All about the LOVE in the wind - เมื่ออยากจะพูดถึง รักที่ถูกฝากมากับลมทะเล

ติดตามกันได้ใน   https://www.facebook.com/the.samanthachiew

ติดตาม Blog ได้(เตรียมอัพ)  iamlukkling.blogspot.com



All about the LOVE in the wind



    รัก ทำให้หลาย คำสัญญา ได้ถูกกล่าวขึ้นมา
    รัก ทำให้ภาพลวงตา กลายเป็น ความจริง
    รัก ทำให้ความจริงอยู่ท่ามกลางความฝันได้
เช่นนั้นแล้ว คุณฝากความรัก ไว้กับใคร  ใครคนนั้นอยู่ที่ไหน ---  อยู่กับคุณหรือเปล่า  เขานั่งใกล้ชิดคุณแค่ไหน   ตอนนี้คุณกำลังมองเขาอยู่หรือเปล่า

    ตอนที่กำลังเขียนบทความนี้  ก็ลังเลอยู่ใช่ย่อย ว่าอยากจะเขียนเกี่ยวกับ หนุ่มๆ ในหนัง ที่น่าจับมาพูดถึง  หรือ เอาเป็นเรื่องที่คาใจอยู่มาหลายวันดีหนอ -- สุดท้าย  ก็ตัดสินใจเขียนถึงหัวข้อหลัง
    เอาเป็นว่า  หนุ่มๆ ที่ว่า  คงต้องรอเป็นครั้งหน้าแทน

    ครั้งนี้ คนที่อยากจะเขียนถึง ก็ไม่ใช่ผู้ชายที่ไหน  แต่เป็น ‘ผู้หญิง’ -- -- คนยุคนี้รึเปล่า? -- --  ต้องขอตอบว่า  เป็นคนที่ต้องย้อนกลับไปนานหลายปีมากๆๆๆๆๆ ถึงมากที่สุด !  เพราะผู้หญิงคนนี้ เป็นคนที่ปรากฎอยู่ในมหากาพย์เรื่อง โอดิซิอุส-- --ก็ “แม่ของโอดิซิอุส” นั้นแหละค่ะ


    
เรื่องของเรื่องก็คือ  อยู่ๆวันหนึ่งอ่านหนังสือเก่า แล้วเจอเรื่องยักษ์ตาเดียวไซครอป  ก็เลยพูดกับเจ่เจ๊ว่า
“เจ่เจ๊  จำหนังที่มียักษ์ตาเดียวไซครอปได้ม่ะ”
“เรื่องไรอ่ะ”
“จำชื่อไม่ได้  แต่ที่ดูตอนเราเด็กมากๆอ่ะ  เด็กสุดๆ  แล้วหนังก็เก่าสุดๆ แต่อยากดูอีกรอบ”
“แล้วมันจำไม่ได้ตรงไหน  พูดหยั่งกะจำได้”
“โอดิซิอุส มั้ง”
“พูดหยั่งกะว่ามีหลายโอดิซิอุส”
แล้วก็เป็นอย่างที่เจ่เจ๊ว่า    -- --    บนโลกนี้ มีแค่โอดิซิอุสคนเดียว  (ไม่ว่าจะมีตัวตนจริงหรือไม่)  แล้วเพราะว่ามีแค่คนเดียว  การหาหนังเก่ามาดูใหม่ ก็เลยง่ายมาก แล้วก็เร็วมากๆด้วย


เป็นหนังที่ยาว -- เพราะชีวิตของโอดิซิอุส ‘ยาวโคตร’ ‘ยุ่งยากโคตร’ -- ต้องผ่านทั้งยักษ์ตาเดียวไซครอป  หรือคาลิปโซ-- ที่เคยปรากฎอยู่ในหนัง The Pirate Of The Caribbean -- หรือ ต้องลงนรกไปหา เฮดีส ที่ดินแดนแห่งความตาย  ผ่านทั้งแม่มด และเทพโพเซดอน -- พอได้กลับบ้าน แทนที่จะได้ครองบังลังก์ อยู่กับมเหสี และลูกชาย  กลับต้องจัดการปราบกบฎคิดยึดดินแดนอีกหนึ่งยกก่อน

แต่ความยุ่งยากของโอดิซีอุส  มีนักเขียนหลายท่านได้เขียนขึ้นมาแล้ว
แต่ความทุกข์ของ แม่โอดิซีอุส ยังไม่เคยเห็นใครเขียน

เหตุผลที่อยากพูดถึงแม่ของโอดิซีอุส ก็เป็นเพราะนึกไม่ออกว่านางจะเศร้าใจแค่ไหน --
ลองคิดตามดูนะค่ะ  ท่านผู้อ่าน

ลูกชาย(โอดิซีอุส) ถูกส่งไปรบที่กรุงทรอย เป็นเวลาสิบปี  กว่าจะชนะสงคราม  -- พอชนะสงคราม  เหล่าชายนักรบทั้งหลายก็พากันกลับบ้านไปกอดลูก กอดเมีย ไปล้างเท้าให้แม่

แต่แม่โอดิซีอุส ไม่มีลูกชายกลับมาล้างเท้าให้

    แม่ไม่รู้ว่าโอดิซีอุสหายไปไหน ?   กระแสลมจากทะเลก็แรงเสียปานนั้น เหตุใดเรือโอดิซีอุสจึงไม่ล่องกลับมาบ้าน ?
โอดิซีอุสไปตกตระกำลำบากที่ไหน  กำลังผจญภัยร้ายแรง หรือถูกแม่มดตนใดกักขังไว้อยู่หรือเปล่า ?

    -- เรื่องคงง่ายขึ้น ถ้าแม่รู้ว่า โอดิซีอุส อยู่ในทุกที่ที่แม่กำลังนึกกังวล

    เพราะลูกชายแม่อยู่ครบหมดแล้วที่แม่ว่า  ทั้งนรก  ทั้งปราสาทแม่มด --

    แต่ในความเป็นจริง ก็คือ แม่ไม่รู้ -- ไม่มีเทพองค์ใดกระซิบบอก  ไม่มีสังหรณ์ หรือลางบอกเหตุอะไรให้นึกคิดได้สักนิด

    ปีแล้วปีเล่า ล่วงเลยผ่านไป    ความหวังทั้งหมดที่ฝากเอาไว้กับลมทะเล เริ่มเลื่อนลอย  ปลิวหายไปไกลแสนไกล -- ไกลจนหัวใจแม่โอดิซีอุสเริ่มเต้นช้าลง
    หัวใจที่เต้นช้าลง  เริ่มทำให้แม่ไม่อยากคิดอยู่ต่อ  สติสุดท้ายที่เหลืออยู่ บอกกับแม่ว่า

    “ข้าจะไม่ทนอีกต่อไป   ถ้าโอดิซีอุสตายอยู่ในก้นทะเล   เช่นนั้นก็ขอให้เทพโพเซดอนดึงข้าให้จมหายไปในเกลียวคลื่นด้วยเช่นกัน”
    

    แม่เป็นคนใจแข็งดั่งหินผา  ไม่ร้องไห้  ไม่มีน้ำตา  ไม่มีความกลัวใดๆ ในตอนที่จมดิ่งลงสู่แดนความตาย

    แต่หินผานั้นพังทลายในแทบจะทันที ที่แม่เห็นร่างของโอดิซีอุส ปรากฎในดินแดนแห่งความตายนี่

    โอดิซีอุสของแม่ไม่ได้ยืนอยู่ตรงหน้า ด้วยร่างของวิญญาณ  -- แต่เป็น ร่างมนุษย์ ที่มีเลือดเนื้อ  มีลมหายใจ  มีหัวใจที่เต้นอยู่ในอก --  มันเป็นจังหวะที่มั่นคงแน่นอน  --  โอดิซีอุสยังมีชีวิตอยู่  โอดิซีอุสยังไม่ตาย



    คราวนี้เป็นแม่ที่ล่องเรือไปกับโอดิซีอุสไม่ได้  แม่กลับไปยังโลกมนุษย์ไม่ได้อีกแล้ว

    แม่ของโอดิซีอุสใช้เวลาเกือบทั้งหมดในช่วงสุดท้ายของชีวิต  เพื่อเฝ้ารอการกลับมาของลูกชาย  แต่บัดนี้กลับไม่เหลือเวลาสักนาที เพื่อให้กล่าวคำอำลา

    แล้วเรือของโอดิซีอุสก็ล่องจากไป  ไกลเกินกว่าดวงตาของคนตายจะมองเห็น

    แล้วตั้งแต่นั้นมา  วิหารคนตายที่ใต้ผืนโลก  ก็มีวิญญาณของแม่คนหนึ่ง เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งดวง


    อ่านถึงตรงนี้   หลายคนก็อาจมองว่าแม่โอดิซีอุส ใจร้อนเกินไป    หรือไม่ก็ อาจจะเป็นโรคซึมเศร้า

    แต่จะอย่างไรก็ตาม   นางเป็นหนึ่งในผู้หญิงไม่กี่คน ที่ทำให้คำสัญญาหนึ่งได้ถือกำเนิดขึ้นมา    -- “แม่รักลูกตลอดไป โอดิซีอุส”

    นางเห็นว่า ภาพลวงตาคือความจริง    --  ร่างของโอดิซีอุสที่ดินแดนนรก คือความจริง ที่บังเกิดตรงหน้าราวกับเป็นเรื่องโกหกลวงตา

    แล้วตอนนี้นางก็ใช้ชีวิตของวิญญาณ ให้ความจริง อยู่ท่ามกลางความฝันได้ -- --  ความจริงที่อยากจะเชื่อ  ว่านางไม่ได้ตาย และกำลังฝันว่าได้กลับบ้านไปเจอลูกชาย
    

    จะมีสักกี่คน ที่ตายเพื่อความรักได้
    จะมีสักกี่คน ที่ตาย เพราะขาดรัก
    จะมีใครที่โง่พอ ขาดรัก จากคนๆหนึ่ง ที่ไม่มาให้เห็นหน้าเป็นสิบๆปีได้

    บางทีในเรื่องที่หลายคนลงความเห็นว่า โง่ -- ก็อาจจะมีความสวยงามแฝงเอาไว้   --  เราไม่อาจเห็น หรือจับต้องได้  จนกว่าเรื่องๆนั้น จะเป็นเรื่องของเราเอง

    ‘แม่’    เป็นคำพูดที่เรียกผู้หญิงสักคน ที่ทำให้บังเกิดเรื่องราวมหัศจรรย์มากมาย
    ‘แม่’    เป็นคำที่มีพลังมากเกินกว่าจะสัมผัสได้    แต่ด้วยอะไรบางอย่างในตัวแม่  แม่ถึงยกพลังทั้งหมดนั้นแก่ลูก    ฝากไว้ที่ใจลูก    ให้อยู่ใกล้ชิดลูกตลอดเวลา
    แล้วเราก็อาจจะเป็นอย่างที่ โอดิซีอุส เป็น --  คือยังไม่รับรู้ว่ารักนั้น มีมากมายเพียงใด  --    จนกว่าเราจะเจอมันด้วยตนเอง

    เพียงแต่เราอาจจะไม่อยากรับรู้มันในตอนนาทีสุดท้าย    เหมือนที่โอดิซีอุสเจอแม่ที่นรก    ไม่มีใครอยากจะรับรู้ความรักนั้น ในนาทีสุดท้ายที่จะได้มองหน้าแม่    แล้วจากไปอย่างไม่มีวันกลับ


    บทความนี้ ไม่ได้เขียนขึ้นมาเพื่ออะไร
    ก็แค่เป็นคนชอบเขียน ชอบดูหนัง และชอบบอกเรื่องที่เขียนจากหนังให้ใครสักคนฟัง

    ถ้ามีใครสักคนผ่านมาอ่าน    หวังว่าจะมีความสุข สนุก -- หรืออะไรก็ตาม-- ไม่มากก็น้อย =)

    บอกกันได้ ถ้าคุณชอบอ่านบทความของนักเขียนคนนี้
    แล้วเจอกันใหม่ค่ะ



อ่านนิยายได้ที่  http://hongsamut.com/readniyai.php?niyaiid=5129  หรือจะเป็น my.dek-d.com/iamlukkling/writer/view.php?id=817575

.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่