http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1399716159&grpid=01&catid=&subcatid=
ชัยชนะของนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ส.ว.สรรหา และรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 เหนือ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ ส.ว.สรรหา ด้วยคะแนนเสียง 96 : 51 ในศึกชิงเก้าอี้ประธานวุฒิสภา เมื่อคืนวันที่ 9 พฤษภาคม เสมือนบ่งชี้ว่า แผนการดำเนินงานทางการเมืองของกปปส.และเครือข่าย กำลังลุล่วงไปอีกระดับหนึ่ง
เมื่อนายสุรชัยได้ขึ้นเป็นประธานวุฒิสภา ก็มีโอกาสสูง ที่จะเกิดกระบวนการผลักดันให้มีนายกฯ คนกลาง ผู้ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง
แม้ขั้นตอนการหานายกฯ คนกลาง อาจไม่ประสบความสำเร็จ
แต่คะแนน 96 เสียงในวุฒิสภา ที่ยกมือสนับสนุนนายสุรชัย ก็สร้างความหวั่นไหวให้กับกลุ่มการเมืองฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย ได้ไม่น้อย
เป็น 96 เสียง ที่ถ้าหากรวมตัวกันได้เหนียวแน่นต่อเนื่อง ก็สามารถใช้ถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซ้ำอีกดาบหนึ่งได้ หลังจาก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในคดีทุจริตจำนำข้าว หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ จากกรณีโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี
ย้อนไปเมื่อคืนวันที่ 9 พฤษภาคม ดูเหมือนเกมการเมืองในสภาสูง จะพลิกมาอยู่ในมือฝ่ายทักษิณ-เพื่อไทย เมื่อมีผู้ท้าชิงตำแหน่งประธาน ส.ว. เหลือเพียงแค่ 2 คน คือ นายสุรชัย ที่ถูกเข้าใจว่าอยู่คนละขั้วกับรัฐบาลชุดปัจจุบัน กับ พล.ต.อ.จงรัก ที่แม้จะเป็น ส.ว.สรรหา แต่ก็ถูกเชื่อว่ามีความแนบชิดกับขั้วทักษิณเป็นอย่างสูง
โดยผู้ที่ประกาศเสนอตัวเป็นประธานส.ว. ก่อนหน้านี้ อย่างนายจองชัย เที่ยงธรรม ส.ว.เลือกตั้ง จากสุพรรณบุรี ตัดสินใจถอยไปเสนอตัวชิงตำแหน่งรองประธานวุฒิสภาคนที่ 2
มักคาดการณ์กันว่า ส.ว.ฝ่ายตรงข้ามกับทักษิณ ซึ่งส่วนใหญ่เป็น ส.ว.สรรหา และอาจบวกด้วย ส.ว.เลือกตั้ง ส่วนน้อย (ที่ส่วนใหญ่มาจากพื้นที่ภาคใต้) นั้น นับเสียงรวมกันแล้ว น่าจะมีราวๆ 50-60 เสียง จาก 150 ที่นั่ง
นี่คือ คะแนนเสียงของนายสุรชัย ที่ถูกประเมินไว้ ณ เบื้องต้น
เมื่อ พล.ต.อ.จงรัก กลายเป็นคู่แข่งเพียงหนึ่งเดียวของนายสุรชัย หลายคนจึงคาดการณ์ว่า โอกาสชนะของอดีตนายตำรวจใหญ่ย่อมมีอยู่สูงมาก
แต่ผลคะแนนที่ออกมากลับตรงกันข้าม
ทั้งๆ ที่ เคยมีการประเมินว่า ใน ส.ว.เลือกตั้ง 77 รายนั้น เกินกว่าครึ่ง มีแนวโน้มจะสนับสนุนกลุ่มการเมืองฝ่ายพรรคเพื่อไทย
ทั้งๆ ที่ เคยมีการประเมินว่า ใน ส.ว.สรรหาอีก 73 รายนั้น มีไม่น้อย ที่มีแนวโน้มสนับสนุนฝ่ายเพื่อไทย
แต่ไฉนชัยชนะที่ถูกเชื่อว่าอยู่แค่เอื้อม กลับแปรมาเป็นคะแนนได้แค่ 51 เสียง?
คำถามนี้ คงต้องจี้ถามไปยังผู้ที่เข้าไปล็อบบี้หาคะแนนเสียงให้ฝ่าย พล.ต.อ.จงรัก อันเป็นกลุ่มคนเดียวกับที่เข้าไปล็อบบี้ให้นายจองชัยถอยลงไปท้าชิงตำแหน่งรองประธาน ส.ว.
แต่ดีลทั้งหมดกลับต้องล้มเหลวลงอย่างไม่เป็นท่า เมื่อ พล.ต.อ.จงรัก แพ้ในเกมชิงตำแหน่งประธาน ส่วนนายจองชัย พ่ายในศึกชิงตำแหน่งรองประธาน
แว่วมาว่า คำถามดังกล่าวกำลังถูกส่งผ่านไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ประเทศสิงคโปร์
เป็นคำถามที่มีชื่อ 2 คนใกล้ชิดของพ.ต.ท.ทักษิณ ข้องเกี่ยวอยู่ด้วย
หนึ่งคือ "เจ๊แดง" นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์
อีกหนึ่งคือ อดีตนายกฯ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
ทั้งสองคนนี้เกี่ยวข้องอย่างไรกับความพ่ายแพ้ของ พล.ต.อ.จงรัก-นายจองชัย ในศึกชิงเก้าอี้ประธานวุฒิสภา?
เบื้องหลังเลือกประมุขสภาสูง ใครทำดีลล้ม? จน "จงรัก" แพ้ "สุรชัย"
ชัยชนะของนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ส.ว.สรรหา และรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 เหนือ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ ส.ว.สรรหา ด้วยคะแนนเสียง 96 : 51 ในศึกชิงเก้าอี้ประธานวุฒิสภา เมื่อคืนวันที่ 9 พฤษภาคม เสมือนบ่งชี้ว่า แผนการดำเนินงานทางการเมืองของกปปส.และเครือข่าย กำลังลุล่วงไปอีกระดับหนึ่ง
เมื่อนายสุรชัยได้ขึ้นเป็นประธานวุฒิสภา ก็มีโอกาสสูง ที่จะเกิดกระบวนการผลักดันให้มีนายกฯ คนกลาง ผู้ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง
แม้ขั้นตอนการหานายกฯ คนกลาง อาจไม่ประสบความสำเร็จ
แต่คะแนน 96 เสียงในวุฒิสภา ที่ยกมือสนับสนุนนายสุรชัย ก็สร้างความหวั่นไหวให้กับกลุ่มการเมืองฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย ได้ไม่น้อย
เป็น 96 เสียง ที่ถ้าหากรวมตัวกันได้เหนียวแน่นต่อเนื่อง ก็สามารถใช้ถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซ้ำอีกดาบหนึ่งได้ หลังจาก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในคดีทุจริตจำนำข้าว หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ จากกรณีโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี
ย้อนไปเมื่อคืนวันที่ 9 พฤษภาคม ดูเหมือนเกมการเมืองในสภาสูง จะพลิกมาอยู่ในมือฝ่ายทักษิณ-เพื่อไทย เมื่อมีผู้ท้าชิงตำแหน่งประธาน ส.ว. เหลือเพียงแค่ 2 คน คือ นายสุรชัย ที่ถูกเข้าใจว่าอยู่คนละขั้วกับรัฐบาลชุดปัจจุบัน กับ พล.ต.อ.จงรัก ที่แม้จะเป็น ส.ว.สรรหา แต่ก็ถูกเชื่อว่ามีความแนบชิดกับขั้วทักษิณเป็นอย่างสูง
โดยผู้ที่ประกาศเสนอตัวเป็นประธานส.ว. ก่อนหน้านี้ อย่างนายจองชัย เที่ยงธรรม ส.ว.เลือกตั้ง จากสุพรรณบุรี ตัดสินใจถอยไปเสนอตัวชิงตำแหน่งรองประธานวุฒิสภาคนที่ 2
มักคาดการณ์กันว่า ส.ว.ฝ่ายตรงข้ามกับทักษิณ ซึ่งส่วนใหญ่เป็น ส.ว.สรรหา และอาจบวกด้วย ส.ว.เลือกตั้ง ส่วนน้อย (ที่ส่วนใหญ่มาจากพื้นที่ภาคใต้) นั้น นับเสียงรวมกันแล้ว น่าจะมีราวๆ 50-60 เสียง จาก 150 ที่นั่ง
นี่คือ คะแนนเสียงของนายสุรชัย ที่ถูกประเมินไว้ ณ เบื้องต้น
เมื่อ พล.ต.อ.จงรัก กลายเป็นคู่แข่งเพียงหนึ่งเดียวของนายสุรชัย หลายคนจึงคาดการณ์ว่า โอกาสชนะของอดีตนายตำรวจใหญ่ย่อมมีอยู่สูงมาก
แต่ผลคะแนนที่ออกมากลับตรงกันข้าม
ทั้งๆ ที่ เคยมีการประเมินว่า ใน ส.ว.เลือกตั้ง 77 รายนั้น เกินกว่าครึ่ง มีแนวโน้มจะสนับสนุนกลุ่มการเมืองฝ่ายพรรคเพื่อไทย
ทั้งๆ ที่ เคยมีการประเมินว่า ใน ส.ว.สรรหาอีก 73 รายนั้น มีไม่น้อย ที่มีแนวโน้มสนับสนุนฝ่ายเพื่อไทย
แต่ไฉนชัยชนะที่ถูกเชื่อว่าอยู่แค่เอื้อม กลับแปรมาเป็นคะแนนได้แค่ 51 เสียง?
คำถามนี้ คงต้องจี้ถามไปยังผู้ที่เข้าไปล็อบบี้หาคะแนนเสียงให้ฝ่าย พล.ต.อ.จงรัก อันเป็นกลุ่มคนเดียวกับที่เข้าไปล็อบบี้ให้นายจองชัยถอยลงไปท้าชิงตำแหน่งรองประธาน ส.ว.
แต่ดีลทั้งหมดกลับต้องล้มเหลวลงอย่างไม่เป็นท่า เมื่อ พล.ต.อ.จงรัก แพ้ในเกมชิงตำแหน่งประธาน ส่วนนายจองชัย พ่ายในศึกชิงตำแหน่งรองประธาน
แว่วมาว่า คำถามดังกล่าวกำลังถูกส่งผ่านไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ประเทศสิงคโปร์
เป็นคำถามที่มีชื่อ 2 คนใกล้ชิดของพ.ต.ท.ทักษิณ ข้องเกี่ยวอยู่ด้วย
หนึ่งคือ "เจ๊แดง" นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์
อีกหนึ่งคือ อดีตนายกฯ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
ทั้งสองคนนี้เกี่ยวข้องอย่างไรกับความพ่ายแพ้ของ พล.ต.อ.จงรัก-นายจองชัย ในศึกชิงเก้าอี้ประธานวุฒิสภา?