สวัสดีค่ะ ขออนุญาตแชร์ประสบการณ์ จากการวิ่งซุปเปอร์ฮาล์ฟมาราธอนที่ภูหินร่องกล้าเมื่อวานนี้ โดยคัดลอกจากสเตตัสของตัวเองใน fb ค่ะ
ขอเกริ่นก่อนนะคะ เราเพิ่งเริ่มวิ่งมาได้ครึ่งปีค่ะ จุดเริ่มต้นของการวิ่งมาจากการไปวิ่งระยะมินิ 10 km. ที่งานกรุงเทพมาราธอนปีที่แล้ว โดยที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยวิ่งมาก่อนเลย ผลคือ หอบและหมดแรงตั้งแต่ยังไม่พ้นกิโลแรก และเดินล้วนๆ ไปอีก 9 km. ที่เหลือ วันรุ่งขึ้นไปทำงานแบบเดี้ยงๆ แปะกอเอี๊ยะที่ขาและสะโพกรวม 8 แผ่น เดินขึ้นลงบันได BTS / ลุกนั่งแต่ละที เจ็บขาและสะโพกจนน้ำตาจะไหล นึกยังไงไม่รู้มานั่งเปิดอากู๋เสิร์จเรื่องกรุงเทพมาราธอน แล้วเจอกระทู้ของคุณ thipwalee
http://pantip.com/topic/31261701 นั่งอ่านแบบอึ้งๆ คือดูแล้วคุณ thipwalee ต้องอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเราแน่ๆ แต่เค้าวิ่งฟูลมาราธอนได้... แล้วเราล่ะ? ทำไมสุขภาพเราแย่ป้อแป้แบบนี้ วิ่งแค่กิโลเดียวก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว...
หลังจากนั้นไม่กี่วัน เราคุ้ยรองเท้าวิ่งคู่เก่าที่ซื้อมานานแต่ใช้นับครั้งได้แล้วดุ่มๆ แล้วเริ่มไปวิ่งที่สวนลุมหลังเลิกงานทันที เราอยากมีสุขภาพที่ดีกว่านี้...
ผ่านมาครึ่งปี เราผ่าน Fun Run 5 km. ไป 1 สนาม (SCG 100th Anniversary Run To The Future) และ Mini Marathon 10 km. อีก 3 สนาม (จอมบึงมาราธอน, สิงห์สงกรานต์เชียงใหม่มินิมาราธอน และ ศิริราช เดิน-วิ่ง ผสานชุมชน)
ตอนที่รู้ข่าวงานวิ่งที่ภูหินร่องกล้า ก็รู้สึกว่าอยากไป เพราะงานนี้จัดตรงกับวันเกิดเราพอดี ปีที่ผ่านๆ มา วันเกิดทีก็ไปกินเลี้ยง แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิม ปีนี้เราอยากไปวิ่งฉลองวันเกิดให้ตัวเอง แต่เราจะไหวไหม? วิ่งมินิมาแค่ 3 สนาม ยังไม่เคยซ้อมเกิน 10 km. เลย เรากำลังหาเรื่องใส่ตัวรึเปล่า...? แต่ใจมันไปแล้ว งานนี้มันเหมือนจัดมาเพื่อเรา สัญชาตญาณมันบอกว่าต้องลุย คนเรามีวันเกิดปีที่ 30 แค่ครั้งเดียว เราไม่อยากมานั่งเสียดายทีหลังว่า รู้งี้วันนั้นน่าจะไป ไหวไม่ไหวไม่รู้ล่ะ ต้องลอง! งั้นก็สมัครเลยละกัน
และนี่คือสิ่งที่เราได้รับในวันเกิดปีที่ 30 ของตัวเองค่ะ...
*** *** ***
วันนี้ไปวิ่งซุปเปอร์ฮาล์ฟมาราธอน 24 กม. รับวันเกิดที่ภูหินร่องกล้า ด้วยความคิดที่ว่า เราจะวิ่งเท่าที่วิ่งไหว แค่ไหนแค่นั้น เพราะยังไม่เคยวิ่งเกิน 10 กม.เลยด้วยซ้ำ แล้วก็สมใจอยากจริงๆ เพราะมันคือการวิ่งขึ้นลงเขาชัดๆ ลูกต่อลูก หาทางลาดแทบไม่ได้เลย
ช่วง 12 กม.แรก หนักไปทางวิ่งขึ้นเขา มันชันมากจนเราหัวเราะออกมาตอนดีใจที่เจอทางเรียบ 500 เมตร แล้วพบว่าต้องขึ้นเขาอีกยาวๆ มันตลกจริงๆ ตอนที่ทุกคนพร้อมใจกันค่อยๆ เดินขึ้นไป
พอกลับตัวเพื่อเผชิญกับ 12 กม. หลัง แม้ทางลาดลงเขาจะเยอะ และดูเหมือนว่าเราจะวิ่งได้ง่ายขึ้น แต่มันก็ง่ายได้แค่ช่วง 12-18 กม. หลังจากนั้นคือหมดแรง หมดเลยจริงๆ แดดก็เปรี้ยง ขณะที่ลมก็เย็นมาก แล้วเราก็เจ็บฝ่าเท้าแบบสุดๆ (เพราะยังไม่เคยใส่ vibram วิ่งยาวขนาดนี้มาก่อน)
หนำซ้ำพอ กม. 20 ดันมีรถพยาบาลวิ่งตามหลังอีก! บุรุษพยาบาลก็ส่งยิ้มหวานให้เราทำนองว่า ไหวมั้ยจ๊ะ ขึ้นรถมากับพี่มั้ยจ๊ะ...กรูไม่ไปเฟ้ย! ไม่ยอม DNF เด็ดขาด ต่อให้ปวดขาจนขาจะหลุดแล้วก็เถอะ!
4 กม. สุดท้ายคือการเดินขึ้นเขาล้วนๆ ถ้าจะให้เห็นภาพน่าจะใช้คำว่า ปีนขึ้นเขา น่าจะเหมาะกว่า มันจะชันไปไหนเนี่ย เราหยุดเดินเป็นพักๆ เพราะเจ็บนิ้วเท้าเหลือประดา ภาวนาในใจขออย่าให้เล็บหลุดเลย
แดดก็ร้อน ทางก็โคตรชัน เหนื่อยแบบจะตาย ใจเต้นแรงตลอดเวลา บนถนนไม่มีใครเลย เรายืนเคว้งคว้างอยู่คนเดียวแล้วบ่นออกมาดังๆ ว่า เมื่อไหร่จะถึงวะ เหนื่อยแล้วนะ!
1 กม.สุดท้ายก่อนเข้าเส้นชัย เรากัดฟันวิ่งอีกครั้ง นักวิ่งข้างทางที่เค้ารับถ้วยกันไปหมดแล้วปรบมือให้เรา "เก่งมาก อีกนิดเดียว พยายามเข้า" ได้ยิน ปย.นี้มาตลอดทาง "ขอบคุณค่ะ" เราตะโกนตอบและส่งยิ้มเพลียๆ กลับไป นี่คือกำลังใจสุดจะมีค่าที่เราได้รับจากนักวิ่งที่ปีนผ่านไอ้บรรดาเทือกเขาโคตรชันทุกลูกมาด้วยกัน
วิ่งเข้าเส้นชัย เจอพี่อเล็กซ์ (รุ่นพี่ที่ไปวิ่งด้วยกัน) ยืนรออยู่ เราวิ่งเข้าไปกอดและแทบทรุดลงตรงนั้น น้ำตาเกือบไหลแล้วแต่เหนื่อยและร้อนจนขอพักซีนซึ้งไว้ก่อน เหวอๆ ที่ได้รับป้ายกับเค้าด้วย เราเข้าเส้นชัยเป็นลำดับที่ 46 ของผู้หญิง ได้ถ้วยสมความตั้งใจ และตอนนี้อยู่บนรถตู้ของทัวร์จิมรันนิ่งกำลังกลับกรุงเทพ
ซีนที่เราหัวเราะกับตัวเองตอนเจอเนินโคตรชัน และตอนที่ยืนมองเนินที่ต้องลากขาปีนกลับขึ้นไปมันยังชัดแจ่ม บอกเลยว่า มันเหนื่อยเกือบตายจริงๆ มันต้องใช้ใจเยอะมากๆ เราบอกตัวเองไม่รู้กี่ทีว่า ไม่ยอมแพ้หรอกเว้ย ยังไงกรูก็ไม่ยอม DNF เด็ดขาด ทั้งที่ตอนนั้นเหนื่อยจนแทบสิ้นหวังแล้ว
ของขวัญที่ยิ่งใหญ่กว่าถ้วยรางวัลคือ วันนี้เราเอาชนะใจตัวเอง เราผ่านซุปเปอร์ฮาล์ฟมาราธอนมาได้แล้ว นับจากวันนี้ ไม่ว่าจะต้องเจอปัญหาหรือเรื่องเฮงซวยแค่ไหน เราจะไม่มีวันยอมแพ้
ขอบคุณกำลังใจจากเพื่อนพ้องน้องพี่ชาว Crazy Running มันยิ่งใหญ่มากค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่บอกว่าได้รับแรงบันดาลใจในการออกกำลังกายมาจากเรา สิ่งนี้ทำให้เรายิ่งฮึดต่อเช่นกัน
ขอบคุณทุกความเชื่อที่ทุกคนส่งมาให้ ขอบคุณตัวเองที่เชื่อว่า ชั้นทำได้
30 มันกำลังแจ๋วจริงๆ ด้วยนะ สุขสันต์วันเกิดให้ตัวเอง และขอขอบคุณทุกคำอวยพรและความปรารถนาดีที่ส่งมา ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ
18.30 น. 11 พ.ค. 2557
ระหว่างทางกลับบ้าน
Candy Tul
*** *** ***
Run for my birthday
ระยะซุปเปอร์ฮาล์ฟ 24 กม.
ระยะจริงที่ endomondo จับได้ 26.6 กม.
Distance 26.61 km
Duration 4h:45m:27s
Half marathon 3h:39m:44s
*** *** ***
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้ค่ะ
ฉลองวันเกิดปีที่ 30 ด้วยการไปวิ่งซุปเปอร์ฮาล์ฟมาราธอนที่ภูหินร่องกล้า
ขอเกริ่นก่อนนะคะ เราเพิ่งเริ่มวิ่งมาได้ครึ่งปีค่ะ จุดเริ่มต้นของการวิ่งมาจากการไปวิ่งระยะมินิ 10 km. ที่งานกรุงเทพมาราธอนปีที่แล้ว โดยที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยวิ่งมาก่อนเลย ผลคือ หอบและหมดแรงตั้งแต่ยังไม่พ้นกิโลแรก และเดินล้วนๆ ไปอีก 9 km. ที่เหลือ วันรุ่งขึ้นไปทำงานแบบเดี้ยงๆ แปะกอเอี๊ยะที่ขาและสะโพกรวม 8 แผ่น เดินขึ้นลงบันได BTS / ลุกนั่งแต่ละที เจ็บขาและสะโพกจนน้ำตาจะไหล นึกยังไงไม่รู้มานั่งเปิดอากู๋เสิร์จเรื่องกรุงเทพมาราธอน แล้วเจอกระทู้ของคุณ thipwalee http://pantip.com/topic/31261701 นั่งอ่านแบบอึ้งๆ คือดูแล้วคุณ thipwalee ต้องอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเราแน่ๆ แต่เค้าวิ่งฟูลมาราธอนได้... แล้วเราล่ะ? ทำไมสุขภาพเราแย่ป้อแป้แบบนี้ วิ่งแค่กิโลเดียวก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว...
หลังจากนั้นไม่กี่วัน เราคุ้ยรองเท้าวิ่งคู่เก่าที่ซื้อมานานแต่ใช้นับครั้งได้แล้วดุ่มๆ แล้วเริ่มไปวิ่งที่สวนลุมหลังเลิกงานทันที เราอยากมีสุขภาพที่ดีกว่านี้...
ผ่านมาครึ่งปี เราผ่าน Fun Run 5 km. ไป 1 สนาม (SCG 100th Anniversary Run To The Future) และ Mini Marathon 10 km. อีก 3 สนาม (จอมบึงมาราธอน, สิงห์สงกรานต์เชียงใหม่มินิมาราธอน และ ศิริราช เดิน-วิ่ง ผสานชุมชน)
ตอนที่รู้ข่าวงานวิ่งที่ภูหินร่องกล้า ก็รู้สึกว่าอยากไป เพราะงานนี้จัดตรงกับวันเกิดเราพอดี ปีที่ผ่านๆ มา วันเกิดทีก็ไปกินเลี้ยง แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิม ปีนี้เราอยากไปวิ่งฉลองวันเกิดให้ตัวเอง แต่เราจะไหวไหม? วิ่งมินิมาแค่ 3 สนาม ยังไม่เคยซ้อมเกิน 10 km. เลย เรากำลังหาเรื่องใส่ตัวรึเปล่า...? แต่ใจมันไปแล้ว งานนี้มันเหมือนจัดมาเพื่อเรา สัญชาตญาณมันบอกว่าต้องลุย คนเรามีวันเกิดปีที่ 30 แค่ครั้งเดียว เราไม่อยากมานั่งเสียดายทีหลังว่า รู้งี้วันนั้นน่าจะไป ไหวไม่ไหวไม่รู้ล่ะ ต้องลอง! งั้นก็สมัครเลยละกัน
และนี่คือสิ่งที่เราได้รับในวันเกิดปีที่ 30 ของตัวเองค่ะ...
*** *** ***
วันนี้ไปวิ่งซุปเปอร์ฮาล์ฟมาราธอน 24 กม. รับวันเกิดที่ภูหินร่องกล้า ด้วยความคิดที่ว่า เราจะวิ่งเท่าที่วิ่งไหว แค่ไหนแค่นั้น เพราะยังไม่เคยวิ่งเกิน 10 กม.เลยด้วยซ้ำ แล้วก็สมใจอยากจริงๆ เพราะมันคือการวิ่งขึ้นลงเขาชัดๆ ลูกต่อลูก หาทางลาดแทบไม่ได้เลย
ช่วง 12 กม.แรก หนักไปทางวิ่งขึ้นเขา มันชันมากจนเราหัวเราะออกมาตอนดีใจที่เจอทางเรียบ 500 เมตร แล้วพบว่าต้องขึ้นเขาอีกยาวๆ มันตลกจริงๆ ตอนที่ทุกคนพร้อมใจกันค่อยๆ เดินขึ้นไป
พอกลับตัวเพื่อเผชิญกับ 12 กม. หลัง แม้ทางลาดลงเขาจะเยอะ และดูเหมือนว่าเราจะวิ่งได้ง่ายขึ้น แต่มันก็ง่ายได้แค่ช่วง 12-18 กม. หลังจากนั้นคือหมดแรง หมดเลยจริงๆ แดดก็เปรี้ยง ขณะที่ลมก็เย็นมาก แล้วเราก็เจ็บฝ่าเท้าแบบสุดๆ (เพราะยังไม่เคยใส่ vibram วิ่งยาวขนาดนี้มาก่อน)
หนำซ้ำพอ กม. 20 ดันมีรถพยาบาลวิ่งตามหลังอีก! บุรุษพยาบาลก็ส่งยิ้มหวานให้เราทำนองว่า ไหวมั้ยจ๊ะ ขึ้นรถมากับพี่มั้ยจ๊ะ...กรูไม่ไปเฟ้ย! ไม่ยอม DNF เด็ดขาด ต่อให้ปวดขาจนขาจะหลุดแล้วก็เถอะ!
4 กม. สุดท้ายคือการเดินขึ้นเขาล้วนๆ ถ้าจะให้เห็นภาพน่าจะใช้คำว่า ปีนขึ้นเขา น่าจะเหมาะกว่า มันจะชันไปไหนเนี่ย เราหยุดเดินเป็นพักๆ เพราะเจ็บนิ้วเท้าเหลือประดา ภาวนาในใจขออย่าให้เล็บหลุดเลย
แดดก็ร้อน ทางก็โคตรชัน เหนื่อยแบบจะตาย ใจเต้นแรงตลอดเวลา บนถนนไม่มีใครเลย เรายืนเคว้งคว้างอยู่คนเดียวแล้วบ่นออกมาดังๆ ว่า เมื่อไหร่จะถึงวะ เหนื่อยแล้วนะ!
1 กม.สุดท้ายก่อนเข้าเส้นชัย เรากัดฟันวิ่งอีกครั้ง นักวิ่งข้างทางที่เค้ารับถ้วยกันไปหมดแล้วปรบมือให้เรา "เก่งมาก อีกนิดเดียว พยายามเข้า" ได้ยิน ปย.นี้มาตลอดทาง "ขอบคุณค่ะ" เราตะโกนตอบและส่งยิ้มเพลียๆ กลับไป นี่คือกำลังใจสุดจะมีค่าที่เราได้รับจากนักวิ่งที่ปีนผ่านไอ้บรรดาเทือกเขาโคตรชันทุกลูกมาด้วยกัน
วิ่งเข้าเส้นชัย เจอพี่อเล็กซ์ (รุ่นพี่ที่ไปวิ่งด้วยกัน) ยืนรออยู่ เราวิ่งเข้าไปกอดและแทบทรุดลงตรงนั้น น้ำตาเกือบไหลแล้วแต่เหนื่อยและร้อนจนขอพักซีนซึ้งไว้ก่อน เหวอๆ ที่ได้รับป้ายกับเค้าด้วย เราเข้าเส้นชัยเป็นลำดับที่ 46 ของผู้หญิง ได้ถ้วยสมความตั้งใจ และตอนนี้อยู่บนรถตู้ของทัวร์จิมรันนิ่งกำลังกลับกรุงเทพ
ซีนที่เราหัวเราะกับตัวเองตอนเจอเนินโคตรชัน และตอนที่ยืนมองเนินที่ต้องลากขาปีนกลับขึ้นไปมันยังชัดแจ่ม บอกเลยว่า มันเหนื่อยเกือบตายจริงๆ มันต้องใช้ใจเยอะมากๆ เราบอกตัวเองไม่รู้กี่ทีว่า ไม่ยอมแพ้หรอกเว้ย ยังไงกรูก็ไม่ยอม DNF เด็ดขาด ทั้งที่ตอนนั้นเหนื่อยจนแทบสิ้นหวังแล้ว
ของขวัญที่ยิ่งใหญ่กว่าถ้วยรางวัลคือ วันนี้เราเอาชนะใจตัวเอง เราผ่านซุปเปอร์ฮาล์ฟมาราธอนมาได้แล้ว นับจากวันนี้ ไม่ว่าจะต้องเจอปัญหาหรือเรื่องเฮงซวยแค่ไหน เราจะไม่มีวันยอมแพ้
ขอบคุณกำลังใจจากเพื่อนพ้องน้องพี่ชาว Crazy Running มันยิ่งใหญ่มากค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่บอกว่าได้รับแรงบันดาลใจในการออกกำลังกายมาจากเรา สิ่งนี้ทำให้เรายิ่งฮึดต่อเช่นกัน
ขอบคุณทุกความเชื่อที่ทุกคนส่งมาให้ ขอบคุณตัวเองที่เชื่อว่า ชั้นทำได้
30 มันกำลังแจ๋วจริงๆ ด้วยนะ สุขสันต์วันเกิดให้ตัวเอง และขอขอบคุณทุกคำอวยพรและความปรารถนาดีที่ส่งมา ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ
18.30 น. 11 พ.ค. 2557
ระหว่างทางกลับบ้าน
Candy Tul
*** *** ***
Run for my birthday
ระยะซุปเปอร์ฮาล์ฟ 24 กม.
ระยะจริงที่ endomondo จับได้ 26.6 กม.
Distance 26.61 km
Duration 4h:45m:27s
Half marathon 3h:39m:44s
*** *** ***
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้ค่ะ