ฉันเคยเขียนรีวิวการไปเที่ยวครั้งนี้มาก่อนแล้วในช่วงที่กำลังเดินทาง เนื่องจากการถ่ายทอดสดถูกขัดขวางด้วยสถานการณ์บางอย่างเช่น ไม่มีเนต จึงทำให้ขาดจากการเขียนรีวิวตอนอื่นๆไป และในตอนนั่นเขียนได้ไม่ละเอียดนัก เมื่อเวลาผ่านไป (ถึง 1 ปีเลยทีเดียว) ฉันได้บันทึกความทรงจำเก็บเอาไว้ จึงนำมาตัดออก เพิ่มเติมเรื่องราวรายละเอียดบางส่วนแล้วนำมาทำรีวิวขึ้นใหม่อีกครั้งแบบละเอียดขึ้น หวังว่าการเดินทางครั้งนี้จะเป็นประโยช์ให้กับผู้ที่กำลังเดินทางไปยังที่เหล่านี้นะค่ะ
******************
ความเดิมกระทู้ที่แล้ว
>>> (France-Swiss-Austria-Italy 31 วัน) แบคแพค ตปท.ครั้งแรก ภาษาอังกฤษไม่ดีก็ไปได้ ตอน1 มุ่งสู่ Paris <<<
http://pantip.com/topic/32029347
******************
ปล. ก่อนเลยคะ ฉันเขียน Mont
Sanit Michel ผิด คือพิมพ์ใส่เวิร์ดไว้ แล้วตอนเอาชื่อภาพใส่ก็ไปก๊อปจากเวิร์ดนั่นแหล่ะมาใช้ต่อ สรุปผิดยกโหลยกแถบทั้งเนื้อหาและภาพถ่ายเลยทีเดียว ทำไว้ตอนง่วงๆตั้งแต่เมื่อคืน ต้องขออภัยมากๆคะ

( ที่ระลึกเดียวจาก Mont Sanit Michel นอกจากภาพถ่าย)
วันนี้เราตื่นกันตั้งแต่เช้ามืด เพราะวันนี้เราจะไป Mont saint Michel โดย TGV รอบ 7.04 น. ไปขึ้นรถไฟที่ Gare Montparnasse จริงๆสถานีที่เราจะไปขึ้นรถไฟนั้นก็อยู่ไม่ไกลจากที่เราอยู่เท่าไหร่นัก แต่เราเลือกที่จะไปถึงเร็วดีกว่า เพราะรถไฟที่นั่นตรงเวลาจริงๆ ข้างนอกยังมืด ไม่มีคนเลย น่ากลัวสุดๆ ที่นี้ดูเหมือนเขาจะเริ่มต้นชีวิตไม่เร็วนัก ถ้าตี5 หรือ 6โมงเช้า บ้านเมืองเราต้องมีคนเดิน เด็กก็เริ่มไปโรงเรียน มีแม่ค้าขายหมูปิ้ง แต่ที่นี้น่ากลัวสุดๆ ตอนแรกจะนั่งรถบัส เพราะกลัวเมโทรอันตราย แต่พอเดินออกมาจากโรงแรม อุ๊ย เมโทรเปิดไฟสว่างดี เลยเปลี่ยนใจเพราะเมโทรเดินใกล้กว่า ขึ้นไปก็เสียวๆ ไม่มีคนเลย (อากาศเย็นๆหนาวๆ ยิ่งหดหู่ ยิ่งวิตกจริต โอ๊วววววว ) ถ้าเป็นที่ญี่ปุ่นฉันเคยไปรอTokyo Metroรอบแรกประมาณตี 5 คนก็ยืนรอกันเต็มแล้ว

( สถานีเมโทร cambronne ตอนตี5 )

( ระยะทางจากที่พักตรงสถานีเมโทร cambronne ถึง Montparnasses ไม่ไกลนัก)
ดูเหมือนเราจะตื่นเต้นก่อนเวลาเสมอๆ มาถึงเร็วเป็นชั่วโมง สงสัยจะเป็นนิสัยส่วนตัวไปแล้ว กันไว้ดีกว่าแก้ มาถึงก่อนเวลาดีกว่า พอโผล่ออกมาจากสถานีเมโทร เฮ้ย ตรูอยู่ไหนแล้วฟร่ะ หลงทาง งง งง และเนื่องด้วยกลัวมิจฉาชีพ เราต้องพยายามทำตัวให้รู้เส้นทางไว้ที่สุด (มโนเอาเอง) เราเดินๆๆๆอย่างสับสน ผู้ร่วมเดินทางอีกคนของฉัน เดินๆๆๆๆตามมา มาถึงบันไดเลื่อน เฮ้ย เอาไงดีฟร่ะ เห็นมีคนลากกระเป๋าเดินขึ้นไป ขึ้นมั้ง มีเวลาอีกเยอะ ถ้าหลงค่อยหาทางใหม่ ขึ้นบันได้เลื่อนไปเรื่อยจนมาถึงชั้นบนสุด โอ้วววว ... เราเห็นสถานีที่มีรถ TGV จอดอยู่แล้ว
มีคนมานั่งรอ ยืนรอพร้อมกระเป๋าใบใหญ่ บางคนก็จูงสุนัขน่ารักตัวใหญ่ (แต่ท่าทางใจดี) มาด้วย ร้านกาแฟ ร้านขายของยังไม่เปิดเพราะเช้าเกินไป เราไม่ได้ตุนอะไรไว้เลย เป็นครั้งแรกที่อยากได้เครื่องดื่มร้อนๆเพราะอากาศหนาว (ตอนอยู่บ้านเราปกติขี้ร้อนมากจะกินแต่น้ำแข็ง ) นั่งรอสักพักก็มีร้านกาแฟกับขนมร้านนึงเปิด คนต่อแถวพรึ๊บ!! ร้านนี้เปิดก่อน รับเละ ฮิฮิ ผู้ร่วมเดินทางอีกคนของฉันได้กาแฟ ฉันได้ชอกโกแลตร้อน และซื้อโค้กกับขนมไปตุนไว้มื้อเที่ยง (ถ้าจำไม่ผิดเขาจะขายเป็นเซท ได้เครื่องดื่ม 1 ขนมปัง1 และขนมที่เป็นพวกคุกกี้อีก 1 กาแฟซื้อต่างหาก จำราคาไม่ได้แล้ว) เห็นขนมปังbaguette ใส่เครื่องเลยเลือกอันนี้ กับคุ้กกี้ และโค้ก (ซึ่งตอนหลังที่ไปนั่งกินมันแข็งมากกกกกกกกกกก แต่ทำไมซื้อบางที่มันก็อร่อยดี สงสัยจะมีหลายชนิดหรือเปล่า ? )

เนื่องจากอากาศเย็น เราก็นั่งรอด้วยความหนาว มองไปเห็นระหว่างที่นั่งกับที่จอดรถไฟ เอ๊ะ! แท่งอะไรแดงๆ แล้วคนมุงเพียบเลย เลยมานั่งซุบซิบกับผู้ร่วมเดินทางอีกคนของฉันเบาๆ กลัวเขาจะคิดว่า อิสองคนนี้แค่ฮีทเตอร์ก็ไม่รู้จักอีกเนอะ ยังเสล่อมาถึงฝรั่งเศส สรุปเราสองคนเลยคิดว่ามันเป็นฮีทเตอร์และมันก็คือฮีทเตอร์นั่นแหล่ะ (อายจัง) นั่งรอต่อไปด้วยความตื่นเต้น ที่นี้ป้ายบอกชานชาลาและรถไฟนั่นมีทั้งแบบป้ายไฟและแบบค่อยๆเปลี่ยนตัวอักษร พับๆๆๆๆ ดูเวลาชานชาลา หมายเลขขบวน ตรงเวลาเพ๊ะๆๆๆ เมื่อถึงเวลารอบรถไฟของเราแล้วก็ ไปทำการแสตมป์ตั๋วก่อนขึ้นรถไฟ ยกเว้นว่า ถ้าใครซื้อตั๋วแบบออนไลน์ จ่ายตังค์เรียบร้อยแล้วทางเว็บ ก็สามารถปริ๊นใบนั่นออกมาแล้วถือขึ้นรถไฟได้เลย ไม่ต้องมาทำการแสตมป์ ตั๋วอีก เมื่อทำทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็มองหาตู้ขบวน เลขที่นั่งตามตั๋วของเราได้เลย อย่ามัวชักช้า ไม่ทันเวลารถไฟไม่รอนะ
ขอนอกเรื่องนิดนึง ครั้งนึงมองไปนอกรถไฟระหว่างรอรถไฟจะออก มีคู่รักชายหญิงยืนซบกัน จูบกันอย่างดูดดื่ม ( ฉันก็ยังอุตส่าไปมองเขาอีกนะยะ ก็บ้านเรามันไม่ค่อยมีแบบนี้ให้ดูนี้นา) ดูดดื่มกันอยู่นานจนได้เวลารถไฟออกนั่นแหล่ะถึงได้แยกกัน

( หน้าตาตั๋ว และเครื่องแสตมป์ตั๋วที่มีอยู่เยอะภายในสถานี)
จริงๆฉันซื้อตั๋วมาล่วงหน้าแล้วหลายเดือนก่อนเดินทาง แต่เนื่องจากเหตุผลที่บอกไปก่อนหน้านี้เลยต้องมารับตั๋วใหม่ที่เคาท์เตอร์ SNCF ตั้งแต่วันมาถึงสนามบิน ฉันซื้อตั๋วที่รวม TGV จาก Paris Montparnasse – Rennes และรถบัสจาก Rennes - Mont saint Michelแบบไปกลับ ขาไปฉันซื้อได้รถไฟชั้น 2 สำหรับ 2 คน ราคาทั้งหมด 91.60 Eur ส่วนขากลับนั่นได้รถไฟชั้น 1 สำหรับ 2 คน ราคาทั้งหมด 94.20 Eur (เหตุที่ได้ซื้อตั๋วชั้น 1 ขากลับเพราะ นี้เป็นราคาโปรในขณะนั้นที่คืนไม่ได้เปลี่ยนตั๋วไม่ได้ แต่ราคาเกือบเท่าตั๋วชั้น 2 ที่คืนตั๋วและเปลี่ยนตั๋วได้ ฉันเลยคิดว่าเอาฟร่ะ ลองนั่งมันสักครั้งดู ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้มานั่งอีก)

( TGV ชั้น2 ไป Mont saint Michel)
ภายในรถไฟ TGV ขาไปที่เรานั่งนั่น เก้าอี้ภายในจะหันหน้าสลับด้านกัน (แถวขวาทั้งแถวหันไปด้านนึง แถวซ้ายหันไปอีกด้านนึง) เราจองที่นั่งไว้ได้ตรงกับหันหน้าไปตามทิศที่เราจะไป เราหนีบกระเป๋ากล้องไว้ใต้เท้าตลอดเวลา เวลานอนก็เอาคล้องแขนไว้ตลอด เพื่อความปลอดภัย รถไฟความเร็วสูงมาก บางจังหวะฉันหูอื้อ ต้องกลืนน้ำลายตลอดๆ และวิ่งเข้าอุโมงบ่อยๆ วิวเลยไม่ค่อยสวยนักทำให้ง่วง

( หน้าสถานี Rennes )

( ขวาสถานีรถไฟ ซ้ายสถานีรถบัส ขอบคุณภาพจาก google )
แล้วก็มาถึงGare de Rennes ก็ให้มองหาป้าย Bus จะมีเขียนไว้เรื่อยๆ สังเกตได้ง่าย ไม่ต้องกลัวหลง จาก Paris Gare Montparnasse มาถึง Gare De Rennes 2ชั่วโมงกว่าๆ แล้วต่อรถบัสไปอีกประมาณเกือบชั่วโมงเพื่อไปยัง Mont Saint Michel เมื่อเดินออกมาหน้าสถานี Rennes แล้วให้เลี้ยวไปทางขวามือ อาคารด้านข้างGare Routièreคือที่ที่เราต้องไปขึ้นรถบัส

( บรรยากาศแรกในเมือง Rennes ตอนฝนปรอย )

( วิวระหว่างทางเมื่อรถบัสเริ่มออก)
เมือง Rennes หนาวมากกก มีฝนปรอยๆหลังจากนั้นความหนาวทำให้ปวดห้องน้ำเบา ก็ต้องเสียค่าเข้าห้องน้ำไปคนละ 40cent หลังจากเข้าห้องน้ำเรียบร้อยแล้วก็เดินไปขึ้นรถบัสจะมีรถหลายสายจอดรอเราอยู่ แต่ก็มีป้ายบอกชัดเจนว่ารถคันไหนไปที่ไหน ตอนเราไปถึงรถบัสนั่นมีคนอยู่ก่อนเกือบเต็มแล้ว โชคดีที่ยังเหลือที่นั่ง คนขับรถก็อารมณ์ ดี๊ดี มีเต้นโชว์ก่อนขับอีกแหน่ะ เปิดเพลงก็อย่างมันส์ ตอนรถออกเหลือบไปเห็นอุณหภูมิ ประมาณ 3องศา โห๋ยยยย มิน่าหล่ะ หนาวแท้ ระหว่างทาง เมืองสวยมากกกกกกกก อย่างก่ะเมืองจำลอง สวย สะอาด และทุกหมู่บ้านที่ผ่านมีโบสถ์ ที่ทำเป็นยอดแหลมๆ สวย สวยมากกกกก

( ตอนไปเขากำลังสร้างถนนวุ่นวายอยู่ )
Mont Saint Michel เป็นต้นแบบของหอคอย มินัสทิริธ ( Minas Tirith) ในเรื่องThe Lord of the Rings (อันนี้ไปอ่านเจอที่เขาเขียนเอาไว้มาอีกที อิอิ ) ใหญ่และอลังการคุ้มค่ากับการดั้นด้นมาเหลือเกิน เป็นโบสถ์อยู่กลางน้ำในทะเลนอม็องดี เราเดินกันนาน เพราะกลับรถเที่ยวสุดท้ายเลยลงจากรถปุ๊บ ก็ตื่นเต้นถ่ายรูปกันใหญ่ การเดินเที่ยวรอบๆโบสถ์นั่นก็สามารถทำได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆเลย เดินกันจนเมื่อย (เพราะเป็นทางขึ้นเนิน)
สวยมากกกกกกก เหนื่อยกับการเดินขึ้นเนิน แต่เมื่อเห็นร้านรวงต่างๆตามทางเดินแล้ว หืมมม น่ารัก หายเหนื่อย มีแต่ความตื่นเต้น ความวิตกกังวเรื่องมิจฉาชีพในปารีสหมดไม่มีหลงเหลือ เดินสบายๆ อากาศ(หนาว)ดี เมื่อเดินเกือบไปถึงโบสถ์แล้วก็เลยตัดสินใจว่า เรากินเพิ่มพลังก่อนดีไหม เลยงัดขนมปังที่ห่อมาจากสถานีรถไฟ มาเคี้ยวๆๆๆ อืมมมม หืมมมมม มันแข็งมากกกกกกกก เคี้ยวไปได้พอให้หายอิ่มก็เลิกกัน ขนมปังแข็งๆมื้อนี้ มันช่างอร่อยเหลือเกินเมื่อกินแกล้มกับวิวสวยๆตรงหน้า.... เมื่อกินเสร็จเรียบร้อยเราก็ออกเดินกันต่อ เข้าไปในโบสถ์ดูสิว่ามีอะไรบ้าง ถ้าจะเข้าไปชมในโบสถ์ ต้องเสียค่าเข้าอยู่ที่ 9 Eur ต่อคน เดินลงเดินขึ้นบันได ไปมาจนจะเป็นตระคริวกันเลยทีเดียว ตอนไปซื้อตั๋ว 2 คน 18 Eur ยื่นแบงค์ 50 ให้เขาไม่อยากจะรับ (แบบว่า เขา No... ไม่รับเลยอ่ะ ฉนั้นใครมาเที่ยวยุโรปอย่าเอาแบงค์ใหญ่ๆมา โดยเฉพาะอิตาลีตามซูเปอร์มาเก็ต อาจโดนมองค้อนบ่อยๆได้ ฉันโดนมาแล้ว)
[CR] >>> (France-Swiss-Austria-Italy 31 วัน) แบคแพค ตปท.ครั้งแรก ภาษาอังกฤษไม่ดีก็ไปได้ ตอน2 Mont St Michel <<<
******************
ความเดิมกระทู้ที่แล้ว
>>> (France-Swiss-Austria-Italy 31 วัน) แบคแพค ตปท.ครั้งแรก ภาษาอังกฤษไม่ดีก็ไปได้ ตอน1 มุ่งสู่ Paris <<<
http://pantip.com/topic/32029347
******************
ปล. ก่อนเลยคะ ฉันเขียน Mont Sanit Michel ผิด คือพิมพ์ใส่เวิร์ดไว้ แล้วตอนเอาชื่อภาพใส่ก็ไปก๊อปจากเวิร์ดนั่นแหล่ะมาใช้ต่อ สรุปผิดยกโหลยกแถบทั้งเนื้อหาและภาพถ่ายเลยทีเดียว ทำไว้ตอนง่วงๆตั้งแต่เมื่อคืน ต้องขออภัยมากๆคะ
( ที่ระลึกเดียวจาก Mont Sanit Michel นอกจากภาพถ่าย)
วันนี้เราตื่นกันตั้งแต่เช้ามืด เพราะวันนี้เราจะไป Mont saint Michel โดย TGV รอบ 7.04 น. ไปขึ้นรถไฟที่ Gare Montparnasse จริงๆสถานีที่เราจะไปขึ้นรถไฟนั้นก็อยู่ไม่ไกลจากที่เราอยู่เท่าไหร่นัก แต่เราเลือกที่จะไปถึงเร็วดีกว่า เพราะรถไฟที่นั่นตรงเวลาจริงๆ ข้างนอกยังมืด ไม่มีคนเลย น่ากลัวสุดๆ ที่นี้ดูเหมือนเขาจะเริ่มต้นชีวิตไม่เร็วนัก ถ้าตี5 หรือ 6โมงเช้า บ้านเมืองเราต้องมีคนเดิน เด็กก็เริ่มไปโรงเรียน มีแม่ค้าขายหมูปิ้ง แต่ที่นี้น่ากลัวสุดๆ ตอนแรกจะนั่งรถบัส เพราะกลัวเมโทรอันตราย แต่พอเดินออกมาจากโรงแรม อุ๊ย เมโทรเปิดไฟสว่างดี เลยเปลี่ยนใจเพราะเมโทรเดินใกล้กว่า ขึ้นไปก็เสียวๆ ไม่มีคนเลย (อากาศเย็นๆหนาวๆ ยิ่งหดหู่ ยิ่งวิตกจริต โอ๊วววววว ) ถ้าเป็นที่ญี่ปุ่นฉันเคยไปรอTokyo Metroรอบแรกประมาณตี 5 คนก็ยืนรอกันเต็มแล้ว
( สถานีเมโทร cambronne ตอนตี5 )
( ระยะทางจากที่พักตรงสถานีเมโทร cambronne ถึง Montparnasses ไม่ไกลนัก)
ดูเหมือนเราจะตื่นเต้นก่อนเวลาเสมอๆ มาถึงเร็วเป็นชั่วโมง สงสัยจะเป็นนิสัยส่วนตัวไปแล้ว กันไว้ดีกว่าแก้ มาถึงก่อนเวลาดีกว่า พอโผล่ออกมาจากสถานีเมโทร เฮ้ย ตรูอยู่ไหนแล้วฟร่ะ หลงทาง งง งง และเนื่องด้วยกลัวมิจฉาชีพ เราต้องพยายามทำตัวให้รู้เส้นทางไว้ที่สุด (มโนเอาเอง) เราเดินๆๆๆอย่างสับสน ผู้ร่วมเดินทางอีกคนของฉัน เดินๆๆๆๆตามมา มาถึงบันไดเลื่อน เฮ้ย เอาไงดีฟร่ะ เห็นมีคนลากกระเป๋าเดินขึ้นไป ขึ้นมั้ง มีเวลาอีกเยอะ ถ้าหลงค่อยหาทางใหม่ ขึ้นบันได้เลื่อนไปเรื่อยจนมาถึงชั้นบนสุด โอ้วววว ... เราเห็นสถานีที่มีรถ TGV จอดอยู่แล้ว
มีคนมานั่งรอ ยืนรอพร้อมกระเป๋าใบใหญ่ บางคนก็จูงสุนัขน่ารักตัวใหญ่ (แต่ท่าทางใจดี) มาด้วย ร้านกาแฟ ร้านขายของยังไม่เปิดเพราะเช้าเกินไป เราไม่ได้ตุนอะไรไว้เลย เป็นครั้งแรกที่อยากได้เครื่องดื่มร้อนๆเพราะอากาศหนาว (ตอนอยู่บ้านเราปกติขี้ร้อนมากจะกินแต่น้ำแข็ง ) นั่งรอสักพักก็มีร้านกาแฟกับขนมร้านนึงเปิด คนต่อแถวพรึ๊บ!! ร้านนี้เปิดก่อน รับเละ ฮิฮิ ผู้ร่วมเดินทางอีกคนของฉันได้กาแฟ ฉันได้ชอกโกแลตร้อน และซื้อโค้กกับขนมไปตุนไว้มื้อเที่ยง (ถ้าจำไม่ผิดเขาจะขายเป็นเซท ได้เครื่องดื่ม 1 ขนมปัง1 และขนมที่เป็นพวกคุกกี้อีก 1 กาแฟซื้อต่างหาก จำราคาไม่ได้แล้ว) เห็นขนมปังbaguette ใส่เครื่องเลยเลือกอันนี้ กับคุ้กกี้ และโค้ก (ซึ่งตอนหลังที่ไปนั่งกินมันแข็งมากกกกกกกกกกก แต่ทำไมซื้อบางที่มันก็อร่อยดี สงสัยจะมีหลายชนิดหรือเปล่า ? )
เนื่องจากอากาศเย็น เราก็นั่งรอด้วยความหนาว มองไปเห็นระหว่างที่นั่งกับที่จอดรถไฟ เอ๊ะ! แท่งอะไรแดงๆ แล้วคนมุงเพียบเลย เลยมานั่งซุบซิบกับผู้ร่วมเดินทางอีกคนของฉันเบาๆ กลัวเขาจะคิดว่า อิสองคนนี้แค่ฮีทเตอร์ก็ไม่รู้จักอีกเนอะ ยังเสล่อมาถึงฝรั่งเศส สรุปเราสองคนเลยคิดว่ามันเป็นฮีทเตอร์และมันก็คือฮีทเตอร์นั่นแหล่ะ (อายจัง) นั่งรอต่อไปด้วยความตื่นเต้น ที่นี้ป้ายบอกชานชาลาและรถไฟนั่นมีทั้งแบบป้ายไฟและแบบค่อยๆเปลี่ยนตัวอักษร พับๆๆๆๆ ดูเวลาชานชาลา หมายเลขขบวน ตรงเวลาเพ๊ะๆๆๆ เมื่อถึงเวลารอบรถไฟของเราแล้วก็ ไปทำการแสตมป์ตั๋วก่อนขึ้นรถไฟ ยกเว้นว่า ถ้าใครซื้อตั๋วแบบออนไลน์ จ่ายตังค์เรียบร้อยแล้วทางเว็บ ก็สามารถปริ๊นใบนั่นออกมาแล้วถือขึ้นรถไฟได้เลย ไม่ต้องมาทำการแสตมป์ ตั๋วอีก เมื่อทำทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็มองหาตู้ขบวน เลขที่นั่งตามตั๋วของเราได้เลย อย่ามัวชักช้า ไม่ทันเวลารถไฟไม่รอนะ
ขอนอกเรื่องนิดนึง ครั้งนึงมองไปนอกรถไฟระหว่างรอรถไฟจะออก มีคู่รักชายหญิงยืนซบกัน จูบกันอย่างดูดดื่ม ( ฉันก็ยังอุตส่าไปมองเขาอีกนะยะ ก็บ้านเรามันไม่ค่อยมีแบบนี้ให้ดูนี้นา) ดูดดื่มกันอยู่นานจนได้เวลารถไฟออกนั่นแหล่ะถึงได้แยกกัน
( หน้าตาตั๋ว และเครื่องแสตมป์ตั๋วที่มีอยู่เยอะภายในสถานี)
จริงๆฉันซื้อตั๋วมาล่วงหน้าแล้วหลายเดือนก่อนเดินทาง แต่เนื่องจากเหตุผลที่บอกไปก่อนหน้านี้เลยต้องมารับตั๋วใหม่ที่เคาท์เตอร์ SNCF ตั้งแต่วันมาถึงสนามบิน ฉันซื้อตั๋วที่รวม TGV จาก Paris Montparnasse – Rennes และรถบัสจาก Rennes - Mont saint Michelแบบไปกลับ ขาไปฉันซื้อได้รถไฟชั้น 2 สำหรับ 2 คน ราคาทั้งหมด 91.60 Eur ส่วนขากลับนั่นได้รถไฟชั้น 1 สำหรับ 2 คน ราคาทั้งหมด 94.20 Eur (เหตุที่ได้ซื้อตั๋วชั้น 1 ขากลับเพราะ นี้เป็นราคาโปรในขณะนั้นที่คืนไม่ได้เปลี่ยนตั๋วไม่ได้ แต่ราคาเกือบเท่าตั๋วชั้น 2 ที่คืนตั๋วและเปลี่ยนตั๋วได้ ฉันเลยคิดว่าเอาฟร่ะ ลองนั่งมันสักครั้งดู ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้มานั่งอีก)
( TGV ชั้น2 ไป Mont saint Michel)
ภายในรถไฟ TGV ขาไปที่เรานั่งนั่น เก้าอี้ภายในจะหันหน้าสลับด้านกัน (แถวขวาทั้งแถวหันไปด้านนึง แถวซ้ายหันไปอีกด้านนึง) เราจองที่นั่งไว้ได้ตรงกับหันหน้าไปตามทิศที่เราจะไป เราหนีบกระเป๋ากล้องไว้ใต้เท้าตลอดเวลา เวลานอนก็เอาคล้องแขนไว้ตลอด เพื่อความปลอดภัย รถไฟความเร็วสูงมาก บางจังหวะฉันหูอื้อ ต้องกลืนน้ำลายตลอดๆ และวิ่งเข้าอุโมงบ่อยๆ วิวเลยไม่ค่อยสวยนักทำให้ง่วง
( หน้าสถานี Rennes )
( ขวาสถานีรถไฟ ซ้ายสถานีรถบัส ขอบคุณภาพจาก google )
แล้วก็มาถึงGare de Rennes ก็ให้มองหาป้าย Bus จะมีเขียนไว้เรื่อยๆ สังเกตได้ง่าย ไม่ต้องกลัวหลง จาก Paris Gare Montparnasse มาถึง Gare De Rennes 2ชั่วโมงกว่าๆ แล้วต่อรถบัสไปอีกประมาณเกือบชั่วโมงเพื่อไปยัง Mont Saint Michel เมื่อเดินออกมาหน้าสถานี Rennes แล้วให้เลี้ยวไปทางขวามือ อาคารด้านข้างGare Routièreคือที่ที่เราต้องไปขึ้นรถบัส
( บรรยากาศแรกในเมือง Rennes ตอนฝนปรอย )
( วิวระหว่างทางเมื่อรถบัสเริ่มออก)
เมือง Rennes หนาวมากกก มีฝนปรอยๆหลังจากนั้นความหนาวทำให้ปวดห้องน้ำเบา ก็ต้องเสียค่าเข้าห้องน้ำไปคนละ 40cent หลังจากเข้าห้องน้ำเรียบร้อยแล้วก็เดินไปขึ้นรถบัสจะมีรถหลายสายจอดรอเราอยู่ แต่ก็มีป้ายบอกชัดเจนว่ารถคันไหนไปที่ไหน ตอนเราไปถึงรถบัสนั่นมีคนอยู่ก่อนเกือบเต็มแล้ว โชคดีที่ยังเหลือที่นั่ง คนขับรถก็อารมณ์ ดี๊ดี มีเต้นโชว์ก่อนขับอีกแหน่ะ เปิดเพลงก็อย่างมันส์ ตอนรถออกเหลือบไปเห็นอุณหภูมิ ประมาณ 3องศา โห๋ยยยย มิน่าหล่ะ หนาวแท้ ระหว่างทาง เมืองสวยมากกกกกกกก อย่างก่ะเมืองจำลอง สวย สะอาด และทุกหมู่บ้านที่ผ่านมีโบสถ์ ที่ทำเป็นยอดแหลมๆ สวย สวยมากกกกก
( ตอนไปเขากำลังสร้างถนนวุ่นวายอยู่ )
Mont Saint Michel เป็นต้นแบบของหอคอย มินัสทิริธ ( Minas Tirith) ในเรื่องThe Lord of the Rings (อันนี้ไปอ่านเจอที่เขาเขียนเอาไว้มาอีกที อิอิ ) ใหญ่และอลังการคุ้มค่ากับการดั้นด้นมาเหลือเกิน เป็นโบสถ์อยู่กลางน้ำในทะเลนอม็องดี เราเดินกันนาน เพราะกลับรถเที่ยวสุดท้ายเลยลงจากรถปุ๊บ ก็ตื่นเต้นถ่ายรูปกันใหญ่ การเดินเที่ยวรอบๆโบสถ์นั่นก็สามารถทำได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆเลย เดินกันจนเมื่อย (เพราะเป็นทางขึ้นเนิน)
( ขวามือ คือร้านขนมที่เรามาใช้บริการมื้อเที่ยง)
(ร้านน่ารักๆไปหมดเลย)
( มีคนเดินไปกลางหาดนั่นด้วยอ่ะ อยากไปบ้าง )
สวยมากกกกกกก เหนื่อยกับการเดินขึ้นเนิน แต่เมื่อเห็นร้านรวงต่างๆตามทางเดินแล้ว หืมมม น่ารัก หายเหนื่อย มีแต่ความตื่นเต้น ความวิตกกังวเรื่องมิจฉาชีพในปารีสหมดไม่มีหลงเหลือ เดินสบายๆ อากาศ(หนาว)ดี เมื่อเดินเกือบไปถึงโบสถ์แล้วก็เลยตัดสินใจว่า เรากินเพิ่มพลังก่อนดีไหม เลยงัดขนมปังที่ห่อมาจากสถานีรถไฟ มาเคี้ยวๆๆๆ อืมมมม หืมมมมม มันแข็งมากกกกกกกก เคี้ยวไปได้พอให้หายอิ่มก็เลิกกัน ขนมปังแข็งๆมื้อนี้ มันช่างอร่อยเหลือเกินเมื่อกินแกล้มกับวิวสวยๆตรงหน้า.... เมื่อกินเสร็จเรียบร้อยเราก็ออกเดินกันต่อ เข้าไปในโบสถ์ดูสิว่ามีอะไรบ้าง ถ้าจะเข้าไปชมในโบสถ์ ต้องเสียค่าเข้าอยู่ที่ 9 Eur ต่อคน เดินลงเดินขึ้นบันได ไปมาจนจะเป็นตระคริวกันเลยทีเดียว ตอนไปซื้อตั๋ว 2 คน 18 Eur ยื่นแบงค์ 50 ให้เขาไม่อยากจะรับ (แบบว่า เขา No... ไม่รับเลยอ่ะ ฉนั้นใครมาเที่ยวยุโรปอย่าเอาแบงค์ใหญ่ๆมา โดยเฉพาะอิตาลีตามซูเปอร์มาเก็ต อาจโดนมองค้อนบ่อยๆได้ ฉันโดนมาแล้ว)