ระยะนี้สิงอยู่ในบอร์ด ศิลปะการต่อสู้มานาน ติดตามพวกดราม่า หลาย ๆ เรื่อง เด่น ๆ ก็จะคงเป็นเรื่อง เน โฮฟาทูร่า แหละมั้ง และตัว จขกท. เอง ก็เคยเรียน คาราเต้ มากว่า 7 ปี ก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรหรอก เรียนเพื่อออกกำลังมากกว่า สอบสายก็ไม่ค่อยสอบ เพราะขี้เกียจซ้อม เลยอยากออกมาสรุป กระทู้คร่าว ๆ ของพวกบอร์ดนี้ (อาจจะยาวหน่อย ต้องขอโทษด้วย) พร้อมความเห็นส่วนตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ
1. พวกเปรียบมวยระหว่างมวยประเภทหนึ่ง กับมวยอีกประเภทหนึ่ง
อยากถามนิดหนึ่ง เปรียบกันไปเพื่ออะไรครับ มันได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา เช่น มวยไท่เก๊ก และมวยไทย หากเจอกัน ใครจะเป็นฝ่ายชนะ, คาราเต้ เจอกับ MMA ใครจะเป็นฝ่ายชนะ เป็นต้น ถามว่า หากสู้กันจริง ๆ แล้ว หากมวยไท่เก๊ก มาเจอกับมวยไทย แล้วเป็นฝ่ายโดนมวยไทยเตะก้านคอลงไปนอนนับสิบ หรือคาราเต้โดนพวก MMA จับล๊อกที่พื้นกดแขนแล้วสู้ต่อไม่ได้ แปลว่า ไท่เก็กด้อยกว่ามวยไทย หรือ คาราเต้สู้ MMA ไม่ได้ อย่างนั้นหรือ โดยส่วนตัวแล้วผมมองว่า "ไม่" คนฝึกต่างหากที่สำคัญ ไม่ใช่วิชาสำคัญ คุณจะฝึกอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่าคุณเข้าใจและประยุกต์ใช้มันได้อย่างแท้จริง ถ่องแท้หรือเปล่า ขอยกคำพูดในนวนิยายกิมย้งเรื่องหนึ่งเลยนะ เป็นคำพูดอมตะของ ฟงชิงหยาง เลย ตอนที่สอนเก้ากระบี่ต๊กโกว ให้กับเล่งฮู้ชง ฟงชิงหยางบอกว่า คำว่า "เป็น" สำคัญมากว่าการร่ายรำกระบี่และท่วงท่า ไม่ว่าเพลงกระบี่สำนักอะไรก็ตาม หากไม่สามารถฝึกจน "เป็น" ได้ ถือว่าไร้ประโยชน์ เพราะในความเป็นจริงแล้ว มันไม่มีอะไรเหนือกว่าอะไรหรอก มันอยู่ที่ว่าคุณประยุกต์วิชาที่คุณได้ฝึกฝนมาได้หรือเปล่ามันก็เท่านั้นเองแหละ แต่ละวิชามีแก่นและแนวคิดที่ไม่เหมือนกัน แต่ปลายทางนั้นเหมือนกัน คือ เอาตัวรอด มัวแต่มานั่งวิเคราะห์ว่า อันนุ้นดีกว่า อันนี้ด้อยกว่า อย่าเลยครับ คุณเรียน ฝึก อะไรอยู่ก็ตั้งใจฝึกฝนไปนั่นแหละดีที่สุดแล้ว
2. พวกวิเคราะห์ว่าอันนี้ใช้จริงได้/ไม่ได้
วิเคราะห์กันอยู่แต่หลังคีย์บอร์ด ตามหลัก ตามวิชาการ ตามนุ่นตามนี้ ถามจริง ๆ ถ้าสถานการ์ณจริง ๆ เกิดขึ้นมา ทำอย่างไรครับ ถ้าเป็นผม ผม "วิ่ง" สิครับ จะสู้ให้โง่เหรอ ชนะแล้วยังไง ถ้าแพ้เผลอ ๆ ตายต่างหาก ถึงวิเคราะห์แล้วว่าคู่ต่อสู้ไม่ใช่คู่มือ ผมก็ไม่สู้ เพราะในสถานการณ์จริงไม่มีกติกา คุณชนะเขาวันนี้ วันหลังคุณจะไม่เจอลูกปืนเหรอ หรือไม่เจอเขาพาพวกสัก 20 คนมารุมกระทืบคุณเหรอ อันนี้อยากฝากให้คิด ไอคิโด้ คาราเต้ กังฟู MMA หมัดแปดปรมัตถ์ หย่งชุน ไท่เก็ก เทควอนโด้ มวยไทย ยูยิตสูฯลฯ ใช้ได้มั้ยในสถานการณ์จริง ๆ อยากบอกว่าเวลาของจริงน่ะ ศิลปะการต่อสู้ไม่ว่าอะไรก็ตามมันช่วยคุณได้แค่ 15-20% เท่านั้นแหละครับ ที่เหลือขึ้นอยู่กับสติ ไหวพริบปฎิภาณของคุณมากกว่าว่าจะเอาตัวรอดได้มั้ย เวลาเจอของจริง ท่องไว้เลยครับ "ไม่มีทางที่จะได้สู้อย่างยุติธรรม คือ หนึ่งต่อหนึ่ง" มานั่งวิเคราะห์กันหลังคีย์บอร์ดน่ะไม่ได้เรื่องหรอกครับ ครูมาโนชย์แห่งดาบอาทมาฎ เคยให้คติเป็นคำกลอนเอาไว้ครับ ใช้ได้ดีทีเดียว "มีเรื่องให้หนี หนีไม่ได้ให้สู้ สู้ได้ห้ามตาย ติดคุกมีวันออก ตายแล้วไม่มีวันฟื้น"
3. เน โฮฟาทูร่า
ไม่ค่อยอยากมี comment มาก เพราะกลัวพี่ เน มาท้าผมไป ไฟ่ว (ฮา)

ก็หลาย ๆ comment ตามในโลก social นั่นแหละครับ แต่ผมชอบของคุณ บัวขาวนะ ที่บอกว่า "พวกเราหลงกลไปเพิ่ม Credit ให้เขาซะแล้ว" ส่วนวิชาของเขาจะเป็นยังไง สู้ได้ไม่ได้ยังไง ผมไม่ขอวิจารณ์ เพราะว่าความรู้ไม่ถึงน่ะครับ รอท่านอื่น ๆ ที่ความรู้ด้านนี้แน่น ๆ มาอธิบายดีกว่า แต่ผมชอบอย่างหนึ่งนะ คือ ท้าไฟว่กะคนอื่นเขาไปเรื่อย และมักจะไปจริง ๆ ด้วย ยกเว้นคุณ เน วัดดาว ที่ เน โฮฟาทูร่า ยังไม่ยอมไป เพราะเขาท้าด้วยดาบซามูไรของจริง มีดหัวตัดจริง ไม่ใช่ดาบไม้
4. พวกที่อยากเข้ามาเรียนศิลปะการต่อสู้ เพราะอยากจะเอาไปใช้งาน
อยากบอกไว้ว่า ศิลปะการต่อสู้ ไม่เหมือนวิชาพวกบัญชี Computer นะครับ ที่เรียนแล้วจะเอาไปใช้งานได้ในสถานการณ์จริง ๆ ได้ทันที มันคนละเรื่องนะครับ เพราะหากคุณเอาไปใช้ในสถานการณ์จริงน่ะ ที่พูดนี่คือหมายถึง มีเรื่องจริง ๆ ต้องสู้จริง ๆ ไม่มี Take สอง ไม่มีการเตี๊ยมไว้ก่อนเหมือนเวลาไปเรียนตามโดโจ หรือโรงเรียนน่ะ คุณถามใจตัวเองดูหรือยังอ่ะครับว่ามันจะเอามาใช้งานได้จริง ๆ หรือไม่ คู่ต่อสู้เขาไม่ Fair play กับคุณหรอก เขาเล่นสกปรกทุกรูปแบบนั่นแหละ คุณจะปัดป้อง หลบหลีก ต่อย ถีบ เตะยังไง ผมบอกตรง ๆ ก็ได้ เวลาสู้จริง "พละกำลัง/ไหวพริบ/สติสัมปัญชัญญะ" เป็นสิ่งสำคัญ ไม่ใช่ของที่คุณเรียนมา แต่อย่างที่ผมบอกแหละ หนีได้ก็หนีเถอะ
อาจจะยาวและไร้สาระไปหน่อย แต่ก็ขอบคุณมากครับที่เข้ามาอ่าน ซึ่งผมเองก็ไม่ทราบว่าจะโดน comment หนัก ๆ หรือว่าอะไรบ้าง แต่ก็ดีใจครับที่ได้บ่น ๆ ระบาย ๆ อะไรบ้าง ก็เท่านั้นแหละครับ
ทิ้งท้ายแด่ผู้ชอบดวล : มวยจีน/มวยไทยสมัยก่อน เวลาก่อนดวลกันเค้ามักจะเขียนข้อสัญญากันก่อนประมาณว่า "แพ้ชนะไม่ติดใจ เป็นตายไม่เอาเรื่อง" ถ้าจะดวลกันสมัยนี้มาเขียนข้อสัญญากันแบบนี้ ผมว่าเก๋ไปอีกแบบนะครับ
ศิลปะการต่อสู้ที่แท้จริง คือ การเอาตัวรอด
1. พวกเปรียบมวยระหว่างมวยประเภทหนึ่ง กับมวยอีกประเภทหนึ่ง
อยากถามนิดหนึ่ง เปรียบกันไปเพื่ออะไรครับ มันได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา เช่น มวยไท่เก๊ก และมวยไทย หากเจอกัน ใครจะเป็นฝ่ายชนะ, คาราเต้ เจอกับ MMA ใครจะเป็นฝ่ายชนะ เป็นต้น ถามว่า หากสู้กันจริง ๆ แล้ว หากมวยไท่เก๊ก มาเจอกับมวยไทย แล้วเป็นฝ่ายโดนมวยไทยเตะก้านคอลงไปนอนนับสิบ หรือคาราเต้โดนพวก MMA จับล๊อกที่พื้นกดแขนแล้วสู้ต่อไม่ได้ แปลว่า ไท่เก็กด้อยกว่ามวยไทย หรือ คาราเต้สู้ MMA ไม่ได้ อย่างนั้นหรือ โดยส่วนตัวแล้วผมมองว่า "ไม่" คนฝึกต่างหากที่สำคัญ ไม่ใช่วิชาสำคัญ คุณจะฝึกอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่าคุณเข้าใจและประยุกต์ใช้มันได้อย่างแท้จริง ถ่องแท้หรือเปล่า ขอยกคำพูดในนวนิยายกิมย้งเรื่องหนึ่งเลยนะ เป็นคำพูดอมตะของ ฟงชิงหยาง เลย ตอนที่สอนเก้ากระบี่ต๊กโกว ให้กับเล่งฮู้ชง ฟงชิงหยางบอกว่า คำว่า "เป็น" สำคัญมากว่าการร่ายรำกระบี่และท่วงท่า ไม่ว่าเพลงกระบี่สำนักอะไรก็ตาม หากไม่สามารถฝึกจน "เป็น" ได้ ถือว่าไร้ประโยชน์ เพราะในความเป็นจริงแล้ว มันไม่มีอะไรเหนือกว่าอะไรหรอก มันอยู่ที่ว่าคุณประยุกต์วิชาที่คุณได้ฝึกฝนมาได้หรือเปล่ามันก็เท่านั้นเองแหละ แต่ละวิชามีแก่นและแนวคิดที่ไม่เหมือนกัน แต่ปลายทางนั้นเหมือนกัน คือ เอาตัวรอด มัวแต่มานั่งวิเคราะห์ว่า อันนุ้นดีกว่า อันนี้ด้อยกว่า อย่าเลยครับ คุณเรียน ฝึก อะไรอยู่ก็ตั้งใจฝึกฝนไปนั่นแหละดีที่สุดแล้ว
2. พวกวิเคราะห์ว่าอันนี้ใช้จริงได้/ไม่ได้
วิเคราะห์กันอยู่แต่หลังคีย์บอร์ด ตามหลัก ตามวิชาการ ตามนุ่นตามนี้ ถามจริง ๆ ถ้าสถานการ์ณจริง ๆ เกิดขึ้นมา ทำอย่างไรครับ ถ้าเป็นผม ผม "วิ่ง" สิครับ จะสู้ให้โง่เหรอ ชนะแล้วยังไง ถ้าแพ้เผลอ ๆ ตายต่างหาก ถึงวิเคราะห์แล้วว่าคู่ต่อสู้ไม่ใช่คู่มือ ผมก็ไม่สู้ เพราะในสถานการณ์จริงไม่มีกติกา คุณชนะเขาวันนี้ วันหลังคุณจะไม่เจอลูกปืนเหรอ หรือไม่เจอเขาพาพวกสัก 20 คนมารุมกระทืบคุณเหรอ อันนี้อยากฝากให้คิด ไอคิโด้ คาราเต้ กังฟู MMA หมัดแปดปรมัตถ์ หย่งชุน ไท่เก็ก เทควอนโด้ มวยไทย ยูยิตสูฯลฯ ใช้ได้มั้ยในสถานการณ์จริง ๆ อยากบอกว่าเวลาของจริงน่ะ ศิลปะการต่อสู้ไม่ว่าอะไรก็ตามมันช่วยคุณได้แค่ 15-20% เท่านั้นแหละครับ ที่เหลือขึ้นอยู่กับสติ ไหวพริบปฎิภาณของคุณมากกว่าว่าจะเอาตัวรอดได้มั้ย เวลาเจอของจริง ท่องไว้เลยครับ "ไม่มีทางที่จะได้สู้อย่างยุติธรรม คือ หนึ่งต่อหนึ่ง" มานั่งวิเคราะห์กันหลังคีย์บอร์ดน่ะไม่ได้เรื่องหรอกครับ ครูมาโนชย์แห่งดาบอาทมาฎ เคยให้คติเป็นคำกลอนเอาไว้ครับ ใช้ได้ดีทีเดียว "มีเรื่องให้หนี หนีไม่ได้ให้สู้ สู้ได้ห้ามตาย ติดคุกมีวันออก ตายแล้วไม่มีวันฟื้น"
3. เน โฮฟาทูร่า
ไม่ค่อยอยากมี comment มาก เพราะกลัวพี่ เน มาท้าผมไป ไฟ่ว (ฮา)
4. พวกที่อยากเข้ามาเรียนศิลปะการต่อสู้ เพราะอยากจะเอาไปใช้งาน
อยากบอกไว้ว่า ศิลปะการต่อสู้ ไม่เหมือนวิชาพวกบัญชี Computer นะครับ ที่เรียนแล้วจะเอาไปใช้งานได้ในสถานการณ์จริง ๆ ได้ทันที มันคนละเรื่องนะครับ เพราะหากคุณเอาไปใช้ในสถานการณ์จริงน่ะ ที่พูดนี่คือหมายถึง มีเรื่องจริง ๆ ต้องสู้จริง ๆ ไม่มี Take สอง ไม่มีการเตี๊ยมไว้ก่อนเหมือนเวลาไปเรียนตามโดโจ หรือโรงเรียนน่ะ คุณถามใจตัวเองดูหรือยังอ่ะครับว่ามันจะเอามาใช้งานได้จริง ๆ หรือไม่ คู่ต่อสู้เขาไม่ Fair play กับคุณหรอก เขาเล่นสกปรกทุกรูปแบบนั่นแหละ คุณจะปัดป้อง หลบหลีก ต่อย ถีบ เตะยังไง ผมบอกตรง ๆ ก็ได้ เวลาสู้จริง "พละกำลัง/ไหวพริบ/สติสัมปัญชัญญะ" เป็นสิ่งสำคัญ ไม่ใช่ของที่คุณเรียนมา แต่อย่างที่ผมบอกแหละ หนีได้ก็หนีเถอะ
อาจจะยาวและไร้สาระไปหน่อย แต่ก็ขอบคุณมากครับที่เข้ามาอ่าน ซึ่งผมเองก็ไม่ทราบว่าจะโดน comment หนัก ๆ หรือว่าอะไรบ้าง แต่ก็ดีใจครับที่ได้บ่น ๆ ระบาย ๆ อะไรบ้าง ก็เท่านั้นแหละครับ
ทิ้งท้ายแด่ผู้ชอบดวล : มวยจีน/มวยไทยสมัยก่อน เวลาก่อนดวลกันเค้ามักจะเขียนข้อสัญญากันก่อนประมาณว่า "แพ้ชนะไม่ติดใจ เป็นตายไม่เอาเรื่อง" ถ้าจะดวลกันสมัยนี้มาเขียนข้อสัญญากันแบบนี้ ผมว่าเก๋ไปอีกแบบนะครับ