เรื่อง ขอเพิ่มรายชื่อบุตรเข้าในทะเบียนบ้าน อำเภอสัตหีบ จังหวีดชลบุรี
บุตรของดิฉันเกิดต่างประเทศ มีเอกสารสูติบัตรการเกิดตัวจริงจากสถานฑูตไทย ณ กรุงออตาว่า ประเทศแคนาดา รับรองสัญชาติไทย และ เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ได้ให้เจ้าบ้านไปทำเรื่องให้ที่อำเภอ ทางพนักงานให้ขึ้นมาพบกับปลัด ปลัดดูเอกสารบอกว่าทำไม่ได้ต้องมีคนมารับรองพร้อมแม่เด็ก แต่ทางเจ้าบ้านซึ่งได้เตรียมเอกสารตามที่ สำนักบริหารการทะเบียนจากกรมการปกครองแนะนำมาทุกอย่าง. ตามด้านล่างนี้
การเพิ่มชื่อและรายการบุคคลเข้าในทะเบียน
กรณีคนสัญชาติไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ หรือเกิดในต่างประเทศแล้วเดินทางกลับเข้ามา ในประเทศไทย ทั้งที่มีหลักฐานแสดงว่า เป็นคนไทย
ผู้มีหน้าที่แจ้ง
ได้แก่ เจ้าบ้าน หรือผู้ขอเพิ่มชื่อ บิดา หรือมารดา กรณีผู้ขอเพิ่มชื่อเป็นผู้เยาว์ หรือผู้อุปการะ เลี้ยงดู กรณีเด็กอนาถา
สถานที่ยื่นคำร้อง
ได้แก่ สำนักทะเบียนอำเภอ หรือสำนักทะเบียนท้องถิ่นที่ผู้ขอเพิ่มชื่อมีภูมิลำเนาอยู่ในปัจจุบัน
เอกสารที่ใช้ในการติดต่อ
กรณีมีหลักฐานมาแสดง
1. บัตรประจำตัวเจ้าบ้านหรือผู้แจ้ง
2. สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน
3. รูปถ่ายผู้ขอเพิ่มชื่อ 1 รูป (กรณีผู้ขอเพิ่มชื่ออายุเกิน 7 ปี)
4. ทะเบียนบ้านหรือสำเนาทะเบียนบ้านฉบับปีพ.ศ. 2499 , พ.ศ. 2515 หรือ พ.ศ. 2526
5. ใบสูติบัตร (แบบเดิมซึ่งไม่มีเลขประจำตัวประชาชน)
6. ใบแจ้งการย้ายที่อยู่ (แบบเดิมจึงไม่มีเลขประจำตัวประชาชน)
สรุปว่าเจ้าบ้านไม่สามารถดำเนินการได้และปลัดไม่มีเอกสารใดๆให้กรอกเพื่อรับเรื่องเลยย
เมื่อวันที่ 14 พ.ค. ดิฉันซึ่งเป็นมารดาพร้อมบุตร เจ้าบ้าน และพยาน(ราชการชั้น. C7). ได้เดินทางไปที่อำเภอเพื่อดำเนินเรื่องอีกครั้ง
10.00 น. พบเจ้าหน้าที่_เจ้าหน้าที่บอกให้ไปหาปลัดชั้นสอง_ปลัดไม่อยู่_ให้มาอีกทีเที่ยง_
12.00น.ทุกคนมาพร้อมกันอีกครั้ง นั่งรอปลัดกินข้าว12.45น.เข้าไปเจอปลัด
ปลัดดูเอกสาร_ถามข้อมูลไปเรื่อยเปื่อย_เกิดที่ไหน_ใครเป็นพ่อ_ใครเป็นแม่_ดูเอกสารหลายรอบ_ยกหูโทรศัพท์ถามพนักงานที่ชื่อยุ้ย_และเขียนในกระดาษA4ให้ สามสี่ข้อ_ในนั้นให้กลับไปเอาพาสปอร์ตมาแปลแล้วนำไปให้ใหม่_ให้ลงไปหาพนักงานข้างล่างเพื่อตรวจสอบเอกสาร
รออีกครั้ง13.15น._พบพนักงาน_ดิฉันส่งใบกระดาษที่ปลัดเขียนให้_พนักงานไม่ได้ดูหรือตรวจสอบเอกสารของดิฉันเลย_แต่กลับเขียนใส่กระดาษA4มาเพิ่ม_ว่า_รูป 1นิ้ว สามรูป พอจะชี้แจ้งเอกสารทางสำนักการทะเบียนว่าเด็กอายุไม่ถึง7ปีไม่ต้องใช้รูป_พนักงานไม่ฟัง_หยิบเอาสมุดที่มีรูปคนแก่ๆมาขอเพิ่มชื่อให้เราดูอีก
จากนั้นเดินขึ้นมาหานายอำเภอที่ห้อง_แต่เด็กหน้าห้องให้มาพบกับปลัดอาวุธโสและในห้องนั้นมีปลัดคนที่ดิฉันพบตอนแรกกับพนักงานอื่นๆอยู่ด้วยเกือบสิบกว่าคน_ปลีดอาวุธโสได้แต่พูดว่ากรณีแบบนี้บางทีตรวจสอบเป็นเดือนบางทีถึงสามเดือน_ให้กลับมาถ่ายรูป ยังถามอีกว่าถ่ายรูปมันยากหนักหรือไง_เตรียมหลักฐานใหม่_พูดวกไปวนมา_สรุปให้พนักงานมาเขียนเอาหลักฐานเพิ่มอีก_พร้อมทั้งให้ไปหาผู้ใหญ่บ้านและกำนันมาเซ็นรับรอง
ปัญหาของดิฉัน คือ การที่มีหลักฐานตามที่สำนักทะเบียนบอกมาไม่เพียงพอหรืออย่างไร_ต้องเสียเวลาไปหลายรอบ เรื่องน่าจะเสร็จตั้งแต่ให้เจ้าบ้านไปแจ้งแล้วด้วยซ้ำ หรือว่าต้องขึ้นอยู่กับรายบุคคล และรูปถ่ายของเด็กที่อายุไม่ถึง7ปี ในระเบียบไม่ได้บอกให้มี (ถ้าจะมีจริงๆทำไมปลัดไม่บอกให้หมดมาตั้งแต่แรก) เพราะดิฉันมีเอกสารสูติบัตรด้วยจริงไป และทางอำเภอไม่มีเอกสารการรับเรื่องใดๆให้ดิฉันเลยเกรงว่าไปอีกจะไม่ได้เรื่องอีกเช่นเคย
ปล.ดิฉันได้ทำเรื่องร้องเรียนไปที่ 1111 สำนักนายกรัฐมนตรีและได้สอบถามและร้องเรียนไปทางสำนักงานทะเบียน กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย อีกครั้งหลังจากไปที่อำเภอแล้วไม่มีการดำเนินการใดๆให้เลย
ศิริ
เบื่อกับการทำงานห่วยๆของราชการบางคน. อยากให้นายอำเภอมาอ่านเจอบางคงจะดี
บุตรของดิฉันเกิดต่างประเทศ มีเอกสารสูติบัตรการเกิดตัวจริงจากสถานฑูตไทย ณ กรุงออตาว่า ประเทศแคนาดา รับรองสัญชาติไทย และ เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ได้ให้เจ้าบ้านไปทำเรื่องให้ที่อำเภอ ทางพนักงานให้ขึ้นมาพบกับปลัด ปลัดดูเอกสารบอกว่าทำไม่ได้ต้องมีคนมารับรองพร้อมแม่เด็ก แต่ทางเจ้าบ้านซึ่งได้เตรียมเอกสารตามที่ สำนักบริหารการทะเบียนจากกรมการปกครองแนะนำมาทุกอย่าง. ตามด้านล่างนี้
การเพิ่มชื่อและรายการบุคคลเข้าในทะเบียน
กรณีคนสัญชาติไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ หรือเกิดในต่างประเทศแล้วเดินทางกลับเข้ามา ในประเทศไทย ทั้งที่มีหลักฐานแสดงว่า เป็นคนไทย
ผู้มีหน้าที่แจ้ง
ได้แก่ เจ้าบ้าน หรือผู้ขอเพิ่มชื่อ บิดา หรือมารดา กรณีผู้ขอเพิ่มชื่อเป็นผู้เยาว์ หรือผู้อุปการะ เลี้ยงดู กรณีเด็กอนาถา
สถานที่ยื่นคำร้อง
ได้แก่ สำนักทะเบียนอำเภอ หรือสำนักทะเบียนท้องถิ่นที่ผู้ขอเพิ่มชื่อมีภูมิลำเนาอยู่ในปัจจุบัน
เอกสารที่ใช้ในการติดต่อ
กรณีมีหลักฐานมาแสดง
1. บัตรประจำตัวเจ้าบ้านหรือผู้แจ้ง
2. สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน
3. รูปถ่ายผู้ขอเพิ่มชื่อ 1 รูป (กรณีผู้ขอเพิ่มชื่ออายุเกิน 7 ปี)
4. ทะเบียนบ้านหรือสำเนาทะเบียนบ้านฉบับปีพ.ศ. 2499 , พ.ศ. 2515 หรือ พ.ศ. 2526
5. ใบสูติบัตร (แบบเดิมซึ่งไม่มีเลขประจำตัวประชาชน)
6. ใบแจ้งการย้ายที่อยู่ (แบบเดิมจึงไม่มีเลขประจำตัวประชาชน)
สรุปว่าเจ้าบ้านไม่สามารถดำเนินการได้และปลัดไม่มีเอกสารใดๆให้กรอกเพื่อรับเรื่องเลยย
เมื่อวันที่ 14 พ.ค. ดิฉันซึ่งเป็นมารดาพร้อมบุตร เจ้าบ้าน และพยาน(ราชการชั้น. C7). ได้เดินทางไปที่อำเภอเพื่อดำเนินเรื่องอีกครั้ง
10.00 น. พบเจ้าหน้าที่_เจ้าหน้าที่บอกให้ไปหาปลัดชั้นสอง_ปลัดไม่อยู่_ให้มาอีกทีเที่ยง_
12.00น.ทุกคนมาพร้อมกันอีกครั้ง นั่งรอปลัดกินข้าว12.45น.เข้าไปเจอปลัด
ปลัดดูเอกสาร_ถามข้อมูลไปเรื่อยเปื่อย_เกิดที่ไหน_ใครเป็นพ่อ_ใครเป็นแม่_ดูเอกสารหลายรอบ_ยกหูโทรศัพท์ถามพนักงานที่ชื่อยุ้ย_และเขียนในกระดาษA4ให้ สามสี่ข้อ_ในนั้นให้กลับไปเอาพาสปอร์ตมาแปลแล้วนำไปให้ใหม่_ให้ลงไปหาพนักงานข้างล่างเพื่อตรวจสอบเอกสาร
รออีกครั้ง13.15น._พบพนักงาน_ดิฉันส่งใบกระดาษที่ปลัดเขียนให้_พนักงานไม่ได้ดูหรือตรวจสอบเอกสารของดิฉันเลย_แต่กลับเขียนใส่กระดาษA4มาเพิ่ม_ว่า_รูป 1นิ้ว สามรูป พอจะชี้แจ้งเอกสารทางสำนักการทะเบียนว่าเด็กอายุไม่ถึง7ปีไม่ต้องใช้รูป_พนักงานไม่ฟัง_หยิบเอาสมุดที่มีรูปคนแก่ๆมาขอเพิ่มชื่อให้เราดูอีก
จากนั้นเดินขึ้นมาหานายอำเภอที่ห้อง_แต่เด็กหน้าห้องให้มาพบกับปลัดอาวุธโสและในห้องนั้นมีปลัดคนที่ดิฉันพบตอนแรกกับพนักงานอื่นๆอยู่ด้วยเกือบสิบกว่าคน_ปลีดอาวุธโสได้แต่พูดว่ากรณีแบบนี้บางทีตรวจสอบเป็นเดือนบางทีถึงสามเดือน_ให้กลับมาถ่ายรูป ยังถามอีกว่าถ่ายรูปมันยากหนักหรือไง_เตรียมหลักฐานใหม่_พูดวกไปวนมา_สรุปให้พนักงานมาเขียนเอาหลักฐานเพิ่มอีก_พร้อมทั้งให้ไปหาผู้ใหญ่บ้านและกำนันมาเซ็นรับรอง
ปัญหาของดิฉัน คือ การที่มีหลักฐานตามที่สำนักทะเบียนบอกมาไม่เพียงพอหรืออย่างไร_ต้องเสียเวลาไปหลายรอบ เรื่องน่าจะเสร็จตั้งแต่ให้เจ้าบ้านไปแจ้งแล้วด้วยซ้ำ หรือว่าต้องขึ้นอยู่กับรายบุคคล และรูปถ่ายของเด็กที่อายุไม่ถึง7ปี ในระเบียบไม่ได้บอกให้มี (ถ้าจะมีจริงๆทำไมปลัดไม่บอกให้หมดมาตั้งแต่แรก) เพราะดิฉันมีเอกสารสูติบัตรด้วยจริงไป และทางอำเภอไม่มีเอกสารการรับเรื่องใดๆให้ดิฉันเลยเกรงว่าไปอีกจะไม่ได้เรื่องอีกเช่นเคย
ปล.ดิฉันได้ทำเรื่องร้องเรียนไปที่ 1111 สำนักนายกรัฐมนตรีและได้สอบถามและร้องเรียนไปทางสำนักงานทะเบียน กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย อีกครั้งหลังจากไปที่อำเภอแล้วไม่มีการดำเนินการใดๆให้เลย
ศิริ