รีวิวบ้านเก่า
http://pantip.com/topic/31589625 และบ้านใหม่ (ตอนที่ 1)
http://pantip.com/topic/31668101 ได้เสียงตอบรับไปเกินคาดจนมีหนังสือขอเอาไปลงหลายเล่ม ทั้งไทยรัฐ เดลินิวส์ คมชัดลึก CNN (โทษครับโม้เพลิน...) ต้องขอขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนนะครับ ไม่คิดว่าจะมีคนสนใจ เพราะย้ำว่าเป็นแค่บ้านธรรมดาๆ และมีบ้านอีกมากมายที่สวยกว่า แพงกว่า หรูกว่า เพียงแต่หลังนี้มีเรื่องเล่าเยอะแยะที่อยากเอามาแลกเปลี่ยนกันเท่านั้นเอง
งานยุ่งจนทิ้งช่วงจากตอนที่ 1 ไป 3 เดือนกว่า ระหว่างนี้มี PM มาถามตลอดเรื่องออกแบบบ้าน เรื่องชัตเตอร์ เรื่องพื้นไม้ เรื่องกันขโมย สัตว์เลี้ยง มนุษย์ต่างดาว ฯลฯ แต่เรื่องที่ถูกถามมากที่สุดกลับกลายเป็นเรื่องการ "ออมเงิน" เพื่อสร้างบ้าน ก็ขอเอามาเล่าในดอนที่ 2 นี้เลยก็แล้วกัน
ขอออกตัวว่าคนเขียนไม่เก่งเรื่องการเงินเลยนะครับ อย่าหวังว่าจะได้เทคนิคล้ำโลกชนิดเก็บเงินหรือลงทุนได้ผลตอบแทน 3,000% มี NPV, ROI, EBT ทะลุฟ้า เพราะทำไม่เป็นครับ ขอเขียนในมุมบ้านๆ แบบมนุษย์เงินเดือนทั่วๆ ไปก็แล้วกัน
บ้านหลังแรกของผมถึงจะเริ่มด้วยเงินก่อสร้างแค่ 1.6 ล้าน แต่ 10 ปีผ่านไป มูลค่าบ้านและที่ดินทวีคูณขึ้นมาหลายเท่า บวกกับที่ต่อเติมไปมากมายจนมีคนมาเสนอราคาขอซื้อในตัวเลข 8 หลัก แน่นอนว่าชายวัยกลางคนลูกสองเมียหนึ่งอย่างผมก็ตาโตเป็นธรรมดาครับ แทบจะขุดบ้านใส่พานให้คนซื้อไปในบัดดล แต่เมื่อหายโลภก็คิดได้ว่า หากขายบ้านหลังนี้ไปแล้วในอนาคตจะหาที่ดินขนาด 200 ตรว. ให้ลูกอีกจะหาได้ที่ไหน ก็เลยตัดใจประกาศหาคนเช่าแทน ซึ่งก็หาได้ในเวลาไม่นาน
มาถึงบ้านหลังใหม่ ที่หลังจากวางแผนและตั้งงบประมาณเรียบร้อย ก็ต้องมาดูหน้าตักเราว่ามีเงินเก็บสะสมไว้เท่าไร และเมื่อตัดสินใจจะเก็บบ้านหลังเดิมไว้ ก็ต้องกลับมาใช้ "ชีวิตต้องกู้" อีกรอบ จะต้องกู้กี่บาท จะผ่อนหมดในกี่ปีก็ต้องมาคำนวณกันให้ดี
คราวนี้มาถึงคำถามที่ถามมาถึงผมเยอะมากว่า เก็บเงินอย่างไร ลงทุนอะไรเพื่อสร้างบ้านได้ตามที่เคยฝันไว้ ผมขอตั้งราคาบ้านเป็น 100 บาทเพื่อให้เข้าใจง่ายๆ และแยกแยะให้เป็นข้อง่ายๆ ดังนี้ครับ เงินเก็บสะสม ทั้งจากโบนัส เงินปันผลหุ้น เงินเม้มตอนสิ้นเดือน ฯลฯ 10 บาท เงินจากการลงทุนในหุ้น 25 บาท เงินจากการลงทุนอื่นๆ 10 บาท สุดท้ายเงินกตัญญู (เดี๋ยวจะอธิบาย) 15 บาท
เพราะตั้งเป้าไว้ว่าบ้านหลังใหม่ถ้าจะเป็นหนี้ เราจะก่อหนี้ไม่เกิน 40% ของต้นทุนทั้งหมด ซึ่งรวมทั้ง 4 รายการเข้าด้วยกันก็เท่ากับ 60 บาทพอดี จึงเหลือที่ต้องกู้เพียง 40 บาท ตรงตามเป้าพอดีก็ตัดสินใจเริ่มสร้างได้เลย
รายละเอียดของแต่ละอัน มีดังนี้ครับ
1. เงินเก็บสะสม ทั้งจากโบนัส เงินปันผลหุ้น เงินเม้มตอนสิ้นเดือน ฯลฯ 10 บาท อันนี้ไม่ต้องอธิบายอะไรมากนะครับ ก้มหน้าก้มตาเก็บ แต่อย่าให้ตึงเกินไปครับ ไปเที่ยว ไปพักผ่อน ไปต่างประเทศ เปิดหูเปิดตาให้ลูกเมียบ้าง เดี๋ยวจะเฉา ส่วนตัวผมเงินก้อนนี้ได้จาก "เงินคืนภาษี" ไม่น้อยเลย โดยเฉพาะเงินลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิต กองทุน LTF ลดหย่อนบิดามารดา ฯลฯ ใช้สิทธิ์ให้คุ้มครับ
2. เงินจากการลงทุนในหุ้น 25 บาท อันนี้เป็นเงินก้อนใหญ่ และมาจากการวางแผนของทั้งผมและคุณภรรยาครับ การจะได้เงินก้อนขนาดนี้ไปรอวัดดวงจากตลาดหุ้นอย่างเดียวคงเป็นไปไม่ได้ แต่เราใช้วิธีเลือกทำงานในบริษัทที่มีแผนจะจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ครับ และตั้งใจว่าจะเข้าไปผลักดันให้เข้าตลาดหลักทรัพย์ได้สำเร็จเพื่อแลกกับหุ้น ESOP (Employee Stock Option) ซึ่งเราจะได้ในราคา Par ที่ต่ำยิ่งกว่า IPO เสียอีก และนับเป็นโชคที่ราคาหุ้นของเราทั้ง 2 บริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เราทยอยขายเป็นเวลา 3 ปี เพื่อเฉลี่ยราคาให้ได้ผลตอบแทนตามต้องการ ส่วนผมโชคดีกว่านิดนึงที่มีบริษัทในเครือทยอยเข้าจดทะเบียนตามหลัง จึงได้หุ้น IPO เพิ่มเติมด้วยอีกพอสมควร
3. เงินจากการลงทุนอื่นๆ เช่นที่ดิน 10 บาท อันนี้มาจากจังหวะชีวิตที่ขึ้นอยู่กับโชคชะตาเหมือนกัน แต่มันก็แล้วแต่ว่าเราจะออกแรงไขว่คว้ามันได้แค่ไหน เช่นที่ดินราคาถูกที่เจ้าของร้อนเงินต้องรีบปล่อยเพราะกำลังจะถูกขายทอดตลาด จึงลดในราคาต่ำกว่าราคาประเมิน 40% โอกาสอย่างนี้มีไม่บ่อยครับ รีบคว้าไว้เถอะ ซึ่งผมก็โชคดีที่พอจะรู้ว่าใครต้องการที่ดินผืนนั้นจึงใช้เวลาไม่นานเพื่อขายต่อหลังจากลงทุนซื้อไป 4-5 ปี
4. เงินกตัญญู 15 บาท มาจากไหน...? อันนี้ต้องเท้าความไปว่าคุณพ่อผมเสียไปตั้งแต่ผมเรียนมหาวิทยาลัยปี 2 ครับ ตั้งแต่นั้นมาผมเลยต้องเป็นหัวหน้าครอบครัว เลิกเที่ยวกลางคืน งดเฮอากับเพื่อนฝูงยามค่ำ แล้วหันมาทำงานเก็บเงิน จนเรียนจบมีเงินเดือนแลัวก็ช่วยแม่ส่งน้องเรียนต่อจนจบทั้ง 2 คน แล้วผมก็ยังให้เงินแม่เรื่อยมาทุกเดือน
จนถึงวันที่ต้องรวบรวมเงินสร้างบ้าน คุณแม่จึงมาเฉลยเรื่องที่ผมตกตะลึงที่สุดในชีวิตว่าแม่ไม่ได้จนอย่างที่คิด แต่มีเงินเก็บสะสมอยู่ไม่น้อย แต่ที่ทำฟอร์มจนนั้นเพื่อฝึกนิสัยอดออมให้กับตัวผมเอง หลังจากความจริงกระจ่างแม่จึงบอกความจริงอีกเรื่องหนึ่งว่าเงินที่ผมให้ไปทุกบาททุกสตางค์ตั้งแต่เรียนจบนั้นแม่ไม่เคยเอาไปใช้เลย จึงขอคืนให้กับผมเพื่อเอาไปสร้างบ้านตามที่ฝันไว้ แหมขอบคุณครับแม่... น่าจะบอกเร็วกว่านี้
รายละเอียดชีวิตของแต่ละคนมีไม่เหมือนกัน จึงมีจุดเด่นจุดด้อยไม่เท่ากัน ตัวผมเองถือเป็นค่าเฉลี่ยระดับกลางๆ เมื่อเทียบกับเพื่อนๆ เพราะบางคนมีพื้นฐานมาดี มีธุรกิจครอบครัวอยู่แล้วจึงต่อยอดไปได้เร็วสุดๆ บางคนด้วยความหัวดี เรียนเก่งจึงเป็นดาวเด่นในที่ทำงาน ก็เติบโตรวดเร็ว ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย ในขณะที่บางคนออกสตาร์ตช้าแต่ก็พอจะไล่เพื่อนฝูงได้ทัน
จะอยู่ตรงจุดไหน ใช้ชีวิตอย่างไร อยู่ที่เรากำหนดเองครับ
ว่าแต่รีวิวบ้านทั้งที จะไม่มีรูปบ้านก็จะโดนนินทาเอาได้

มุมจาก Backyard ครับ

หน้าบ้าน ต้องให้น่ามองเสียก่อน

บ่อบัวนี่ตามใจเจ๊เจ้าของบ้าน (ตัวจริง)

ห้องทานข้าวตอนยังไม่เสร็จครับ

เสร็จแล้วเป็นแบบนี้เอง...

ห้องสมุด เน้นเป็นพื้นไม้สักแท้ครับ

ตอนนี้กลายเป็นห้องซ้อมดนตรีไปแล้ว...
ยังเหลืออีกหลายห้อง ติดตามตอนต่อไป (ถ้ามีแรงเขียน) นะครับ
[CR] รีวิวบ้านใหม่ (ตอนที่ 2) มหากาพย์หาเงินสร้างบ้าน
งานยุ่งจนทิ้งช่วงจากตอนที่ 1 ไป 3 เดือนกว่า ระหว่างนี้มี PM มาถามตลอดเรื่องออกแบบบ้าน เรื่องชัตเตอร์ เรื่องพื้นไม้ เรื่องกันขโมย สัตว์เลี้ยง มนุษย์ต่างดาว ฯลฯ แต่เรื่องที่ถูกถามมากที่สุดกลับกลายเป็นเรื่องการ "ออมเงิน" เพื่อสร้างบ้าน ก็ขอเอามาเล่าในดอนที่ 2 นี้เลยก็แล้วกัน
ขอออกตัวว่าคนเขียนไม่เก่งเรื่องการเงินเลยนะครับ อย่าหวังว่าจะได้เทคนิคล้ำโลกชนิดเก็บเงินหรือลงทุนได้ผลตอบแทน 3,000% มี NPV, ROI, EBT ทะลุฟ้า เพราะทำไม่เป็นครับ ขอเขียนในมุมบ้านๆ แบบมนุษย์เงินเดือนทั่วๆ ไปก็แล้วกัน
บ้านหลังแรกของผมถึงจะเริ่มด้วยเงินก่อสร้างแค่ 1.6 ล้าน แต่ 10 ปีผ่านไป มูลค่าบ้านและที่ดินทวีคูณขึ้นมาหลายเท่า บวกกับที่ต่อเติมไปมากมายจนมีคนมาเสนอราคาขอซื้อในตัวเลข 8 หลัก แน่นอนว่าชายวัยกลางคนลูกสองเมียหนึ่งอย่างผมก็ตาโตเป็นธรรมดาครับ แทบจะขุดบ้านใส่พานให้คนซื้อไปในบัดดล แต่เมื่อหายโลภก็คิดได้ว่า หากขายบ้านหลังนี้ไปแล้วในอนาคตจะหาที่ดินขนาด 200 ตรว. ให้ลูกอีกจะหาได้ที่ไหน ก็เลยตัดใจประกาศหาคนเช่าแทน ซึ่งก็หาได้ในเวลาไม่นาน
มาถึงบ้านหลังใหม่ ที่หลังจากวางแผนและตั้งงบประมาณเรียบร้อย ก็ต้องมาดูหน้าตักเราว่ามีเงินเก็บสะสมไว้เท่าไร และเมื่อตัดสินใจจะเก็บบ้านหลังเดิมไว้ ก็ต้องกลับมาใช้ "ชีวิตต้องกู้" อีกรอบ จะต้องกู้กี่บาท จะผ่อนหมดในกี่ปีก็ต้องมาคำนวณกันให้ดี
คราวนี้มาถึงคำถามที่ถามมาถึงผมเยอะมากว่า เก็บเงินอย่างไร ลงทุนอะไรเพื่อสร้างบ้านได้ตามที่เคยฝันไว้ ผมขอตั้งราคาบ้านเป็น 100 บาทเพื่อให้เข้าใจง่ายๆ และแยกแยะให้เป็นข้อง่ายๆ ดังนี้ครับ เงินเก็บสะสม ทั้งจากโบนัส เงินปันผลหุ้น เงินเม้มตอนสิ้นเดือน ฯลฯ 10 บาท เงินจากการลงทุนในหุ้น 25 บาท เงินจากการลงทุนอื่นๆ 10 บาท สุดท้ายเงินกตัญญู (เดี๋ยวจะอธิบาย) 15 บาท
เพราะตั้งเป้าไว้ว่าบ้านหลังใหม่ถ้าจะเป็นหนี้ เราจะก่อหนี้ไม่เกิน 40% ของต้นทุนทั้งหมด ซึ่งรวมทั้ง 4 รายการเข้าด้วยกันก็เท่ากับ 60 บาทพอดี จึงเหลือที่ต้องกู้เพียง 40 บาท ตรงตามเป้าพอดีก็ตัดสินใจเริ่มสร้างได้เลย
รายละเอียดของแต่ละอัน มีดังนี้ครับ
1. เงินเก็บสะสม ทั้งจากโบนัส เงินปันผลหุ้น เงินเม้มตอนสิ้นเดือน ฯลฯ 10 บาท อันนี้ไม่ต้องอธิบายอะไรมากนะครับ ก้มหน้าก้มตาเก็บ แต่อย่าให้ตึงเกินไปครับ ไปเที่ยว ไปพักผ่อน ไปต่างประเทศ เปิดหูเปิดตาให้ลูกเมียบ้าง เดี๋ยวจะเฉา ส่วนตัวผมเงินก้อนนี้ได้จาก "เงินคืนภาษี" ไม่น้อยเลย โดยเฉพาะเงินลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิต กองทุน LTF ลดหย่อนบิดามารดา ฯลฯ ใช้สิทธิ์ให้คุ้มครับ
2. เงินจากการลงทุนในหุ้น 25 บาท อันนี้เป็นเงินก้อนใหญ่ และมาจากการวางแผนของทั้งผมและคุณภรรยาครับ การจะได้เงินก้อนขนาดนี้ไปรอวัดดวงจากตลาดหุ้นอย่างเดียวคงเป็นไปไม่ได้ แต่เราใช้วิธีเลือกทำงานในบริษัทที่มีแผนจะจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ครับ และตั้งใจว่าจะเข้าไปผลักดันให้เข้าตลาดหลักทรัพย์ได้สำเร็จเพื่อแลกกับหุ้น ESOP (Employee Stock Option) ซึ่งเราจะได้ในราคา Par ที่ต่ำยิ่งกว่า IPO เสียอีก และนับเป็นโชคที่ราคาหุ้นของเราทั้ง 2 บริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เราทยอยขายเป็นเวลา 3 ปี เพื่อเฉลี่ยราคาให้ได้ผลตอบแทนตามต้องการ ส่วนผมโชคดีกว่านิดนึงที่มีบริษัทในเครือทยอยเข้าจดทะเบียนตามหลัง จึงได้หุ้น IPO เพิ่มเติมด้วยอีกพอสมควร
3. เงินจากการลงทุนอื่นๆ เช่นที่ดิน 10 บาท อันนี้มาจากจังหวะชีวิตที่ขึ้นอยู่กับโชคชะตาเหมือนกัน แต่มันก็แล้วแต่ว่าเราจะออกแรงไขว่คว้ามันได้แค่ไหน เช่นที่ดินราคาถูกที่เจ้าของร้อนเงินต้องรีบปล่อยเพราะกำลังจะถูกขายทอดตลาด จึงลดในราคาต่ำกว่าราคาประเมิน 40% โอกาสอย่างนี้มีไม่บ่อยครับ รีบคว้าไว้เถอะ ซึ่งผมก็โชคดีที่พอจะรู้ว่าใครต้องการที่ดินผืนนั้นจึงใช้เวลาไม่นานเพื่อขายต่อหลังจากลงทุนซื้อไป 4-5 ปี
4. เงินกตัญญู 15 บาท มาจากไหน...? อันนี้ต้องเท้าความไปว่าคุณพ่อผมเสียไปตั้งแต่ผมเรียนมหาวิทยาลัยปี 2 ครับ ตั้งแต่นั้นมาผมเลยต้องเป็นหัวหน้าครอบครัว เลิกเที่ยวกลางคืน งดเฮอากับเพื่อนฝูงยามค่ำ แล้วหันมาทำงานเก็บเงิน จนเรียนจบมีเงินเดือนแลัวก็ช่วยแม่ส่งน้องเรียนต่อจนจบทั้ง 2 คน แล้วผมก็ยังให้เงินแม่เรื่อยมาทุกเดือน
จนถึงวันที่ต้องรวบรวมเงินสร้างบ้าน คุณแม่จึงมาเฉลยเรื่องที่ผมตกตะลึงที่สุดในชีวิตว่าแม่ไม่ได้จนอย่างที่คิด แต่มีเงินเก็บสะสมอยู่ไม่น้อย แต่ที่ทำฟอร์มจนนั้นเพื่อฝึกนิสัยอดออมให้กับตัวผมเอง หลังจากความจริงกระจ่างแม่จึงบอกความจริงอีกเรื่องหนึ่งว่าเงินที่ผมให้ไปทุกบาททุกสตางค์ตั้งแต่เรียนจบนั้นแม่ไม่เคยเอาไปใช้เลย จึงขอคืนให้กับผมเพื่อเอาไปสร้างบ้านตามที่ฝันไว้ แหมขอบคุณครับแม่... น่าจะบอกเร็วกว่านี้
รายละเอียดชีวิตของแต่ละคนมีไม่เหมือนกัน จึงมีจุดเด่นจุดด้อยไม่เท่ากัน ตัวผมเองถือเป็นค่าเฉลี่ยระดับกลางๆ เมื่อเทียบกับเพื่อนๆ เพราะบางคนมีพื้นฐานมาดี มีธุรกิจครอบครัวอยู่แล้วจึงต่อยอดไปได้เร็วสุดๆ บางคนด้วยความหัวดี เรียนเก่งจึงเป็นดาวเด่นในที่ทำงาน ก็เติบโตรวดเร็ว ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย ในขณะที่บางคนออกสตาร์ตช้าแต่ก็พอจะไล่เพื่อนฝูงได้ทัน
จะอยู่ตรงจุดไหน ใช้ชีวิตอย่างไร อยู่ที่เรากำหนดเองครับ
ว่าแต่รีวิวบ้านทั้งที จะไม่มีรูปบ้านก็จะโดนนินทาเอาได้
มุมจาก Backyard ครับ
หน้าบ้าน ต้องให้น่ามองเสียก่อน
บ่อบัวนี่ตามใจเจ๊เจ้าของบ้าน (ตัวจริง)
ห้องทานข้าวตอนยังไม่เสร็จครับ
เสร็จแล้วเป็นแบบนี้เอง...
ห้องสมุด เน้นเป็นพื้นไม้สักแท้ครับ
ตอนนี้กลายเป็นห้องซ้อมดนตรีไปแล้ว...
ยังเหลืออีกหลายห้อง ติดตามตอนต่อไป (ถ้ามีแรงเขียน) นะครับ