ฉันเคยเขียนรีวิวการไปเที่ยวครั้งนี้มาก่อนแล้วในช่วงที่กำลังเดินทาง เนื่องจากการถ่ายทอดสดถูกขัดขวางด้วยสถานการณ์บางอย่างเช่น ไม่มีเนต จึงทำให้ขาดจากการเขียนรีวิวตอนอื่นๆไป และในตอนนั่นเขียนได้ไม่ละเอียดนัก เมื่อเวลาผ่านไป (ถึง 1 ปีเลยทีเดียว) ฉันได้บันทึกความทรงจำเก็บเอาไว้ จึงนำมาตัดออก เพิ่มเติมเรื่องราวรายละเอียดบางส่วนแล้วนำมาทำรีวิวขึ้นใหม่อีกครั้งแบบละเอียดขึ้น หวังว่าการเดินทางครั้งนี้จะเป็นประโยช์ให้กับผู้ที่กำลังเดินทางไปยังที่เหล่านี้นะค่ะ
******************
ตอนอื่นๆ
>>> (France-Swiss-Austria-Italy 31 วัน) แบคแพค ตปท.ครั้งแรก ภาษาอังกฤษไม่ดีก็ไปได้ ตอน2 Mont St Michel <<<
http://pantip.com/topic/32039453
******************
เนื่องจากพิมพ์ใส่เวิร์ดไว้ก่อนแล้วก๊อปลง มาดูอีกทีเนื้อหาเยอะมาก เลยขอแบ่งเป็นตอนๆนะคะ
หัวข้อกระทู้ : เกริ่น
ความคิดเห็นที่ 1 : 4 เมษายน ออกเดินทาง
ความคิดเห็นที่ 2 : 5 เมษายน เมื่อมาถึงสนามบิน CDG และผ่านด่าน ตม.
ความคิดเห็นที่ 3 : การใช้ Metro วันแรกในปารีส
ความคิดเห็นที่ 4,5 : 5 เมษายน เริ่มวันแรกอย่างจริงจังในเมือง Paris
******************
เกริ่น
รีวิวนี้เล่าถึงการไปท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นครั้งแรกในชีวิต (รวมถึงการได้นั่งเครื่องบินครั้งแรกด้วย...เขิลจัง ... แต่ครั้งแรกก็ปาไปเกือบ 12ชั่วโมงเลยทีเดียว) มีผู้ร่วมเดินทั้งหมด 2 คน นั้นคือฉันเอง และผู้ร่วมเดินทางอีกคนของฉัน ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน – 5 พฤษภาคม 2556
ใครที่คิดว่าทำงานอิสระ พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ไม่ได้มีเงินเยอะมหาศาล แล้วฉันจะไปเที่ยวต่างประเทศไกลๆได้อย่างไรล่ะ? ขอบอกว่าทุกข้อที่กล่าวมารวมอยู่ที่ฉันหมด นั่นแสดงให้เห็นว่าถึง
1.ทำงานอิสระไม่มีหนังสือรับรองการทำงาน ... แต่ในการขอวีซ่าเราต้องอธิบายงานที่ทำและแหล่งเงินของเราได้
2.พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ... ฉันฟังพอรู้เรื่อง ตอบได้เป็นคำๆ แต่ก็ไม่เป็นปัญหากับฉันเท่าไหร่ในวันหลังๆ เพราะประเทศที่ไปคนพื้นถิ่นก็มักไม่พูดอังกฤษเหมือนกัน ฉนั้นภาษาเธอก็พอๆกับฉันนั้นแหล่ะ อิอิ (มโนไปเอง)
3. ไม่ได้มีเงินเยอะมหาศาล ...แต่ควรให้มีเงินครอบคลุมพอสำหรับในทริปนั้นและควรจะอธิบายได้เมื่อเกิดกรณีฉุกเฉินว่าใครจะช่วยเราได้
ในตอนแรกที่ฉันเริ่มยื่นขอวีซ่านั้นฉันเป็นกังวลมากแต่ก็ผ่านมันมาด้วยดี ก่อนที่จะเริ่มการขอวีซ่าสำหรับคนที่ไปเที่ยวเองจำเป็นมากคือการศึกษารายละเอียดต่างๆไปให้เข้าใจพอสมควร (เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับคนไม่เก่งภาษาอังกฤษ)และแนบแผนการเดินทางประกอบไปด้วยในการยื่นขอวีซ่า แผนจากตอนแรกที่จะไปแค่ฝรั่งเศสที่เดียวสักอาทิตย์กว่าๆ ก็เรื่มอยากไปที่อื่นเรื่อยๆและวันก็เริ่มเพิ่มขึ้น เหตุผลสำคัญเพราะศิลปะบ้านเขาช่างน่าหลงไหลเสียจริง และค่าเครื่องบินแพงแต่ค่าโรงแรมต่างก็พอๆกับเราเที่ยวในประเทศไทยที่เป็นโรงแรมดีๆหน่อย (อันนี้มโนไปเอง ห้าๆๆ) เราเลยคิดเอาเองว่าถ้ายิ่งอยู่นานยิ่งคุ้มซึ่งวีซ่าเชงเก้นมันไปได้หลายประเทศในยุโรป
ทำไมฉันไม่ไปกับบริษัททัวร์หล่ะพูดอังกฤษก็ไม่ได้ไม่ใช่หรอ ต่างประเทศก็ไม่เคยไปหาเรื่องใส่ตัวทำไมเนี้ย ?? ... ฉันคิด...ไม่ใช่ไม่คิด ฉันนั่งหาโปรแกรมแต่ละวันและราคาของทัวร์ต่างๆยิ่งทำให้ฉันท้อว่า ฉันจะสูญเสียเงินก้อนที่เยอะมากกกกกสำหรับฉัน ไปในเวลาอาทิตย์เดียวโดยที่ฉันไม่ได้ไปในที่ที่ฉันอยากไปจริงๆหรือนี้ ฉันอยากไปพิพิธภัณฑ์ ไปดูศิลปะเพราะนั่นคือสิ่งที่ฉันเรียนมา ไม่ใช่การไปกับทัวร์ที่ไปแหล่งชอปปิ้งซื้อสินค้าแบรนด์เนม นั่นคือจุดประกายของการ แบกเป้และเริ่มหาข้อมูลในการเดินทางเอง (ซึ่งหลังจากการกลับมาในทริปนี้ ทำให้ฉันรู้สึกว่าสำหรับฉันการไปดูศิลปะที่มนุษย์สร้างขึ้นเหมือนไปศึกษาหาความรู้ แต่การไปดูสิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้นเหมือนไปพักผ่อนจริงๆ)
ตอนแรกก็กะว่าจะไปแบบประหยัดสุดๆคือหาพวก Hostelที่ถูกๆนอนห้องรวม แต่เนื่องจากการที่เราทั้งสองไม่เค๊ยยยย ไม่เคยไปต่างประเทศที่ไหนมาเลย และเนื่องจากบอกไปแล้วไงว่าภาษาอังกฤษไม่ดีมากๆจริงๆ ก็เกรงว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นมามันต้องลำบากแน่ๆเลยตัดสินใจหา ที่พักเป็นห้องสำหรับสองคนจะเป็นการดีกว่า
ด้วยเหตุผลส่วนตัวเกี่ยวกับอาชีพของเรา จึงทำให้มีข้อแม้อย่างแรกและสำคัญที่สุดที่พวกเราตกลงกันไว้คือ เราต้องไปเหยียบแผ่นดินฝรั่งเศสให้ได้ก่อนเป็นที่แรก ซึ่งใครที่มาดูเส้นทางการเดินทางอาจจะงงว่า ทำไม๊...ทำไมมันเดินทางวกวนไปมา เสียเวลาแบบนี้นะ แต่เอาเถอะเราตัดสินใจไปแล้วว่าเราต้องไป 4 ประเทศนี้ให้ได้ด้วยความชอบส่วนตัว และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้กลับมาอีก เปลี่ยนแผนไปเปลี่ยนแผนมาอยู่หลายรอบแล้วจึงตัดสินใจเดินทางตามเส้นทางดังนี้ จาก Bangkok - Paris – Geneva – Zermatt – Interlaken – Innsbruck – Salzburg – Vienna – Venice – Milan – Florence – Pisa – Rome - Bangkok
สรุปคือ นอกจากปัจจัยสำคัญที่สุดคือเรื่องค่าใช้จ่ายแล้ว นอกนั้นไม่ใช่ปัญหาเลยแม้แต่ภาษา ขอแค่ใจกล้าพอแล้ว (เชื่อฉันเถอะ เพราะภาษาอังกฤษของฉันห่วยจริงๆ ผู้ร่วมเดินทางอีกคนของฉันก็ใช่ว่าจะดีกว่ากันเท่าไหร่... จริงๆนะ...)
กล่าวมานานเข้าเรื่องแล้วกัน ต่อไปจะเป็นการเดินทาง 1เดือนโดยที่มีผู้ร่วมเดินทาง2คน มีกระเป๋าเป้เสื้อผ้าและกระเป๋ากล้อง (ขนาดที่สายการบินกำหนดให้ถือขึ้นไปบนเครื่องด้วยได้) รวมมีคนละ 2ใบ แบกกันไปทั้งเดือน

ขออภัย
ถ้าภาษาอังกฤษของฉันจะทำให้ใครอ่านแล้วตลกขบขันในเรื่องของการใช้คำหรือประโยคที่ไม่ถูกต้อง เพราะฉันได้บอกไว้แล้วว่าฉันไม่เก่งภาษาอังกฤษจริงๆ
ขออภัย
ในเรื่องของการใช้ภาษา ที่ใช้ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย กับภาษาถิ่นสลับกันไปๆมาๆ หรือเรียบเรียงใช้ภาษาแบบงงๆไม่ถูกวิธี เป็นภาษาพูดมากเกินไป
ขอบคุณ
ผู้ที่สนับสนุน คอยช่วยเหลือ คอยให้ข้อมูลทุกคนไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ให้คำแนะนำจากทางเว็บ Pantip หรือคนรอบข้างที่ทำให้การเดินทางครั้งนี้เกิดขึ้นและผ่านไปด้วยดี
(ขออนุญาตไม่ขอเอ่ยชื่อล็อกอินนะคะ แต่คิดว่าถ้าล็อกอินนั่นเข้ามาอ่านจะต้องรู้แน่คะ )
และผู้ที่ต้องขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง
คือผู้ร่วมเดินทางอีกคนของฉัน ที่ทำให้การเดินทางครั้งนี้เกิดขึ้นมาได้และอดทนด้วยกันในบางครั้งที่ฉันเกิด จิตรตก หรือเสียสติขึ้นมา
และถ้าการเล่าเรื่องในครั้งนี้มีข้อผิดพลาดประการใด อาจจะเกิดโดยความไม่รู้ของฉันเองก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยจ้า
[CR] >>> (France-Swiss-Austria-Italy 31 วัน) แบคแพค ตปท.ครั้งแรก ภาษาอังกฤษไม่ดีก็ไปได้ ตอน1 มุ่งสู่ Paris <<<
ฉันเคยเขียนรีวิวการไปเที่ยวครั้งนี้มาก่อนแล้วในช่วงที่กำลังเดินทาง เนื่องจากการถ่ายทอดสดถูกขัดขวางด้วยสถานการณ์บางอย่างเช่น ไม่มีเนต จึงทำให้ขาดจากการเขียนรีวิวตอนอื่นๆไป และในตอนนั่นเขียนได้ไม่ละเอียดนัก เมื่อเวลาผ่านไป (ถึง 1 ปีเลยทีเดียว) ฉันได้บันทึกความทรงจำเก็บเอาไว้ จึงนำมาตัดออก เพิ่มเติมเรื่องราวรายละเอียดบางส่วนแล้วนำมาทำรีวิวขึ้นใหม่อีกครั้งแบบละเอียดขึ้น หวังว่าการเดินทางครั้งนี้จะเป็นประโยช์ให้กับผู้ที่กำลังเดินทางไปยังที่เหล่านี้นะค่ะ
******************
ตอนอื่นๆ
>>> (France-Swiss-Austria-Italy 31 วัน) แบคแพค ตปท.ครั้งแรก ภาษาอังกฤษไม่ดีก็ไปได้ ตอน2 Mont St Michel <<<
http://pantip.com/topic/32039453
******************
เนื่องจากพิมพ์ใส่เวิร์ดไว้ก่อนแล้วก๊อปลง มาดูอีกทีเนื้อหาเยอะมาก เลยขอแบ่งเป็นตอนๆนะคะ
หัวข้อกระทู้ : เกริ่น
ความคิดเห็นที่ 1 : 4 เมษายน ออกเดินทาง
ความคิดเห็นที่ 2 : 5 เมษายน เมื่อมาถึงสนามบิน CDG และผ่านด่าน ตม.
ความคิดเห็นที่ 3 : การใช้ Metro วันแรกในปารีส
ความคิดเห็นที่ 4,5 : 5 เมษายน เริ่มวันแรกอย่างจริงจังในเมือง Paris
******************
เกริ่น
รีวิวนี้เล่าถึงการไปท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นครั้งแรกในชีวิต (รวมถึงการได้นั่งเครื่องบินครั้งแรกด้วย...เขิลจัง ... แต่ครั้งแรกก็ปาไปเกือบ 12ชั่วโมงเลยทีเดียว) มีผู้ร่วมเดินทั้งหมด 2 คน นั้นคือฉันเอง และผู้ร่วมเดินทางอีกคนของฉัน ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน – 5 พฤษภาคม 2556
ใครที่คิดว่าทำงานอิสระ พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ไม่ได้มีเงินเยอะมหาศาล แล้วฉันจะไปเที่ยวต่างประเทศไกลๆได้อย่างไรล่ะ? ขอบอกว่าทุกข้อที่กล่าวมารวมอยู่ที่ฉันหมด นั่นแสดงให้เห็นว่าถึง
1.ทำงานอิสระไม่มีหนังสือรับรองการทำงาน ... แต่ในการขอวีซ่าเราต้องอธิบายงานที่ทำและแหล่งเงินของเราได้
2.พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ... ฉันฟังพอรู้เรื่อง ตอบได้เป็นคำๆ แต่ก็ไม่เป็นปัญหากับฉันเท่าไหร่ในวันหลังๆ เพราะประเทศที่ไปคนพื้นถิ่นก็มักไม่พูดอังกฤษเหมือนกัน ฉนั้นภาษาเธอก็พอๆกับฉันนั้นแหล่ะ อิอิ (มโนไปเอง)
3. ไม่ได้มีเงินเยอะมหาศาล ...แต่ควรให้มีเงินครอบคลุมพอสำหรับในทริปนั้นและควรจะอธิบายได้เมื่อเกิดกรณีฉุกเฉินว่าใครจะช่วยเราได้
ในตอนแรกที่ฉันเริ่มยื่นขอวีซ่านั้นฉันเป็นกังวลมากแต่ก็ผ่านมันมาด้วยดี ก่อนที่จะเริ่มการขอวีซ่าสำหรับคนที่ไปเที่ยวเองจำเป็นมากคือการศึกษารายละเอียดต่างๆไปให้เข้าใจพอสมควร (เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับคนไม่เก่งภาษาอังกฤษ)และแนบแผนการเดินทางประกอบไปด้วยในการยื่นขอวีซ่า แผนจากตอนแรกที่จะไปแค่ฝรั่งเศสที่เดียวสักอาทิตย์กว่าๆ ก็เรื่มอยากไปที่อื่นเรื่อยๆและวันก็เริ่มเพิ่มขึ้น เหตุผลสำคัญเพราะศิลปะบ้านเขาช่างน่าหลงไหลเสียจริง และค่าเครื่องบินแพงแต่ค่าโรงแรมต่างก็พอๆกับเราเที่ยวในประเทศไทยที่เป็นโรงแรมดีๆหน่อย (อันนี้มโนไปเอง ห้าๆๆ) เราเลยคิดเอาเองว่าถ้ายิ่งอยู่นานยิ่งคุ้มซึ่งวีซ่าเชงเก้นมันไปได้หลายประเทศในยุโรป
ทำไมฉันไม่ไปกับบริษัททัวร์หล่ะพูดอังกฤษก็ไม่ได้ไม่ใช่หรอ ต่างประเทศก็ไม่เคยไปหาเรื่องใส่ตัวทำไมเนี้ย ?? ... ฉันคิด...ไม่ใช่ไม่คิด ฉันนั่งหาโปรแกรมแต่ละวันและราคาของทัวร์ต่างๆยิ่งทำให้ฉันท้อว่า ฉันจะสูญเสียเงินก้อนที่เยอะมากกกกกสำหรับฉัน ไปในเวลาอาทิตย์เดียวโดยที่ฉันไม่ได้ไปในที่ที่ฉันอยากไปจริงๆหรือนี้ ฉันอยากไปพิพิธภัณฑ์ ไปดูศิลปะเพราะนั่นคือสิ่งที่ฉันเรียนมา ไม่ใช่การไปกับทัวร์ที่ไปแหล่งชอปปิ้งซื้อสินค้าแบรนด์เนม นั่นคือจุดประกายของการ แบกเป้และเริ่มหาข้อมูลในการเดินทางเอง (ซึ่งหลังจากการกลับมาในทริปนี้ ทำให้ฉันรู้สึกว่าสำหรับฉันการไปดูศิลปะที่มนุษย์สร้างขึ้นเหมือนไปศึกษาหาความรู้ แต่การไปดูสิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้นเหมือนไปพักผ่อนจริงๆ)
ตอนแรกก็กะว่าจะไปแบบประหยัดสุดๆคือหาพวก Hostelที่ถูกๆนอนห้องรวม แต่เนื่องจากการที่เราทั้งสองไม่เค๊ยยยย ไม่เคยไปต่างประเทศที่ไหนมาเลย และเนื่องจากบอกไปแล้วไงว่าภาษาอังกฤษไม่ดีมากๆจริงๆ ก็เกรงว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นมามันต้องลำบากแน่ๆเลยตัดสินใจหา ที่พักเป็นห้องสำหรับสองคนจะเป็นการดีกว่า
ด้วยเหตุผลส่วนตัวเกี่ยวกับอาชีพของเรา จึงทำให้มีข้อแม้อย่างแรกและสำคัญที่สุดที่พวกเราตกลงกันไว้คือ เราต้องไปเหยียบแผ่นดินฝรั่งเศสให้ได้ก่อนเป็นที่แรก ซึ่งใครที่มาดูเส้นทางการเดินทางอาจจะงงว่า ทำไม๊...ทำไมมันเดินทางวกวนไปมา เสียเวลาแบบนี้นะ แต่เอาเถอะเราตัดสินใจไปแล้วว่าเราต้องไป 4 ประเทศนี้ให้ได้ด้วยความชอบส่วนตัว และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้กลับมาอีก เปลี่ยนแผนไปเปลี่ยนแผนมาอยู่หลายรอบแล้วจึงตัดสินใจเดินทางตามเส้นทางดังนี้ จาก Bangkok - Paris – Geneva – Zermatt – Interlaken – Innsbruck – Salzburg – Vienna – Venice – Milan – Florence – Pisa – Rome - Bangkok
สรุปคือ นอกจากปัจจัยสำคัญที่สุดคือเรื่องค่าใช้จ่ายแล้ว นอกนั้นไม่ใช่ปัญหาเลยแม้แต่ภาษา ขอแค่ใจกล้าพอแล้ว (เชื่อฉันเถอะ เพราะภาษาอังกฤษของฉันห่วยจริงๆ ผู้ร่วมเดินทางอีกคนของฉันก็ใช่ว่าจะดีกว่ากันเท่าไหร่... จริงๆนะ...)
กล่าวมานานเข้าเรื่องแล้วกัน ต่อไปจะเป็นการเดินทาง 1เดือนโดยที่มีผู้ร่วมเดินทาง2คน มีกระเป๋าเป้เสื้อผ้าและกระเป๋ากล้อง (ขนาดที่สายการบินกำหนดให้ถือขึ้นไปบนเครื่องด้วยได้) รวมมีคนละ 2ใบ แบกกันไปทั้งเดือน
ถ้าภาษาอังกฤษของฉันจะทำให้ใครอ่านแล้วตลกขบขันในเรื่องของการใช้คำหรือประโยคที่ไม่ถูกต้อง เพราะฉันได้บอกไว้แล้วว่าฉันไม่เก่งภาษาอังกฤษจริงๆ
ขออภัย
ในเรื่องของการใช้ภาษา ที่ใช้ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย กับภาษาถิ่นสลับกันไปๆมาๆ หรือเรียบเรียงใช้ภาษาแบบงงๆไม่ถูกวิธี เป็นภาษาพูดมากเกินไป
ขอบคุณ
ผู้ที่สนับสนุน คอยช่วยเหลือ คอยให้ข้อมูลทุกคนไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ให้คำแนะนำจากทางเว็บ Pantip หรือคนรอบข้างที่ทำให้การเดินทางครั้งนี้เกิดขึ้นและผ่านไปด้วยดี
(ขออนุญาตไม่ขอเอ่ยชื่อล็อกอินนะคะ แต่คิดว่าถ้าล็อกอินนั่นเข้ามาอ่านจะต้องรู้แน่คะ )
และผู้ที่ต้องขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง
คือผู้ร่วมเดินทางอีกคนของฉัน ที่ทำให้การเดินทางครั้งนี้เกิดขึ้นมาได้และอดทนด้วยกันในบางครั้งที่ฉันเกิด จิตรตก หรือเสียสติขึ้นมา
และถ้าการเล่าเรื่องในครั้งนี้มีข้อผิดพลาดประการใด อาจจะเกิดโดยความไม่รู้ของฉันเองก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยจ้า