ทางด้านจีจี้ปรึกษากับฟินอยู่ที่ข้างรถ สองคนทั้งโกรธและหงุดหงิดมากๆ โดยเฉพาะจีจี้ท่าทางร้อนรนใจถึงขีดสุด
“เอาไงดีอ่ะเจ๊...เราเดินเข้าป่าตามมันไปดีไหม”
ฟินโกรธมากที่ต้องมาเจอเรื่องบ้าๆนี้ “ไม่! แกอยากไปก็ไปเองเลย ชั้นไม่ไปกับแกแล้วยัยจี้ กลับไปส่งชั้นที่สนามบินเดี๋ยวนี้”
จีจี้ดึงแขนไว้ “อ้าว! แล้วเจ๊ไม่อยากได้ตัวไผทคืนแล้วเหรอ”
“ช่างมัน! อยากไปไหนก็ไป เด็กคนอื่นที่รอให้ชั้นปั้นมีอีกเยอะแยะ ชั้นไม่ง้อไอ้บ้านี่แล้ว งานสบายๆ ไม่ชอบ ชอบอยู่ในป่าในดงก็ปล่อยมัน! ไม่รักไม่นึกถึงบุญคุณกันก็ตามใจ”
ฟินเดินหุนหันขึ้นรถไป จีจี้กลุ้มใจไม่รู้จะทำยังไงต่อดี
เย็นแล้ว แนวหน้าเดินนำหน้าไผทมาทางเดิมที่เขาเคยเดินมาเมื่อตอนมาครั้งแรก ไผทบ่น ท่าทางเหนื่อยอ่อนโรยแรง เพราะกระเป๋าหนัก
“อีกไกลไหมพี่แนว โอ๊ย ทำไมกระเป๋ามันหนักขนาดนี้เนี่ย”
“ก็เตือนแล้วว่าอย่าขนมาเยอะ”
“ก็ใครจะไปรู้ว่าต้องมาเดินแบกกระเป๋าเองแบบนี้นี่นา”
“อย่าบ่นน่า กล้ามใหญ่ซะเปล่า ชั้นช่วยแกถือยังไม่บ่นเลย”
แนวหน้าเดินนำไป แล้วไปหยุดยืนดูอะไรบางอย่าง ไผทวางกระเป๋าลงพัก ไม่ทันสนใจอย่างอื่น
“หยุดทำไม? ไม่เดินต่อล่ะพี่แนว”
แนวหน้าไม่ตอบ แต่ยังคงยืนมองบางอย่างนิ่งนานราวถูกสะกด ไผทแปลกใจหันไปมองตาม
สายตาไผทมองลงไปยังด้านล่าง บริเวณหุบเขาที่เป็นหมู่บ้านของเปอร์ตี เป็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามอะเมซิ่งโครตๆ บวกกับแสงนวลตายามพระอาทิตย์ที่กำลังตกดิน ไผทอึ้งตกอยู่ในภวังค์ลืมสิ้นความเหนื่อยล้าทั้งปวง
“โอ้โห....โคตรสวยเลยว่ะพี่”
“คุ้มเหนื่อยใช่ไหมล่ะ... นี่แหละ ฮวาซาใต้ล่ะ” แนวหน้าภูมิใจนำเสนอ
ไผทกับแนวหน้ายืนมองพระอาทิตย์ตกดินด้วยกัน ดูเหมือนความสัมพันธ์ของชายหนุ่มทั้งสองจะเริ่มดีขึ้นกว่าแต่เก่าก่อน
ฟากจีจี้บีบน้ำตา ตีหน้าเศร้าเล่าเรื่องให้ท่านธูลฟังอยู่ในห้องทรงงาน ทั้งจริงปนเท็จ
“จีจี้ไม่คิดเลยเพคะว่าคนรู้จักกันอย่างนายแนวหน้าจะใช้แผนป่าเถื่อนดักปล้นไผทกลางทางแบบนี้...จีจี้เป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ จีจี้สู้ไม่ไหวจริงๆ เพคะ” น้ำตาคลอ
ท่านธูลเห็นจีจี้แล้วสงสาร จะหยิบผ้าเช็ดหน้าส่วนตัวมาให้ แต่ก็ชะงักมือไว้เพราะเห็นว่าไม่ควร
“จีจี้ต้องขอโทษนะเพคะที่ทำให้ท่านธูล องค์หญิง และคนฮวาซาทั้งประเทศต้องผิดหวัง ท่านธูลจะลงโทษจีจี้ก็ได้นะเพคะ จีจี้ยอมรับผิดทุกอย่าง”
“ไม่เป็นไร เราเข้าใจว่าไม่ใช่ความผิดของคุณจีจี้... คุณจีจี้เหนื่อยกับการเดินทางมามากแล้ว ไปพักผ่อนก่อนเถอะ เราให้นางกำนัลเตรียมชาฮวาซาไว้ให้ ดื่มแล้วจะได้หลับสบาย”
จีจี้ทำความเคารพอย่างงดงาม
“ขอบพระทัยเพคะ ท่านธูลช่างมีเมตตากับจีจี้เหลือเกิน”
จีจี้มองท่านธูล จริตมารยาหวานหยดย้อย ท่านธูลเขินแต่พยายามเก็บอาการไว้
“แล้ว...นายแนวหน้าล่ะเพคะ...ท่านธูลจะจัดการยังไง”
จีจี้เดินออกมาจากห้องท่านธูล โล่งอกที่ไม่ถูกเอาผิด เดินมาอีกนิดก็เจอกับนายจังๆ ต่างคนต่างชะงัก
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
จีจี้วางฟอร์ม “สนใจด้วยเหรอ”
นายชะงักไปนิดๆ ที่อุตส่าห์ห่วง แต่ถูกเมิน “แล้วไอ้แนวกับไผทล่ะ”
จีจี้ของขึ้น “ยังจะมาถามอีก! น้องชายตัวแสบของคุณมันเลวมากที่กล้าหลอกพาไผทไปจากฉัน แถมยังแย่งไผทไปจากพี่ฟินอีก!”
“ก็...ช่วยไม่ได้ น้องผมมันอัจฉริยะเหมือนผม”
จีจี้ยิ่งหมั่นไส้ “เหมือนกันน่ะฉันไม่เถียง แต่อัจฉริยะนี่ ฉันว่าไม่เฉียด!”
นายเซ็ง “นี่จี้ ผมว่าเราเลิกตั้งแง่ใส่กัน แล้วรีบช่วยกันทำงานให้เสร็จดีกว่าไหม”
“อะไร ใครตั้งแง่อะไร ไม่มีเลย ขอโทษ” จีจี้จะเดินหนี
นายดึงมือจีจี้ไว้ “จี้... คุณก็รู้ว่างานชิ้นนี้” จีจี้มองมือนาย แล้วคาดหวังว่าเขาจะพูดง้อขอคืนดี นายมองหน้าจี้ อยากจะง้อ แต่กลัวเสียฟอร์ม เลยเปลี่ยนคำพูด “คุณทำไม่ได้หรอกถ้าไม่มีผม”
จีจี้ปรี๊ดแตกดึงมือออกจากนายทันที “ฉันจะทำให้คุณดูว่า ฉันทำงานนี้สำเร็จได้ โดยไม่มีคุณ!”
จีจี้เดินออกไปทันที นายเซ็งตัวเองที่ทำทุกอย่างให้แย่ลงไปอีก
6/5 (ต่อ)
อาหารในชามแลดูเขียวปี๋ ด้วยมีแต่ผักอยู่เต็ม ไผทมองชามอาหารตรงหน้าอึ้งๆ
“ผมดีใจที่พี่รูปหล่อกลับมาอีกครั้ง” เปอร์ตีมองไผท “แต่พี่คนนี้หล่อกว่าเยอะเนอะ กินข้าวสิครับ ลุงผมอุตส่าห์ทำมาให้”
แนวหน้าตักกินไป แล้วหน้าเบ้ “ลุงนายทำอาหารรสชาติน่ากลัวจังว่ะเปอร์ตี”
“เวลาลุงเอาข้าวให้หมานะ หมาวิ่งออกจากบ้านเลยแหละพี่ ตลกดี”
ไผทอ้อมแอ้มถาม “เอ่อ..มีอะไรที่ไม่มีผักมั้ยน้อง คือพี่ไม่ชอบกินผักอ่ะ”
แนวหน้าหมั่นไส้ “ที่นี่ไม่ใช่ร้านอาหารที่กรุงเทพฯ นะจะได้สั่งอะไรกินก็ได้ กินๆ ไปเหอะ”
ไผททำหน้าอิดออด แต่จำต้องตักซุปผักกินเพราะหิว
เปอร์ตีมองหน้าไผท คิดไปคิดมาจนนึกออก “นึกออกแล้ว...พี่คือคนที่อยู่ในรูปที่ลุงวาดนี่”
เปอร์ตีวิ่งไปหยิบรูปที่ลุงวาดมายื่นให้ไผทดู ไผทรับมาแล้วถามด้วยความเคยชิน
“มีปากกาไหม?”
เปอร์ตีบอกหน้าเฉย “ต้องไปขอลุง”
“ขอมาสิ เดี๋ยวพี่จะได้เซ็นชื่อให้ เราจะได้เอาไปอวดเพื่อนๆ” ไผทยิ้มบอก
เปอร์ตีงง “อวดทำไม? หมูออกลูกยังน่าอวดมากกว่าอีก”
แนวหน้าชอบใจ ขำก๊าก เปรอ์ตีพูดจบก็ดึงรูปคืนมาจากไผทแล้ววิ่งเอาไปเก็บที่เดิม
ไผทหน้าม้านแต่ก็แอบแปลกใจที่คนที่นี่ไม่ได้สนใจตัวเอง
ขณะเดียวกันที่กรุงเทพฯ ขิงกำลังเก็บของเตรียมปิดร้าน เอาผ้าที่กองอยู่ขึ้นมาพับ อต่มองไปเห็นนิตยสารบันเทิงที่มีรูปไผทพร้อมข่าวพาดหัว ขิงเห็นแล้วนึกเป็นห่วง จึงหยิบมือถือขึ้นมาส่งไลน์ทักไปว่า
“เป็นไงบ้าง? โอเคไหม?”
ขิงรออยู่สักครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่เห็นข้อความตอบกลับ ถอนใจเฮือกอย่างเป็นห่วง
ฝ่ายไผทกำลังดูสัญญาณมือถือตัวเอง ส่วนแนวหน้ากำลังคุ้ยของในกระเป๋าหยิบสมุดบันทึกออกมา
“โทรศัพท์ไม่มีสัญญาณเลย....ของพี่มีสัญญาณมั้ย ผมจะโทร.หาขิง”
แนวหน้าตอบห้วนๆ “ไม่มี”
“แล้วผมจะบอกขิงยังไงเนี่ยว่าผมถึงแล้ว”
แนวหน้าหมั่นไส้ “นี่ต้องรายงานแฟนทุกฝีก้าวเลยรึไง”
“เฮ้ย ผมไม่ได้เป็นอะไรกับขิง”
แนวหน้าเซ็ง “โห๊ย! อยู่กันสองคน แกไม่ต้องตอบแบบดาราก็ได้ จะรักจะชอบใครก็บอกมาตรงๆ”
“จริงๆพี่ ผมกับขิงเราเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ”
“กล้าพูดเนอะ นึกว่าฉันไม่เคยเห็นรึไง?”
แนวหน้าเซ็งโครต เล่าเรื่องตอนที่ตัวเองเดินพ้นหัวมุมถนนมาเห็นสองคนให้ดอกไม้บอกรักกันพอดี ถึงกับชะงัก ตะลึงแล
ภาพตรงหน้า ขิงรับช่อดอกไม้จากไผทซุปตาร์หนุ่มหล่อชื่อเสียงโด่งดังและมองอย่างชื่นชม ก่อนเข้าไปนั่งในรถ คุยกัน หัวเราะ สดใส มีเพื่อนๆ โบกไม้โบกมือลา
ของในมือทั้งหมดของแนวหน้าที่เตรียมมาให้ขิงตกลงพื้น แนวหน้าเบลอ หัวใจแตกสลาย
“ขิง..น้องขิง”
ไผทฟังแล้วหน้าเหวอ
“บ้าแล้ว พี่คิดเองเออเองแล้วเนี่ย”
แนวหน้าชักฉุน “เอ้อ! เห็นตำตาขนาดนั้น ใครไม่คิดก็บ้าแล้วเว้ย”
“โธ่ พี่แนว พี่เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว เรื่องจริงมันเป็นแบบนี้”
ไผทเล่าเหตุการณ์เดียวกัน ให้ฟังตั้งแต่ต้น ตอนนั้นไผทอาสาไปส่งขิงเพราะถูกเพื่อนๆ เชียร์
“โอเค มาเลยขิง เราไปส่ง ถึงไหนถึงนั่น” ไผทผลักประตูเปิดออกให้ “เดี๋ยวนะ ของรก”
ไผทเก็บของเบาะข้างคนขับโยนไปหลังรถ มีดอกไม้หลายช่อจากแฟนคลับ วางอยู่บนที่นั่งข้างๆ คนขับเต็ม และด้านหลังก็มีทั้งตุ๊กตาหมีและดอกไม้
“โอ้โห...ดอกไม้เต็มเลยนะ”
“ก็ ได้มาจากพวกแฟนคลับน่ะ..เอาไว้ไหนดีนะ” ไผทเหลียวมองเบาะหลังอย่างหมดปัญญาเพราะของขวัญจากบรรดาเอฟซี เต็มเอี๊ยด
“ขิงถือไว้ให้ก็ได้ ข้างหลังเต็มแล้ว มา...”
ไผทยิ้มแล้วส่งดอกไม้ให้
ขิงขึ้นนั่งในรถ แล้วหันไปโบกไม้โบกมือให้เพื่อนๆ ก่อนที่ไผทจะขับรถออกไป
พอได้ฟังเรื่องจบ แนวหน้าถึงกับอึ้ง หน้าเหวอสุดขีดที่ได้ล่วงรู้ความจริง
“อะไรมันจะละครขนาดนั้นวะ”
“นั่นสิพี่ ผมก็เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าพี่เข้าใจผิดมาตลอด มิน่า พี่ถึงได้ต่อยผม พี่ชอบขิงเหรอ”
ถูกแทงใจดำ แนวหน้าถึงกับสะดุ้งโหยง “เฮ้ยไอ้บ้า พูดอะไรบ้าๆ”
“อ้าว ก็จริงนี่นา พี่คงหึงใช่ปะ เลยมาต่อยผม”
“เปล๊าา... พอแล้ว ชั้นจะทำงาน” แนวหน้าหันไปหยิบโน๊ตบุ๊คขึ้นมาเขียนเพื่อจบการสนทนา
“เขียนอะไรน่ะพี่”
“บันทึก” แนวหน้าบอก
ไผทพาซื่อ “รายรับรายจ่ายเหรอ?”
แนวหน้าเซ็ง “ไอ้บ้า บันทึกความทรงจำเว้ย! ว่าวันนี้ไปไหน ทำอะไรบ้าง”
ไผทอึ้งไม่อยากเชื่อ ขำก๊าก “พี่เนี่ยนะเขียนบันทึกความทรงจำ เอาจริงดิพี่แนว หน่อมแน้มไปรึเปล่า”
แนวหน้าขี้เกียจจะอธิบาย “พูดไปแกก็ไม่เข้าใจหรอก” หันไปเขียนบันทึก
“พี่เก่งเนอะ ผมไม่ค่อยถูกกับตัวหนังสือเลย หนังสือที่ผมอ่านมากที่สุดก็บทละครนี่แหละ...แล้วพี่เริ่มต้นเหมือนในละครไหม?” ไผททำเสียงเล็กเสียงน้อยล้อเลียน “ไดอารี่จ๋า...”
แนวหน้าฉุนปนหมั่นไส้ “ไดอารี่จ๋า บ้านป้าแกดิ เงียบไปเลยปะ”
ไผทขำกลิ้ง เห็นแนวหน้าหันกลับไปเขียนบันทึก แต่ดูมีความสุขที่รู้ความจริงเรื่องขิง
ค่ำคืนนั้นเจ้าหญิงโลลิต้ากำลังเขียนนิยายอยู่อย่างมีความสุข เป็นเรื่อง “บอดี้การ์ดหัวใจ ตอน 6” โลลิต้าพิมพ์ไปพร้อมกับอ่านไปด้วย
“หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น เจ้าหญิงโลล่าก็ได้แต่คิดถึงตอนที่เธอบรรจงจุมพิตลงไปที่หน้าผากของเขา...เธอเฝ้าถามตัวเองอีกนานแค่ไหน? เธอถึงจะได้เจอเขาอีก...คุณน้ำนิ่ง...”
โลลิต้าละหน้าจากนิยาย ท่าทีเหม่อลอย
“เมื่อไหร่น้อ...ที่เราจะได้เจอคุณน้ำเชี่ยวตัวจริงซักที”
โลลิต้ายิ้ม หลับตาเคลิ้มฝัน
คืนหนึ่ง ได้ยินเสียงของโลลิต้าร้องตะโกนขอความช่วยเหลือดังออกมาจากในความมืด
“ช่วยด้วย....ช่วยเราด้วย เราติดอยู่ในนี้”
เหมือนว่าองค์หญิงโลลิต้าถูกขังอยู่ในห้องมืด และพยายามหาทางออก
“ได้โปรด....ใครก็ได้ ช่วยเราด้วย!”
ทันใดนั้นเอง ประตูถูกถีบพังเข้ามา แสงสว่างสาดเข้ามาในห้อง โลลิต้าพยายามเพ่งมองว่าคนที่พังประตูเป็นใคร แค่เพียงเงาของผู้ชายคนหนึ่งรูปร่างสูงโปร่งยืนอยู่ โลลิต้าก็รู้ว่าเป็นใคร
องค์หญิงดีใจสุดขีด “คุณไผท ช่วยหญิงด้วยค่ะ”
เป็นไผทที่เดินเข้ามาในแสงอย่างองอาจ โลลิต้าดีใจจนน้ำตาคลอ
“คุณไผท”
“ผมมาช่วยองค์หญิงแล้ว”
โลลิต้าดีใจ โผเข้าหา ทั้งคู่กอดกันแนบแน่นครู่หนึ่งแล้วถอยห่างออกจากกัน ไผทก้มลงยิ้มหวานให้ โลลิต้าช้อนตาเงยหน้าขึ้นมอง แล้วชะงักตาเบิกโพลง เมื่อพบว่าตรงหน้าเจ้าหญิงกลายเป็นแนวหน้าที่ยิ้มแฉ่งอยู่
“องค์หญิง” แนวหน้าเรียกเสียงหวาน
โลลิต้ากรี๊ดสุดเสียง “อร๊าย.....”
โลลิต้านอนดิ้นอยู่บนเตียงในห้องบรรทม กรี๊ดลั่นห้อง สะดุ้งตื่นจากฝันทันที
“อร๊าย...”
โลลิต้ามองซ้ายขวา พบว่าตัวเองอยู่ในห้องนอนก็โล่งใจ
“ฮึ่ยย ฝันถึงตาบ้านั่นได้ไงเนี่ย” องค์หญิงจอมแก่นทำหน้าเซ็ง ที่ฝันเห็นแนวหน้าแทนที่จะเป็นไผท ชายในฝัน ถอนใจเฮือกใหญ่ปลอบใจตัวเอง “เฮ้อ...ฝันร้ายต้องกลายเป็นดีสิน่า”
เรื่องเต็มน่ารักตอนที่ 6/4-6/5 วันพุธ 14/05/2557
ทางด้านจีจี้ปรึกษากับฟินอยู่ที่ข้างรถ สองคนทั้งโกรธและหงุดหงิดมากๆ โดยเฉพาะจีจี้ท่าทางร้อนรนใจถึงขีดสุด
“เอาไงดีอ่ะเจ๊...เราเดินเข้าป่าตามมันไปดีไหม”
ฟินโกรธมากที่ต้องมาเจอเรื่องบ้าๆนี้ “ไม่! แกอยากไปก็ไปเองเลย ชั้นไม่ไปกับแกแล้วยัยจี้ กลับไปส่งชั้นที่สนามบินเดี๋ยวนี้”
จีจี้ดึงแขนไว้ “อ้าว! แล้วเจ๊ไม่อยากได้ตัวไผทคืนแล้วเหรอ”
“ช่างมัน! อยากไปไหนก็ไป เด็กคนอื่นที่รอให้ชั้นปั้นมีอีกเยอะแยะ ชั้นไม่ง้อไอ้บ้านี่แล้ว งานสบายๆ ไม่ชอบ ชอบอยู่ในป่าในดงก็ปล่อยมัน! ไม่รักไม่นึกถึงบุญคุณกันก็ตามใจ”
ฟินเดินหุนหันขึ้นรถไป จีจี้กลุ้มใจไม่รู้จะทำยังไงต่อดี
เย็นแล้ว แนวหน้าเดินนำหน้าไผทมาทางเดิมที่เขาเคยเดินมาเมื่อตอนมาครั้งแรก ไผทบ่น ท่าทางเหนื่อยอ่อนโรยแรง เพราะกระเป๋าหนัก
“อีกไกลไหมพี่แนว โอ๊ย ทำไมกระเป๋ามันหนักขนาดนี้เนี่ย”
“ก็เตือนแล้วว่าอย่าขนมาเยอะ”
“ก็ใครจะไปรู้ว่าต้องมาเดินแบกกระเป๋าเองแบบนี้นี่นา”
“อย่าบ่นน่า กล้ามใหญ่ซะเปล่า ชั้นช่วยแกถือยังไม่บ่นเลย”
แนวหน้าเดินนำไป แล้วไปหยุดยืนดูอะไรบางอย่าง ไผทวางกระเป๋าลงพัก ไม่ทันสนใจอย่างอื่น
“หยุดทำไม? ไม่เดินต่อล่ะพี่แนว”
แนวหน้าไม่ตอบ แต่ยังคงยืนมองบางอย่างนิ่งนานราวถูกสะกด ไผทแปลกใจหันไปมองตาม
สายตาไผทมองลงไปยังด้านล่าง บริเวณหุบเขาที่เป็นหมู่บ้านของเปอร์ตี เป็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามอะเมซิ่งโครตๆ บวกกับแสงนวลตายามพระอาทิตย์ที่กำลังตกดิน ไผทอึ้งตกอยู่ในภวังค์ลืมสิ้นความเหนื่อยล้าทั้งปวง
“โอ้โห....โคตรสวยเลยว่ะพี่”
“คุ้มเหนื่อยใช่ไหมล่ะ... นี่แหละ ฮวาซาใต้ล่ะ” แนวหน้าภูมิใจนำเสนอ
ไผทกับแนวหน้ายืนมองพระอาทิตย์ตกดินด้วยกัน ดูเหมือนความสัมพันธ์ของชายหนุ่มทั้งสองจะเริ่มดีขึ้นกว่าแต่เก่าก่อน
ฟากจีจี้บีบน้ำตา ตีหน้าเศร้าเล่าเรื่องให้ท่านธูลฟังอยู่ในห้องทรงงาน ทั้งจริงปนเท็จ
“จีจี้ไม่คิดเลยเพคะว่าคนรู้จักกันอย่างนายแนวหน้าจะใช้แผนป่าเถื่อนดักปล้นไผทกลางทางแบบนี้...จีจี้เป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ จีจี้สู้ไม่ไหวจริงๆ เพคะ” น้ำตาคลอ
ท่านธูลเห็นจีจี้แล้วสงสาร จะหยิบผ้าเช็ดหน้าส่วนตัวมาให้ แต่ก็ชะงักมือไว้เพราะเห็นว่าไม่ควร
“จีจี้ต้องขอโทษนะเพคะที่ทำให้ท่านธูล องค์หญิง และคนฮวาซาทั้งประเทศต้องผิดหวัง ท่านธูลจะลงโทษจีจี้ก็ได้นะเพคะ จีจี้ยอมรับผิดทุกอย่าง”
“ไม่เป็นไร เราเข้าใจว่าไม่ใช่ความผิดของคุณจีจี้... คุณจีจี้เหนื่อยกับการเดินทางมามากแล้ว ไปพักผ่อนก่อนเถอะ เราให้นางกำนัลเตรียมชาฮวาซาไว้ให้ ดื่มแล้วจะได้หลับสบาย”
จีจี้ทำความเคารพอย่างงดงาม
“ขอบพระทัยเพคะ ท่านธูลช่างมีเมตตากับจีจี้เหลือเกิน”
จีจี้มองท่านธูล จริตมารยาหวานหยดย้อย ท่านธูลเขินแต่พยายามเก็บอาการไว้
“แล้ว...นายแนวหน้าล่ะเพคะ...ท่านธูลจะจัดการยังไง”
จีจี้เดินออกมาจากห้องท่านธูล โล่งอกที่ไม่ถูกเอาผิด เดินมาอีกนิดก็เจอกับนายจังๆ ต่างคนต่างชะงัก
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
จีจี้วางฟอร์ม “สนใจด้วยเหรอ”
นายชะงักไปนิดๆ ที่อุตส่าห์ห่วง แต่ถูกเมิน “แล้วไอ้แนวกับไผทล่ะ”
จีจี้ของขึ้น “ยังจะมาถามอีก! น้องชายตัวแสบของคุณมันเลวมากที่กล้าหลอกพาไผทไปจากฉัน แถมยังแย่งไผทไปจากพี่ฟินอีก!”
“ก็...ช่วยไม่ได้ น้องผมมันอัจฉริยะเหมือนผม”
จีจี้ยิ่งหมั่นไส้ “เหมือนกันน่ะฉันไม่เถียง แต่อัจฉริยะนี่ ฉันว่าไม่เฉียด!”
นายเซ็ง “นี่จี้ ผมว่าเราเลิกตั้งแง่ใส่กัน แล้วรีบช่วยกันทำงานให้เสร็จดีกว่าไหม”
“อะไร ใครตั้งแง่อะไร ไม่มีเลย ขอโทษ” จีจี้จะเดินหนี
นายดึงมือจีจี้ไว้ “จี้... คุณก็รู้ว่างานชิ้นนี้” จีจี้มองมือนาย แล้วคาดหวังว่าเขาจะพูดง้อขอคืนดี นายมองหน้าจี้ อยากจะง้อ แต่กลัวเสียฟอร์ม เลยเปลี่ยนคำพูด “คุณทำไม่ได้หรอกถ้าไม่มีผม”
จีจี้ปรี๊ดแตกดึงมือออกจากนายทันที “ฉันจะทำให้คุณดูว่า ฉันทำงานนี้สำเร็จได้ โดยไม่มีคุณ!”
จีจี้เดินออกไปทันที นายเซ็งตัวเองที่ทำทุกอย่างให้แย่ลงไปอีก
6/5 (ต่อ)
อาหารในชามแลดูเขียวปี๋ ด้วยมีแต่ผักอยู่เต็ม ไผทมองชามอาหารตรงหน้าอึ้งๆ
“ผมดีใจที่พี่รูปหล่อกลับมาอีกครั้ง” เปอร์ตีมองไผท “แต่พี่คนนี้หล่อกว่าเยอะเนอะ กินข้าวสิครับ ลุงผมอุตส่าห์ทำมาให้”
แนวหน้าตักกินไป แล้วหน้าเบ้ “ลุงนายทำอาหารรสชาติน่ากลัวจังว่ะเปอร์ตี”
“เวลาลุงเอาข้าวให้หมานะ หมาวิ่งออกจากบ้านเลยแหละพี่ ตลกดี”
ไผทอ้อมแอ้มถาม “เอ่อ..มีอะไรที่ไม่มีผักมั้ยน้อง คือพี่ไม่ชอบกินผักอ่ะ”
แนวหน้าหมั่นไส้ “ที่นี่ไม่ใช่ร้านอาหารที่กรุงเทพฯ นะจะได้สั่งอะไรกินก็ได้ กินๆ ไปเหอะ”
ไผททำหน้าอิดออด แต่จำต้องตักซุปผักกินเพราะหิว
เปอร์ตีมองหน้าไผท คิดไปคิดมาจนนึกออก “นึกออกแล้ว...พี่คือคนที่อยู่ในรูปที่ลุงวาดนี่”
เปอร์ตีวิ่งไปหยิบรูปที่ลุงวาดมายื่นให้ไผทดู ไผทรับมาแล้วถามด้วยความเคยชิน
“มีปากกาไหม?”
เปอร์ตีบอกหน้าเฉย “ต้องไปขอลุง”
“ขอมาสิ เดี๋ยวพี่จะได้เซ็นชื่อให้ เราจะได้เอาไปอวดเพื่อนๆ” ไผทยิ้มบอก
เปอร์ตีงง “อวดทำไม? หมูออกลูกยังน่าอวดมากกว่าอีก”
แนวหน้าชอบใจ ขำก๊าก เปรอ์ตีพูดจบก็ดึงรูปคืนมาจากไผทแล้ววิ่งเอาไปเก็บที่เดิม
ไผทหน้าม้านแต่ก็แอบแปลกใจที่คนที่นี่ไม่ได้สนใจตัวเอง
ขณะเดียวกันที่กรุงเทพฯ ขิงกำลังเก็บของเตรียมปิดร้าน เอาผ้าที่กองอยู่ขึ้นมาพับ อต่มองไปเห็นนิตยสารบันเทิงที่มีรูปไผทพร้อมข่าวพาดหัว ขิงเห็นแล้วนึกเป็นห่วง จึงหยิบมือถือขึ้นมาส่งไลน์ทักไปว่า
“เป็นไงบ้าง? โอเคไหม?”
ขิงรออยู่สักครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่เห็นข้อความตอบกลับ ถอนใจเฮือกอย่างเป็นห่วง
ฝ่ายไผทกำลังดูสัญญาณมือถือตัวเอง ส่วนแนวหน้ากำลังคุ้ยของในกระเป๋าหยิบสมุดบันทึกออกมา
“โทรศัพท์ไม่มีสัญญาณเลย....ของพี่มีสัญญาณมั้ย ผมจะโทร.หาขิง”
แนวหน้าตอบห้วนๆ “ไม่มี”
“แล้วผมจะบอกขิงยังไงเนี่ยว่าผมถึงแล้ว”
แนวหน้าหมั่นไส้ “นี่ต้องรายงานแฟนทุกฝีก้าวเลยรึไง”
“เฮ้ย ผมไม่ได้เป็นอะไรกับขิง”
แนวหน้าเซ็ง “โห๊ย! อยู่กันสองคน แกไม่ต้องตอบแบบดาราก็ได้ จะรักจะชอบใครก็บอกมาตรงๆ”
“จริงๆพี่ ผมกับขิงเราเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ”
“กล้าพูดเนอะ นึกว่าฉันไม่เคยเห็นรึไง?”
แนวหน้าเซ็งโครต เล่าเรื่องตอนที่ตัวเองเดินพ้นหัวมุมถนนมาเห็นสองคนให้ดอกไม้บอกรักกันพอดี ถึงกับชะงัก ตะลึงแล
ภาพตรงหน้า ขิงรับช่อดอกไม้จากไผทซุปตาร์หนุ่มหล่อชื่อเสียงโด่งดังและมองอย่างชื่นชม ก่อนเข้าไปนั่งในรถ คุยกัน หัวเราะ สดใส มีเพื่อนๆ โบกไม้โบกมือลา
ของในมือทั้งหมดของแนวหน้าที่เตรียมมาให้ขิงตกลงพื้น แนวหน้าเบลอ หัวใจแตกสลาย
“ขิง..น้องขิง”
ไผทฟังแล้วหน้าเหวอ
“บ้าแล้ว พี่คิดเองเออเองแล้วเนี่ย”
แนวหน้าชักฉุน “เอ้อ! เห็นตำตาขนาดนั้น ใครไม่คิดก็บ้าแล้วเว้ย”
“โธ่ พี่แนว พี่เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว เรื่องจริงมันเป็นแบบนี้”
ไผทเล่าเหตุการณ์เดียวกัน ให้ฟังตั้งแต่ต้น ตอนนั้นไผทอาสาไปส่งขิงเพราะถูกเพื่อนๆ เชียร์
“โอเค มาเลยขิง เราไปส่ง ถึงไหนถึงนั่น” ไผทผลักประตูเปิดออกให้ “เดี๋ยวนะ ของรก”
ไผทเก็บของเบาะข้างคนขับโยนไปหลังรถ มีดอกไม้หลายช่อจากแฟนคลับ วางอยู่บนที่นั่งข้างๆ คนขับเต็ม และด้านหลังก็มีทั้งตุ๊กตาหมีและดอกไม้
“โอ้โห...ดอกไม้เต็มเลยนะ”
“ก็ ได้มาจากพวกแฟนคลับน่ะ..เอาไว้ไหนดีนะ” ไผทเหลียวมองเบาะหลังอย่างหมดปัญญาเพราะของขวัญจากบรรดาเอฟซี เต็มเอี๊ยด
“ขิงถือไว้ให้ก็ได้ ข้างหลังเต็มแล้ว มา...”
ไผทยิ้มแล้วส่งดอกไม้ให้
ขิงขึ้นนั่งในรถ แล้วหันไปโบกไม้โบกมือให้เพื่อนๆ ก่อนที่ไผทจะขับรถออกไป
พอได้ฟังเรื่องจบ แนวหน้าถึงกับอึ้ง หน้าเหวอสุดขีดที่ได้ล่วงรู้ความจริง
“อะไรมันจะละครขนาดนั้นวะ”
“นั่นสิพี่ ผมก็เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าพี่เข้าใจผิดมาตลอด มิน่า พี่ถึงได้ต่อยผม พี่ชอบขิงเหรอ”
ถูกแทงใจดำ แนวหน้าถึงกับสะดุ้งโหยง “เฮ้ยไอ้บ้า พูดอะไรบ้าๆ”
“อ้าว ก็จริงนี่นา พี่คงหึงใช่ปะ เลยมาต่อยผม”
“เปล๊าา... พอแล้ว ชั้นจะทำงาน” แนวหน้าหันไปหยิบโน๊ตบุ๊คขึ้นมาเขียนเพื่อจบการสนทนา
“เขียนอะไรน่ะพี่”
“บันทึก” แนวหน้าบอก
ไผทพาซื่อ “รายรับรายจ่ายเหรอ?”
แนวหน้าเซ็ง “ไอ้บ้า บันทึกความทรงจำเว้ย! ว่าวันนี้ไปไหน ทำอะไรบ้าง”
ไผทอึ้งไม่อยากเชื่อ ขำก๊าก “พี่เนี่ยนะเขียนบันทึกความทรงจำ เอาจริงดิพี่แนว หน่อมแน้มไปรึเปล่า”
แนวหน้าขี้เกียจจะอธิบาย “พูดไปแกก็ไม่เข้าใจหรอก” หันไปเขียนบันทึก
“พี่เก่งเนอะ ผมไม่ค่อยถูกกับตัวหนังสือเลย หนังสือที่ผมอ่านมากที่สุดก็บทละครนี่แหละ...แล้วพี่เริ่มต้นเหมือนในละครไหม?” ไผททำเสียงเล็กเสียงน้อยล้อเลียน “ไดอารี่จ๋า...”
แนวหน้าฉุนปนหมั่นไส้ “ไดอารี่จ๋า บ้านป้าแกดิ เงียบไปเลยปะ”
ไผทขำกลิ้ง เห็นแนวหน้าหันกลับไปเขียนบันทึก แต่ดูมีความสุขที่รู้ความจริงเรื่องขิง
ค่ำคืนนั้นเจ้าหญิงโลลิต้ากำลังเขียนนิยายอยู่อย่างมีความสุข เป็นเรื่อง “บอดี้การ์ดหัวใจ ตอน 6” โลลิต้าพิมพ์ไปพร้อมกับอ่านไปด้วย
“หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น เจ้าหญิงโลล่าก็ได้แต่คิดถึงตอนที่เธอบรรจงจุมพิตลงไปที่หน้าผากของเขา...เธอเฝ้าถามตัวเองอีกนานแค่ไหน? เธอถึงจะได้เจอเขาอีก...คุณน้ำนิ่ง...”
โลลิต้าละหน้าจากนิยาย ท่าทีเหม่อลอย
“เมื่อไหร่น้อ...ที่เราจะได้เจอคุณน้ำเชี่ยวตัวจริงซักที”
โลลิต้ายิ้ม หลับตาเคลิ้มฝัน
คืนหนึ่ง ได้ยินเสียงของโลลิต้าร้องตะโกนขอความช่วยเหลือดังออกมาจากในความมืด
“ช่วยด้วย....ช่วยเราด้วย เราติดอยู่ในนี้”
เหมือนว่าองค์หญิงโลลิต้าถูกขังอยู่ในห้องมืด และพยายามหาทางออก
“ได้โปรด....ใครก็ได้ ช่วยเราด้วย!”
ทันใดนั้นเอง ประตูถูกถีบพังเข้ามา แสงสว่างสาดเข้ามาในห้อง โลลิต้าพยายามเพ่งมองว่าคนที่พังประตูเป็นใคร แค่เพียงเงาของผู้ชายคนหนึ่งรูปร่างสูงโปร่งยืนอยู่ โลลิต้าก็รู้ว่าเป็นใคร
องค์หญิงดีใจสุดขีด “คุณไผท ช่วยหญิงด้วยค่ะ”
เป็นไผทที่เดินเข้ามาในแสงอย่างองอาจ โลลิต้าดีใจจนน้ำตาคลอ
“คุณไผท”
“ผมมาช่วยองค์หญิงแล้ว”
โลลิต้าดีใจ โผเข้าหา ทั้งคู่กอดกันแนบแน่นครู่หนึ่งแล้วถอยห่างออกจากกัน ไผทก้มลงยิ้มหวานให้ โลลิต้าช้อนตาเงยหน้าขึ้นมอง แล้วชะงักตาเบิกโพลง เมื่อพบว่าตรงหน้าเจ้าหญิงกลายเป็นแนวหน้าที่ยิ้มแฉ่งอยู่
“องค์หญิง” แนวหน้าเรียกเสียงหวาน
โลลิต้ากรี๊ดสุดเสียง “อร๊าย.....”
โลลิต้านอนดิ้นอยู่บนเตียงในห้องบรรทม กรี๊ดลั่นห้อง สะดุ้งตื่นจากฝันทันที
“อร๊าย...”
โลลิต้ามองซ้ายขวา พบว่าตัวเองอยู่ในห้องนอนก็โล่งใจ
“ฮึ่ยย ฝันถึงตาบ้านั่นได้ไงเนี่ย” องค์หญิงจอมแก่นทำหน้าเซ็ง ที่ฝันเห็นแนวหน้าแทนที่จะเป็นไผท ชายในฝัน ถอนใจเฮือกใหญ่ปลอบใจตัวเอง “เฮ้อ...ฝันร้ายต้องกลายเป็นดีสิน่า”