มองสั้นๆสักปีละกันค่ะ เชิญวิเคราะห์กันได้เต็มที่
เราเริ่มทำธุรกิจส่วนตัวเมื่อเกือบสิบปีก่อนค่ะ จบมาได้ 1 ปีก็ลุยเลย เปิดร้านยา
ปีแรกทำงานเก็บเงิน (เงินเดือน 3XXXX) ได้มาก้อนหนึ่ง (สมัยนั้นเงิน 7-8 แสนถือว่าพอจะทำร้านค่ะ)
ผู้ใหญ่ที่รู้จักให้เงินมาสองแสน ทุนพ่อ ทุนแม่ส่วนหนึ่ง
ใฝ่ฝัน อยากทำงานที่ชอบ มีอิสระในชีวิต แค่พอมีพอกิน มีบริจาคให้คนอื่นบ้าง ไม่ต้องถึงกับร่ำรวยมากมาย
(แต่ถ้ารวยได้ก็ดี 555 ทว่าขอเป็นงานที่ไม่ต้องเหยียบย่ำคนอื่นค่ะ)
ปรากฎว่ามันไม่เหมือนที่คิด TT
ชีวิตเภสัชกรเฝ้าร้าน ไม่ได้พอมีพอกินแล้วล่ะ แต่ต้องเขียมสุดๆค่ะ
เอาล่ะ เขียมๆก็ได้ ประหยัดหน่อยก็ไหวค่ะ
ของแบรนด์เนมไม่ต้องพูดถึง ไม่ได้กินเงินดิฉันหรอก เพราะ... ดิฉันจน 555
ทำๆได้สักพัก พอจะดีขึ้นบ้าง
เพราะทำเลที่เราอยู่แม้จะค่าที่แพง แต่คนเดินผ่านเยอะค่ะ ยังไงก็ยังพอมีหนทางหาเงิน
ทว่าก็เจอความซวยสุดวิสัยตัดกำลัง
ที่ร้านถูกไฟไหม้ (อันนี้เผาจริง) ลามมาจากข้างบ้าน ถือว่าเฮงซวยสุดๆละ แต่เอาเหอะ ไม่มีใครตาย
ปลอบใจตัวเองว่าเงินหาใหม่ได้เสมอ
จากนั้นเลยไปต่างประเทศหนึ่งปี หาลู่ทางอื่นๆ และฝึกภาษา
หลังกลับมา เริ่มทำธุรกิจใหม่ (เพิ่งผ่านช่วงม็อบปิดสนามบิน)
กำลังจะดี เจอม็อบแดง นักท่องเที่ยวหายอีก ตอนนั้นก็มีคนเจ๊งหลายรายเหมือนกัน
แต่เรายังอยู่ได้(แน่นอนว่าอาศัยความเขียมค่ะ)
เรามาคิดว่า โอเค ถ้าทำอะไรเกี่ยวกับการท่องเที่ยวหรืออยู่แหล่งท่องเที่ยว ต้องทำใจ แต่ประหยัดไปไม่ทำให้รวยขึ้น
ต้องทำให้เงินงอก รายได้เพิ่ม หางานเสริมดีกว่า
ยุคนี้คนเร่ิมใช้เน็ตเยอะขึ้นแล้ว
เราทำงานเสริม เขียนหนังสือ วาดภาพ แต่ไม่วาย ล่าสุดยังโดน สนพ เอาเปรียบอีก ฉีกสัญญา
และผ่าตัดตา จึงหยุดรับงานกราฟฟิคถาวร(จริงๆอันนี้เงินดี งานแหล่ม ถ้าได้ลูกค้าดีๆ ชอบม้ากมาก)
จากนั้นเราจึงกลับมารับงานวาดมือ แฮนเมดแทน แต่พวกนี้ขายช้าและขายยากกว่าค่ะ
ปี 55 เรามาคุยกับคนในวงการอีกที กราฟฟิคไม่เหมือนเดิมแฮะ มีคนทำงานเกรดต่ำมาตัดราคาเยอะ
เช่น ออกแบบโลโก้ 500 บาท แอบตกใจเลย สมัยเราทำ เพื่อนๆที่จบตรง อย่างต่ำหลักหมื่น
แต่งานก็ได้ออกมาคนละอย่างนะคะ จึงออกจากวงการมาแบบเงียบๆค่ะ
ส่วนร้านยา ยังทำอยู่ค่ะ และมองดูหนทางใหม่ๆ แต่บอกตรงๆคิดอะไรไม่ออกค่ะ
(ก็จบเภสัชเนอะ จะทำอะไรได้ล่ะ นอกจากงานเภสัช นอกนั้นก็ทำอะไรไม่เป็นเลย นอกจากเลี้ยงแมว วาดภาพ ทำขนม)
ปลายปี 55 เหมือนจะรุ่ง
ขอบคุณพระเจ้า ญาติให้ที่ดินมาผืนหนึ่ง ทำเลสวยเลยล่ะ
มาคิดดูว่า ถ้านักท่องเที่ยวไม่นิ่ง ฟรีแลนซ์ถูกเอาเปรียบ จับงานผลิต บริโภคในประเทศละกัน
แล้วถ้าเดินด้วยดี ค่อยทำโรงงานผลิตขนาดย่อมตรงที่ดินที่ได้มา
จึงหุ้นกับเพื่อน 50-50 ทำกิจการผลิตสินค้าพวกสบู่แฮนเมด สครับขัดผิวธรรมชาติ สินค้าแนวสปา
ตอนนี้แหละ ความรู้ทางการออกแบบที่รำ่เรียนเพิ่มมา ได้ใช้เต็มที่
ช่วยบริษัทประหยัดค่าออกแบบไปเยอะมากค่ะ
(เราถือหุ้น 50 อีก 50 มีเพื่อนหลายคนถือค่ะ)
กลางปี 56 กิจการเล็กๆของเราเหมือนจะเดินด้วยดี ลูกค้าเฉพาะกลุ่มชอบสินค้ามาก
แต่หุ้นส่วนเรา แตกออกเป็นสองเสียง เรายังเป็นหัวงานหลักคอยทำงานอยู่
1. ลุยเลย เปิด รง. ทันที (ตอนแรกเราอยู่ฝั่งนี้ค่ะ)
2. รอดู 2-3 ปี ค่อยขยาย บางอย่างจ้างผลิตได้ จ้าง บางอย่างผลิตเอง (แต่ปลายปี 56 เราอยู่ฝั่งนี้ 555)
ในฐานะเม่าติดดอยที่ไม่มีเงินสดเหลือเลย(คือถ้าเรามีเงินสดเยอะ เราคงไม่หาหุ้นส่วนค่ะ 555)
เราต้องระวังเรื่องลงทุนเพิ่มให้มาก
ปรากฎว่าแจ๊กพอตแตกจริงๆด้วย ปลายปี 56 ยอดลดฮวบค่ะ
ที่ว่าจะลงทุนเพิ่ม ตอนนี้ขอดูไปก่อน เอาแค่ไม่เข้าเนื้อตัวเองก็พอ
แค่ลูกค้าเก่าๆกลับมาก็ดีใจมากแล้ว
ปี 57 จากที่วางเป้าขยายกิจการ โตสัก 10%+
ปีนี้เราไม่ขอการเติบโตแล้วค่ะ เอาแค่ไม่หดและคงที่ กระแสเงินสดไม่ติดลบเราดีใจมากละ
เดือนมีนา เหมือนลูกค้าเริ่มกลับมาค่ะ แต่ขอดูอีกทีว่าจริงหรือหลอก
เพราะอะไร เพราะพยากรณ์จากร้านยาค่ะ (คนละส่วนกับงานผลิตค่ะ)
ข้างร้านยาเราปิดตัวไป 1 ฝั่งตรงข้ามปิดตัวอีก 1
ปกติทำเลที่เราอยู่ ไม่เคยว่าง มีคนเช่าตลอด(แย่งกันหัวแตกว่างั้นเหอะ)
ปีนี้พิศดารมากค่ะ
**********************************************
ความเห็นส่วนตัว (ไม่ใช่ส้นตรีนนะคะ)
ปีนี้รู้สึกเงียบแบบแปลกๆ
= =" ส่วนเรายังทู่ซี้อยู่ค่ะ อดทนสู้ต่อ(ไม่สู้ก็ตายสิคะ) ทั้งร้านยาและงานผลิต
พยายามมองหาตลาดใหม่ๆอยากส่งออกไปจีนมากค่ะ เพราะดูลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวจีนชอบสินค้า
แต่เรากำลังเช็คอยู่ ว่ากลุ่มเป้าหมายเราจะมีมากพอไหม เพราะสินค้าปัจจุบัน
เป็นสินค้าดีไซน์ สมุนไพร แฮนเมด แน่นอนว่าถ้าทำระดับอุตสาหกรรม แพ้กับแพ้ แข่งยังไงก็แพ้(ของจีนถูกจะตาย)
แต่ก็ไม่ง่ายเลย สำหรับ SME เล็กๆ(ใครมีแหล่งข้อมูลหรือหน่วยงานแนะนำ แจ้งได้นะคะ)
เข้าสู่คำถามชวนเม้าท์ ปีหน้าจะเผาจริงเผาหลอก?
-บ้านเรามีอะไรรุนแรงไหม ไม่มีนะ ส่วนตัวว่าเบากว่าตอนม็อบเหลืองกับแดงเยอะ
แต่รู้สึกสัญญาณไม่ค่อยดีพิลึก ดูตลาดหุ้นก็หลอนๆ ยังไม่กล้าซื้อเพิ่ม
ไอ้ที่ดอยไปก็ปล่อยดอยละกัน ไม่มองพอร์ตละ ปล่อยให้นิ่งๆไป
-คุยกับข้าราชการที่ทำงาน อย่างพี่ๆที่ทำงานศุลกากร บอกว่าคนข้ามไปพม่าน้อยที่สุดในรอบ 20 ปี
แอบตกใจเลยค่ะ จากเทศกาลสงกรานต์ ต้องมีหลักหมื่นต่อวัน ปีนี้เหลือหลักพัน สองสามพันได้
ก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะว่าเพราะอะไร
เดาเอาเองว่าน่าจะนโยบายการบริหารที่ผิดด้วย การเมืองด้วย อะไรหลายๆ อย่างหรือเปล่า
แต่สรุปว่าจะเผาจริงเผาหลอก คิดว่าชีวิตไม่สิ้น ก็ต้องดิ้นต่อไปค่ะ
เราไม่อยากล้มอีกแล้วค่ะ ได้แต่อธิษฐานทุกๆวัน มันเหนื่อยแล้ว ไม่ไหวแล้วล่ะ
แล้วคนอื่นๆเป็นยังไงบ้างคะ
ชวนเม้าท์ ชีวิต SME หุ้น กับเศรษฐกิจ ปี 57-58
เราเริ่มทำธุรกิจส่วนตัวเมื่อเกือบสิบปีก่อนค่ะ จบมาได้ 1 ปีก็ลุยเลย เปิดร้านยา
ปีแรกทำงานเก็บเงิน (เงินเดือน 3XXXX) ได้มาก้อนหนึ่ง (สมัยนั้นเงิน 7-8 แสนถือว่าพอจะทำร้านค่ะ)
ผู้ใหญ่ที่รู้จักให้เงินมาสองแสน ทุนพ่อ ทุนแม่ส่วนหนึ่ง
ใฝ่ฝัน อยากทำงานที่ชอบ มีอิสระในชีวิต แค่พอมีพอกิน มีบริจาคให้คนอื่นบ้าง ไม่ต้องถึงกับร่ำรวยมากมาย
(แต่ถ้ารวยได้ก็ดี 555 ทว่าขอเป็นงานที่ไม่ต้องเหยียบย่ำคนอื่นค่ะ)
ปรากฎว่ามันไม่เหมือนที่คิด TT
ชีวิตเภสัชกรเฝ้าร้าน ไม่ได้พอมีพอกินแล้วล่ะ แต่ต้องเขียมสุดๆค่ะ
เอาล่ะ เขียมๆก็ได้ ประหยัดหน่อยก็ไหวค่ะ
ของแบรนด์เนมไม่ต้องพูดถึง ไม่ได้กินเงินดิฉันหรอก เพราะ... ดิฉันจน 555
ทำๆได้สักพัก พอจะดีขึ้นบ้าง
เพราะทำเลที่เราอยู่แม้จะค่าที่แพง แต่คนเดินผ่านเยอะค่ะ ยังไงก็ยังพอมีหนทางหาเงิน
ทว่าก็เจอความซวยสุดวิสัยตัดกำลัง
ที่ร้านถูกไฟไหม้ (อันนี้เผาจริง) ลามมาจากข้างบ้าน ถือว่าเฮงซวยสุดๆละ แต่เอาเหอะ ไม่มีใครตาย
ปลอบใจตัวเองว่าเงินหาใหม่ได้เสมอ
จากนั้นเลยไปต่างประเทศหนึ่งปี หาลู่ทางอื่นๆ และฝึกภาษา
หลังกลับมา เริ่มทำธุรกิจใหม่ (เพิ่งผ่านช่วงม็อบปิดสนามบิน)
กำลังจะดี เจอม็อบแดง นักท่องเที่ยวหายอีก ตอนนั้นก็มีคนเจ๊งหลายรายเหมือนกัน
แต่เรายังอยู่ได้(แน่นอนว่าอาศัยความเขียมค่ะ)
เรามาคิดว่า โอเค ถ้าทำอะไรเกี่ยวกับการท่องเที่ยวหรืออยู่แหล่งท่องเที่ยว ต้องทำใจ แต่ประหยัดไปไม่ทำให้รวยขึ้น
ต้องทำให้เงินงอก รายได้เพิ่ม หางานเสริมดีกว่า
ยุคนี้คนเร่ิมใช้เน็ตเยอะขึ้นแล้ว
เราทำงานเสริม เขียนหนังสือ วาดภาพ แต่ไม่วาย ล่าสุดยังโดน สนพ เอาเปรียบอีก ฉีกสัญญา
และผ่าตัดตา จึงหยุดรับงานกราฟฟิคถาวร(จริงๆอันนี้เงินดี งานแหล่ม ถ้าได้ลูกค้าดีๆ ชอบม้ากมาก)
จากนั้นเราจึงกลับมารับงานวาดมือ แฮนเมดแทน แต่พวกนี้ขายช้าและขายยากกว่าค่ะ
ปี 55 เรามาคุยกับคนในวงการอีกที กราฟฟิคไม่เหมือนเดิมแฮะ มีคนทำงานเกรดต่ำมาตัดราคาเยอะ
เช่น ออกแบบโลโก้ 500 บาท แอบตกใจเลย สมัยเราทำ เพื่อนๆที่จบตรง อย่างต่ำหลักหมื่น
แต่งานก็ได้ออกมาคนละอย่างนะคะ จึงออกจากวงการมาแบบเงียบๆค่ะ
ส่วนร้านยา ยังทำอยู่ค่ะ และมองดูหนทางใหม่ๆ แต่บอกตรงๆคิดอะไรไม่ออกค่ะ
(ก็จบเภสัชเนอะ จะทำอะไรได้ล่ะ นอกจากงานเภสัช นอกนั้นก็ทำอะไรไม่เป็นเลย นอกจากเลี้ยงแมว วาดภาพ ทำขนม)
ปลายปี 55 เหมือนจะรุ่ง
ขอบคุณพระเจ้า ญาติให้ที่ดินมาผืนหนึ่ง ทำเลสวยเลยล่ะ
มาคิดดูว่า ถ้านักท่องเที่ยวไม่นิ่ง ฟรีแลนซ์ถูกเอาเปรียบ จับงานผลิต บริโภคในประเทศละกัน
แล้วถ้าเดินด้วยดี ค่อยทำโรงงานผลิตขนาดย่อมตรงที่ดินที่ได้มา
จึงหุ้นกับเพื่อน 50-50 ทำกิจการผลิตสินค้าพวกสบู่แฮนเมด สครับขัดผิวธรรมชาติ สินค้าแนวสปา
ตอนนี้แหละ ความรู้ทางการออกแบบที่รำ่เรียนเพิ่มมา ได้ใช้เต็มที่
ช่วยบริษัทประหยัดค่าออกแบบไปเยอะมากค่ะ
(เราถือหุ้น 50 อีก 50 มีเพื่อนหลายคนถือค่ะ)
กลางปี 56 กิจการเล็กๆของเราเหมือนจะเดินด้วยดี ลูกค้าเฉพาะกลุ่มชอบสินค้ามาก
แต่หุ้นส่วนเรา แตกออกเป็นสองเสียง เรายังเป็นหัวงานหลักคอยทำงานอยู่
1. ลุยเลย เปิด รง. ทันที (ตอนแรกเราอยู่ฝั่งนี้ค่ะ)
2. รอดู 2-3 ปี ค่อยขยาย บางอย่างจ้างผลิตได้ จ้าง บางอย่างผลิตเอง (แต่ปลายปี 56 เราอยู่ฝั่งนี้ 555)
ในฐานะเม่าติดดอยที่ไม่มีเงินสดเหลือเลย(คือถ้าเรามีเงินสดเยอะ เราคงไม่หาหุ้นส่วนค่ะ 555)
เราต้องระวังเรื่องลงทุนเพิ่มให้มาก
ปรากฎว่าแจ๊กพอตแตกจริงๆด้วย ปลายปี 56 ยอดลดฮวบค่ะ
ที่ว่าจะลงทุนเพิ่ม ตอนนี้ขอดูไปก่อน เอาแค่ไม่เข้าเนื้อตัวเองก็พอ
แค่ลูกค้าเก่าๆกลับมาก็ดีใจมากแล้ว
ปี 57 จากที่วางเป้าขยายกิจการ โตสัก 10%+
ปีนี้เราไม่ขอการเติบโตแล้วค่ะ เอาแค่ไม่หดและคงที่ กระแสเงินสดไม่ติดลบเราดีใจมากละ
เดือนมีนา เหมือนลูกค้าเริ่มกลับมาค่ะ แต่ขอดูอีกทีว่าจริงหรือหลอก
เพราะอะไร เพราะพยากรณ์จากร้านยาค่ะ (คนละส่วนกับงานผลิตค่ะ)
ข้างร้านยาเราปิดตัวไป 1 ฝั่งตรงข้ามปิดตัวอีก 1
ปกติทำเลที่เราอยู่ ไม่เคยว่าง มีคนเช่าตลอด(แย่งกันหัวแตกว่างั้นเหอะ)
ปีนี้พิศดารมากค่ะ
**********************************************
ความเห็นส่วนตัว (ไม่ใช่ส้นตรีนนะคะ)
ปีนี้รู้สึกเงียบแบบแปลกๆ
= =" ส่วนเรายังทู่ซี้อยู่ค่ะ อดทนสู้ต่อ(ไม่สู้ก็ตายสิคะ) ทั้งร้านยาและงานผลิต
พยายามมองหาตลาดใหม่ๆอยากส่งออกไปจีนมากค่ะ เพราะดูลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวจีนชอบสินค้า
แต่เรากำลังเช็คอยู่ ว่ากลุ่มเป้าหมายเราจะมีมากพอไหม เพราะสินค้าปัจจุบัน
เป็นสินค้าดีไซน์ สมุนไพร แฮนเมด แน่นอนว่าถ้าทำระดับอุตสาหกรรม แพ้กับแพ้ แข่งยังไงก็แพ้(ของจีนถูกจะตาย)
แต่ก็ไม่ง่ายเลย สำหรับ SME เล็กๆ(ใครมีแหล่งข้อมูลหรือหน่วยงานแนะนำ แจ้งได้นะคะ)
เข้าสู่คำถามชวนเม้าท์ ปีหน้าจะเผาจริงเผาหลอก?
-บ้านเรามีอะไรรุนแรงไหม ไม่มีนะ ส่วนตัวว่าเบากว่าตอนม็อบเหลืองกับแดงเยอะ
แต่รู้สึกสัญญาณไม่ค่อยดีพิลึก ดูตลาดหุ้นก็หลอนๆ ยังไม่กล้าซื้อเพิ่ม
ไอ้ที่ดอยไปก็ปล่อยดอยละกัน ไม่มองพอร์ตละ ปล่อยให้นิ่งๆไป
-คุยกับข้าราชการที่ทำงาน อย่างพี่ๆที่ทำงานศุลกากร บอกว่าคนข้ามไปพม่าน้อยที่สุดในรอบ 20 ปี
แอบตกใจเลยค่ะ จากเทศกาลสงกรานต์ ต้องมีหลักหมื่นต่อวัน ปีนี้เหลือหลักพัน สองสามพันได้
ก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะว่าเพราะอะไร
เดาเอาเองว่าน่าจะนโยบายการบริหารที่ผิดด้วย การเมืองด้วย อะไรหลายๆ อย่างหรือเปล่า
แต่สรุปว่าจะเผาจริงเผาหลอก คิดว่าชีวิตไม่สิ้น ก็ต้องดิ้นต่อไปค่ะ
เราไม่อยากล้มอีกแล้วค่ะ ได้แต่อธิษฐานทุกๆวัน มันเหนื่อยแล้ว ไม่ไหวแล้วล่ะ
แล้วคนอื่นๆเป็นยังไงบ้างคะ