/57 ผมก็ไปเยี่ยมพ่อ ภาพเเรกที่เห็นคือ อาการท่านดรขึ้น หน้าตาสดใส ไม่มีอาการกระตุกเเล้ว ตอนนั้นผมดีใจมาก
หมอบอกว่า อาการของพ่อไม่ใช่เกิดจากหอบ (โรคหอบเป็นโรคประจำตัวของคุณพ่อผม) เเต่เกิดจากกล้ามเนื้อหัวในขาดเลือด ทำให้หัวใจหยุดเต้น และมันหยุดเต้นนานจนสมองขาดเลือด และต้องรอเช็คอาการของสมองภายใน 3 วัน
วันนี้ทั้งวัน อาการของพ่อผมดีขึ้นมาก จนทำให้ทุกคนทีกำลังใจ
ผ่านมาเข้าสู่วันที่ 3 วันที่ 05/05/57 หมอเจ้าของไข้บอกว่า ม่ายตาไม่ตอบสนองเลย ถ้าคนไข้ไม่ฟื้นภายใน 3 วัน คนไข้จะกลับมาเป็นปกติได้ยาก
ซึ่งนี่มันก็ 2 วันกว่าๆ หมอก็ถามว่าถ้าพ่อหยุดหายใจอีกจะปั้มหัวใจมาอีกไหม
ทุกคนในครอบบอกเลยว่าไม่ อยากให้พ่อไปแบบสบายๆ ก่อนหน้านี้คุณพ่อเคยบอกว่า ถ้าพ่อเป็นอะไรพ่อจะไม่ยอมนอนไม่รู้สึกตัว ทำอะไรไม่ได้ เป็นเจาชายนิททราเป็นอันขาด และคุณหมอก็เห็นด้วยอาการพ่อไม่ดีขึ้นเลยประมาณว่ายื้อเพื่อที่จะให้ญาติพี่น้องมาดูพ่อกันให้พร้อมหน้า และก่อนหน้านี้ผมได้เห็นเตียงข้างๆหัวใจหยุดเต้น และพยาบาลก็ช่วยกันปั้มหัวใจ ซึ่งภาพมันไม่น่าดูมาก คนที่โดนคงจะเจ็บปวดมากขนาดที่ว่ากันว่าซีกโครงหักกันเลยทีเดียว และคนไข้คนนั้นก็ไม่ฟื้นกลับมา
ณ.ตอนนั้น วันนั้น อาการของพ่อเเย่ลงจากเมื่อวาน ความดันสูงมากประมาณ 22X หมอก็คอยให้ยาตลอด
เวลา 18.00น. ผมก็ลงไปกินข้าวกับน้อง ระหว่างเดินหาของกิน แม่ก็โทรมาบอกว่า ให้มาหาพ่อด่วน
ซึ่งตอนนั้นผมก็คิดเเล้วว่ามันเป็นข่าวไม่ดีแน่ๆ และพอผมไปถึงแม่บอกว่าพ่อจะไปเเล้ว จะบอกอะไรพ่อมั้ย
ผมก็เดินไปกระซิบข้างหูพ่อว่า "หลับให้สบายนะพ่อ แม่กับน้องผมดูแลเอง" เเล้วพ่อของผมก็จากไปอย่างสงบ
ในใบมรณบัตรระบุว่า เสียชีวิตเมื่อเวลา 19.10น. โดยโรค กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ซึ่งหมอสันิฐานว่าเกิดจากเส้นเลือดหัวใจตีบ
**** ผมจะสรุปเหตุการก่อนคุณพ่อผมเสียชีวิตให้ฟังนะครับ เผื่อให้ผู้อ่านทุกท่านได้สังเกตุคนรอบตัว และคนที่ท่านรัก
เบื้องต้น พ่อผมเป็นคนที่มีไขมันในเลือดสูง เเต่ท่านไม่กินยา แต่จะใช้วิธีควบคุมอาหาร
วันพฤหัส ที่ 1/05/57 ท่านได้กินไอติมกับลูกศิษย์ชื่อน้องเเน๊ต ระหว่างกิน คุณพ่อบ่นกับลูกศิษย์ว่า ตอนนี้ปวดหน้าอกมาก ปวดจนจุก
น้องเเน๊ตก็บอกให้คุณพ่อไปหาหมอ คุณพ่อก็ตอบว่าจะไปหาวันเสาร์ที่ 3/05/57 เพราะในวันศุกร์ที่ 2/05/57 ต้องพาคุณยายไปฟอกไต
และระหว่างรอคุณพ่อจะไปดูของแต่งบ้าน เพราะที่บ้านกำลังต่อเติม ตกแต่งบ้านกันอยู่ (ซึ่งอาการดังกล่าวคงเป็นอาการเตือนขั้นสุดท้าย)
วันที่ 03/05/57 เวลาประมาณ 23.30น. คุณพ่อขับรถมาส่งคุณยายกลับบ้านหลังฟอกไต จากโรงพยาบาลถึงบ้านประมาณ 70 กม.
พอถึงบ้านพ่อก็รีบวิ่งเข้าห้องน้ำ เพราะปวดอุจระ พอออกมาจากห้องน้ำ น้าจูน ซึ่งเป็นน้าที่พายายไปฟอกไตด้วยเห็นอาการพ่อไม่ดี
เลยถามว่าเป็นอะไร พ่อตอบว่า "แน่นหน้อก หายใจไม่ออก" น้าจูนเลยพยุงคุณพ่อไปนั่ง แต่อาการไม่ดีขึ้นเลยส่ง โรงพยาบาล ซึ่งตอนอยู่ในรถระหว่างๆไปโรงพยาบาล แม่คอยดูอาการในรถ ทางจากบ้านในโรงพยาบาลใช้เวลาประมาณ 15 นาที ซึ่งระหว่างทางพ่อผมคงหัวใจหยุดเต้นเเล้ว คุณแม่ผมบอกว่า ระหว่างๆนั้นก็พยายามเรียก พยายามป้ัมหัวใจ+เป่าปาก แต่คุณแม่เป็นคนตัวค่อนข้างเล็ก บวกกับคุณพ่อเป็นคนค่อนตัวใหญ่มาก เเถมยังอยู่ในรถเลยช่วยอะไรได้ไม่ดีเท่าที่ควร แถมไม่มีความรู้ทางด้านนนี้ด้วย
พอไปถึง รพ.สมเด็จพระยุพราชเวียงสระ พยาบาลก็ปั้มหัวใจจนกลับมาเต้น เเละได้ส่งตัวไปยัง รพ.สุราษฎร์ทันที
กว่าจะถึง รพ. สมองคุณพ่อก็ขาดเลือดเกิน 4 นาที เเล้ว นั่นก็ทำให้สมองขาดออกซิเจน และท่านก็ไปสบายในที่สุด
สรุปวันที่มีอาการเตือนถึงวันที่ฌาปนกิจ (01/05/57-11/05/57) ใช้เวลาเพียงแค่ 11 วันเท่านั้น
ซึงความรู้สึกผมตอนนี้คือมันเหมือนฝํนไป เรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นไวมาก คือมันบอกไม่ถูกเลยจริงๆ
** จากทั้งหมดที่ผมกล่าวมา ผมแค่อยากจะบอกทุกท่านครับว่า
1. การเกิด แก่ เจ็บ ตาย มันเป็นเรื่องไม่แน่นอนจริงๆ รักใครให้รีบบอก อยากทำอะไรให้รีบทำ
2. ใครที่มีไขมันในเลือดสูง ควรดูแลและสังเกตุอาการของตัวเองดีๆ
3. ใครที่มีการการ เจ็บหน้าอก ให้รีบไปพบเเพทย์ทันที
4. อยากจะให้ทุกท่านลองหาข้อมูลเกี่ยวกับการปั้มหัวใจ (CPR) เผื่อเจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดกับคนในครอบครัวท่าน หรือคนรอบตัวท่าน จะได้ช่วยคนคนนั้นได้ทัน
*** มาถึงเรื่องของ iPhone 5s ของคุณพ่อผม เบื้อนต้น ผมได้เอาไป iStudio เซ็ลทรัลสุราษ
ผลก็คือ พนักงานบอกว่า ช่วยอะไรไม่ได้เลย เนื่องจากไม่ทราบ E-mail และ Password ของ Apple ID และ E-mail ที่คุณพ่อใช้
แต่พนักงานที่นี่น่ารักมากครับ พยายามเจาะ พยายามสุ่ม วันเดือนปีเกิด ป้ายทะเบียนรถ ชื่อ แต่ก็ไม่ได้
พนักงานแนะนำว่าลองโทรไปสอบถาม iService สาขา Amarin Plaza ผมก็โทรไปสอบถาม
>>> ลืมบอกไปคุณพ่อผมซื้อ iPhone 5s มาจาก Apple Store online
ผม : สวัสดีครับ ผมขอสอบสามว่า พ่อผมใช้ iPhone 5s ซึ่งตอนนี้ท่านได้เสียชีวิตเเล้ว และผมไม่มีใบเสร็จ ไม่มีรหัส Apple ID ไม่มีรหัส E-Mail
ไม่ทราบว่าจะช่วยอะไรผมได้บ้าง ซึ่งสิ่งที่ผมมีคือกล่อง ใบมรณบัตร สำเนาบัตรปชช.ของคุณพ่อ
พนักงาน : บอกประมาณว่า ถ้าไม่มีใบเสร็จ หรือ Password อะไรเลย ต้องโทรไปคุยที่ Apple store สิงคโปร์
ผม : ห๊ะ!!!! Apple store สิงคโปร์
พนักงาน : ใช่ครับ ทางโน้นจะสอบถามซักประวัติ เเละให้คำเเนะนำ และพนักงานก็ให้เบอร์มา คือเบอร์ 001800-441-2904
ในความคิดผมตอนนั้น ต้องขนาดนี้เลยเหรอ แล้วอีกถ้าโทรไปคงเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งผมได้แค่งูๆปลา
**** ผมเลยมีคำถามผู้รู้ว่า จะช่วยเเนะนำร้าน หรือวิธีการไหนแนะนำให้ผมได้บ้าง
ปล.ตอนที่ผมโทรไปถามผมอยู่สุราษฎร์ธานี ตอนนี้ผมอยู่ที่ กทม. และผมคิดว่าผใจะลองไป iService Amarin Plaza อีกทีเผื่อมีข้อเเนะนำอื่น
>>>> มีข้อผิดพลาดประการใดเกี่ยวกัวใช้ภาษาหรือการเล่าเรื่อง ผมขอโทษไว้ณ.ที่นี้ด้วยนะครับ
ปกติส่วนมากจะมาหาข้อมูล หาความรู้ มากกว่า ไม่ค่อยได้ตั้งกระทู้สักเท่าไหร่