live ได้รับผลกระทบจากทีวีดิจตอลเต็มๆ สิ่งที่ผู้บริหารไม่กล้าบอก

กระทู้คำถาม
live อ้างเรื่องการจัดเรียงช่องใหม่จากทีวีดิจิตอล ที่กสทช.บังคับให้ทุกเครือข่ายต้องใส่ช่องทีวีดิจิตอลลงไปด้วย
เป็นเหตุผลหลักทำให้ผู้ประกอบการทีวีรายใหม่ชะลอการลงทุน พูดง่ายๆ คือยังไม่มาเช่าช่องทีวีดาวเทียมของ live

แต่ความจริงมีมากกว่านั้นนะครับ เท่าที่ผมทราบตอนนี้ทีวีดิจิตอลหลายช่องพยายามดูดรายการดีๆ เรตติ้งพอใช้จากพวกช่องที่ออกอากาศเฉพาะดาวเทียมเดิมไปลงช่องของตัวเอง
ทีวีดิจิตอลมี 48 ช่อง ช่องธุรกิจ 24 ช่อง ในนั้นมี HD 7 ช่อง ซึ่งผู้เล่นรายหลักในกลุ่มทีวีดาวเทียมเดิม มีช่องทีวีดิจิตอลเป็นขของตัวเองเกือบหมดแล้ว

และสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้  content เกิด over demand นอกจากเจ้าของช่องซึ่งเป็นผู้ผลิตคอนเทนต์เองอยู่แล้ว ก็ยังผลิตเนื้อหาได้ไม่เพียงพอ
อย่าลืมนะครับว่าออกอากาศ 24 ชั่วโมง ทีวีดิจิตอลเป็นฟรีทีวี ต่อไปจะมารีรันวนรายการซ้ำๆ ทั้งวันเหมือนตอนอยู่ดาวเทียมไม่ได้
แล้วคูณจำนวนช่องไป ทั้งหมด 24 ช่อง จะหารายการจากไหนมาลงได้ครบ ดังนั้นจึงมีการดึงตัวรายการต่างๆ ให้ไปลงช่องตัวเอง
ดึงพิธีกร คนทำรายการมาอยู่ช่องทีวีดิจิตอลของตัวเอง ซึ่งเมื่อก่อนอาจไปเช่าต่อช่วงเวลาจากคนที่เช่าช่องสัญญาณมาอีกที บางรายก็เช่าช่องสัญญาณเอง

นี่แหละครับเป็นสาเหตุนึงที่ทำให้ live มีรายได้ลดลง และมีแนวโน้มจะลดลงต่อเนื่อง ไตรมาสนี้เพิ่งเริ่มต้น เพราะทีวีดิจิตอลเพิ่งเริ่มออกอากาศเท่านั้นเอง
ไตรมาสต่อๆ ไป รายการต่างๆ ช่องต่างๆ ที่เคยเช่าช่องสัญญาณ จะย้ายไปเป็นส่วนนึงของช่องทีวีดิจิตอลกันหมด
ใครจะไม่อยากไปครับ ได้ออกอากาศเป็นฟรีทีวี ระบบดิจิตอล แถม กสทช. มีกฎ must carry ทำให้อัตราการเข้าถึงของผู้ชม จะสูงกว่าทีวีดาวเทียมและเคเบิลมากมหาศาล
เพราะรายการที่ออกอากาศในทีวีดิจิตอลจะรับชมได้หมดไม่ว่าคุณจะดูผ่านดาวเทียม เคเบิล หรือแค่มีเสารับรับสัญญาณธรรมดา

พอจะมองออกหรือยังครับว่าทำไม live ถึงจะผันตัวเองเป็น holding company ไปลงทุนในบริษัทอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเดิมเลย
ถ้าผู้บริหาร live คิดว่าธุรกิจให้เช่าช่องสัญญาณดาวเทียมไปได้สวย มีอนาคตไกล เขาจะกระจายความเสี่ยงไปที่ธุรกิจอื่นทำไมครับ
ธุรกิจอื่นที่ตัวเองไม่ถนัดเลย แถมยังไม่รู้แน่ชัดว่าจะไปรอดหรือเปล่า แบบนี้ไม่เรียกว่าทางเลือกในการหารายได้นะครับ
แต่เป็นการหนีตายโดยขอเสี่ยงลงทุนอะไรก็ได้มากกว่า เหมือนคนหมดหนทางแล้ว เพราะถ้าไม่ทำอะไร live ก็รอวันตายครับ
อนาคตยิ่งทีวีดิจิตอลบูมมากเท่าไหร่ หุ้นจะโดนหนักคือ live ครับ เพราะทำธุรกิจขัดแย้งกับทีวีดิจิตอลชัดเจน

ขอยกตัวอย่างเช่น ช่อง pptv hd ของกลุ่มปราสาททองโอสถ ตอนนี้ก็ดึงนักข่าว ดึงคนจากช่อง 3 ไปทำรายการข่าว ดึงผู้ผลิต โปรดิวเซอร์มากมายไปลง
เพราะตัวเองไม่มีต้นทุนอะไรเลยในด้านทีวี หรือช่อง ไทยรัฐทีวีก็มาแรง ผลิตรายการใหม่มากมาย

ตอนนี้ช่องทีวีดิจิตอลมันมีเยอะ แล้วเจ้าของแต่ละช่องก็เป็นบิ๊กๆ ทั้งนั้น สิ่งที่ขาดตอนนี้ บุคลากร รายการ แย่งชิงตัวกันอุตลุด
เดี๋ยวจะเห็นผลชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ช่วง ไตรมาส 2 3 4 ไปเรื่อยๆ รายได้หลักของ live จะหายไปจนนแทบติดลบภายในปลายปีนี้
นั่นเป็นผลเหตุผลหลักที่ผู้บริหารองเห็นตั้งแต่ปีที่แล้วที่ทีวีดิจิตอลเริ่มฟอร์มตัว ทำให้ live ตัดสินใจไปลงทุนใน strega

และกำไรที่บอกว่าจะได้ๆ จาก strega กี่สิบล้าน ที่จะเอามาบุ๊คงบต่อลมหายใจ นั่นคือตัวชดเชย
อย่าไปหวังว่านั่นคือของแถม พอมารวมกับงบหลักที่จะดีขึ้นทำให้ live มีกำไรเพิ่มเป็นเท่าโน้นเท่านี้ มันไม่มีแล้ว
ต่อไปรายได้หลักจะมาจากพวกบริษัทที่เข้าไปลงทุนนี่แหละครับ ส่วนรายได้ของธุรกิจหลักเดิมจะแทบหายไปแล้ว
ดังนั้นเท่ากับว่าพวกคุณไปฝากความหวังไว้ที่ธุรกิจใหม่อย่างเดียว ซึ่งมีความเสี่ยงสูงมาก สูงกว่าธุรกิจเดิมเพราะ

1. live ไม่มีความชำนาญ แทบจะไม่ได้บริหารเอง ต้องไปเรียนรู้ใหม่หมด
2. ถ้าธุรกิจใหม่ไม่รอด นั่นเท่ากับว่า live หมดตัวช่วยสุดท้าย
3. มีความเสี่ยงสูง เพราะไม่สามารถวิเคราะห์หรือคาดเดาธุรกิจใหม่ได้เลย

ลำพังแค่ธุรกิจเดิมก็มีความเสี่ยงมากพอแล้ว แต่ยังพอวิเคราะห์ได้เพราะมีการดำเนินงานมายาวนาน มีตัวเลขและข้อมูลต่างๆ
ที่สำคัญเป็นความถนัดของ live เอง แต่นี้เหมือนเพิ่มความเสี่ยงเป็น 2 เท่า เป็นการยืมจมูกคนอื่นหายใจ
ผมต้องขอโทษที่จะพูดตรงๆ ว่าผมมองไม่เห็นอนาคตของ live ครับ ต่อให้ถ้าผมรักความเสี่ยง ถ้ามีมีเงินผมขอไปเสี่ยงกับหุ้นตัวอื่นที่ยังพอให้มีลุ้นบ้างดีกว่า
ตอนนี้ n-park กับ iec ยังดูดีกว่าเลยครับ ถือไว้ 2-3 ปียังลุ้นได้บ้าง แม้แต่ gjs ที่ติดกรงอยู่ ยังน่าลุ้นกว่าตั้งเยอะ

ผมเคยคิดเล่นๆ ว่าทำไมผู้บริหารไม่ลองไปดึงนักธุรกิจดังๆ มาร่วมทุน หรือขายกิจการไปเลย อย่างน้อยก็ไม่เจ็บตัว ยังพอเสมอตัวหรือได้กำไรบ้าง
พอผมลองมาคิดต่อ ถ้าผมเป็นเสี่ยเจริญ คุณตัน คุณวิชัย หรือนักธุรกิจดังๆ รวยๆ ก็คงไม่เอาหรอกครับ ถ้ามีเงินเหลือร้อนล้าน พันล้านตอนนี้แล้วอยากทำทีวีไว้โปรโมทสินค้าตัวเอง
ผมกำเงินแล้วไปหาพวกที่ประมูลทีวีดิจิตอลได้ดีกว่า ภาษีดีกว่าเยอะในทุกๆ ด้าน ช่องทีวีดาวเทียมตอนนี้เหมือนของเด็กเล่นไปแล้วครับ
เอาไว้ขายพวก อกฟูรูฟิตอย่างเดียว หรือไม่ก็เอาไว้ให้คนบ้าทำรายการเล่นๆ เหมือนช่อง hot tv
ตอนนี้เจ้าของช่องทีวีดิจิตอลต้องการพาร์ทเนอร์อยู่แล้วครับ ทั้งผู้ร่วมทุนและผู้ผลิตคอนเทนต์

เหมือนช่อง 3 7 9 ผมนึกไว้นานแล้วครับว่าพวกนี้รายได้ลดแน่นอน เพราะเมื่อก่อนไม่มีคู่แข่ง เหมือนเสือนอนกิน
มูลค่าตลาดโฆษณามันเท่าเดิม แต่อนนี้มีตัวแบ่งมากขึ้น ต่อให้ช่องเดิมพวกนี้แกร่งแค่ไหน ก็ต้องถูกเฉือนเนื้อไปคนละนิดละหน่อยอยู่ดีครับ
ส่วนพวกช่องใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น พวกนี้ต้นทุนไม่สูง เพราะแต่เดิมรายได้ก็ไม่ได้เยอะ แต่มาได้ส่วนแบ่งจากตรงนี้ และถ้าทำทีวีดีๆ คนดูติด ส่วนแบ่งก็จะมากขึ้น
อาณาจักรฟรีทีวี มูลค่าตลาดมันสูงครับ ได้ market share มานิดนึง เท่ากับเม็ดเงินมหาศาล ต่างจากที่เคยได้จากทีวีดาวเทียมลิบลับ

live ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ก็ทยอยขายออกไปแล้ว ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ไปเช็คข่าวย้อนหลังดูนะครับ
เหลือแต่พวกรายย่อยนี่แหละครับที่ยังเกาะกันอยู่ เล่นหุ้นอย่ายึดติดกับตัวหุ้นครับ สิ่งสำคัญที่สุดคือเราต้องได้กำไร ไม่เกี่ยงว่าจะเล่นตัวไหน
ถ้าไปหลงรัก ยึดติดกับหุ้นตัวใดตัวนึงมากๆ นั่นอาจเป็นจุดจบของการเล่นได้ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่