เรื่องที่เราจะเล่าต่อไปนี้ รบกวนอย่านำเรื่องทางการเมืองมาเกี่ยวข้องนะคะ
เราต้องการเล่า เพื่อให้ผู้ที่เป็นพ่อแม่ ได้ฉุกคิด ไม่ให้สิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวเรา เกิดขึ้นกับครอบครัวของคุณ
เรากล้าพูดว่าเราเคยโชคดี ที่เกิดมาในครอบครัวที่อบอุ่น พ่อแม่เรารักกันมาก และบอกเสมอว่าเราคือแก้วตาดวงใจของท่าน
พ่อแม่เราสุภาพต่อกันเสมอ
พ่อเรียกแม่เราว่า คุณ แทนตัวว่าผม
แม่เรียกพ่อเราว่า คุณ แทนตัวเองด้วยชื่อเล่น
ตั้งแต่เล็กจนโต เราไม่เคยเห็นพ่อแม่ทะเลาะกันรุนแรงเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ถึงจะทะเลาะกันก็จะเป็นการเถียงกันด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ
แต่ตอนนี้ครอบครัวที่อบอุ่นนั้นไม่มีอีกแล้ว
ย้อนไปเมื่อ 6 ปีก่อน
ครั้งแรกที่ครอบครัวเราเริ่มพังทลาย และเราเริ่มกลายเป็นคนวิตกจริต ขี้ตกใจ และหวาดระแวงทุกครั้งที่พ่อแม่อยู่ด้วยกัน
ตอนนั้นเป็นช่วงเช้าของวันหนึ่ง เรากำลังนอนหลับอยู่ในห้องนอนของตัวเอง
แต่แล้วเราก็ต้องสะดุ้งตื่นเพราะได้ยินเสียงพ่อเราตะโกนด่าแม่ และเสียงแม่เรากรีดร้องเหมือนคนที่กำลังโมโหจัดอย่างที่แม่ไม่เคยเป็น
ตอนนั้นเราร้องไห้ เราทำอะไรไม่ถูก ได้แต่เอาตัวบังระหว่างพ่อกับแม่ไว้ และพยายามดันท่านทั้งสองออกจากกัน
เพราะท่านทั้งสองตะโกนด่าทอกัน เรียกสรรพนามแทนกันด้วยถ้อยคำหยาบคาย
สุดท้ายก็จบลงด้วยการที่แม่หอบข้าวของออกจากบ้านไป และเราที่นอนร้องไห้แทบขาดใจอยู่ในห้องของตัวเอง อยากให้สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นแค่ความฝัน
นั่นคือวันแรกที่โลกใบน้อยๆ ของเราเริ่มแตกสลาย
พ่อไปพาแม่กลับบ้านมาหลังจากนั้นไม่กี่วัน ไปคุกเข่าขอโทษว่าต่อไปจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก
แล้วคุณคิดว่าอย่างไรคะ ตราบใดที่ยังมีเหตุการณ์ทางการเมืองต่อเนื่องแบบนี้ คุณคิดว่าเป็นไปได้มั้ย
หลังจากนั้นพ่อกับแม่เราก็ทะเลาะรุนแรงด้วยหัวข้อทางการเมืองนี้เรื่อยมา
แต่ยังไม่มีการลงไม้ลงมือ เป็นเพียงการตะโกนด่าทอกันด้วยคำพยาบคายเท่านั้น
เห็นมั้ยคะ
เราเริ่มชินกับการทะเลาะกันของพ่อแม่ ซึ่งที่จริงแล้วมันไม่ใช่สิ่งที่เด็กคนนึงควรจะชิน
เราเคยขอพ่อว่า ไม่ดูได้ไหม ช่องการเมืองฝ่ายที่พ่อชอบ เพราะมันทำให้พ่อทะเลาะกับแม่
พ่อเราไม่ยอม และตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงอย่างที่พ่อไม่เคยใช้กับลูกสาวของพ่อมาก่อน
เราอยากให้พ่อได้เห็นเหลือเกินว่าพ่อทำสีหน้าอย่างไรในตอนนั้น น้ำเสียงเกลียดชังเพียงใดที่พูดออกมา
กับทางฝั่งแม่ก็เช่นกัน เราเคยขอให้แม่ไม่ดูได้มั้ย พร้อมทั้งเหตุผลต่างๆ นาๆ เพื่อให้ท่านเข้าใจ
แต่แม่ก็ไม่ฟังเราเช่นกัน
เมื่อมีหัวข้อทางการเมืองมาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ร้องไห้มากมายเท่าไหร่
ท่านทั้งสองเหมือนจะไม่รับรู้ และหลงลืมไปชั่วขณะ ว่าท่านเคยรักกันแค่ไหน เคยรักเราแค่ไหน
เหตุการณ์ครั้งที่ร้ายแรงที่สุดเพิ่งผ่านมาได้ไม่นานมานี้
เราได้ยินเสียงร้องของแม่ และเสียงดังโครมครามมาจากห้องพ่อแม่
เมื่อเปิดประตูเข้าไป สิ่งที่เรากลัวที่สุดก็อยู่ตรงหน้า
การทะเลาะกันของพ่อแม่ที่ปกติจะเป็นเพียงการตะโกนด่ากัน
ได้เปลี่ยนเป็นการทำร้ายร่างกายกันในที่สุด
พ่อคร่อมพยายามบีบคอแม่เราอยู่บนเตียง และแม่เราก็ทั้งจิกทั้งทึ้งศรีษะพ่อ
ภาพที่เห็นทำให้คนเป็นลูกเจ็บปวดยิ่งกว่าครั้งไหนๆ เจ็บจนไม่มีน้ำตาจะไหล เจ็บจนเริ่มเกลียด
เกลียดที่พ่อตีแม่ เกลียดที่แม่ด่าพ่อ เกลียดที่ไม่มีใครสนใจความรู้สึกเราเลย
เห็นมั้ยคะ
ความเกลียดชังที่พ่อแม่มี เริ่มลุกลามมาสู่จิตใจของเราจนได้
เป็นเวลาหกปีแล้ว ที่เด็กผู้หญิงคนนึง ที่ควรจะเติบโตมาในครอบครัวที่อบอุ่นเหมือนที่เคยเป็น
กลับกลายต้องมาเป็น คนซึมเศร้า ไม่เข้าสังคม ขี้กลัว ขี้ตกใจ
ต้องสะดุ้งตื่นทุกครั้งที่ได้ยินเสียงดังมาจากห้องพ่อแม่ในตอนกลางคืน
ขอเถอะนะคะ เราเข้าใจว่าเรื่องของประเทศชาตินั้นสำคัญสำหรับทุกคน
แต่
ได้โปรดเหลียวมองลูกของคุณบ้าง ลูกของพวกคุณ ที่ต้องเสียน้ำตา ทุกครั้งที่พ่อแม่ทะเลาะกันเพราะการเมือง
ไม่คุณจะอยู่ฝ่ายไหนก็ตาม มันสำคัญมากพอที่จะแลกกับน้ำตา และความทุกข์ใจของลูกของคุณหรือไม่
รักฝ่ายไหน ชอบฝ่ายไหน คนเป็นลูกอย่างเราไม่ห้าม
แต่ได้โปรด
เมื่อกลับมาบ้าน ช่วยทิ้งมันไป อย่านำความเกลียดชังนั้นเข้ามาในบ้าน
เพราะบ้าน ควรเป็นที่ที่มีแต่ความรักและความอบอุ่นของทุกคนในครอบครัว
ขอบคุณค่ะ
การชุมนุมทางการเมืองทำลายชีวิตเรา เพราะพ่อแม่อยู่คนละฝ่าย ความอัดตันใจตลอดเวลาหลายปีของคนเป็นลูก
เราต้องการเล่า เพื่อให้ผู้ที่เป็นพ่อแม่ ได้ฉุกคิด ไม่ให้สิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวเรา เกิดขึ้นกับครอบครัวของคุณ
เรากล้าพูดว่าเราเคยโชคดี ที่เกิดมาในครอบครัวที่อบอุ่น พ่อแม่เรารักกันมาก และบอกเสมอว่าเราคือแก้วตาดวงใจของท่าน
พ่อแม่เราสุภาพต่อกันเสมอ
พ่อเรียกแม่เราว่า คุณ แทนตัวว่าผม
แม่เรียกพ่อเราว่า คุณ แทนตัวเองด้วยชื่อเล่น
ตั้งแต่เล็กจนโต เราไม่เคยเห็นพ่อแม่ทะเลาะกันรุนแรงเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ถึงจะทะเลาะกันก็จะเป็นการเถียงกันด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ
แต่ตอนนี้ครอบครัวที่อบอุ่นนั้นไม่มีอีกแล้ว
ย้อนไปเมื่อ 6 ปีก่อน
ครั้งแรกที่ครอบครัวเราเริ่มพังทลาย และเราเริ่มกลายเป็นคนวิตกจริต ขี้ตกใจ และหวาดระแวงทุกครั้งที่พ่อแม่อยู่ด้วยกัน
ตอนนั้นเป็นช่วงเช้าของวันหนึ่ง เรากำลังนอนหลับอยู่ในห้องนอนของตัวเอง
แต่แล้วเราก็ต้องสะดุ้งตื่นเพราะได้ยินเสียงพ่อเราตะโกนด่าแม่ และเสียงแม่เรากรีดร้องเหมือนคนที่กำลังโมโหจัดอย่างที่แม่ไม่เคยเป็น
ตอนนั้นเราร้องไห้ เราทำอะไรไม่ถูก ได้แต่เอาตัวบังระหว่างพ่อกับแม่ไว้ และพยายามดันท่านทั้งสองออกจากกัน
เพราะท่านทั้งสองตะโกนด่าทอกัน เรียกสรรพนามแทนกันด้วยถ้อยคำหยาบคาย
สุดท้ายก็จบลงด้วยการที่แม่หอบข้าวของออกจากบ้านไป และเราที่นอนร้องไห้แทบขาดใจอยู่ในห้องของตัวเอง อยากให้สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นแค่ความฝัน
นั่นคือวันแรกที่โลกใบน้อยๆ ของเราเริ่มแตกสลาย
พ่อไปพาแม่กลับบ้านมาหลังจากนั้นไม่กี่วัน ไปคุกเข่าขอโทษว่าต่อไปจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก
แล้วคุณคิดว่าอย่างไรคะ ตราบใดที่ยังมีเหตุการณ์ทางการเมืองต่อเนื่องแบบนี้ คุณคิดว่าเป็นไปได้มั้ย
หลังจากนั้นพ่อกับแม่เราก็ทะเลาะรุนแรงด้วยหัวข้อทางการเมืองนี้เรื่อยมา
แต่ยังไม่มีการลงไม้ลงมือ เป็นเพียงการตะโกนด่าทอกันด้วยคำพยาบคายเท่านั้น
เห็นมั้ยคะ เราเริ่มชินกับการทะเลาะกันของพ่อแม่ ซึ่งที่จริงแล้วมันไม่ใช่สิ่งที่เด็กคนนึงควรจะชิน
เราเคยขอพ่อว่า ไม่ดูได้ไหม ช่องการเมืองฝ่ายที่พ่อชอบ เพราะมันทำให้พ่อทะเลาะกับแม่
พ่อเราไม่ยอม และตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงอย่างที่พ่อไม่เคยใช้กับลูกสาวของพ่อมาก่อน
เราอยากให้พ่อได้เห็นเหลือเกินว่าพ่อทำสีหน้าอย่างไรในตอนนั้น น้ำเสียงเกลียดชังเพียงใดที่พูดออกมา
กับทางฝั่งแม่ก็เช่นกัน เราเคยขอให้แม่ไม่ดูได้มั้ย พร้อมทั้งเหตุผลต่างๆ นาๆ เพื่อให้ท่านเข้าใจ
แต่แม่ก็ไม่ฟังเราเช่นกัน
เมื่อมีหัวข้อทางการเมืองมาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ร้องไห้มากมายเท่าไหร่
ท่านทั้งสองเหมือนจะไม่รับรู้ และหลงลืมไปชั่วขณะ ว่าท่านเคยรักกันแค่ไหน เคยรักเราแค่ไหน
เหตุการณ์ครั้งที่ร้ายแรงที่สุดเพิ่งผ่านมาได้ไม่นานมานี้
เราได้ยินเสียงร้องของแม่ และเสียงดังโครมครามมาจากห้องพ่อแม่
เมื่อเปิดประตูเข้าไป สิ่งที่เรากลัวที่สุดก็อยู่ตรงหน้า
การทะเลาะกันของพ่อแม่ที่ปกติจะเป็นเพียงการตะโกนด่ากัน
ได้เปลี่ยนเป็นการทำร้ายร่างกายกันในที่สุด
พ่อคร่อมพยายามบีบคอแม่เราอยู่บนเตียง และแม่เราก็ทั้งจิกทั้งทึ้งศรีษะพ่อ
ภาพที่เห็นทำให้คนเป็นลูกเจ็บปวดยิ่งกว่าครั้งไหนๆ เจ็บจนไม่มีน้ำตาจะไหล เจ็บจนเริ่มเกลียด
เกลียดที่พ่อตีแม่ เกลียดที่แม่ด่าพ่อ เกลียดที่ไม่มีใครสนใจความรู้สึกเราเลย
เห็นมั้ยคะ ความเกลียดชังที่พ่อแม่มี เริ่มลุกลามมาสู่จิตใจของเราจนได้
เป็นเวลาหกปีแล้ว ที่เด็กผู้หญิงคนนึง ที่ควรจะเติบโตมาในครอบครัวที่อบอุ่นเหมือนที่เคยเป็น
กลับกลายต้องมาเป็น คนซึมเศร้า ไม่เข้าสังคม ขี้กลัว ขี้ตกใจ
ต้องสะดุ้งตื่นทุกครั้งที่ได้ยินเสียงดังมาจากห้องพ่อแม่ในตอนกลางคืน
ขอเถอะนะคะ เราเข้าใจว่าเรื่องของประเทศชาตินั้นสำคัญสำหรับทุกคน
แต่ได้โปรดเหลียวมองลูกของคุณบ้าง ลูกของพวกคุณ ที่ต้องเสียน้ำตา ทุกครั้งที่พ่อแม่ทะเลาะกันเพราะการเมือง
ไม่คุณจะอยู่ฝ่ายไหนก็ตาม มันสำคัญมากพอที่จะแลกกับน้ำตา และความทุกข์ใจของลูกของคุณหรือไม่
รักฝ่ายไหน ชอบฝ่ายไหน คนเป็นลูกอย่างเราไม่ห้าม
แต่ได้โปรด เมื่อกลับมาบ้าน ช่วยทิ้งมันไป อย่านำความเกลียดชังนั้นเข้ามาในบ้าน
เพราะบ้าน ควรเป็นที่ที่มีแต่ความรักและความอบอุ่นของทุกคนในครอบครัว
ขอบคุณค่ะ