ความรัก, การให้อภัย และความไว้ใจ ที่ควรจะหยุดหรือดำเนินต่อจนกว่าจะไม่ไหวครับ

ความรัก, การให้อภัย และความไว้ใจ ที่ควรจะหยุดหรือดำเนินต่อจนกว่าจะไม่ไหวครับ
      ผมได้เจอน้องบี (นามสมมุติ) ผ่านทางระบบ social ในมือถือ เมื่อเดือน พย 2013 หลังจากได้คุยไปสักระยะผมรู้สึกว่าน้องบีเค้าคงจะชอบผม เราคุยโทรศัพท์กันวันนึงหลาย ชั่วโมง ผมไม่เคยเบื่อและดีใจทุกครั้งที่ได้คุยกัน จนผ่านมาประมาณ เดือนกว่า เราจึงได้เจอตัวจริงกัน น้องบีพูดหลายประโยคที่ทำให้ผมใจอ่อนและรู้สึกได้ว่าเค้าคงจะชอบผมจริงๆ เช่น ผมไม่อยากเป็นตัวสำรองใคร, พี่คงไม่ชอบผมแน่เลย, เดี๋ยวพี่ก็ทิ้งผมไปแบบคนอื่นๆ ......
หลังจากเจอกันครั้งแรก เราก็ได้เจอกันอีก 2 ครั้ง ก่อนที่ผมจะลงไปทำงานที่ ตจว ก่อนอื่นผมต้องบอกก่อนว่าผมต้องทำงานต่อเนื่องกัน 14 วันแล้ว หยุดอีก 14 วัน และน้องบีอายุอ่อนกว่าผม 10 ปี ผมและน้องเค้าเป็นผู้ชายรักผู้ชายนะครับ ครั้งที่สามเจอกัน เราไปเดินห้างกันแล้วน้องบีก็พูดขึ้นมาว่าอยากได้ตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ ซึ่งน้องบีพักอยู่ไกลจากห้างมาก แล้วก็ไม่มีรถที่จะขนตุ๊กตากลับไปที่พักของน้อง ผมเลยบอกเค้าว่า งั้นพี่ลงมาคราวหน้า เอารถที่บ้านมาแล้วค่อยมาซื้อได้ไหม ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นน้องบีงอนผม เดินหนี จนผมต้องเดินตามเพื่อตามง้อ และในที่สุดก็ซื้อตุ๊กตาตัวนั้นให้ โดยน้องเค้าจะแบกกลับรถเมล์เอง มันเป็นจุดเริ่มต้นที่ผมเห็นถึงความ เอาแต่ใจตัวเองของเค้า แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไร
     จนผมลงไปทำงานและกลับขึ้นมา กทม อีกครั้ง คราวนี้ผมได้ชวนน้องไปเที่ยวหัวหิน ระหว่างขับรถไปหัวหิน ก็มีบทสนทนาอันนึงซึ่งนำมาถึงการทะเลาะครั้งแรก น้องเอ่ยปากว่าอยากไปนั่งเครื่องบินไปเที่ยว ด้วยความที่ผมเป็นคนตรงไปตรงมา และไม่อยากให้ใครมาคบเพื่อเงิน ผมจึงบอกน้องไปว่างั้นเราเก็บเงินครึ่งนึง พี่ออกให้ครึ่งนึง แค่นั้นแหละ น้องบีพูดประชดมาว่าให้คนอื่นพาไปก็ได้ แล้วงอนผมตลอดทางไปหัวหิน จนมาถึง รร ก็ได้เครียร์กัน  ผมพูดกับเค้าว่าพี่ไม่อยากรู้สึกว่าคนที่มาคบด้วยเพื่อเงิน ไม่ได้รัก มันรู้สึกเจ็บ แต่น้องเค้าพูดว่าเค้าอยากคบคนที่ดูแลเค้าได้ งั้นพี่ก็ไปหาคนที่เค้าอายุใกล้เคียงกันดีกว่า
     วันต่อมาระหว่างไปกินข้าวเย็น ได้เดินไปดูที่ร้านอาหารทะเลแห่งนึง น้องเค้าพูดขึ้นมาว่าแพงจัง ผมก็บอกว่าอืมแพง อยากกินอะไรละ แล้วเราก็เปิดดูเมนูหน้าร้านอยู่พักนึง (ผมยอมรับว่าผมเป็นคนใช้เงินอย่างประหยัดและคิดนานกว่าจะตัดสินใจซื้ออะไร) อยู่ดีๆน้องเค้าก็บอกว่า ไปกินร้านอื่นก็ได้ ผมก็ถามเค้ารอบที่สองอยากกินอะไร เค้าก็ไม่ตอบ ดูสีหน้าเปลี่ยน ผมก็เลยเดินเข้าไปในร้าน จนสั่งอาหารมา เค้าก็เงียบ ไม่ยอมกิน นั่งเล่นโทรศัพท์ ทำให้ผมต้องง้อเค้าจนกินอาหารได้ หลังจากนั้นระหว่างเดินกลับมาที่รถ เค้าพูดขึ้นว่า เค้ารู้สึกอึดอัด ถ้ารู้ว่ามันแพงก็ไม่ต้องกิน พอเข้ามาในรถ เค้าก็บอกว่าเราไม่ต้องคบกันหรอก คงไปด้วยกันไม่ได้
     ช่วงระหว่างที่รู้จักกันแรกๆ มี หลายอย่างที่ผมเริ่มรู้สึกว่าเค้าพูดโกหกผม เช่นเรื่องทำงานหารายได้เสริม (ทำจริง แต่เลิกทำไปแล้วหลังที่คุยกับผมแต่ยังบอกว่าทำอยู่) เรื่องเพื่อนที่นอนอยู่ที่หอพัก แต่ผมก็ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะคิดว่าเค้าคงมีเหตุผลของเค้า
หลังจากที่ผมขึ้น กทม มาครั้งที่สามหลังจากทำงาน ครั้งนี้ผมได้มีโอกาสไปนอนที่ห้องพักเค้าครั้งแรก ซึ่งทำให้ผม งงว่าเพื่อนที่เค้าบอกอยู่กับเค้าที่ห้อง แต่กลับไม่มีข้าวของของเพื่อนเลยสักชิ้นเดียว จนถึงช่วงที่ต้องจ่ายค่าห้องสิ้นเดือน ผมก็บอกน้องเค้าว่าจะช่วยออกให้ครึ่งนึง แล้วเค้าก็บอกผมว่าเพื่อนที่แชร์ค่าห้องยังไม่โอนเงินมาให้เลย จนในที่สุดผมก็ออกค่าห้องให้น้องบีทั้งหมด ซึ่งผมเองมารู้ทีหลังว่าคนที่ออกค่าห้องให้ครึ่งนึงนั้นคือแฟนเก่าเค้า
     บ้านน้องบีไม่ได้ส่งเงินมาให้นานแล้วซึ่งตั้งแต่ปี 1 น้องบีอาศัยอยู่กับบ้านคนที่คบด้วยตลอด (เมื่อสองอาทิตย์ก่อน (พค 2014) ผมได้มีโอกาสไปบ้านน้องบีที่ ตจว และได้พบกับแม่ของน้องบี ทำให้ผมรู้ว่าฐานะทางบ้านของน้องก็ไม่ดีนัก) จนในที่สุดตั้งแต่เดือน กพ 2014 ผมก็ให้เงินน้องบีใช้เป็นรายอาทิตย์ ออกค่าหอให้ ทุกครั้งช่วงที่ไปเจอกันก็ซื้อของใช้ให้ เสื้อผ้า หรือของที่เค้าอยากได้ บางครั้งเค้าก็งอนผม เดินหนี เพียงเพราะผมไม่ได้ซื้อของที่เค้าอยากได้ให้ และทำให้ทะเลาะกัน
     ช่วงแรกๆๆ ผมเริ่มรู้สึกหลายครั้งว่าเค้าคบผมเพียงเพื่อเงินหรือเปล่า ผมส่งการ์ดในมือถือทำให้เค้า ให้กำลังใจเค้าบางเรื่อง แต่ดูเหมือนเค้าไม่ค่อยจะซาบซึ้งเท่าไหร่ ต่างจากการซื้อของให้ที่ดูจะพูดจาไพเราะและซาบซึ่งมากกว่า ครั้งนึงช่วงที่เค้าต้องทำรายงานส่ง ผมขึ้นมา กทม เค้าก็ขอให้ผมมาช่วยเค้า ด้วยความที่ผมไม่ได้เรียนมากับเค้า และเหนื่อยจากการเดินทาง ทำให้ผมก็นั่งคิด นั่งหาอยู่นาน ไม่ได้เริ่มพิมพ์ เค้าก็มาโมโหใส่ผมว่า เออๆออกไปเดี๋ยวพิมพ์เอง ซึ่งตอนนั้นผมก็เซ็งที่ทำไมไม่พูดดีๆกัน แต่ผมก็ใจเย็นและช่วยเค้าต่อไป น้องบีเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเองมาก อยากได้ต้องได้ รออะไรไม่ได้ ใจร้อน เหวี่ยงง่ายถ้าพูดอะไรไม่ถูกใจ แต่พอบ่นจะดีเค้าก็ดีและน่ารักจนน่าใจหาย
     แต่ด้วยความที่ผมรักเค้า ผมก็มองในแง่ดีมาตลอด และไม่ได้คิดว่ามันเป็นปัญหา แต่ปัญหาเดียวที่ผมรู้สึกว่ามันเจ็บเกินไปคือการนอกใจของเค้าในระหว่างที่เค้าคบกับผม มาประมาณ 4-5 เดือน พฤติกรรมแรกๆที่ผมสังเกตุเห็นคือ โดยปกติผมเค้าจะรับโทรศัพท์ผมตลอด หรือไม่ก็ไม่นานเค้าจะโทรกลับ และช่วง 2-3 ครั้งในวันที่ผมเดินทางจาก กทม เพื่อลงมาทำงานที่ ตจว ตั้งแต่เย็นวันนั้น ทั้งคืน (บางครั้งติดแต่ไม่มีคนรับ บางครั้งเครื่องปิด) จนถึงเช้า ผมติดต่อเค้าไม่ได้เลย แรกๆผมยอมรับ ผมเริ่มกังวล และกระวนกระวายใจ โดยโทรตามจิกเค้า จนในที่สุดผมเริ่มรู้มาว่าที่เค้าหายไปคือไปนอนค้างกับผู้ชายคนอื่น แรกๆ ผมยังไม่พูดตรงๆว่าผมรู้ว่าเค้าไปค้างกับคนอื่นมา ผมพูดกับเค้าว่าทำไมไม่รับโทรศัพท์ คำตอบที่ได้คือ ไม่รับคือไม่ว่าง ถ้าโทรศัพท์มันมีปัญหามากนักก็เลิกใช้มันเลย
     โดยปกติระหว่างที่ผมอยู่ที่ ตจว ผมก็จะโทรหาเค้าหรือเค้าโทรมาหาทุกคืน มันก็มีบางคืนที่เค้าไม่รับสาย ทั้งคืน ซึ่งทำให้รู้ว่าเค้าไปหาคนอื่น ช่วงแรกน้องบีเลิกเล่นโปรแกรมหาคู่ในมือถือไปแล้ว แต่หลังๆ ผมเริ่มเข้าไปดูและพบว่าเค้ายังเล่นอยู่อีก หลังๆผมคุยกับเค้าตรงๆ ว่าที่หายไปคือไปกับคนอื่นมาใช่ไหม ซึ่งผมก็พูดเพื่อให้เค้าบอกความจริงให้ได้ แต่เค้าก็ไม่ยอมรับ ทุกครั้งที่ทะเลาะกันเค้าก็จะเริ่มแสดงอาการโมโห ขู่เลิกผม บอกว่าผมเยอะ น่ารำคาญ ซึ่งมันทำให้ผมเสียใจทุกครั้ง แต่บางครั้งเค้าก็เหมือนรับฟัง และรับปากว่าจะพยายามลด เค้ายอมรับว่าเค้าเจ้าชู้ และยังไม่มีความซื่อสัตย์เพียงพอ แต่ทุกครั้งที่เค้ารับปากผม อีก 1-2 วันผมก็รู้มาว่าเค้าก็ยังกลับไปคุยกับคนอื่นๆๆอีก ซึ่งมีทั้งคนที่คบซ้อน (มีทั้ง 1 เดือน และ 2-3 เดือนเลิก) และคนที่คบผ่านๆอีกหลายคน
     ผมก็ได้แต่อดทนและรอดูหวังเพื่อว่าเค้าจะเปลี่ยน แต่ดูเหมือนเค้าจะรับปากผมไปอย่างนั้นเอง หลายครั้งที่ผมเครียร์กับเค้า มีทั้งที่พูดอ้อมๆ พูดตรงๆ เอ่ยถึงบุคคลที่สามที่ผมรู้มาว่าเค้าคบซ้อน พอผมเริ่มพูดเค้าก็จะมามุกเดิมคือ เริ่มแสดงอาการโมโห ขู่เลิกผม บอกว่าผมเยอะ น่ารำคาญ
     ครั้งนึงระหว่างที่ผมทำงานอยู่ที่ ตจว หลังจากทะเลาะกันผมบอกว่าถ้าคราวนี้รู้ว่ายังนอกใจอีก พี่คงต้องเลิก และเค้าก็รับปากผม แต่เพียงอีก 2 วัน เค้าก็นัดผู้ชายอีกคนและหายไปทั้งคืน และผมติดต่อเค้าไม่ได้ทั้งคืน ผมถามเค้าว่าเมื่อคืนไปไหนมา เค้าบอกว่าไปเที่ยวกับเพื่อน ผมพยายามพูดเพื่อให้เค้ายอมรับความจริงว่าไปหาใครมาใช่ไหม พอผมเริ่มพูด เค้าก็มาแบบเดิมๆๆ คือ เริ่มแสดงอาการโมโห ขู่เลิกผม บอกว่าผมเยอะ น่ารำคาญ ผมเสียใจมาก  ผมพูดกับเค้าว่าความไว้ใจผมหมดไปแล้ว เพียงแค่ 2 วันที่รับปากพี่ บีก็กลับไปทำแบบเดิมอีก ยังไม่ถึง 7 วัน เดือนนึงแล้วพี่จะเชื่อใจได้อย่างไร ว่าจะเปลี่ยนจริง เป็นครั้งแรกที่ผมกับเค้าไม่ได้คุยกันเลย 4-5 วัน จนถึงวันที่ผมกลับมา กทม ผมก็อดที่จะไปง้อเค้าไม่ได้และกลับมาคืนดีกันเหมือนเดิมอีก
ช่วงสงกรานต์ผมต้องลงมาทำงานที่ ตจว เค้าบอกผมตอนที่ผมอยู่ กทม หลายครั้งมากว่าเค้าจะกลับบ้านที่ ตจว คงจะไปเล่นสงกรานต์ที่บ้าน ผมก็เชื่อว่าเค้าคงกลับจริง โดยบอกผมว่าขอเงินเพิ่มเพื่อจะกลับบ้าน แต่ก็รู้ว่าเค้าโกหกผมตอนวันสงกรานต์ 13-15 จริงๆแล้วไม่ได้กลับแต่ไปเล่นสงกรานต์ที่สีลม และยังนัดเจอคนอื่นอีกหลายคน
     ช่วงที่ผมขึ้นมา กทม 14 วัน ผมก็จะกลับบ้าน ตจว ไปอยู่กับแม่ผม 7 วัน และอยู่กับเค้าที่หอพักอีก 7 วัน โดยผมจะไปๆมาๆ คืออยู่กับเค้า 3-4 วันบ้าง 2 วันบ้าง วันแรกๆที่อยู่ด้วยกันก็จะดี มีบางวัน หลายครั้งที่มีโทรศัพท์เข้ามาเค้าจะออกไปคุยนอกระเบียงแต่ไม่นาน ซึ่งมันแปลกมาก ถ้าเป็นเพื่อนหรือแม่เค้า เค้าจะคุยต่อหน้าผมได้อย่างสบายใจ พอเค้ากลับมาจากระเบียง เค้าก็มีท่าทีและอารมณ์ที่เปลี่ยนไป เหมือนกับว่าคนที่คบซ้อนสงสัย ผมก็รู้ทันทีว่าเค้าไปคุยกับคนที่เค้าคบซ้อนมาอยู่ พอผมถามเค้า ก็นำมาสู่การทะเลาะที่ขู่เลิก บอกผมว่าผมเยอะ น่ารำคาญ แล้วในที่สุดผมก็ต้องง้อเค้า  บางอารมณ์อยู่ดีๆก็นึกจะไล่ผมก็ไล่ เอาแต่ใจว่ากลับไปได้แล้วเค้าอยากอยู่คนเดียว
     ตอนนี้ผมลงมาทำงานที่ ตจว ทุกครั้งในวันเดินทางผมก็จะทุกข์ทุกครั้งว่าคืนที่ผมเดินทาง ผมจะติดต่อน้องบีได้ไหม เค้าจะไปหาใครอีกหรือเปล่า คืนนั้นผมติดต่อเค้าได้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นว่าเค้าคงจะดีขึ้น แต่ผมก็มารู้เมื่อไม่กี่วันนี้เองว่าเค้าก็เริ่มไปคบซ้อนกับคนอื่นอีกคุยมาไม่นานก่อนที่ผมจะลงไปทำงาน เค้าทำทุกอย่างแนบเนียนขึ้นกว่าเดิมเพื่อไม่ให้ผมรู้ ตอนนี้ผมเริ่มสับสน เครียด ไม่รู้จะไปย่างไรต่อ เค้าไม่เคยคิดจะหยุดเลย ด้านล่างเป็นบทสนทนาช่วง 3 วันก่อนที่ผมคุยกับเค้า ก่อนที่ผมจะรู้ว่าเค้ายังคงหาคนอื่นคบอยู่อีกระหว่างที่ผมลงมาทำงานคราวนี้
ก่อนหน้าที่จะเริ่มคุยไลน์ตามด้านล่างนี้ มีคุยโทรศัพท์กันเค้าบอกว่าจะไปเวียนเทียนเย็นนี้กับเพื่อน  และพูดบอกว่าเงินเหลืออยู่แค่ 200 เดี๋ยวไปซื้อของที่ 7-11 อีก ไปเจอเพื่อนที่วัด ประมาณว่าเงินไม่พอ แต่ผมก็คิดในใจและไม่ค่อยจะเชื่อว่าเขาจะไปเวียนเทียนจริงหรือป่าว แต่ก็จะโอนไปให้เค้าแต่ถามเค้าว่า
16:27 ผม : เงินที่จะโอนให้ใช้จนถึงวันที่ 23 พคได้ไหม?
16:29 ผม : จะไปทำบุญที่วัดไหน ถ้าบีไปเวียนเทียนพี่ก็ดีใจที่จะไปทำบุญ
และสิ่งที่เค้าตอบผมมา
17:03 b ไม่ต้องโอนมาละ
17:03 b แค่นี้แหละ
17:04 b เยอะตลอด
17:05 b ไม่ใหก็บอกไม่ให้ ไม่มีก็บอกไม่มี
17:05 b ไม่เห็นต้องเยอะ
17:07 b มีปัญหาหลายครั้งละนะ
17:09 b ไม่มีจะกินหรอกเลยโทรไปขอ
17:11 b ครั้งที่แล้วก็เรื่องโอนตังเนียแหละ
17:11 b แค่ตอบมาว่าตอนนี้ไม่มี หรือว่าไม่อยากโอนให้ก็จบ
17:12 b ชอบมาเยอะ
17:13 b ทำไมต้องมาเยอะ
20:33 b เงียบให้ตลอดนะ
     ผมให้เงินเค้าใช้ทุกอาทิตย์ตลอด มีบ้างบ้างครั้งที่ผมอาจจะให้เค้าช้า 1-2 วัน แต่ก็ไม่เคยขาด หลังจากที่ผมอ่านไลน์เค้า ผมรู้สึกเสียใจมากครับ เค้าใช้อารมณ์ตลอดเวลา เอาแต่ใจตัวเอง ไม่ค่อยจะแคร์ความรู้สึกผมสักเท่าไหร่ว่าผมจะเจ็บกับคำพูดที่เค้าพูดมา เคยคุยกันหลายครั้งบอกให้คุยกันด้วยเหตุผล แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นแบบเดิม แต่อย่างที่ผมบอกคือผมก็ไม่แคร์ อะไรมากในเรื่องนี้ แต่สิ่งที่ผมเสียใจและเจ็บสุดๆๆๆ คือเรื่องที่ผมรับรู้หลังจากไลน์ครั้งนี้ว่าเค้ายังคงหาคนใหม่คบซ้อนอยู่
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่