What’s New in WP 8.1
Credit : image from
http://nokiagang.com/promotion-nokia-microsoft-mobile-expo-2014-hi-end/
เนื่องจากเกิดการ “ผิดแผน” ของกำหนดการในวันหยุดสุดสัปดาห์ของผม เดิมที่จะไป Money Expo ที่เมืองทองวันที่ 10May2014 แต่ปรากฏว่า เพิ่งมาทราบว่า มีคอนเสิร์ตใหญ่ของ Genie Record และ Import Car คิดว่าคนคงเยอะมาก เลยเบนเข็มมาที่ Mobile Expo 2014 ซึ่งตั้งใจว่า จะไปวันที่ 11May2014
เมื่อไปถึงงาน ก็ตรงเข้าไปยัง บู๊ธของ Nokia (จะ Microsoft Mobile ก็ได้ แต่ตอนนี้ ยังคงเป็นชื่อนี้อยู่อ่ะครับ) ก่อนเลย เนื่องจากตั้งใจจะซื้อเครื่องใหม่ให้แม่ โดยเป้าหมายคือ Lumia 1320 แต่ก็ลังเลกับ Lumia 630 เนื่องจากเพิ่งมาเห็นโฆษณาก่อนไปงานได้ 2-3 วัน -"- แต่ก็พบว่า ทาง NokiaTH ได้ทำการจัด Workshop ประจวบตอนนั้น 14.00 พอดี (Workshop 14.00-16.00) เลยขอแวะเข้าไปซักหน่อย
คนที่ไปฟังวันนั้น ไม่เยอะ แต่ก้ไม่น้อยครับ ส่วนใหญ่ถือ Lumia กันอยู่แล้วแทบทั้งสิ้น ส่วนน้อยที่ไม่แสดงตัวว่า ตนใช้อะไรอยู่ (เหมือนผม) และเพื่อจะเข้ามาฟังว่า WP 8.1 จะมีการพัฒนาอะไรขึ้นมาบ้าง (โดยก่อนหน้านี้ ผมก็ไม่ค่อยได้ตามข่าว WP 8.1 อย่างละเอียดนัก จึงขอเล่าสู่กันฟังถึงประสบการณ์ Workshop ครั้งนี้) โดยผมจสรุปเป็นข้อๆไปนะครับ
1. Cortana – ระบบผู้ช่วยส่วนตัวที่เรียนรู้จากพฤติกรรมของผู้ใช้ จะทำการพัฒนาเรื่อยๆที่เมื่อใช้งาน อาทิ หากเราพูดว่า ต้องการกลับบ้าน (I want to go home) Cortana จะทำการ Map Direction ออกมา โดยการทำงานนั้น Assume เอาว่า ที่ที่เราอยู่เป็นระยะเวลานาน ในช่วงกลางคืน ที่ผ่านๆมา นั่นคือ ที่พักอาศัย เป็นต้น แม้ว่าจะยังไม่สามารถสั่งด้วยภาษาไทยได้ แต่เชื่อว่า ก็จะมีการพัฒนาต่อไปในอนาคต
พูดไปแล้ว Cortana ก็คล้ายๆกับ Voice Command ฟังก์ชั่นที่มีใช้มาตั้งแต่ยุคโบราณ ( 10 กว่าปีที่แล้ว) เราสามารถโทรออกไปหาผู้ที่เราทำการบันทึกเสียงเอาไว้ คล้ายๆกับ Speed dial หรือจะเทียบกันจริงๆก็ฝั่ง Apple ที่เอา SIRI มาใช้ (อย่างที่ทราบ Job เป็นคนที่เอาของเก่า มาทำให้ แล้วไฉไลกว่าเดิมเสมอ) ซึ่งผมเองก็ไม่เคยใช้ SIRI หรอก สมัยนั้นก็เคยแต่ Voice Command บ้าง หนุกๆ (เพราะตั้ง Speed dial มันสะดวกกว่า) ก็หวังว่า การมีผู้ช่วยส่วนตัวขนาดนี้ ก็จะมาอำนวยความสะดวกให้เราได้ แต่ผมก็อดนึกถึง Privacy ไม่ได้ว่า จะโดนเจาะไหม ในอนาคต (คิดว่า ต้องมีระบบป้องกันในระดับหนึ่งแล้วล่ะ)
2. ระบบ Action Center ที่เราสามารถ รูด Task bar ได้จากด้านบน (คล้ายๆใน Android เลย ซึ่งยอมรับว่าตรงนี้ Android ทำออกมาได้ดีมาก) พร้อม Quick menu ในเรื่อง Connection ต่างๆ (ปกติ เราต้องดึง Short cut เอามาไว้ที่ Live Tiles) ผมไม่มองว่า นี่จะเป็น Copy แต่เป็น มาตรฐานในการใช้งาน Smart phone มากกว่า
3. Battery sense และ Storage Sense ที่เพิ่มเข้ามา (ผมใช้ ATIV-S อยู่ จึงไม่แน่ใจว่า ณ ปัจจุบัน (10 May 2014) Lumia ในตลาด ที่เป็น WP 8.0 จะมีหรือยัง) ส่วน Wifi Sense และ Data Sense มีอยู่แล้ว Sense เหล่านี้ที่กล่าวมานั้น จะสามารถช่วยแสดงรายละเอียดในการใช้งานให้มากขึ้น เข้าไปควบคุมการใช้งาน การจำกัดการใช้งาน การตรวจสอบปริมาณต่างๆได้อย่างละเอียดมากขึ้น ซึ่งจะเพิ่มเข้ามาใน 8.1 นี้
4. Projection my screen เป็น Fn ที่ผมเห็นแล้ว ชอบ (หากถ้าผมทำงานในสายงานต้อง Presentation อยู่บ่อยๆ จะชอบมาก) กล่าวคือ สามารถใช้ WP เชื่อมกับ Projector ได้ทันที ผ่าน Wifi แถมเสียงก็สามารถแสดงออกมายังที่ตัว Projector ได้เลย เยี่ยมนะ และจากบทนี้ ทำให้ผมนึกไปถึง App อีกตัวของ MS (Microsoft) คือ Office Remote ที่เราจะสามารถใช้ WP ในการควบคุมการพรีเซนท์งานนำเสนอได้สะดวกยิ่งขึ้น แต่อย่างหนึ่งที่ต้องปรับด้วยก็คือ Notebook ของคุณ จะต้องมี Office 2013 (ซึ่งของผม แค่ 2010) ที่มีปลั๊กอินในการทำงานต่างๆเหล่านี้ (จากตรงนี้ ผมได้แค่ Assume ยังไม่สามารถหา Office 2013 มาลองได้ ณ ตอนนี้)
นอกจากจะเชื่อมต่อกับ Projector ได้แล้ว ยังสามารถเชื่อมต่อกับ Smart TV เพื่อทำการแสดงผลบน TV อีกด้วย (แต่ใน Workshop ไม่ได้มีแสดงตัวอย่างให้ดู)
5. Bing search (UNIVERSAL DEVICE SEARCH) ทางผู้ Training Nokia ได้นำมาเทียบกับ Google search engine ด้วย กล่าวคือ Bing จะทำการหาข้อมูลในตัวเครื่องของเรา รวมไปถึง อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับผู้ที่เราต้องการจะค้นหา เช่น เราจะค้นหาเพื่อนคนนึง ที่อยู่ในลิสท์รายชื่อของโทรศัพท์ของเรา Bing จะทำการค้นหา รวมไปจนถึง การค้นหาว่ามีข้อมูลอื่นๆอะไรอีก ที่เกี่ยวข้องกับเพื่อนเราคนนั้น O_o!! (ตามที่ผมเข้าใจนะ)
6. Auto update ต่อไปนี้ เราไม่จำเป็นต้องมาพบการแจ้งเตือนการอัพเดทแอพ ใน Store อีกต่อไป เราสามารถเซทให้มันอัพเดทได้เลย โดยที่ไม่ต้องถาม หรือ โชว์ Notification ให้เห็นกัน ส่วนตัวคิดว่า ทำให้เราไม่รู้ว่า อะไรมีการอัพเดทบ้าง แต่จากประสบการณ์ที่ใช้มา ผู้ใหญ่ที่มี Brand royalty กับ Nokia นั้นจะไม่ทราบถึงจุดนี้ และปล่อยให้มีการแจ้งอัพเดทเป็น 20+ แอพเลยทีเดียว (ผมเลยต้องมากดอัพเดทให้เขา)
7. IE 11 พัฒนาขึ้นใน Version ใหม่ (อันที่จริง ถ้า Browser ที่ผมไม่ชอบใช้บน PC คือ IE แต่ใน WP นั้น ผมชอบ IE มาก หลังจากได้เทียบกับ Free browser อื่นๆแล้ว อาทิ UC browser แต่ก็ไม่ได้ชนะ UC ไปซะหมดนะครับ) Traning unit เคลมว่า IE 11 นี้ จะสามารถ support HTML5 ได้มากขึ้น เข้าชม YouTube ได้ โดยที่จะไม่โชว์เต็มจอ และสามารถ Comment ใน Video นั้นๆได้ด้วย
มี Private tab (คล้ายบน PC เลย) โดยจะไม่ทำการบันทึก History ไว้เมื่อเข้าใช้งาน
และที่ชอบอีกอย่างคือ Read mode โดยที่คุณสามารถเข้าเว็บไซต์ต่างๆ แล้วจงใจเลือก “อ่าน” เฉพาะในส่วนที่เป็น Text ได้เท่านั้น จัดรูปแบบได้สวยดีทีเดียวเชียว
8. Skype โปรแกรม Integrated Messenger ที่มาพร้อมตัวเครื่อง (จากที่ MS เข้าซื้อ Skype ราว 3 ปีก่อน) ด้วยปกติ Skype จะคุยธรรมดาๆ ตัว/ตัว แต่ตอนนี้ จะสามารถ Group video call (อย่างที่เราเห็น Hang out ของ G+ โฆษณาไว้เมื่อปีกลาย)
9. Word flow หรือจะเรียกอีกอย่างที่เราเคยเห็นคือ Swype ของ Samsung โดยการพิมพ์ข้อความด้วยการป้ายตัวอักษรนั้นเอง (แต่ผมถนัดพิมพ์ QWERTY มากกว่านะ ส่วนตัว)
โดยรวมแล้ว WP 8.1 ที่เราจะเห็น และ จะได้ OTA กันในไม่ช้า (ปัจจุบัน Lumia 630 คือตัวแรกที่ WP 8.1 มาเลย ไม่ใช่ Version for Developer) ก็จะทำให้เราใช้งานได้สะดวกมากขึ้น ตามที่มันควรจะเป็น แต่กลับผมเอง ที่ใช้ WP 8.0 มาเพียง 1 ปี ก็รู้สึกได้ว่า โอเค ไม่มีปัญหารบกวนเหมือนสมัยตอนที่ผมเคยใช้ Android จุกจิกๆ แต่ก็สนุกในการแก้ไข เรียนรู้ ส่วน iOS แม้ไม่เคยได้ครอบครองจริงจัง แต่จากที่ใช้งานของคนรอบๆตัวก็พบว่า ใช้งานง่ายจริงๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก (แต่แอบแพงไปหน่อยนะ) ตัวเครื่องและแอพ ได้ทำการปรับแต่งมาเพื่อใช้งานได้สะดวกมากๆ แอพดีดี รองรับหมด ขณะที่ Android ก็จะคล้ายๆกัน แต่บางแอพจะพบปัญหาได้มากกว่า เช่น Streaming pro โดยอาศัยตามอ่านได้จากรีวิว และ เรทของแอพ ได้เลย ส่วน WP เองก็ยังไม่มีแอพดังกล่าวเข้ามาให้ความสะดวกได้มากนัก NFC ก็มี แต่ผมก็ยังไม่สามารถเอาไปใช้งานใน BTS ได้ (เห็นว่า Android ใช้ได้ แต่ไม่แน่ใจว่า iOS มีแอพรองรับหรือยัง) ยังคิดว่า WP ยังขาดแอพที่น่าสนใจไปเยอะเหมือนกัน แต่โดยส่วนตัวแล้ว มีเพียงพอ ต่อความต้องการทั่วไปอย่างแน่นอน รวมไปถึงระบบจัดการของ WP ที่ผมมีความรู้สึกว่า ดีกว่า Android อยู่เนืองๆ เนื่องจาก Android เป็น OS ที่กินทรัพยากรของเครื่องมาก กินเวอร์ เครื่องไวแค่ไหน ก็มีปัญหาจุกจิก (แต่ก็สนุกดีนะ ทำให้เราได้เรียนรู้เทคโนโลยีเรื่อยๆ) ทำให้ชอบแนะนำคนอื่นๆว่า หากอยากใช้ Android ก็ขอให้เลือกซื้อ Flag ship ของค่ายนั้นๆไปเลย เพราะอย่างน้อยก็จะสามารถใช้งานได้ยาวๆ มากถึง 2-3 ปีเลย โดยไม่ต้องเปลี่ยน (พี่ที่ทำงานยังใช้ S2 อยู่จนถึงทุกวันนี้ 2 คน) ส่วนถ้าหากอยากจะใช้ WP ก็แนะว่า หาเครื่องที่ ROM เยอะๆ มาใช้ อย่างน้อยที่ 16 GB เพราะทั้งแอพ และ เกม ยังคงต้องอาศัยลงในตัวเครื่อง ส่วนการ์ด ต้องไปซื้อ Class 10 เพื่อมาใช้งานในการเก็บภาพนิ่ง และ วิดีโอ ให้ไหลลื่นดีกว่า แต่ถ้าหากไม่ซีเรียสมาก 8 GB ก็โอเค (ผมซื้อ Lumia 1320 ให้แม่ เพราะจอใหญ่ และแม่คงไม่ได้ใช้งานอะไรมากจากสเปค 8 GB ยังไม่ได้ลงแอพอื่นๆ นอกจาก Pre-installed แล้ว ก็หายไปตั้ง 2 GB แล้ว)
แต่แว่วมาว่า WP 8.1 นี้ จะสามารถย้าย App ลง Card ได้แล้ว จริงเท็จอย่างไร ก็คงต้องตามกัน ส่วนอีกเรื่องของ WP 8.0 ในเรื่อง Notification Center ก็จะได้รับการพัฒนาได้ดีขึ้น ไวขึ้น โดยตรงนี้ ผมลองถามทาง Training Unit ในการใช้งาน WP 8.1 เค้าก็เคลมว่า มันไวขึ้นจริงๆ (ด้วยความรู้สึก) ดังนั้น เรา ผู้ใช้งาน ก็ต้องมาลองกันอีกทีว่า WP 8.1 จะได้รับการพัฒนาได้ดีขึ้น ตามอย่างที่พวกเราต้องการไหม?
[CR] What's new in WP 8.1 by NokiaTH workshop @ Thailand Mobile Expo 8-11 May 2014
Credit : image from http://nokiagang.com/promotion-nokia-microsoft-mobile-expo-2014-hi-end/
เนื่องจากเกิดการ “ผิดแผน” ของกำหนดการในวันหยุดสุดสัปดาห์ของผม เดิมที่จะไป Money Expo ที่เมืองทองวันที่ 10May2014 แต่ปรากฏว่า เพิ่งมาทราบว่า มีคอนเสิร์ตใหญ่ของ Genie Record และ Import Car คิดว่าคนคงเยอะมาก เลยเบนเข็มมาที่ Mobile Expo 2014 ซึ่งตั้งใจว่า จะไปวันที่ 11May2014
เมื่อไปถึงงาน ก็ตรงเข้าไปยัง บู๊ธของ Nokia (จะ Microsoft Mobile ก็ได้ แต่ตอนนี้ ยังคงเป็นชื่อนี้อยู่อ่ะครับ) ก่อนเลย เนื่องจากตั้งใจจะซื้อเครื่องใหม่ให้แม่ โดยเป้าหมายคือ Lumia 1320 แต่ก็ลังเลกับ Lumia 630 เนื่องจากเพิ่งมาเห็นโฆษณาก่อนไปงานได้ 2-3 วัน -"- แต่ก็พบว่า ทาง NokiaTH ได้ทำการจัด Workshop ประจวบตอนนั้น 14.00 พอดี (Workshop 14.00-16.00) เลยขอแวะเข้าไปซักหน่อย
คนที่ไปฟังวันนั้น ไม่เยอะ แต่ก้ไม่น้อยครับ ส่วนใหญ่ถือ Lumia กันอยู่แล้วแทบทั้งสิ้น ส่วนน้อยที่ไม่แสดงตัวว่า ตนใช้อะไรอยู่ (เหมือนผม) และเพื่อจะเข้ามาฟังว่า WP 8.1 จะมีการพัฒนาอะไรขึ้นมาบ้าง (โดยก่อนหน้านี้ ผมก็ไม่ค่อยได้ตามข่าว WP 8.1 อย่างละเอียดนัก จึงขอเล่าสู่กันฟังถึงประสบการณ์ Workshop ครั้งนี้) โดยผมจสรุปเป็นข้อๆไปนะครับ
1. Cortana – ระบบผู้ช่วยส่วนตัวที่เรียนรู้จากพฤติกรรมของผู้ใช้ จะทำการพัฒนาเรื่อยๆที่เมื่อใช้งาน อาทิ หากเราพูดว่า ต้องการกลับบ้าน (I want to go home) Cortana จะทำการ Map Direction ออกมา โดยการทำงานนั้น Assume เอาว่า ที่ที่เราอยู่เป็นระยะเวลานาน ในช่วงกลางคืน ที่ผ่านๆมา นั่นคือ ที่พักอาศัย เป็นต้น แม้ว่าจะยังไม่สามารถสั่งด้วยภาษาไทยได้ แต่เชื่อว่า ก็จะมีการพัฒนาต่อไปในอนาคต
พูดไปแล้ว Cortana ก็คล้ายๆกับ Voice Command ฟังก์ชั่นที่มีใช้มาตั้งแต่ยุคโบราณ ( 10 กว่าปีที่แล้ว) เราสามารถโทรออกไปหาผู้ที่เราทำการบันทึกเสียงเอาไว้ คล้ายๆกับ Speed dial หรือจะเทียบกันจริงๆก็ฝั่ง Apple ที่เอา SIRI มาใช้ (อย่างที่ทราบ Job เป็นคนที่เอาของเก่า มาทำให้ แล้วไฉไลกว่าเดิมเสมอ) ซึ่งผมเองก็ไม่เคยใช้ SIRI หรอก สมัยนั้นก็เคยแต่ Voice Command บ้าง หนุกๆ (เพราะตั้ง Speed dial มันสะดวกกว่า) ก็หวังว่า การมีผู้ช่วยส่วนตัวขนาดนี้ ก็จะมาอำนวยความสะดวกให้เราได้ แต่ผมก็อดนึกถึง Privacy ไม่ได้ว่า จะโดนเจาะไหม ในอนาคต (คิดว่า ต้องมีระบบป้องกันในระดับหนึ่งแล้วล่ะ)
2. ระบบ Action Center ที่เราสามารถ รูด Task bar ได้จากด้านบน (คล้ายๆใน Android เลย ซึ่งยอมรับว่าตรงนี้ Android ทำออกมาได้ดีมาก) พร้อม Quick menu ในเรื่อง Connection ต่างๆ (ปกติ เราต้องดึง Short cut เอามาไว้ที่ Live Tiles) ผมไม่มองว่า นี่จะเป็น Copy แต่เป็น มาตรฐานในการใช้งาน Smart phone มากกว่า
3. Battery sense และ Storage Sense ที่เพิ่มเข้ามา (ผมใช้ ATIV-S อยู่ จึงไม่แน่ใจว่า ณ ปัจจุบัน (10 May 2014) Lumia ในตลาด ที่เป็น WP 8.0 จะมีหรือยัง) ส่วน Wifi Sense และ Data Sense มีอยู่แล้ว Sense เหล่านี้ที่กล่าวมานั้น จะสามารถช่วยแสดงรายละเอียดในการใช้งานให้มากขึ้น เข้าไปควบคุมการใช้งาน การจำกัดการใช้งาน การตรวจสอบปริมาณต่างๆได้อย่างละเอียดมากขึ้น ซึ่งจะเพิ่มเข้ามาใน 8.1 นี้
4. Projection my screen เป็น Fn ที่ผมเห็นแล้ว ชอบ (หากถ้าผมทำงานในสายงานต้อง Presentation อยู่บ่อยๆ จะชอบมาก) กล่าวคือ สามารถใช้ WP เชื่อมกับ Projector ได้ทันที ผ่าน Wifi แถมเสียงก็สามารถแสดงออกมายังที่ตัว Projector ได้เลย เยี่ยมนะ และจากบทนี้ ทำให้ผมนึกไปถึง App อีกตัวของ MS (Microsoft) คือ Office Remote ที่เราจะสามารถใช้ WP ในการควบคุมการพรีเซนท์งานนำเสนอได้สะดวกยิ่งขึ้น แต่อย่างหนึ่งที่ต้องปรับด้วยก็คือ Notebook ของคุณ จะต้องมี Office 2013 (ซึ่งของผม แค่ 2010) ที่มีปลั๊กอินในการทำงานต่างๆเหล่านี้ (จากตรงนี้ ผมได้แค่ Assume ยังไม่สามารถหา Office 2013 มาลองได้ ณ ตอนนี้)
นอกจากจะเชื่อมต่อกับ Projector ได้แล้ว ยังสามารถเชื่อมต่อกับ Smart TV เพื่อทำการแสดงผลบน TV อีกด้วย (แต่ใน Workshop ไม่ได้มีแสดงตัวอย่างให้ดู)
5. Bing search (UNIVERSAL DEVICE SEARCH) ทางผู้ Training Nokia ได้นำมาเทียบกับ Google search engine ด้วย กล่าวคือ Bing จะทำการหาข้อมูลในตัวเครื่องของเรา รวมไปถึง อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับผู้ที่เราต้องการจะค้นหา เช่น เราจะค้นหาเพื่อนคนนึง ที่อยู่ในลิสท์รายชื่อของโทรศัพท์ของเรา Bing จะทำการค้นหา รวมไปจนถึง การค้นหาว่ามีข้อมูลอื่นๆอะไรอีก ที่เกี่ยวข้องกับเพื่อนเราคนนั้น O_o!! (ตามที่ผมเข้าใจนะ)
6. Auto update ต่อไปนี้ เราไม่จำเป็นต้องมาพบการแจ้งเตือนการอัพเดทแอพ ใน Store อีกต่อไป เราสามารถเซทให้มันอัพเดทได้เลย โดยที่ไม่ต้องถาม หรือ โชว์ Notification ให้เห็นกัน ส่วนตัวคิดว่า ทำให้เราไม่รู้ว่า อะไรมีการอัพเดทบ้าง แต่จากประสบการณ์ที่ใช้มา ผู้ใหญ่ที่มี Brand royalty กับ Nokia นั้นจะไม่ทราบถึงจุดนี้ และปล่อยให้มีการแจ้งอัพเดทเป็น 20+ แอพเลยทีเดียว (ผมเลยต้องมากดอัพเดทให้เขา)
7. IE 11 พัฒนาขึ้นใน Version ใหม่ (อันที่จริง ถ้า Browser ที่ผมไม่ชอบใช้บน PC คือ IE แต่ใน WP นั้น ผมชอบ IE มาก หลังจากได้เทียบกับ Free browser อื่นๆแล้ว อาทิ UC browser แต่ก็ไม่ได้ชนะ UC ไปซะหมดนะครับ) Traning unit เคลมว่า IE 11 นี้ จะสามารถ support HTML5 ได้มากขึ้น เข้าชม YouTube ได้ โดยที่จะไม่โชว์เต็มจอ และสามารถ Comment ใน Video นั้นๆได้ด้วย
มี Private tab (คล้ายบน PC เลย) โดยจะไม่ทำการบันทึก History ไว้เมื่อเข้าใช้งาน
และที่ชอบอีกอย่างคือ Read mode โดยที่คุณสามารถเข้าเว็บไซต์ต่างๆ แล้วจงใจเลือก “อ่าน” เฉพาะในส่วนที่เป็น Text ได้เท่านั้น จัดรูปแบบได้สวยดีทีเดียวเชียว
8. Skype โปรแกรม Integrated Messenger ที่มาพร้อมตัวเครื่อง (จากที่ MS เข้าซื้อ Skype ราว 3 ปีก่อน) ด้วยปกติ Skype จะคุยธรรมดาๆ ตัว/ตัว แต่ตอนนี้ จะสามารถ Group video call (อย่างที่เราเห็น Hang out ของ G+ โฆษณาไว้เมื่อปีกลาย)
9. Word flow หรือจะเรียกอีกอย่างที่เราเคยเห็นคือ Swype ของ Samsung โดยการพิมพ์ข้อความด้วยการป้ายตัวอักษรนั้นเอง (แต่ผมถนัดพิมพ์ QWERTY มากกว่านะ ส่วนตัว)
โดยรวมแล้ว WP 8.1 ที่เราจะเห็น และ จะได้ OTA กันในไม่ช้า (ปัจจุบัน Lumia 630 คือตัวแรกที่ WP 8.1 มาเลย ไม่ใช่ Version for Developer) ก็จะทำให้เราใช้งานได้สะดวกมากขึ้น ตามที่มันควรจะเป็น แต่กลับผมเอง ที่ใช้ WP 8.0 มาเพียง 1 ปี ก็รู้สึกได้ว่า โอเค ไม่มีปัญหารบกวนเหมือนสมัยตอนที่ผมเคยใช้ Android จุกจิกๆ แต่ก็สนุกในการแก้ไข เรียนรู้ ส่วน iOS แม้ไม่เคยได้ครอบครองจริงจัง แต่จากที่ใช้งานของคนรอบๆตัวก็พบว่า ใช้งานง่ายจริงๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก (แต่แอบแพงไปหน่อยนะ) ตัวเครื่องและแอพ ได้ทำการปรับแต่งมาเพื่อใช้งานได้สะดวกมากๆ แอพดีดี รองรับหมด ขณะที่ Android ก็จะคล้ายๆกัน แต่บางแอพจะพบปัญหาได้มากกว่า เช่น Streaming pro โดยอาศัยตามอ่านได้จากรีวิว และ เรทของแอพ ได้เลย ส่วน WP เองก็ยังไม่มีแอพดังกล่าวเข้ามาให้ความสะดวกได้มากนัก NFC ก็มี แต่ผมก็ยังไม่สามารถเอาไปใช้งานใน BTS ได้ (เห็นว่า Android ใช้ได้ แต่ไม่แน่ใจว่า iOS มีแอพรองรับหรือยัง) ยังคิดว่า WP ยังขาดแอพที่น่าสนใจไปเยอะเหมือนกัน แต่โดยส่วนตัวแล้ว มีเพียงพอ ต่อความต้องการทั่วไปอย่างแน่นอน รวมไปถึงระบบจัดการของ WP ที่ผมมีความรู้สึกว่า ดีกว่า Android อยู่เนืองๆ เนื่องจาก Android เป็น OS ที่กินทรัพยากรของเครื่องมาก กินเวอร์ เครื่องไวแค่ไหน ก็มีปัญหาจุกจิก (แต่ก็สนุกดีนะ ทำให้เราได้เรียนรู้เทคโนโลยีเรื่อยๆ) ทำให้ชอบแนะนำคนอื่นๆว่า หากอยากใช้ Android ก็ขอให้เลือกซื้อ Flag ship ของค่ายนั้นๆไปเลย เพราะอย่างน้อยก็จะสามารถใช้งานได้ยาวๆ มากถึง 2-3 ปีเลย โดยไม่ต้องเปลี่ยน (พี่ที่ทำงานยังใช้ S2 อยู่จนถึงทุกวันนี้ 2 คน) ส่วนถ้าหากอยากจะใช้ WP ก็แนะว่า หาเครื่องที่ ROM เยอะๆ มาใช้ อย่างน้อยที่ 16 GB เพราะทั้งแอพ และ เกม ยังคงต้องอาศัยลงในตัวเครื่อง ส่วนการ์ด ต้องไปซื้อ Class 10 เพื่อมาใช้งานในการเก็บภาพนิ่ง และ วิดีโอ ให้ไหลลื่นดีกว่า แต่ถ้าหากไม่ซีเรียสมาก 8 GB ก็โอเค (ผมซื้อ Lumia 1320 ให้แม่ เพราะจอใหญ่ และแม่คงไม่ได้ใช้งานอะไรมากจากสเปค 8 GB ยังไม่ได้ลงแอพอื่นๆ นอกจาก Pre-installed แล้ว ก็หายไปตั้ง 2 GB แล้ว)
แต่แว่วมาว่า WP 8.1 นี้ จะสามารถย้าย App ลง Card ได้แล้ว จริงเท็จอย่างไร ก็คงต้องตามกัน ส่วนอีกเรื่องของ WP 8.0 ในเรื่อง Notification Center ก็จะได้รับการพัฒนาได้ดีขึ้น ไวขึ้น โดยตรงนี้ ผมลองถามทาง Training Unit ในการใช้งาน WP 8.1 เค้าก็เคลมว่า มันไวขึ้นจริงๆ (ด้วยความรู้สึก) ดังนั้น เรา ผู้ใช้งาน ก็ต้องมาลองกันอีกทีว่า WP 8.1 จะได้รับการพัฒนาได้ดีขึ้น ตามอย่างที่พวกเราต้องการไหม?