[SR] ทริปด่วนๆ 8 วัน 7 คืน 23,000 บาท ที่โตเกียว

กระทู้รีวิว
ปลายหนาวต้นฝนไปกัน งงๆ ที่โตเกียว

"บริษัท H.I.S. ขอขอบคุณท่านที่ร่วมสนุกกับแคมเปญแจกฟรี ตั๋วเครื่องบินไปกลับญี่ปุ่น 100 ที่นั่ง และขอแจ้งให้ทราบว่า ท่านคือผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ "


และนั่นก็เป็นข้อความที่ทำให้เราได้มาเที่ยวญี่ปุ่นแบบ งงๆ ค่ะ


หลังจากต่อสู้การหนักหน่วงจนได้วันเดินทางที่แน่นอน เราก็เหลือเวลาวางแผนกันแค่ อาทิตย์กว่าๆเท่านั้นเอง จากการค้นหนังสือหลายๆเล่ม ความต้องการในใจ บวกกับงบน้อยเบื้ยน้อยที่มีอยู่ เราเลยตัดสินใจว่าจะสิงตัวอยู่ที่โตเกียวแดนศิวิไลและเมืองใกล้เคียง ในเวลา 8 วัน 7 คืน

จากการวางแผนโดยใช้เวลาที่มีอยู่อย่างจำกัด วางตารางให้คลอบคุมกับกิจกรรมที่สองสาวเรากับเพื่อนถูกใจ  ซึ่งส่วนใหญ่ จะหมดไปกับการเดินย่านชอปปิ้งและเดินตามหาร้านมุ้งมื้งไปเรื่อยเปื่อย (หนุ่มๆหรือสาวๆที่รักการผจญภัย และทะลวงทุกซอกทุกมุม ที่เขาว่าเด็ดตามที่หนังสือท่องเที่ยวแนะนำคงไม่ถูกใจเท่าไหร่)  พอคำนวนค่าใช้จ่ายด้วยหัวสมองวิทย์คณิตล้มเหลวแล้ว เราจึงตัดสินใจแลกเงินไปทั้งหมด 22,000 บาท  ประมาณ 70,000 เยนไม่ขาดไม่เกิน


เงินพร้อม  ตั๋วพร้อม  ที่พักพร้อม  แผนการเดินทาง(ที่คิดว่าพร้อม)  รออะไร  สูดหายใจเข้าสามทีให้ทั่วปอด


กรีดร้องให้เสียงดัง  ญี่ปุ่นพี่มาล๊าวววว!!!!!


มีคนบอกว่าเราโชคีมาก เล่มเกมส์กับ H.I.S. แค่ครั้งเดียวก็ได้ตั๋วแล้ว  ไหนจะ ได้เดินทางช่วง(ปลาย) ซากุระกำลังบาน อากาศกำลังเย็นสบายทีเดียว


แต่ใครบอก!!!!  อุปสรรคมันมีมาตั้งแต่เท้ายังไม่แตะสนามบินสุวรรภูมิ


“ทุกอย่างครบไหม กล้อง แว่นตา หมวก แบต” แม่ถามตอนที่ใกล้จะถึงสุวรรณภูมิ
“…….. แม่ๆลืมที่ชาร์ตแบตกล้อง” คุณพระเท่านั้นแหละ แม่บ่นยาวถึงสนามบินเลยจ้า

เพราะฉนั้นภาพอันน้อยนิดที่ทุกคนจะได้เห็นมาจากกล้องมือถือล้วนๆนะคะ ช่างเป็นนักเดินทางที่มีการเตรียมตัวได้ดีเหลือเกิน

.............


สัญญาณไฟสีแดงแสดงไอคอนรัดเข็มขัดเตือนขึ้นดั
อีกอึดใจต่อมา หูเราก็ดับสนิทจากการลดระดับอย่างรวดเร็วของคุณนักบิน พร้อมการตกหลุมอาการ แรงๆ ให้ตื่นเต้น กรี๊ดกร๊าดในใจ ตาเบิกโพรงไร้อาการสลึมสลือ


ก่อนจะไปเอากระเป๋า เราก็ขอชำระล้างร่างกายนิดนึงด้วยการทดสอบการใช้ส้วมไฮเทค เออประทับใจดีจริงๆ ก้นอุ่น  ปุ่มกดอัตโนมัติ เสียงเพลงขับกล่อมเบาๆที่สำคัญสะอาด สะอาดมากกกกกก ประทับใจตั้งแต่แรกเริ่ม


เราจัดการผ่านด่าน ตม. และเอากระเป๋าเรียบร้อย  ทีนี้เราจะเข้าเมืองกัน  จากที่ศึกษาข้อมูลมานิดนึง เราก็ตัดสินใจเข้าเมืองด้วย nex พร้อมกับแพคเกจสำหรับนักท่องเที่ยวที่โคตรคุ้ม คือ nex+suica  ในราคา 3500 เยน  ทั้งนี้เหตุผลหนึ่งที่เราเลือกเข้าเมืองด้วย nex เพราะเป็นรถไฟที่ต่อเดียวถึงอิเคะบุคุโระ ย่านที่เราพักเลย  


การหาเคาเตอร์ก็ไม่ได้ยากอะไร พอออกจาก ตม. เดินมานิดเดียวจะเห็นประชากรหัวทอง ล้านแปดต่อแถวยาวๆตรงเคาเตอร์สีแดง นั้นแหละค่ะ ที่ขายตั๋วรถไฟ pass ต่างๆสารพัด


ทีนี้เราก็ต้องเช็ครอบรถไฟก่อนจะซื้อตั๋วก่อนสักหน่อย ใกล้ๆขายตั๋วจะเป็นตู้ขายตั๋วอัตโนมัติ ตรงนั้นจะมีบอกรอบรถไฟ ยืนหน้ามึนกันอยู่สักพัก ไล่สายตาก็เจอรอบรถไฟที่จะไปถึงที่พักเรา อีกประมาณ 20 นาทีรถจะมา ไอ้ตู้อัตโนมัติมันบอกแบบนั้น





เดินไปต่อแถวแบบ งงๆ เริ่มไม่แน่ใจว่าซื้อที่นี่ไหม เห็นพี่ตัวสูงในชุดยูนิฟอร์ม คิดว่าเป็นเป้าหมาย ก็รีบเข้าไปถาม  หยิบหนังสือที่เอามาจากเมืองไทยให้เขาดูด้วยว่า ไอจะเอาแบบนี้แหละยู   แกมองสักพักและก็พูดด้วยเสียงดุๆแข็งๆ ที่ขัดจากหน้ามากว่า โน  เราก็เพื่อนก็ เออ โอเคเลยยู และคือรัย ต้องซื้อแยกใช่ไหม เอาไงก็ได้ขอให้ได้ไปถึงก็พอ เลยเข้าไปต่อแถวกันอีกรอบ


แค่แปปเดียวเราก็ไปถึงคนขายตั๋ว คุยไปคุยมาแกบอกว่ายังมีอยู่นะแพคเกจที่เราหา กระเหรี่ยงดีใจยิ้มแก้มบาน บอกกลับไป  ไอว้อนทูโกทูอิเคะบุคุโระ พร้อมชี้ๆเวลาว่า จะไปเที่ยวนี้นะ


คุณพี่ก็หวังดีบอกกลับมาเป็นภาษาอังกฤษปนญี่ปุ่นว่า  เออมันมีที่ยูจะไปได้แต่ต้องไปต่อที่ชิบูย่านะ


ไอ้เราก็เอออยากจะบอกคุณพี่ว่า ที่ไอไม่เอาแบบต่อเพราะไอ ไม่อยากลากกระเป๋า พร้อมต่อสู้กับคลื่นมนุษย์ที่เขาว่าน่ากลัวในเวลา 10 โมง แบบนี้


จ่ายเงินเรียบร้อย โค้งแบบสวยงามพร้อมขอบคุณอีกหลายรอบ สุดท้ายก็ได้เราก็ได้ตั๋วรถไฟเข้าเมืองแบบที่ต้องไปต่อที่ชิบุย่ามาอยู่ในมือ เป็นอันว่าคุยกันไม่รู้เรื่อง คุณพี่จะให้ไปแบบนี้ ก็ได้ไอจะไปตามคำแนะนำ หืออออ ไม่ใช่เวลามาโอดครวญ ก้มมองตั๋วในมือ อีกประมาณ 7 นาทีรถไฟจะมา รีบทำการพาร่างทั้งสองกับกระเป๋าสองใบลงไปรอตรงชานชาลา


ทำตัวเป็นกระเหรี่ยง งง อยู่สักพักจะขึ้นรถไฟผิดถูก ก็ลนๆกันไป ก็ไอ้ตั๋วรถไฟเขาดันเป็นภาษาญี่ปุ่นหมดหน่ะสิ อ่านไม่ออกว่าจะให้ไปรอตรงหมายเลขอะไร  เกือบทำตัวน่ารักไปขึ้น Green Car รถไฟเข้าเมืองชั้นหนึ่งไปแล้ว  ดีว่ามีพี่คนไทยที่คาดว่ามาไฟท์เดียวกันบอกว่าของน้องหน่ะมันอีกคัน


ยิ้นเขิลให้เจ้แกไปทีนึง ไม่ทันได้อาย  พระเอกรูปหล่อสีแดงนามว่า N’EX ก็มาเทียบชานชาลา  (รูปตัวรถไฟถ่ายไม่ทัน ความเร็วกล้องมือถือไม่พอ TT )



ภายในห้องโดยสารชั้นธรรมดานี้ ถ้าเทียบกับรถไฟบ้านเราก็ถือว่าหรูกว่ากันมาก เบาะนุ่มนั่งสบายใช้ได้เลยค่ะ เหลือบไปเห็นข้อความภาษาญี่ปุ่น แซมด้วยภาษาอังกฤษ  “free wifi”  ตาแทบถลน  ควักมือถือมากดๆแบบเดาตามที่คำแนะนำเขาเขียนไว้ ทำไปทำมากดมือหงิก  โอเคเลย สรุปเข้าไม่ได้


อุทานในใจว่า ดาวโดนหลอกค่ะ (อาจะไม่ได้โดนหลอก ขอโทดตัวเองที่อ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออก กันโดนรัฐบาลญี่ปุ่นฟ้อง ขอหาปรักปรำ อิอิ)  จริงๆแล้วโดนพี่ยุ่นหลอกตั้งแต่สนามบินแล้วว่าไวไฟฟรี แงง  ใจคอพี่ยุ่นจะไม่ให้ดาวติดต่อพ่อแม่เลยหรอค่ะ  


ยังไงรบกวนเพื่อนๆที่ได้มีโอกาสไปญี่ปุ่นและใช้บริการของ N’EX ลองใช้ไวไฟฟรีว่าใช้ได้ไหม แล้วมาบอกด้วยนะคะ


เลิกล้มความตั้งใจในการติดต่อโลกภายนอก หันมาสนใจความสวยงามของทิวทัศสองข้างทางของเมืองจิบะแทน ทุ่งนาสีเขียวอ่อน ตัดกับต้นซากุระสีชมพูที่ยังหลงเหลืออยู่บ้าง ความเงียบสงบของบรรยากาศนอกกระจก ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย สดชื่นคลายความเมื่อยล้าจากการเดินทางไปได้เป็นอย่างดี  เห็นอย่างนั้นแล้วก็อดตื่นเต้นกับตัวเองไม่ได้ นี่เรามาถึงญีปุ่นกันแล้วจริงๆ



เปิดเพลงญี่ปุ่นเบาๆจากไอพอตคู่ใจ พิงตัวลงเบาะนุ่ม เก็บเกี่ยวความสงบได้สักพัก ความเหน็ดเหนื่อยที่ไม่ได้นอนเพราะคุณป้าบนเครื่องบินที่นั่งด้านหลังคอยเอาเข่าทางเบาะอยู่เรื่อยๆ ก็ทำให้หลับลงอย่างง่ายดาย


มารู้อีกทีวิวทุ่งนาสีเขียว บรรยากาศชีวิตสบายๆของชาวจิบะ ถูกแทนที่ด้วยตึกสูงที่เรียงรายแนนขนัดกับชีวิตที่เร่งรีบของชาวโตเกียว สะดุดตาสะดุดใจก็ตอนที่เราผ่านหอคอยรูปร่างประหลาด สูงเฉียดฟ้า หน้าตาคล้ายจรวจ  แลนมาร์คใหม่ล่าสุดของโตเกียว คนทั่วโลกรู้จักมันในชื่อ โตเกียวสกายทรี


ยิ้มรับให้กับภาพตรงหน้า  "ยินดีที่ได้ร็จักโตเกียว"
ชื่อสินค้า:   เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
คะแนน:     
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่