
สวัสดีชาวโซ...ไม่มีไรมาก.....เอ้ย!!ชาวพันทิปทุกท่านๆนะครับ อันตัวกระผมมีนามว่า บอมเบย์ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ทำ Review แต่เป็นครั้งที่ร้อยที่ส่องรีวิวชาวบ้านเขา คิดไปคิดมาเป็นเวลาช้านานเห็น เช่นนั้นเลยกลับมาแลตัวเรา เอาวะลองreview ซักครั้งเอยย เตรงง เตร่ง ขอขีดเส้นใต้ชัดๆสองเส้น ว่า รีวิวนี้เป็นรีวิวแรกของผมจริงๆ รีวิวของผมจะเป็นการเล่าไปเรื่อยๆตามลำดับเหตการณ์ที่ผมได้ประสบพบพักตร์มานะครับ (อาจจะ)ดูแล้วน่าเบื่อไปบ้างก็ต้องขออภัยไว้ก่อนนะครับและถ้าข้อผิดพลาดในด้านในใดไม่ว่าจะ วจีกรรม มโนกรรม กายกรรม ก็ขออภัยด้วยนะครับ >< อ้อ ภาพบางภาพอาจจะไม่ชัดนะครับเพราะถ่ายจากมือถือครับ แล้วก็รูปมาจากทั้งกล้อง ทั้งมือถือครับเพราะบางทีเมมของผมเต็มมั่ง ของเพื่อนเต็มมั่งก็ผลัดกันถ่ายครับ
เวิ้นเว้อมานานเข้าเรื่องกันดีกว่า การเดินทางไปไต้หวันในครั้งนี้เป็นการเดินทางไปต่างประเทศครั้งที่ 2 ของบอมครับผม ไปในฐานะนักเรียนแลกเปลี่ยนผ่านทางคณะ(สัตวแพทยศาสตร์)เป็นระยะเวลาสิริรวม 1 เดือนครับ ซึ่งมหาลัยที่พวกผมเดินทางไปนั้นคือ National Chung Hsing University ( NCHU) ณ เมืองไทจง ซึ่งเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของไต้หวันเลยทีเดียวเชียว ซึ่งในการเดิน(ทาง)ไปเนี่ยทำให้ผมพบประสบการณ์ต่างๆมากมายจึงอยากจะมาระบาย หืมม?? มาเล่าสู่ให้ทุกๆคนได้ฟังกันครับ อ้อในส่วนของเรื่องวิชาการหรือว่าเรื่องเรียนผมไม่เน้นมากนะครับหรืออาจจะไม่มีเลยฮ่าๆ จะขอเน้นเรื่องเที่ยวเป็นหลักเนาะ

ผมเดินทางในวันที่ 24 ตุลาคม 2556 ครับ( เดินทางไปตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหาที่ 8 ทรงพระเยาว์ แต่เพิ่งจะมารีวิว) สำหรับการเดินทางไปไต้หวันของผมในครั้งนี้ต้องขอขอบคุณการบินไทยเป็นอย่างมากที่ทำให้การเดินทางของผมและผองเพื่อนในครั้งนี้ราบรื่นสะดวกโยธิน สำหรับสายการบินที่เราสามารถบินไปไต้หวันก็มีให้เลือกด้วยกันมากมายหลายสายการบินเลยทีเดียวครับ ไม่ว่าจะเป็น การบินไทยเอย China airline เอย Cathay Pacific เอย Transasia เอย ครับแต่ที่ผมเลือกการบินไทยเพราะว่าได้ตั๋วราคาถูก(ณ ตอนนั้น) มาครับ นี่ถ้ามีรถทัวร์สาย หมอชิต – ไทเปวิ่งนี่ก็คงจะตีตั๋วไปแล้วครับฮ่าๆ แต่จะถึงตอนไหนนี่ก็ไม่ทราบนะฮะ

ไต้หวันกันครับ เราลงจอดอย่างนุ่มนวลสมคำร่ำรือว่า Smooth as silk ซึ่งก่อนเครื่องบินจะลงเนี่ยกัปตันก็ประกาศว่า ขณะนี้เรา บลาๆๆๆ ซึ่งตอนนั้นพวกเรากำลังตื่นเต้นกับวิวบนพื้นดินอยู่แต่แล้ว!! มีบางสิ่งที่ทำให้พวกเราต้องตกใจก็คือ
V
V
V
“ อุณหภูมิภาคพื้นขณะนี้อยู่ที่ 20 องศาเซลเซียส” สำหรับบางคนอาจจะคิดว่ากะอีแค่ 20 องศามันจะตื่นเต้นไรนักหนาวะ แต่คุณพระ! เราเพิ่งบินมาจากไทยแลนด์แดนเตาอบ ตัวผมน่ะชอบอากาศหนาวๆอยู่แล้วแต่พอหันหน้าไปป๊ะกับเพื่อนที่มาด้วยกัน หน้านางซีดยิ่งกว่าใบหน้าของนางที่ยังไม่แต่งหน้าด้วยซ้ำ “ไม่นะ +”
เมื่อเดินออกจากตัวเครื่องแล้วผ่านพิธีกรรม เอ้ย ด่านตรวจต่างๆจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกผมก็เดินไปยังจุดนัดพบของสนามบินครับเพราะว่าเพื่อน volunteer ที่จะดูแลพวกตลอด 1 เดือนมารอรับพวกผม ณ จุดๆนี้กันครับ สิ่งแรกที่พวกเราสัมผัสได้ คืออากาศเย็นมากๆครับ อารมณ์เหมือนเอาแอร์ซักพันตัวเปิดอุณภูมิ 20 องศาเซลเซียสแล้วเป่ากระหน่ำมาที่หน้าครับ
จากสนามบินเถาหยวนเราจะมุ่งหน้าสู่ไทจงโดยรถยนต์ที่ทางมหาวิทยาลัยจัดมารับครับ ระหว่างทางจะเห็นว่าอากาศค่อนข้างหนาว(ถึงหนาวมาก) แต่เพื่อน volunteer ก็ได้ให้ขวัญและกำลังใจพวกเราครับ “หนาวใช่ป๊ะแต่เดี๋ยวพอไปถึงไถจง ก็จะอุ่นกว่านี้อีกนะ”
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อุ่นเมิงกะอุ่นกรูเหมือนกันมั้ย? หื้มมมม???นั่งมาซักพักก็แวะหาไรใส่ท้องกัน บอกไว้ก่อนว่าภาษาจีนง่อยมากกกก จะสั่งไรกินต้องไปลากเพื่อนไต้หวันมาช่วยอธิบายแล้วก็สั่งให้ครับ โช้งเช้งๆ กันพักนึงก็ได้เจ้านี่มากินครับ

พอกินเสร็จตามมารยาท เห็นอะไรเป็นต้องสะดุดตาเป็นต้องถ่ายรูปด้วยครับ
แล้วก็นั่งหลับๆตื่นได้ซักพักก็มาถึงไทจงแล้วครับ อย่างที่เพื่อนไต้หวันบอกครับว่าอากาศจะอุ่นกว่าที่สนามบิน ซึ่งตามคาดครับอุ่นเขากับอุ่นเราช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว

ถึงแว้วไทจง แล้วเราก็มายืนเด่นเป็นสง่า ณ สถานที่ตรงหน้าดังที่เห็นในรูปครับ

หอพักของพวกผมที่จะมากบดานกันตลอด 1 เดือนที่นี่ ตอนแรกคิดว่าคงจะเป็นห้องธรรมดาๆทั่วไปครับ แต่พอเปิดประตูเข้าไปเท่านั้นแหละ พวกเราถึงกับต้องตะลึงกันเลยทีเดียว !!!!!! มันช่างหะรูหะราอันใดเช่นทูลหัวของบ่าววว

ในส่วนของจุดประสงค์หลักคือพวกเราจะเข้าฝึกในคลินิกในวันจันทร์ถึงศุกร์ตั้งแต่ 9 โมงถึง 6 โมงเย็นครับ หลังจากนั้นก้อพากันไปโอ้ลัลลา

ในวันแรกพวกเราปีกยังไม่กล้า ขายังไม่แข็งทริปแรกของพวกเราคือการเดินรอบมหาลัยครับ ><
ส่วนวันเสาร์อาทิตย์ว่างได้โอ้ลัลล้าทั้งวันเลยครับ ในการเคลื่อนพล เดินทางไปยังที่ต่างๆที่ไม่ไกลมากแล้ว เราจะใช้เจ้านี่ครับ

การเดินทางโดยการปั่นจักรยานในไต้หวันนั้นสามารถพบเห็นได้ทั่วไปครับเพราะเขาจะมีเลนสำหรับคนปั่นจักรยานโดยเฉพาะ รถใหญ่ก้อรถใหญ่ จักรยานก็จักรยาน ไม่มีการล้ำเส้นกันครับ ใครล้ำเส้นกันเจอตบครับ (อ่ะล้อเล่นนน)
แต่ถ้าระยะทางไกลเกินกว่าแรงกายและใจเราจะไปไหว รถเมล์คือคำตอบครับ ขนส่งสาธารณะบ้านเขาพูดได้เลยว่าดีเฟร่ออ คือไม่ว่าอยากจะไปที่ไหน รถเมล์ไปถึงหมดครับประมาณว่าแค่ก้าวขาออกจากบ้าน ก็ถึงที่หมายได้ไม่ยากครับ ปกติแล้วรถเมล์ที่นี่เวลาจ่ายค่าโดยสารมีสองแบบครับ แบบแรกคือ

"Easy card "
บัตรนี้เปรียบเสมือนบัตรครอบจักวาลใช้จ่ายได้หมดขอให้ร้านที่เราจะจ่ายหรือSomething ที่เราจะจ่ายมีสัญลักษณ์ Easy card ครับ แตะ ปิ๊ก จ่ายตังค์ ง่ายมั้ยล่ะครับ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของที่ Seven Familymart ขึ้นรถเมล์ ขึ้น Hi – speed train โอ๊ะ! บลาๆ อะไรมันจะง่ายเพียงนี้จอร์จจจจ
อัตราค่าโดยสารรถเมล์ของที่หากใช้บัตร Easy card เนี่ย 8 กิโลเมตรแรกฟรีครับพี่น้อง ขอขีดเส้นใต้คำว่าฟรีคร้าบ ถ้าหากว่าเลย8 กิโลเมตรก็ว่ากันไปครับ ตอนนั้นผมเติมเงินไป 100 NST ปรากฏว่าเดือนทั้งเดือนผมยังใช้เงินไม่หมดเลยครับ อ้อเวลาแตะบัตรเครื่องมันจะต้องร้องครับว่าเราขึ้นหรือลงพร้อมขอบคุณแต่ถ้าใครคนใดที่เงินในบัตรหมดเครื่องมันก็จะร้อง(หรือกรี๊ดก็ไม่แน่ใจ) ปิ๊ดดดดดดดด ดังยิ่งกว่านกหวีดของเทศกิจจับแผงลอยอีกครับประมาณว่า “เงินหมดค๊า เงินหมด จ่ายเงินค๊า” แน่นอนครับคนทุกคนในรถหยุดกิจกรรมทุกอย่าง แล้ว Focus ไปที่บุคคลที่ไร้เงินในบัตรทันที (ผมว่าหน้าผมก็หนากว่าCPAC ซะอีก เจอแบบนี้ยังรู้สึกอายเลยครับ )
แบบที่สองคือ จ่ายตังค์ตามระยะทางขอบอกว่าแพงมว๊ากกกกกก ฉะนั้นมีบัตรใช้ซะ ก่อนออกจากบ้านอย่าลืมบัตรไว้นะครับเพราะเพื่อนผมโดนมาแล้ว หึหึ
และตอนนี้ผมจะพานั่งรถเมล์ไปยังสถานที่ที่รวบรวมสิ่งของให้เราอำลากับเงินทองในกระเป๋าเรา ถึงแม้ว่าเราจะมีขันติแค่ไหนแต่หากได้ไปที่นี่ ขันแตกทุกราย ไม่เว้นผม ฮ่าๆ เอิ๊กๆ นั่นก็คือตลาด"อี จง เจีย"

ที่ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็มีแต่ของให้ ช็อป ช๋อป ช๊อปปปป ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าราคาแส๊นนนจะย่อมเยาว์ (ถ้าหากใครมีวิชามารหรือมนต์ดำใดในการต่อราคาจนคนขายยอมโดยดุษฏี ก็จะได้ราคาที่แส๊นนนจ่ย่อมเยาว์กว่านี้อีก ฟันเฟิร์มครับ!! )
ก็จะมีของหลากหลายครับ ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า นาฬิกา โอ๊!!! บลาๆๆๆ เดินมุดไปมุดมา มาโผล่ตรง Zone ขายของกินครับ เดินไปก็ปกติสุขดีนะ แต่จมูกเจ้ากรรมก็ไปสัมผัสกับกลิ่นนึงเข้า ตอนแรกก็ไม่ได้อะไรมากมาย เลยคุยกับเพื่อนว่า “สงสัยกลิ่นขยะม้างงงง” แต่ครับแต่มีคนถามว่า รู้จักเต้าหู้เหม็นมั้ย ? เท่านั้นแหละครับจากที่อยู่ไถจงอยู่ดีๆ ตอนนี้ผมมาอยู่ที่บางอ้อแล้วครับ ว่ากลิ่นที่ผมกำลังประสบพบพักตร์ ณ ขณะนี้คือสิ่งใด หึหึ เต้าหู้เหม็นครับพี่ชายยยย ภาษาจีนไม่รู้เรียกว่าอะไรแต่เพื่อนไต้หวันบอกภาษาอังกฤษว่า Stinky Tofu ครับ กลิ่นน่ะหรอครับผมบรรยายเป็นตัวอักษรไม่ถูกเลยครับทั้งกาพย์ยานีก็แล้ว โคลงสี่สุภาพเอย พรรณนาโวหารเอย หรือจะสาธกโวหารเอย บรรยายไม่ถูกกกก ฮืออออ
ทีนี้พอดีว่าอยากจะลองซื้อกินกันซักหน่อยแต่มีร้านนึงครับเค้าให้ชิมด้วยพวกเราก็ลองกินดูครับ ประโยคแรกที่ออกมาจากปากเพื่อนผมคือ "เหมือนมีอะไรมาตายในปาก!! " พร้อมกับสีหน้าที่โลกควรจดจำครับ ! ฉะนี้ภาพเต้าหู้เหม็นจึงตกรอบไปโดยปริยาย จากนั้นเห็นเจ้าเต้าหู้เหม็นเมื่อใดเป็นอันต้องขยาดทุกครั้งไปครับ ฮ่าๆ
สถานที่ต่อปาย Natural way six arts cultural center ครับ

ในช่วงที่ผมไปตรงกับที่ไทจงมีงาน Taichung Jazz Music Festival พอดีครับ บรรยากาศหนาวๆ เคล้ากับเพลงแจ๊สระรื่นหู เข้ากั๊นเข้ากันครับ โดยงานจะเริ่มในช่วงเย็นๆลากยากไปจนมืดค่ำ แต่ว่าพวกผมออกมาตั้งแต่เช้าเพราะงั้นในช่วงกลางวันจนถึงเย็นเราก็ไปเที่ยวยังสถานที่โดยรอบกันครับ ><

ซึ่งโดยสถานที่โดยรอบงานดนตรีในช่วงนั้นตรงกับนิทรรศการพอดีครับ(จำไม่ได้ว่าเกี่ยวกับอะไร) แต่เขาจะจัดเป็นฐานๆไปครับแล้วแต่ละฐานจะมีตัวปั้มกับสมุดเข้างานถ้าใครป็มครบทุกฐานจะได้จับฉลากแลกรางวัลครับ พอเข้าไปในนิทรรศการปํปรู้สึกเหมือนย้อนเวลากลับไปเป็นเด็กอีกครับเลยครับ

และด้วยความมุมานะประกอบกับความงก! ได้ของรางวัลมาสมใจครับ ภูมิใจโคตรๆ ณ ตอนนั้นฮ่าๆ
[CR] [CR ] My first reviewกากๆ เที่ยวไต้หวัน by คนหลงหวัน
เวิ้นเว้อมานานเข้าเรื่องกันดีกว่า การเดินทางไปไต้หวันในครั้งนี้เป็นการเดินทางไปต่างประเทศครั้งที่ 2 ของบอมครับผม ไปในฐานะนักเรียนแลกเปลี่ยนผ่านทางคณะ(สัตวแพทยศาสตร์)เป็นระยะเวลาสิริรวม 1 เดือนครับ ซึ่งมหาลัยที่พวกผมเดินทางไปนั้นคือ National Chung Hsing University ( NCHU) ณ เมืองไทจง ซึ่งเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของไต้หวันเลยทีเดียวเชียว ซึ่งในการเดิน(ทาง)ไปเนี่ยทำให้ผมพบประสบการณ์ต่างๆมากมายจึงอยากจะมาระบาย หืมม?? มาเล่าสู่ให้ทุกๆคนได้ฟังกันครับ อ้อในส่วนของเรื่องวิชาการหรือว่าเรื่องเรียนผมไม่เน้นมากนะครับหรืออาจจะไม่มีเลยฮ่าๆ จะขอเน้นเรื่องเที่ยวเป็นหลักเนาะ
ผมเดินทางในวันที่ 24 ตุลาคม 2556 ครับ( เดินทางไปตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหาที่ 8 ทรงพระเยาว์ แต่เพิ่งจะมารีวิว) สำหรับการเดินทางไปไต้หวันของผมในครั้งนี้ต้องขอขอบคุณการบินไทยเป็นอย่างมากที่ทำให้การเดินทางของผมและผองเพื่อนในครั้งนี้ราบรื่นสะดวกโยธิน สำหรับสายการบินที่เราสามารถบินไปไต้หวันก็มีให้เลือกด้วยกันมากมายหลายสายการบินเลยทีเดียวครับ ไม่ว่าจะเป็น การบินไทยเอย China airline เอย Cathay Pacific เอย Transasia เอย ครับแต่ที่ผมเลือกการบินไทยเพราะว่าได้ตั๋วราคาถูก(ณ ตอนนั้น) มาครับ นี่ถ้ามีรถทัวร์สาย หมอชิต – ไทเปวิ่งนี่ก็คงจะตีตั๋วไปแล้วครับฮ่าๆ แต่จะถึงตอนไหนนี่ก็ไม่ทราบนะฮะ
ไต้หวันกันครับ เราลงจอดอย่างนุ่มนวลสมคำร่ำรือว่า Smooth as silk ซึ่งก่อนเครื่องบินจะลงเนี่ยกัปตันก็ประกาศว่า ขณะนี้เรา บลาๆๆๆ ซึ่งตอนนั้นพวกเรากำลังตื่นเต้นกับวิวบนพื้นดินอยู่แต่แล้ว!! มีบางสิ่งที่ทำให้พวกเราต้องตกใจก็คือ
V
V
V
“ อุณหภูมิภาคพื้นขณะนี้อยู่ที่ 20 องศาเซลเซียส” สำหรับบางคนอาจจะคิดว่ากะอีแค่ 20 องศามันจะตื่นเต้นไรนักหนาวะ แต่คุณพระ! เราเพิ่งบินมาจากไทยแลนด์แดนเตาอบ ตัวผมน่ะชอบอากาศหนาวๆอยู่แล้วแต่พอหันหน้าไปป๊ะกับเพื่อนที่มาด้วยกัน หน้านางซีดยิ่งกว่าใบหน้าของนางที่ยังไม่แต่งหน้าด้วยซ้ำ “ไม่นะ +”
เมื่อเดินออกจากตัวเครื่องแล้วผ่านพิธีกรรม เอ้ย ด่านตรวจต่างๆจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกผมก็เดินไปยังจุดนัดพบของสนามบินครับเพราะว่าเพื่อน volunteer ที่จะดูแลพวกตลอด 1 เดือนมารอรับพวกผม ณ จุดๆนี้กันครับ สิ่งแรกที่พวกเราสัมผัสได้ คืออากาศเย็นมากๆครับ อารมณ์เหมือนเอาแอร์ซักพันตัวเปิดอุณภูมิ 20 องศาเซลเซียสแล้วเป่ากระหน่ำมาที่หน้าครับ
จากสนามบินเถาหยวนเราจะมุ่งหน้าสู่ไทจงโดยรถยนต์ที่ทางมหาวิทยาลัยจัดมารับครับ ระหว่างทางจะเห็นว่าอากาศค่อนข้างหนาว(ถึงหนาวมาก) แต่เพื่อน volunteer ก็ได้ให้ขวัญและกำลังใจพวกเราครับ “หนาวใช่ป๊ะแต่เดี๋ยวพอไปถึงไถจง ก็จะอุ่นกว่านี้อีกนะ” [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ นั่งมาซักพักก็แวะหาไรใส่ท้องกัน บอกไว้ก่อนว่าภาษาจีนง่อยมากกกก จะสั่งไรกินต้องไปลากเพื่อนไต้หวันมาช่วยอธิบายแล้วก็สั่งให้ครับ โช้งเช้งๆ กันพักนึงก็ได้เจ้านี่มากินครับ
พอกินเสร็จตามมารยาท เห็นอะไรเป็นต้องสะดุดตาเป็นต้องถ่ายรูปด้วยครับ
แล้วก็นั่งหลับๆตื่นได้ซักพักก็มาถึงไทจงแล้วครับ อย่างที่เพื่อนไต้หวันบอกครับว่าอากาศจะอุ่นกว่าที่สนามบิน ซึ่งตามคาดครับอุ่นเขากับอุ่นเราช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว
ถึงแว้วไทจง แล้วเราก็มายืนเด่นเป็นสง่า ณ สถานที่ตรงหน้าดังที่เห็นในรูปครับ
หอพักของพวกผมที่จะมากบดานกันตลอด 1 เดือนที่นี่ ตอนแรกคิดว่าคงจะเป็นห้องธรรมดาๆทั่วไปครับ แต่พอเปิดประตูเข้าไปเท่านั้นแหละ พวกเราถึงกับต้องตะลึงกันเลยทีเดียว !!!!!! มันช่างหะรูหะราอันใดเช่นทูลหัวของบ่าววว
ในส่วนของจุดประสงค์หลักคือพวกเราจะเข้าฝึกในคลินิกในวันจันทร์ถึงศุกร์ตั้งแต่ 9 โมงถึง 6 โมงเย็นครับ หลังจากนั้นก้อพากันไปโอ้ลัลลา
ในวันแรกพวกเราปีกยังไม่กล้า ขายังไม่แข็งทริปแรกของพวกเราคือการเดินรอบมหาลัยครับ ><
ส่วนวันเสาร์อาทิตย์ว่างได้โอ้ลัลล้าทั้งวันเลยครับ ในการเคลื่อนพล เดินทางไปยังที่ต่างๆที่ไม่ไกลมากแล้ว เราจะใช้เจ้านี่ครับ
การเดินทางโดยการปั่นจักรยานในไต้หวันนั้นสามารถพบเห็นได้ทั่วไปครับเพราะเขาจะมีเลนสำหรับคนปั่นจักรยานโดยเฉพาะ รถใหญ่ก้อรถใหญ่ จักรยานก็จักรยาน ไม่มีการล้ำเส้นกันครับ ใครล้ำเส้นกันเจอตบครับ (อ่ะล้อเล่นนน)
แต่ถ้าระยะทางไกลเกินกว่าแรงกายและใจเราจะไปไหว รถเมล์คือคำตอบครับ ขนส่งสาธารณะบ้านเขาพูดได้เลยว่าดีเฟร่ออ คือไม่ว่าอยากจะไปที่ไหน รถเมล์ไปถึงหมดครับประมาณว่าแค่ก้าวขาออกจากบ้าน ก็ถึงที่หมายได้ไม่ยากครับ ปกติแล้วรถเมล์ที่นี่เวลาจ่ายค่าโดยสารมีสองแบบครับ แบบแรกคือ
"Easy card "
บัตรนี้เปรียบเสมือนบัตรครอบจักวาลใช้จ่ายได้หมดขอให้ร้านที่เราจะจ่ายหรือSomething ที่เราจะจ่ายมีสัญลักษณ์ Easy card ครับ แตะ ปิ๊ก จ่ายตังค์ ง่ายมั้ยล่ะครับ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของที่ Seven Familymart ขึ้นรถเมล์ ขึ้น Hi – speed train โอ๊ะ! บลาๆ อะไรมันจะง่ายเพียงนี้จอร์จจจจ
อัตราค่าโดยสารรถเมล์ของที่หากใช้บัตร Easy card เนี่ย 8 กิโลเมตรแรกฟรีครับพี่น้อง ขอขีดเส้นใต้คำว่าฟรีคร้าบ ถ้าหากว่าเลย8 กิโลเมตรก็ว่ากันไปครับ ตอนนั้นผมเติมเงินไป 100 NST ปรากฏว่าเดือนทั้งเดือนผมยังใช้เงินไม่หมดเลยครับ อ้อเวลาแตะบัตรเครื่องมันจะต้องร้องครับว่าเราขึ้นหรือลงพร้อมขอบคุณแต่ถ้าใครคนใดที่เงินในบัตรหมดเครื่องมันก็จะร้อง(หรือกรี๊ดก็ไม่แน่ใจ) ปิ๊ดดดดดดดด ดังยิ่งกว่านกหวีดของเทศกิจจับแผงลอยอีกครับประมาณว่า “เงินหมดค๊า เงินหมด จ่ายเงินค๊า” แน่นอนครับคนทุกคนในรถหยุดกิจกรรมทุกอย่าง แล้ว Focus ไปที่บุคคลที่ไร้เงินในบัตรทันที (ผมว่าหน้าผมก็หนากว่าCPAC ซะอีก เจอแบบนี้ยังรู้สึกอายเลยครับ )
แบบที่สองคือ จ่ายตังค์ตามระยะทางขอบอกว่าแพงมว๊ากกกกกก ฉะนั้นมีบัตรใช้ซะ ก่อนออกจากบ้านอย่าลืมบัตรไว้นะครับเพราะเพื่อนผมโดนมาแล้ว หึหึ
และตอนนี้ผมจะพานั่งรถเมล์ไปยังสถานที่ที่รวบรวมสิ่งของให้เราอำลากับเงินทองในกระเป๋าเรา ถึงแม้ว่าเราจะมีขันติแค่ไหนแต่หากได้ไปที่นี่ ขันแตกทุกราย ไม่เว้นผม ฮ่าๆ เอิ๊กๆ นั่นก็คือตลาด"อี จง เจีย"
ที่ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็มีแต่ของให้ ช็อป ช๋อป ช๊อปปปป ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าราคาแส๊นนนจะย่อมเยาว์ (ถ้าหากใครมีวิชามารหรือมนต์ดำใดในการต่อราคาจนคนขายยอมโดยดุษฏี ก็จะได้ราคาที่แส๊นนนจ่ย่อมเยาว์กว่านี้อีก ฟันเฟิร์มครับ!! )
ก็จะมีของหลากหลายครับ ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า นาฬิกา โอ๊!!! บลาๆๆๆ เดินมุดไปมุดมา มาโผล่ตรง Zone ขายของกินครับ เดินไปก็ปกติสุขดีนะ แต่จมูกเจ้ากรรมก็ไปสัมผัสกับกลิ่นนึงเข้า ตอนแรกก็ไม่ได้อะไรมากมาย เลยคุยกับเพื่อนว่า “สงสัยกลิ่นขยะม้างงงง” แต่ครับแต่มีคนถามว่า รู้จักเต้าหู้เหม็นมั้ย ? เท่านั้นแหละครับจากที่อยู่ไถจงอยู่ดีๆ ตอนนี้ผมมาอยู่ที่บางอ้อแล้วครับ ว่ากลิ่นที่ผมกำลังประสบพบพักตร์ ณ ขณะนี้คือสิ่งใด หึหึ เต้าหู้เหม็นครับพี่ชายยยย ภาษาจีนไม่รู้เรียกว่าอะไรแต่เพื่อนไต้หวันบอกภาษาอังกฤษว่า Stinky Tofu ครับ กลิ่นน่ะหรอครับผมบรรยายเป็นตัวอักษรไม่ถูกเลยครับทั้งกาพย์ยานีก็แล้ว โคลงสี่สุภาพเอย พรรณนาโวหารเอย หรือจะสาธกโวหารเอย บรรยายไม่ถูกกกก ฮืออออ
ทีนี้พอดีว่าอยากจะลองซื้อกินกันซักหน่อยแต่มีร้านนึงครับเค้าให้ชิมด้วยพวกเราก็ลองกินดูครับ ประโยคแรกที่ออกมาจากปากเพื่อนผมคือ "เหมือนมีอะไรมาตายในปาก!! " พร้อมกับสีหน้าที่โลกควรจดจำครับ ! ฉะนี้ภาพเต้าหู้เหม็นจึงตกรอบไปโดยปริยาย จากนั้นเห็นเจ้าเต้าหู้เหม็นเมื่อใดเป็นอันต้องขยาดทุกครั้งไปครับ ฮ่าๆ
สถานที่ต่อปาย Natural way six arts cultural center ครับ
ในช่วงที่ผมไปตรงกับที่ไทจงมีงาน Taichung Jazz Music Festival พอดีครับ บรรยากาศหนาวๆ เคล้ากับเพลงแจ๊สระรื่นหู เข้ากั๊นเข้ากันครับ โดยงานจะเริ่มในช่วงเย็นๆลากยากไปจนมืดค่ำ แต่ว่าพวกผมออกมาตั้งแต่เช้าเพราะงั้นในช่วงกลางวันจนถึงเย็นเราก็ไปเที่ยวยังสถานที่โดยรอบกันครับ ><
ซึ่งโดยสถานที่โดยรอบงานดนตรีในช่วงนั้นตรงกับนิทรรศการพอดีครับ(จำไม่ได้ว่าเกี่ยวกับอะไร) แต่เขาจะจัดเป็นฐานๆไปครับแล้วแต่ละฐานจะมีตัวปั้มกับสมุดเข้างานถ้าใครป็มครบทุกฐานจะได้จับฉลากแลกรางวัลครับ พอเข้าไปในนิทรรศการปํปรู้สึกเหมือนย้อนเวลากลับไปเป็นเด็กอีกครับเลยครับ
และด้วยความมุมานะประกอบกับความงก! ได้ของรางวัลมาสมใจครับ ภูมิใจโคตรๆ ณ ตอนนั้นฮ่าๆ