ขอตั้งกระทู้สืบเนื่องมาจาก กระทู้
http://pantip.com/topic/32051802 ว่าทำไมนาฏศิลป์ไทยจึงเต็มไปด้วยความเชื่อ... ไปจนถึงเรื่องนาฏศิลป์ประยุกต์ และเรื่องการดัดแปลงเนื้อเรื่อง ใช้ตัวละครต่างประเทศเข้ามา และทำไมนาฏศิลป์ไทยถึงไม่แพร่หลาย
จขกท. ไม่ใช่คนที่เรียนนาฏศิลป์ ไม่ใช่คนที่เคยป่านพิธีครอบครู แต่เป็นแค่เยาวชนคนหนึ่งที่สนใจศิลปะไทย และชื่นชมไปกับมัน ติดตามและดูสารคดีเกี่ยวกับศิลปะไทยตลอดโดยเฉพาะ "โขน" นาฏศิลป์ชั้นสูงที่ไม่ควรโดนเหยียบย่ำด้วยประการทั้งปวง
1. ทำไมนาฏศิลป์ไทยจึงเต็มไปด้วยความเชื่อ ผี อาถรรพ์ สิ่งลี้ลับ ความน่ากลัว จนไม่น่าเรียน
ถามว่า "ผี อาถรรพ์ สิ่งลี้ลับ ความน่ากลัว" หมายถึงเรื่องลึกลับในโรงเรียน หุ่นรำได้เอง เสียงดนตรีไทยตอนกลางคืนหรืออะไรทำนองนั้นรึเปล่า เพราะ จขกท.ยังไม่เห็นว่าเนื้อหาของนาฏศิลป์ไทยส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับผีสาง หรือเรื่องน่ากลัวตรงไหน ถ้านาฏศิลป์ชั้นสูงอย่าง "โขนรามเกียรติ์" การต่อสู้กันระหว่างลิงกับยักษ์ เทพกับมาร ความดีกับความชั่ว "ละครใน อิเหนา อุณรุฑ" ก็เป็นเรื่องของความรัก และกษัตริย์ "นาฏศิลป์รำทั่วไป" ก็บ่งบอกถึงวิถีชีวิต การอวยพร ตามแต่ละท้องถิ่น
ถามหน่อยว่าเรื่องผีๆเนี่ย มันก็มีอยู่ทุกที่นั่นแหละ คนที่มักได้ยินเสียงดนตรีไทยตอนกลางคืน เป็นไปได้หลายสาเหตุทั้งเรื่องเสียงดนตรีไทยที่ไม่ชอบ พอเดินผ่านก็นึกขึ้นว่าเราไม่ชอบเสียงดนตรีไทยนี่ เราไม่ชอบรำนี่ แต่การทำงานของสมองมันซับซ้อนขนาดสามารถสร้างจินตนาการออกมาเป็นมโนภาพได้ ในเมื่อเราสามารถสร้างมโนภาพของสิ่งที่เราชอบเป็นภาพได้ ทำไมสิ่งที่เรากลัวและไม่ชอบจะแสดงเป็นมโนภาพไม่ได้
ถ้าคุณคิดว่าดนตรีไทยมีแต่เรื่องผีสางจนไม่น่าเรียน ขอโทษเถอะ เปียโนเล่นเอง เสียงกลองตอนกลางคืนก็มีเยอะแยะไป ทำไมไม่รู้จักแยกแยะ เข้าใจประโยคนี้ไหม...
"ทุกความเชื่อมีที่มา" อย่างเช่นทำไมไม่ให้ตัดเล็บตอนกลางคืน ก็เมื่อสมัยก่อนน่ะมืดค่ำแสงไฟไม่สว่าง แถมไม่มีกรรไกรตัดเล็บ เขาตัดกันด้วย "มีด" ตัดเล็บด้วยมีดตอนกลางคืนที่แสงไฟริบหรีเหมือนดินเนอร์กลางแสงเทียน มีดเฉือนเข้าเนื้อหน่อยเป็นไงล่ะ สนุกเลยไหม นาฏศิลป์ไทยก็เช่นกัน
ทำไมไม่ลองมองให้ทะลุเข้าไปถึงเนื้อแท้ของนาฏศิลป์กันจริงๆนะ คุณไม่ได้ลองรำ ลองซ้อม คุณไม่มีทางรู้หรอกว่าของแบบนี้มันไม่ง่าย และที่เขาว่า "ของมีครู" มันไม่ได้หมายถึงครูที่เป็นวิญญาณหรอกนะ แต่คุณกำลังดูถูกครูเป็นๆ มากมายหลายท่านที่แต่งเพลงมาให้ ดูถูกคนที่เขารักในเสียงเพลงและการร่ายรำแบบนี้ รวมถึงดูถูก "ศาสนาพราหมณ์" อันเป็นที่มาของนาฏศิลป์ไทยหลายแขนงด้วย แม้กระทั่ง "หัวโขน" และเครื่องแต่งกายนาฏศิลป์ ทุกอย่างต้องใช้ฝีมือในการทำ โดย "ช่างศิลป์" หลายหมู่ในบรรดา "ช่างสิบหมู่" เพราะไม่ต้องการให้คนที่ทุ่มเทและพยายามโดนดูถูก ความเชื่อ จึงถูกนำเข้ามาใช้เสมอๆ
ตอนนี้ขอโต้แย้งเป็นคำถามเป็นข้อความก่อน แล้วจะหาวิดีโอ และสารคดีมายืนยัน
2. ทำไมเนื้อเรื่องและการแต่งกายจึงไม่ควรดัดแปลง
การแต่งกายของนาฏศิลป์ไทย นอกจากแต่งเพื่อความสวยงามแล้ว รายละเอียดเครื่องแต่งกายเพียงน้อยนิดยังบ่งบอกว่าตัวละครไหนเป็นตัวไหน ถ้าไปเปลี่ยนมัน คุณจะเอาป้ายไปห้อยคอนักแสดงมั๊ยล่ะว่า "ข้าแสดงเป็นนิลขันธ์นะ" แล้วในบรรดา "สิบแปดมงกุฏ" ที่เป็นลิงของพระลักษณ์ถ้าสีของหัวโขนเปลี่ยนไป หรือเกินเหมือนกันขึ้นมาก็ยากที่จะแยกออกว่าตัวไหนเป็นตัวไหน
ทั้งเครื่องแต่งกายที่ไม่เปลี่ยนแปลงน่ะ เพราะว่ามันทำให้ใครๆ "ที่มีความสามารถ" ก็สามารถแสดงเป็นตัวละครดังกล่าวได้ "ทำให้คนไม่ได้ยึดติดความสามรถของนักแสดงเพียงแค่หน้าตา" ละคร หรือภาพยนตร์สมัยใหม่ พระเอกต้องหน้าตาดี นางเอกสวย แต่คนที่มีความสามารถทางการแสดงเต็มเปี่ยม อินเนอร์แรง แต่ "หน้าแย่" ทำยังไงล่ะ เขาต้องไปเล่นบทคนใช้งั้นเหรอ ทั้งที่ความสามารถเค้ามากกว่านางเอกด้วยซ้ำเนี่ยนะ คุณต้องของคุณนาฏศิลป์ไทยนะที่เขาให้ความสำคัญกับสิทธิของนักแสดงเท่าๆกันน่ะ
เนื้อเรื่องที่ไม่ยอมให้เปลี่ยน เพราะ อย่างในเนื้อเรื่อง "รามเกียรติ์" เป็นการพูดถึงระหว่าง ธรรมะ กับ อธรรม ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่อง สิ่งที่คนแต่งต้องการสื่อถึงคนดูก็ต้องเปลี่ยนแปลงไป เพราะเกี่ยวข้องกับศาสนาจึงไม่ต้องการให้คนที่ดู "รู้แต่เปลือก" คือได้แค่ความรู้สึก อารมณ์ เท่านั้น แต่ต้องได้ "ข้อคิด" ตามไปด้วย
ยอมรับไหมล่ะว่าสมัยนี้คุณดูละคร และฟังเพลง เพราะ "สนุก" เป็นหลัก แล้ว "เนื้อหา" ล่ะ คุณเคยสนใจมันบ้างไหม
3. ทำไมศิลปะไทยถึงไม่แพร่หลาย อย่างเช่นประเทศใกล้เคียงอย่างเกาหลี หรือ ญี่ปุ่น
คำถามแรกที่อยากจะถามกลับคือ "มีการแสดงแล้วพวกคุณ คนรุ่นใหม่ทั้งหลาย สนใจไปดูรึเปล่าล่ะ"
คุณรู้รึเปล่าว่า "โรงละครแห่งชาติ" อันเป็นเวที Showcase ของเหล่านักเรียนนาฏศิลป์กระจายอยู่ทั่วประเทศ และอยู่ใกล้บ้านของคุณน่ะ "อยู่ที่ไหน" บ้าง คุณรู้ไหมว่า "พวกเขามีการแสดงทุกสัปดาห์"
คุณรู้ไหมว่า "การแสดงของพวกเขามีตั้งแต่การร่ายรำธรรมดา นิทานพื้นบ้าน ไปจนถึงโขน"
และรู้ไหมว่า "การแสดงจำนวนมาเป็นการแสดงแบบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเข้าชม"
เพราะคุณไม่รู้ คุณจึงถามออกมาได้ว่า "ทำไมไม่ทำอย่างต่างประเทศเขาบ้างล่ะ" คุณมองเห็นความดีงามของต่างประเทศได้ แต่กลับ "ไม่เห็นของดีที่อยู่ในประเทศ"
คำถามที่สอง "ค่าชมการแสดงของคอนเสิร์ตศิลปินต่างชาติ กับโขนพระราชทาน มีมูลค่าไม่ต่างกัน แถมไม่ต้องรอ world tour ทำไมไม่ไปดู"
โขนพระราชทานต้องใช้คนและทีมงานจำนวนมากในการทำการแสดง ไม่ต่างจากละครบรอดเวย์ชั้นนำจากต่างประเทศ เรียกว่าเป็นกองทัพ การเปลี่ยนฉากการโหนสลิง เบื้องหลังวุ่นวายมากกกก การแสดงต้องใช้มูลค่าสูง เครื่องแต่งกายของ "ตัวละครหลักๆ" ทำจากทองและอัญมณีแท้ๆ มีค่าซ่อมแซมและค่าดูแลรักษาทุกปี ถามหน่อยเถอะว่ามันด้อยค่ากว่าของต่างประเทศตรงไหน บัตรเข้าชมราคา 3500 บาทและมากกว่านั้นขึ้นไป ซึ่งคุ้มค่ามาก และอลังการสุดๆ
ช่วงนี้เป็นช่วงที่อยากเอาวีดีโอมาแปะที่สุด เรื่องการเตรียมโขนพระราชทาน
อีกปัจจัยคือ "การสนับสนุนจากภาครัฐ"
กรณีจะตัดคำว่า "นาฏศิลป์" ออกจากหลักสูตรก็มากพอที่จะพิสูจน์แล้วว่า รัฐบาล "ห่วยแตก" แค่ไหนในการสนับสนุน "นาฏศิลป์ไทย" และ "หัตถศิลป์ไทย"
คุณรู้ไหมว่า เวที Showcase ของนักเรียนนาฏศิลป์ที่โรงละครแห่งชาติแต่ละที่ต้องมีการสนับสนุนจาก "นักธุรกิจท้องถิ่น" ในการทำการแสดงทุกครั้ง ที่เรียกว่า "เหมารอบ" เพราะลำพังแค่ภาครัฐน่ะ ไม่สามารถให้เวทีแสดงให้กับพวกเขาได้หรอกค่ะ
อีกคำตอบว่า "ทำไมจ้างนาฏศิลป์มาแสดง ถึงแพงนัก"
พ่อของจขกท. เคยรับคำขอจากผู้ใหญ่ให้จ้าง "แม่ขวัญจิต ศรีประจันต์" มาทำการแสดงเพลงอีแซว เจออุปสรรค์หลายประการตั้งแต่ลูกคู่ในวงไม่ว่าง ไปทำงาน เด็กนาฏศิลป์ที่เอามาช่วยมีการแสดง บลาๆๆ เพราะอะไรคะ ลำพังแม่ขวัญจิตเองคนเดียว แสดงไม่ได้หรอก ต้องมีลูกคู่ ต้องมีนักดนตรี ครั้งนั้นต้องใช้คนถึง 15 คน ในการทำการแสดง ประมาณสามชั่วโมง 50,000 บาท ถามว่าแพงไหม ถ้าแค่ตัวเลขก็นับว่าแพง แต่เราต้องดูที่คุณค่าของมันสิ่คะ คนเป็นนักแสดงน่ะ ไม่ใช่ว่ามีงานตลอดทั้งปี มีรายได้ตลอด ต้องกระ

กระสน แถมต้องหารค่าใช้จ่าย ค่าเดินทาง เบ็ดเสร็จแล้วได้คนละประมาณพันกว่าบาท
มีอย่างที่ไหนศิลปินทำการแสดงแล้วได้ค่าจ้างแค่พันกว่า หรืออาจจะไม่ถึง ไม่ได้มีรายได้ทุกวัน ก็หันไปหางานประจำทำกันหมด ไม่มาทำหรอกงานแสดง ของแบบนี้มันอยู่ที่ "ใจ" ล้วนๆ เลยนะ
4. ความสามารถของคนที่แสดง "นาฏศิลป์ไทย" ไม่ได้น้อยหน้าศิลปินเกาหลี บอยแบรนด์ เกิร์ลกรุ๊ป หรือวงดนตรีต่างประเทศเลย
จขกท.เองก็เป็นติ่งเกาหลี รู้ว่าทำไมเราถึงชอบศิลปินเกาหลี "หน้าตา" "เสียงร้อง" "ท่าเต้น" "อัธยาศัย" แต่ จขกท. ก็รู้ว่า "นาฏศิลป์ไทย" "ไม่ง่าย" กว่าบอยแบรนด์จะเดบิวต้องฝึกหนัก ทั้งเต้น ทั้งร้อง ฝึกกันอยู่หลายปีตั้งแต่เด็กจนโต แล้วจะต่างอะไรกับคนที่เป็นนักแสดงโขนละครเหรอคะ กว่าเค้าจะตีลังกา ฉีกขา ถีบเหลี่ยม ต่อตัว ได้น่ะ พวกเขาไม่ต้องฝึกเหรอ บอกได้เลยว่านักแสดงโขนชั้นนำ เขาก็ฝึกกันมาแต่เล็ก ฉีกขาย่ำเท้า ที่สำคัญคือ "ไม่จำเป็นต้องหน้าตาดี" แค่ความสามารถมาก ความตั้งใจฝึกซ้อมดี เป็นที่ยอมรับของครู อาจารย์ ก็เป็นนักแสดงที่ดีได้แล้ว
5. อันนี้เป็นข้อเสนอล้วนๆ เรื่องนาฏศิลป์ประยุกต์
นาฏศิลป์ประยุกต์ไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่ที่โดนต่อต้านน่ะ เพราะมันไปลดคุณค่าของนาฏศิลป์ไทยตางหาก คุณสามารถทำอะไรได้ตั้งเยอะแยะ ที่มันไม่ได้ลดความ "ดีงาม" ของคนไทย หรือทำให้ "ต่างชาติมองคนไทยในแง่ที่เปลี่ยนไป"
การร่ายรำของญี่ปุ่น เกาหลียังไม่เห็นต้องปรับเปลี่ยนให้เข้ากับวัฒนธรรมต่างชาติ ก็ยังเป็นจุดขายและคง "ราก" ของตัวเองเอาไว้ได้ แล้วทำไมเราต้องทำให้คนอื่นสนใจในสิ่งที่มัน "ไม่แท้" ด้วยเล่า
อาจารย์มนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลียบอกกับนักศึกษาของพวกเขาว่า ...เราจะพัฒนาไปไกลอย่างไรก็ได้ แต่สิ่งที่สำคัญคืออย่าหลงลืม "ราก" ของตัวเอง...
ซึ่งยอมรับเถอะว่า พวกคุณ "มองเปลือก" ก่อนมอง "เนื้อแท้" เสมอ เพราะว่าเปลือกนอกมันดู "น่าเบื่อ" "ไม่น่าดู" เลยไม่ได้ดูว่า "คุณค่าหรือแก่นแท้ของมันอยู่ที่ตรงไหน" และหลงลืม "ราก" ของตัวเองไป
ขอเถอะพวกคุณๆทั้งหลายที่ ดูจากภาษาแล้วน่าจะยังเป็นเยาวชน หรือต่ำกว่าสามสิบทั้งนั้น คุณอย่าเอาความชอบส่วนตัวของคุณไปลดคุณค่าของคนอื่นเลย "เพชรที่มีค่าคือเพชรแท้ที่บริสุทธิ์ เพชรเทียมคุณค่าก็ด้อยลงไป นาฏศิลป์ดั้งเดิม กับประยุกต์ก็เช่นกัน"
..."เมื่อคุณได้สัมผัสเพชรแท้ที่มีค่า คุณจะรู้ว่ามันสวยงามกว่าเพรชเทียม หรือเพชรสังเคราะห์ มากแค่ไหน"...
ขอแสดงความเห็นโต้แย้งกระทู้ "ทำไมนาฏศิลป์ไทยถึงเต็มไปด้วยความเชื่อ...จนไม่น่าเรียน..."
จขกท. ไม่ใช่คนที่เรียนนาฏศิลป์ ไม่ใช่คนที่เคยป่านพิธีครอบครู แต่เป็นแค่เยาวชนคนหนึ่งที่สนใจศิลปะไทย และชื่นชมไปกับมัน ติดตามและดูสารคดีเกี่ยวกับศิลปะไทยตลอดโดยเฉพาะ "โขน" นาฏศิลป์ชั้นสูงที่ไม่ควรโดนเหยียบย่ำด้วยประการทั้งปวง
1. ทำไมนาฏศิลป์ไทยจึงเต็มไปด้วยความเชื่อ ผี อาถรรพ์ สิ่งลี้ลับ ความน่ากลัว จนไม่น่าเรียน
ถามว่า "ผี อาถรรพ์ สิ่งลี้ลับ ความน่ากลัว" หมายถึงเรื่องลึกลับในโรงเรียน หุ่นรำได้เอง เสียงดนตรีไทยตอนกลางคืนหรืออะไรทำนองนั้นรึเปล่า เพราะ จขกท.ยังไม่เห็นว่าเนื้อหาของนาฏศิลป์ไทยส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับผีสาง หรือเรื่องน่ากลัวตรงไหน ถ้านาฏศิลป์ชั้นสูงอย่าง "โขนรามเกียรติ์" การต่อสู้กันระหว่างลิงกับยักษ์ เทพกับมาร ความดีกับความชั่ว "ละครใน อิเหนา อุณรุฑ" ก็เป็นเรื่องของความรัก และกษัตริย์ "นาฏศิลป์รำทั่วไป" ก็บ่งบอกถึงวิถีชีวิต การอวยพร ตามแต่ละท้องถิ่น
ถามหน่อยว่าเรื่องผีๆเนี่ย มันก็มีอยู่ทุกที่นั่นแหละ คนที่มักได้ยินเสียงดนตรีไทยตอนกลางคืน เป็นไปได้หลายสาเหตุทั้งเรื่องเสียงดนตรีไทยที่ไม่ชอบ พอเดินผ่านก็นึกขึ้นว่าเราไม่ชอบเสียงดนตรีไทยนี่ เราไม่ชอบรำนี่ แต่การทำงานของสมองมันซับซ้อนขนาดสามารถสร้างจินตนาการออกมาเป็นมโนภาพได้ ในเมื่อเราสามารถสร้างมโนภาพของสิ่งที่เราชอบเป็นภาพได้ ทำไมสิ่งที่เรากลัวและไม่ชอบจะแสดงเป็นมโนภาพไม่ได้
ถ้าคุณคิดว่าดนตรีไทยมีแต่เรื่องผีสางจนไม่น่าเรียน ขอโทษเถอะ เปียโนเล่นเอง เสียงกลองตอนกลางคืนก็มีเยอะแยะไป ทำไมไม่รู้จักแยกแยะ เข้าใจประโยคนี้ไหม...
"ทุกความเชื่อมีที่มา" อย่างเช่นทำไมไม่ให้ตัดเล็บตอนกลางคืน ก็เมื่อสมัยก่อนน่ะมืดค่ำแสงไฟไม่สว่าง แถมไม่มีกรรไกรตัดเล็บ เขาตัดกันด้วย "มีด" ตัดเล็บด้วยมีดตอนกลางคืนที่แสงไฟริบหรีเหมือนดินเนอร์กลางแสงเทียน มีดเฉือนเข้าเนื้อหน่อยเป็นไงล่ะ สนุกเลยไหม นาฏศิลป์ไทยก็เช่นกัน
ทำไมไม่ลองมองให้ทะลุเข้าไปถึงเนื้อแท้ของนาฏศิลป์กันจริงๆนะ คุณไม่ได้ลองรำ ลองซ้อม คุณไม่มีทางรู้หรอกว่าของแบบนี้มันไม่ง่าย และที่เขาว่า "ของมีครู" มันไม่ได้หมายถึงครูที่เป็นวิญญาณหรอกนะ แต่คุณกำลังดูถูกครูเป็นๆ มากมายหลายท่านที่แต่งเพลงมาให้ ดูถูกคนที่เขารักในเสียงเพลงและการร่ายรำแบบนี้ รวมถึงดูถูก "ศาสนาพราหมณ์" อันเป็นที่มาของนาฏศิลป์ไทยหลายแขนงด้วย แม้กระทั่ง "หัวโขน" และเครื่องแต่งกายนาฏศิลป์ ทุกอย่างต้องใช้ฝีมือในการทำ โดย "ช่างศิลป์" หลายหมู่ในบรรดา "ช่างสิบหมู่" เพราะไม่ต้องการให้คนที่ทุ่มเทและพยายามโดนดูถูก ความเชื่อ จึงถูกนำเข้ามาใช้เสมอๆ
ตอนนี้ขอโต้แย้งเป็นคำถามเป็นข้อความก่อน แล้วจะหาวิดีโอ และสารคดีมายืนยัน
2. ทำไมเนื้อเรื่องและการแต่งกายจึงไม่ควรดัดแปลง
การแต่งกายของนาฏศิลป์ไทย นอกจากแต่งเพื่อความสวยงามแล้ว รายละเอียดเครื่องแต่งกายเพียงน้อยนิดยังบ่งบอกว่าตัวละครไหนเป็นตัวไหน ถ้าไปเปลี่ยนมัน คุณจะเอาป้ายไปห้อยคอนักแสดงมั๊ยล่ะว่า "ข้าแสดงเป็นนิลขันธ์นะ" แล้วในบรรดา "สิบแปดมงกุฏ" ที่เป็นลิงของพระลักษณ์ถ้าสีของหัวโขนเปลี่ยนไป หรือเกินเหมือนกันขึ้นมาก็ยากที่จะแยกออกว่าตัวไหนเป็นตัวไหน
ทั้งเครื่องแต่งกายที่ไม่เปลี่ยนแปลงน่ะ เพราะว่ามันทำให้ใครๆ "ที่มีความสามารถ" ก็สามารถแสดงเป็นตัวละครดังกล่าวได้ "ทำให้คนไม่ได้ยึดติดความสามรถของนักแสดงเพียงแค่หน้าตา" ละคร หรือภาพยนตร์สมัยใหม่ พระเอกต้องหน้าตาดี นางเอกสวย แต่คนที่มีความสามารถทางการแสดงเต็มเปี่ยม อินเนอร์แรง แต่ "หน้าแย่" ทำยังไงล่ะ เขาต้องไปเล่นบทคนใช้งั้นเหรอ ทั้งที่ความสามารถเค้ามากกว่านางเอกด้วยซ้ำเนี่ยนะ คุณต้องของคุณนาฏศิลป์ไทยนะที่เขาให้ความสำคัญกับสิทธิของนักแสดงเท่าๆกันน่ะ
เนื้อเรื่องที่ไม่ยอมให้เปลี่ยน เพราะ อย่างในเนื้อเรื่อง "รามเกียรติ์" เป็นการพูดถึงระหว่าง ธรรมะ กับ อธรรม ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่อง สิ่งที่คนแต่งต้องการสื่อถึงคนดูก็ต้องเปลี่ยนแปลงไป เพราะเกี่ยวข้องกับศาสนาจึงไม่ต้องการให้คนที่ดู "รู้แต่เปลือก" คือได้แค่ความรู้สึก อารมณ์ เท่านั้น แต่ต้องได้ "ข้อคิด" ตามไปด้วย
ยอมรับไหมล่ะว่าสมัยนี้คุณดูละคร และฟังเพลง เพราะ "สนุก" เป็นหลัก แล้ว "เนื้อหา" ล่ะ คุณเคยสนใจมันบ้างไหม
3. ทำไมศิลปะไทยถึงไม่แพร่หลาย อย่างเช่นประเทศใกล้เคียงอย่างเกาหลี หรือ ญี่ปุ่น
คำถามแรกที่อยากจะถามกลับคือ "มีการแสดงแล้วพวกคุณ คนรุ่นใหม่ทั้งหลาย สนใจไปดูรึเปล่าล่ะ"
คุณรู้รึเปล่าว่า "โรงละครแห่งชาติ" อันเป็นเวที Showcase ของเหล่านักเรียนนาฏศิลป์กระจายอยู่ทั่วประเทศ และอยู่ใกล้บ้านของคุณน่ะ "อยู่ที่ไหน" บ้าง คุณรู้ไหมว่า "พวกเขามีการแสดงทุกสัปดาห์"
คุณรู้ไหมว่า "การแสดงของพวกเขามีตั้งแต่การร่ายรำธรรมดา นิทานพื้นบ้าน ไปจนถึงโขน"
และรู้ไหมว่า "การแสดงจำนวนมาเป็นการแสดงแบบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเข้าชม"
เพราะคุณไม่รู้ คุณจึงถามออกมาได้ว่า "ทำไมไม่ทำอย่างต่างประเทศเขาบ้างล่ะ" คุณมองเห็นความดีงามของต่างประเทศได้ แต่กลับ "ไม่เห็นของดีที่อยู่ในประเทศ"
คำถามที่สอง "ค่าชมการแสดงของคอนเสิร์ตศิลปินต่างชาติ กับโขนพระราชทาน มีมูลค่าไม่ต่างกัน แถมไม่ต้องรอ world tour ทำไมไม่ไปดู"
โขนพระราชทานต้องใช้คนและทีมงานจำนวนมากในการทำการแสดง ไม่ต่างจากละครบรอดเวย์ชั้นนำจากต่างประเทศ เรียกว่าเป็นกองทัพ การเปลี่ยนฉากการโหนสลิง เบื้องหลังวุ่นวายมากกกก การแสดงต้องใช้มูลค่าสูง เครื่องแต่งกายของ "ตัวละครหลักๆ" ทำจากทองและอัญมณีแท้ๆ มีค่าซ่อมแซมและค่าดูแลรักษาทุกปี ถามหน่อยเถอะว่ามันด้อยค่ากว่าของต่างประเทศตรงไหน บัตรเข้าชมราคา 3500 บาทและมากกว่านั้นขึ้นไป ซึ่งคุ้มค่ามาก และอลังการสุดๆ
ช่วงนี้เป็นช่วงที่อยากเอาวีดีโอมาแปะที่สุด เรื่องการเตรียมโขนพระราชทาน
อีกปัจจัยคือ "การสนับสนุนจากภาครัฐ"
กรณีจะตัดคำว่า "นาฏศิลป์" ออกจากหลักสูตรก็มากพอที่จะพิสูจน์แล้วว่า รัฐบาล "ห่วยแตก" แค่ไหนในการสนับสนุน "นาฏศิลป์ไทย" และ "หัตถศิลป์ไทย"
คุณรู้ไหมว่า เวที Showcase ของนักเรียนนาฏศิลป์ที่โรงละครแห่งชาติแต่ละที่ต้องมีการสนับสนุนจาก "นักธุรกิจท้องถิ่น" ในการทำการแสดงทุกครั้ง ที่เรียกว่า "เหมารอบ" เพราะลำพังแค่ภาครัฐน่ะ ไม่สามารถให้เวทีแสดงให้กับพวกเขาได้หรอกค่ะ
อีกคำตอบว่า "ทำไมจ้างนาฏศิลป์มาแสดง ถึงแพงนัก"
พ่อของจขกท. เคยรับคำขอจากผู้ใหญ่ให้จ้าง "แม่ขวัญจิต ศรีประจันต์" มาทำการแสดงเพลงอีแซว เจออุปสรรค์หลายประการตั้งแต่ลูกคู่ในวงไม่ว่าง ไปทำงาน เด็กนาฏศิลป์ที่เอามาช่วยมีการแสดง บลาๆๆ เพราะอะไรคะ ลำพังแม่ขวัญจิตเองคนเดียว แสดงไม่ได้หรอก ต้องมีลูกคู่ ต้องมีนักดนตรี ครั้งนั้นต้องใช้คนถึง 15 คน ในการทำการแสดง ประมาณสามชั่วโมง 50,000 บาท ถามว่าแพงไหม ถ้าแค่ตัวเลขก็นับว่าแพง แต่เราต้องดูที่คุณค่าของมันสิ่คะ คนเป็นนักแสดงน่ะ ไม่ใช่ว่ามีงานตลอดทั้งปี มีรายได้ตลอด ต้องกระ
มีอย่างที่ไหนศิลปินทำการแสดงแล้วได้ค่าจ้างแค่พันกว่า หรืออาจจะไม่ถึง ไม่ได้มีรายได้ทุกวัน ก็หันไปหางานประจำทำกันหมด ไม่มาทำหรอกงานแสดง ของแบบนี้มันอยู่ที่ "ใจ" ล้วนๆ เลยนะ
4. ความสามารถของคนที่แสดง "นาฏศิลป์ไทย" ไม่ได้น้อยหน้าศิลปินเกาหลี บอยแบรนด์ เกิร์ลกรุ๊ป หรือวงดนตรีต่างประเทศเลย
จขกท.เองก็เป็นติ่งเกาหลี รู้ว่าทำไมเราถึงชอบศิลปินเกาหลี "หน้าตา" "เสียงร้อง" "ท่าเต้น" "อัธยาศัย" แต่ จขกท. ก็รู้ว่า "นาฏศิลป์ไทย" "ไม่ง่าย" กว่าบอยแบรนด์จะเดบิวต้องฝึกหนัก ทั้งเต้น ทั้งร้อง ฝึกกันอยู่หลายปีตั้งแต่เด็กจนโต แล้วจะต่างอะไรกับคนที่เป็นนักแสดงโขนละครเหรอคะ กว่าเค้าจะตีลังกา ฉีกขา ถีบเหลี่ยม ต่อตัว ได้น่ะ พวกเขาไม่ต้องฝึกเหรอ บอกได้เลยว่านักแสดงโขนชั้นนำ เขาก็ฝึกกันมาแต่เล็ก ฉีกขาย่ำเท้า ที่สำคัญคือ "ไม่จำเป็นต้องหน้าตาดี" แค่ความสามารถมาก ความตั้งใจฝึกซ้อมดี เป็นที่ยอมรับของครู อาจารย์ ก็เป็นนักแสดงที่ดีได้แล้ว
5. อันนี้เป็นข้อเสนอล้วนๆ เรื่องนาฏศิลป์ประยุกต์
นาฏศิลป์ประยุกต์ไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่ที่โดนต่อต้านน่ะ เพราะมันไปลดคุณค่าของนาฏศิลป์ไทยตางหาก คุณสามารถทำอะไรได้ตั้งเยอะแยะ ที่มันไม่ได้ลดความ "ดีงาม" ของคนไทย หรือทำให้ "ต่างชาติมองคนไทยในแง่ที่เปลี่ยนไป"
การร่ายรำของญี่ปุ่น เกาหลียังไม่เห็นต้องปรับเปลี่ยนให้เข้ากับวัฒนธรรมต่างชาติ ก็ยังเป็นจุดขายและคง "ราก" ของตัวเองเอาไว้ได้ แล้วทำไมเราต้องทำให้คนอื่นสนใจในสิ่งที่มัน "ไม่แท้" ด้วยเล่า
อาจารย์มนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลียบอกกับนักศึกษาของพวกเขาว่า ...เราจะพัฒนาไปไกลอย่างไรก็ได้ แต่สิ่งที่สำคัญคืออย่าหลงลืม "ราก" ของตัวเอง...
ซึ่งยอมรับเถอะว่า พวกคุณ "มองเปลือก" ก่อนมอง "เนื้อแท้" เสมอ เพราะว่าเปลือกนอกมันดู "น่าเบื่อ" "ไม่น่าดู" เลยไม่ได้ดูว่า "คุณค่าหรือแก่นแท้ของมันอยู่ที่ตรงไหน" และหลงลืม "ราก" ของตัวเองไป
ขอเถอะพวกคุณๆทั้งหลายที่ ดูจากภาษาแล้วน่าจะยังเป็นเยาวชน หรือต่ำกว่าสามสิบทั้งนั้น คุณอย่าเอาความชอบส่วนตัวของคุณไปลดคุณค่าของคนอื่นเลย "เพชรที่มีค่าคือเพชรแท้ที่บริสุทธิ์ เพชรเทียมคุณค่าก็ด้อยลงไป นาฏศิลป์ดั้งเดิม กับประยุกต์ก็เช่นกัน"
..."เมื่อคุณได้สัมผัสเพชรแท้ที่มีค่า คุณจะรู้ว่ามันสวยงามกว่าเพรชเทียม หรือเพชรสังเคราะห์ มากแค่ไหน"...