เครื่องหมายถูกสีแดงคือแคว้นที่ไปร่วมกับรัสเซียแล้ว สีน้ำเงินคือกำลังจะไป
ผลการลงประชามติ เพื่อขอแยกตัวเป็นเอกราชจากยูเครนของชาวเมืองโดเนตสค์ มีการประกาศเพียง 2 ชั่วโมง หลังจากการปิดหีบเลือกตั้ง ผลปรากฏว่า ประชาชนส่วนใหญ่ เห็นด้วยกับการแยกตัวเป็นเอกราชจากยูเครน โดยในวันที่ 18 พฤษภาคมนี้ จะมีการลงประชามติอีกครั้ง ว่าเมืองโดเนตสค์ จะเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียหรือไม่
หลังจากการลงประชามติแยกตัวเป็นเอกราชในหลายเมืองใหญ่ทางฝั่งตะวันออกของยูเครน ผ่านพ้นไปเมื่อวานนี้ ล่าสุด ผลการลงประชามติในเมืองโดเนตสค์ ก็มีการประกาศออกมาแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมง ในการนับผลคะแนนทั้งหมด พร้อมกับมีการประกาศชัยชนะของฝ่ายนิยมรัสเซียในเมืองดังกล่าวโดยทันที
สำหรับคะแนนที่ปรากฏออกมานั้น คือชาวโดเนตสค์กว่าร้อยละ 89 หรือราว 3 ล้านคน เห็นด้วยกับการแยกตัวเป็นเอกราชจากยูเครน และจะใช้อำนาจในการปกครองตนเอง ในฐานะของ "สาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์" ขณะที่ ผู้มาลงคะแนนเสียงร้อยละ 10 ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ที่จัดการเลือกตั้งอ้างว่า เมื่อวานนี้มีผู้มาใช้สิทธิ์ลงคะแนนเสียงมากกว่าร้อยละ 75
ขณะเดียวกัน ก็มีรายงานว่า มีฝ่ายต่อต้านรัสเซียจำนวนหนึ่ง ได้บุกเข้าไปใกล้กับคูหาเลือกตั้ง ในเขตเลือกตั้งทางฝั่งตะวันตกของเมืองโดเนตสค์ พร้อมกับยิงปืนข่มขู่ จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย โดยคูหาเลือกตั้งนั้น ต้องปิดทำการไปโดยปริยาย แต่ประชาชนจำนวนหนึ่ง ก็ยังคงทยายไปใช้สิทธิ์ในคูหาอื่นๆตามปกติ สำหรับผลการลงประชามติในเมืองลูฮานสค์ เมืองใหญ่อีกเมืองหนึ่งทางฝั่งตะวันออกของยูเครน ยังไม่มีการประกาศออกมาแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม แกนนำฝ่ายนิยมรัสเซียในเมืองโดเนตสค์ได้ประกาศอย่างชัดเจนว่า หลังจากนี้ไป กองกำลังของยูเครนที่ประจำการอยู่ในเมืองโดเนตสค์จะถือเป็นกองกำลังที่เข้ามายึดครองอย่างผิดกฎหมาย ดังนั้น กองกำลังเหล่านี้ควรเคลื่อนย้ายออกไปโดยเร็วที่สุด
ทางด้านของนายโอเล็กซานเดอร์ เทอร์ชีนอฟ รักษาการประธานาธิบดียูเครน ก็ได้ออกมาประกาศอย่างชัดเจนว่า ทางการยูเครนไม่ขอยอมรับผลการลงประชามติในครั้งนี้ และการลงประชามติจะนำมาไปสู่สถานการณ์ที่เลวร้ายยิ่งขึ้นกว่าเดิม ขณะที่ สหภาพยุโรป และสหรัฐฯ ก็ออกมากล่าวเตือนว่า ยูเครนกำลังเข้าใกล้ภาวะสงครามกลางเมืองเต็มที และแน่นอนว่า การลงประชามติในครั้งนี้เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ผลการลงประชามติจึงเป็นสิ่งที่ขาดความชอบธรรม
ทั้งนี้ ในวันที่ 18 พฤษภาคม หลายเมืองใหญ่ทางฝั่งตะวันออกของยูเครน จะมีการจัดทำประชามติอีกครั้ง ว่าจะไปเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย เหมือนเช่นกรณีของเขตปกครองตนเองไครเมียหรือไม่ ท่ามกลางความกังวลใจจากหลายฝ่าย ว่ายูเครนกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆก่อนหน้าที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ ในวันที่ 25 พฤษภาคมนี้ ซึ่งฝ่ายนิยมรัสเซียตามเมืองต่างๆได้ออกมาประกาศแล้วว่า จะบอยคอตการเลือกตั้งดังกล่าวอย่างแน่นอน
ที่มา
ชาวโดเนตสค์-ลูฮานสค์ส่วนใหญ่ขอแยกตัวจากยูเครน
ผลการลงประชามติ เพื่อขอแยกตัวเป็นเอกราชจากยูเครนของชาวเมืองโดเนตสค์ มีการประกาศเพียง 2 ชั่วโมง หลังจากการปิดหีบเลือกตั้ง ผลปรากฏว่า ประชาชนส่วนใหญ่ เห็นด้วยกับการแยกตัวเป็นเอกราชจากยูเครน โดยในวันที่ 18 พฤษภาคมนี้ จะมีการลงประชามติอีกครั้ง ว่าเมืองโดเนตสค์ จะเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียหรือไม่
หลังจากการลงประชามติแยกตัวเป็นเอกราชในหลายเมืองใหญ่ทางฝั่งตะวันออกของยูเครน ผ่านพ้นไปเมื่อวานนี้ ล่าสุด ผลการลงประชามติในเมืองโดเนตสค์ ก็มีการประกาศออกมาแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมง ในการนับผลคะแนนทั้งหมด พร้อมกับมีการประกาศชัยชนะของฝ่ายนิยมรัสเซียในเมืองดังกล่าวโดยทันที
สำหรับคะแนนที่ปรากฏออกมานั้น คือชาวโดเนตสค์กว่าร้อยละ 89 หรือราว 3 ล้านคน เห็นด้วยกับการแยกตัวเป็นเอกราชจากยูเครน และจะใช้อำนาจในการปกครองตนเอง ในฐานะของ "สาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์" ขณะที่ ผู้มาลงคะแนนเสียงร้อยละ 10 ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ที่จัดการเลือกตั้งอ้างว่า เมื่อวานนี้มีผู้มาใช้สิทธิ์ลงคะแนนเสียงมากกว่าร้อยละ 75
ขณะเดียวกัน ก็มีรายงานว่า มีฝ่ายต่อต้านรัสเซียจำนวนหนึ่ง ได้บุกเข้าไปใกล้กับคูหาเลือกตั้ง ในเขตเลือกตั้งทางฝั่งตะวันตกของเมืองโดเนตสค์ พร้อมกับยิงปืนข่มขู่ จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย โดยคูหาเลือกตั้งนั้น ต้องปิดทำการไปโดยปริยาย แต่ประชาชนจำนวนหนึ่ง ก็ยังคงทยายไปใช้สิทธิ์ในคูหาอื่นๆตามปกติ สำหรับผลการลงประชามติในเมืองลูฮานสค์ เมืองใหญ่อีกเมืองหนึ่งทางฝั่งตะวันออกของยูเครน ยังไม่มีการประกาศออกมาแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม แกนนำฝ่ายนิยมรัสเซียในเมืองโดเนตสค์ได้ประกาศอย่างชัดเจนว่า หลังจากนี้ไป กองกำลังของยูเครนที่ประจำการอยู่ในเมืองโดเนตสค์จะถือเป็นกองกำลังที่เข้ามายึดครองอย่างผิดกฎหมาย ดังนั้น กองกำลังเหล่านี้ควรเคลื่อนย้ายออกไปโดยเร็วที่สุด
ทางด้านของนายโอเล็กซานเดอร์ เทอร์ชีนอฟ รักษาการประธานาธิบดียูเครน ก็ได้ออกมาประกาศอย่างชัดเจนว่า ทางการยูเครนไม่ขอยอมรับผลการลงประชามติในครั้งนี้ และการลงประชามติจะนำมาไปสู่สถานการณ์ที่เลวร้ายยิ่งขึ้นกว่าเดิม ขณะที่ สหภาพยุโรป และสหรัฐฯ ก็ออกมากล่าวเตือนว่า ยูเครนกำลังเข้าใกล้ภาวะสงครามกลางเมืองเต็มที และแน่นอนว่า การลงประชามติในครั้งนี้เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ผลการลงประชามติจึงเป็นสิ่งที่ขาดความชอบธรรม
ทั้งนี้ ในวันที่ 18 พฤษภาคม หลายเมืองใหญ่ทางฝั่งตะวันออกของยูเครน จะมีการจัดทำประชามติอีกครั้ง ว่าจะไปเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย เหมือนเช่นกรณีของเขตปกครองตนเองไครเมียหรือไม่ ท่ามกลางความกังวลใจจากหลายฝ่าย ว่ายูเครนกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆก่อนหน้าที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ ในวันที่ 25 พฤษภาคมนี้ ซึ่งฝ่ายนิยมรัสเซียตามเมืองต่างๆได้ออกมาประกาศแล้วว่า จะบอยคอตการเลือกตั้งดังกล่าวอย่างแน่นอน
ที่มา