สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
เริ่มต้นจากที่แม่ผมเอาเงินไปลงทุนหลังจากเก็บมาเกือบ 10 ปี จากการขายผักตั้งแต่ผมยังเด็กเก็บฝากธนาคารได้เป็นเงิน 4 แสนบาท และก็ลงทุนไปจนหมดเนื้อตัวกับคนๆนึง และพักหลังธุรกิจไปได้แย่จนต้องปิดอีกที่ย่านท่าน้ำนนท์ เพราะค่าที่และค่าใช้จ่าย บวกกับเพิ่งคลอดน้องผมเลยต้องซื้อบ้านใหม่ แม่ผมบางทีก็ทุกข์ทนทรมานเพราะต้องมาอาศัยบ้านเค้าอยู่มาเกือบ 3 ปีแบบไม่มีเงินเก็บครับ แม่ร้องไห้กับผมบ่อยมาก ผมเองสงสารได้แต่ปลอบแม่ไปเรื่อยๆ เพราะแม่ต้องทำงานบ้านทุกอย่าง เค้าเป็นคนค่อนข้างจุกจิกและรักความเป็นระเบียบมาก แม่ผมจึงต้องทำงานบ้านหนักหน่อย และก็ต้องเลี้ยงน้องด้วย
-ทุกอย่างดำเนินไปแบบไม่มีเงินเก็บ 3 ปีครับ หลังจากลงทุนแล้วจม ผมกับแม่คิดหาทุกวิถีทางที่จะเอาตัวรอดและสร้างฐานะให้เรามีบ้าน-รถของตัวเองเหมือนเก่าสักที ผมกับแม่เป็นคนกำแพงเพชรครับ แม่เลยค่อนข้างที่จะสู้ชีวิต ไม่ได้ว่านะ ผมว่าคนอีสานบางทีก็ขยันนะ เพราะแม่ทำสวนตั้งแต่เด็กแล้ว
-เราเริ่มเปิดร้านเมื่อปลายปี 2556 ครับ และในวันแรกลูกค้าที่มาซื้อเป็นลูกค้าสังคมคุณแม่เพื่อนบ้านเรือนเคียงทั้งนั้นครับ แล้วก็บอกอาหารอร่อย วันแรกที่ขายได้ทำขึ้น 5 อย่างครับ ได้เงินไปทั้งหมด 3 พัน 8 ร้อยบาท แม่ผมดีใจมาก
-ธุรกิจดำเนินไปเรื่อยๆ เงินที่ได้แต่ละวันไม่มั่นคงนัก บ้างก็เตะ 6 พัน บ้างก็ 3 พัน เฉลี่ยแล้ว 4 พันกว่า วันนี้ผมได้ 4 พัน 9
-ช่วงแรกค่าใช้จ่ายแรกมากครับ ค่าเทอมน้องเทอมละ 2 หมื่น 7 ซึ่งแพงพอๆกับผมอยู่มหาลัยตอนนี้เลยครับ เราไม่มีเงินเก็บมาหลายเดือน มีแต่เงินหมุน ผมต้องทำงานเซเว่นช่วยแม่ไปพลางๆ
-ผมบอกข้างต้นแล้วว่าขายตอนเช้าเพราะขยายไปตอนเย็นไม่ได้ ติดน้อง ไม่มีใครดู ครั้งผมไปช่วยก็ไม่ได้ บ้านอยู่ไกลกันมาก ต้องนั่งเท็กซี่เข้าไปเสียด้วย เพราะตอนตี 5 ไม่มีรถเมย์ที่ไปรังสิตแล้วผ่านแถวบ้านแม่เลย
-ตอนนี้ผมพร้อมที่ขยายขายไปตอนเย็นแล้ว เพราะลูกค้าพูดกับแม่ผมบ่อยว่า ทำไมไม่ขายตอนเย็น ตลาดตอนเย็นมีแต่กับข้าวไม่อร่อย ผมกำลังคิดหาทางกับแม่เพื่อที่จะให้มีคนดูน้องเมย์ด้วย
-เงินแรกเก็บก้อนแรกของผมหลังจากไม่มีเงินเก็บอาจจะน้อยนิด แต่ผมคิดว่าถ้าขยายไปขายตอนเย็นได้อีก น่าจะทำรายได้ต่อวัน มากกว่า 8 พัน หากทำขายตอนเย็นมากกว่าตอนเช้าแล้วหมดไว
**อยากให้มาเล่าประสบการณ์การเริ่มต้นธุรกิจที่ไม่มีอะไรเลยครับ เผื่อใครเข้ามาอ่านแล้วอาจจะมีกำลังใจจากการคิดตัดสินผิดพลาดในชีวิตแล้วเริ่มต้นใหม่ ตอนนี้รู้สึกดีใจที่ชีวิตเริ่มดีขึ้นแล้ว หลังจากที่แม่เครียดมานาน ขอบคุณครับ **
-ทุกอย่างดำเนินไปแบบไม่มีเงินเก็บ 3 ปีครับ หลังจากลงทุนแล้วจม ผมกับแม่คิดหาทุกวิถีทางที่จะเอาตัวรอดและสร้างฐานะให้เรามีบ้าน-รถของตัวเองเหมือนเก่าสักที ผมกับแม่เป็นคนกำแพงเพชรครับ แม่เลยค่อนข้างที่จะสู้ชีวิต ไม่ได้ว่านะ ผมว่าคนอีสานบางทีก็ขยันนะ เพราะแม่ทำสวนตั้งแต่เด็กแล้ว
-เราเริ่มเปิดร้านเมื่อปลายปี 2556 ครับ และในวันแรกลูกค้าที่มาซื้อเป็นลูกค้าสังคมคุณแม่เพื่อนบ้านเรือนเคียงทั้งนั้นครับ แล้วก็บอกอาหารอร่อย วันแรกที่ขายได้ทำขึ้น 5 อย่างครับ ได้เงินไปทั้งหมด 3 พัน 8 ร้อยบาท แม่ผมดีใจมาก
-ธุรกิจดำเนินไปเรื่อยๆ เงินที่ได้แต่ละวันไม่มั่นคงนัก บ้างก็เตะ 6 พัน บ้างก็ 3 พัน เฉลี่ยแล้ว 4 พันกว่า วันนี้ผมได้ 4 พัน 9
-ช่วงแรกค่าใช้จ่ายแรกมากครับ ค่าเทอมน้องเทอมละ 2 หมื่น 7 ซึ่งแพงพอๆกับผมอยู่มหาลัยตอนนี้เลยครับ เราไม่มีเงินเก็บมาหลายเดือน มีแต่เงินหมุน ผมต้องทำงานเซเว่นช่วยแม่ไปพลางๆ
-ผมบอกข้างต้นแล้วว่าขายตอนเช้าเพราะขยายไปตอนเย็นไม่ได้ ติดน้อง ไม่มีใครดู ครั้งผมไปช่วยก็ไม่ได้ บ้านอยู่ไกลกันมาก ต้องนั่งเท็กซี่เข้าไปเสียด้วย เพราะตอนตี 5 ไม่มีรถเมย์ที่ไปรังสิตแล้วผ่านแถวบ้านแม่เลย
-ตอนนี้ผมพร้อมที่ขยายขายไปตอนเย็นแล้ว เพราะลูกค้าพูดกับแม่ผมบ่อยว่า ทำไมไม่ขายตอนเย็น ตลาดตอนเย็นมีแต่กับข้าวไม่อร่อย ผมกำลังคิดหาทางกับแม่เพื่อที่จะให้มีคนดูน้องเมย์ด้วย
-เงินแรกเก็บก้อนแรกของผมหลังจากไม่มีเงินเก็บอาจจะน้อยนิด แต่ผมคิดว่าถ้าขยายไปขายตอนเย็นได้อีก น่าจะทำรายได้ต่อวัน มากกว่า 8 พัน หากทำขายตอนเย็นมากกว่าตอนเช้าแล้วหมดไว
**อยากให้มาเล่าประสบการณ์การเริ่มต้นธุรกิจที่ไม่มีอะไรเลยครับ เผื่อใครเข้ามาอ่านแล้วอาจจะมีกำลังใจจากการคิดตัดสินผิดพลาดในชีวิตแล้วเริ่มต้นใหม่ ตอนนี้รู้สึกดีใจที่ชีวิตเริ่มดีขึ้นแล้ว หลังจากที่แม่เครียดมานาน ขอบคุณครับ **
WMB ถูกใจ, ยีราฟสีฟ้า ถูกใจ, NkmoleZ ถูกใจ, hamuhamoo ถูกใจ, SISGEO ซึ้ง, ขนมน้ำดอกไม้ ถูกใจ, NolRaPee ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 899504 ถูกใจ, HODEมั๊กๆ ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1394741 ถูกใจรวมถึงอีก 40 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
ความคิดเห็นที่ 23
ใครที่อาจจะหลงเข้ามาอ่านกระทู้ผม ผมมีอะไรอยากจะบอกครับ ><..
-ผมพายเรือช่วยย่าขายของตั้งแต่ผมยังอยู่อนุบาลเลยละครับ ก็เลยพอที่จะบอกอะไรพวกพี่ๆได้บ้าง
..ใครที่กำลังท้อแท้หรือไม่รู้จะเริ่มต้นธุรกิจยังไง คุณไม่ต้องแปลกใจครับ เพราะผมเองก็เคยเป็นตอนผมจนสุดๆ
1.หากคุณกำลังเริ่มต้นทำธุรกิจซักอย่าง (ไม่ต้องขายของแบบผมก็ได้) อย่าคิดว่าตัวเองทุนเยอะแล้วกิจการจะรุ่งเรือง เพราะความคิดนี้ผิดครับ เหมือนที่ผมเคยทำกับแม่มาแล้ว เป็นยังไงแหละ ล่มจมเลยละครับ ให้เราลงทุนประมาณนี้ มีเงิน 1 แสนบาท (ห้ามเป็นเงินหมุนที่ต้องจ่ายในชีวิตประจำวัน ต้องเป็นเงินเย็น) ให้เราคำนึงกิจการที่เราจะเปิด หากกิจการของเรานั้นเป็นร้านขายของธรรมดา ให้ชักทุนเพียง 1 ใน 3 หรือเริ่มต้นธุรกิจในสถานที่ที่มีค่าเช่าร้านถูกก่อน (อย่าไปเช่าที่แพงๆ ตอนนี้เราต้องหาทุนมาหมุนให้ได้เสียก่อน) จากนั้นหากกิจการมีรายได้ต่อเดือนนิ่ง +/- ไม่ขาดทุนแต่อยู่ในระดับต่ำ ให้เราอดทนทำต่อไป เพราะนั้นหลายถึงเรากำลังได้เงินก้อนโตแน่นอน ตรงนี้แหละที่ใครไม่อดทน กิจการล่มมานักต่อนักแล้ว
2.ตัดค่าใช้จ่ายหากกิจการเพิ่งเริ่มหรืออยู่ในระยะ 1 ปี ห้ามทำการซื้อบ้าน รถ หรืออะไรที่มีมูลค่าเกินตัวเด็ดขาด สถานะการเงินมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เศรษฐกิจสามารถทำลายตัวมันเองได้ ดังนั้นให้เราอดทนอย่างข้อแรกและกัดฟันใช้สิ่งที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า (ผมเลือกที่จะเช่าห้องเล็กๆ ใช้รถซาเล้งแทนรถกระบะ เพราะอย่าซื้ออะไรในช่วงนี้)
3.กู้เงินทำธุรกิจนั้นสำคัญ ไม่ควรมองข้ามว่าในระยะ 1 ปีจะฟื้นตัวและมีเงินมาใช้ธนาคารแน่นอน เป็นความคิดที่ไม่ค่อยเอาไหน แต่ไม่ใช่ว่าไม่สำเร็จ โอกาศพลาดสูงมาก ดังนั้นผมเริ่มทำธุรกิจอะไร แม้แต่ที่ดินตอนนี้ผมดีดราคาเช่าไปถึงเดือนละ 6 หมื่น แต่ใช่ว่าอนาคตเค้าจะไม่เลิกเช่า ดังนั้นไม่ควรคิดว่าเราจะทำได้ เราจะมีกิน เราจะใช้หนี้ได้ เราไม่ควรเป็นหนี้ตั้งแต่เริ่มต้นต่างหาก อย่างที่แม่ผมไม่เคยมีหนี้ เลยไม่คิดถึงอนาคตมากนัก
4.ฉลาดหลักแหลมในการเลือกใช้วัสดุ/วัตถุดิบเริ่มธุรกิจที่มีคุณภาพ เราควรสร้างฐานลูกค้า อย่างที่การสร้างบ้านต้องเริ่มจากเสา และจะพังเมื่อเสาหัก เฉกเช่นเดียวกันนี้ หากเรามีฐานลูกค้า หรือลูกค้าที่จงรักภักดี ง่ายๆคือลูกค้าประจำ เรามีโอกาศชนะคู่แข่งมาก แม้คู่แข่งจะมาเปิดร้านข้างๆเราก็ตาม อย่าลดต้นทุนช่วงนี้ ขาดทุนก็พยายามหาเงินหมุนด้วยวิธีอื่นไปพลางๆ ไม่ควรชักเงินเย็นออกมาใช้
5.ถ้าธุรกิจคล่องตัวแล้ว เราควรเอาเงินลงทุน 1/3 ที่ว่าไปนั้นฝากเข้าเป็นเงินเย็นเหมือนเดิม ไม่ควรใช้บัญชีเดียวกับเงินเย็นในการทำธุรกิจ และไม่ควรทำบัตร ATM กับเงินเย็น เพราะเราจะหลอกตัวเองว่าการเอาเงินออกนั้นต้องไปที่ธนาคารอย่างเดียว เวลาว่างทำธุรกิจเรามีเวลาไปธนาคารด้วยหรอ จริงไหม?
6.ลูกค้าต้องการความเชื่อมั่นและคำสัญญาที่ซื่อตรง น้อมรับคำติเตียน เพราะไม่มีธุรกิจใดในโลกที่มีแต่ด้านดี นำไปแก้ไข พิจารณาและสัญญากับลูกค้า เป็นสิ่งที่ควรทำ หลักจรรญาบรรณวิชาชีพ ที่ใครๆก็รู้
-ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ แฮ่กๆ อย่าลืมนะครับ ธุรกิจต้องการเริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ ไม่ใช่สิ่งใหญ่ๆ เหมือน 0-100 ที่มีโอกาศ 100 ครั้ง แต่ถ้าคุณเลือกเริ่มที่จะเป็นทุนหนาอย่าง 90-100 คุณมีโอกาศแค่ 10 ครั้งเท่านั้นเอง
-ผมพายเรือช่วยย่าขายของตั้งแต่ผมยังอยู่อนุบาลเลยละครับ ก็เลยพอที่จะบอกอะไรพวกพี่ๆได้บ้าง
..ใครที่กำลังท้อแท้หรือไม่รู้จะเริ่มต้นธุรกิจยังไง คุณไม่ต้องแปลกใจครับ เพราะผมเองก็เคยเป็นตอนผมจนสุดๆ
1.หากคุณกำลังเริ่มต้นทำธุรกิจซักอย่าง (ไม่ต้องขายของแบบผมก็ได้) อย่าคิดว่าตัวเองทุนเยอะแล้วกิจการจะรุ่งเรือง เพราะความคิดนี้ผิดครับ เหมือนที่ผมเคยทำกับแม่มาแล้ว เป็นยังไงแหละ ล่มจมเลยละครับ ให้เราลงทุนประมาณนี้ มีเงิน 1 แสนบาท (ห้ามเป็นเงินหมุนที่ต้องจ่ายในชีวิตประจำวัน ต้องเป็นเงินเย็น) ให้เราคำนึงกิจการที่เราจะเปิด หากกิจการของเรานั้นเป็นร้านขายของธรรมดา ให้ชักทุนเพียง 1 ใน 3 หรือเริ่มต้นธุรกิจในสถานที่ที่มีค่าเช่าร้านถูกก่อน (อย่าไปเช่าที่แพงๆ ตอนนี้เราต้องหาทุนมาหมุนให้ได้เสียก่อน) จากนั้นหากกิจการมีรายได้ต่อเดือนนิ่ง +/- ไม่ขาดทุนแต่อยู่ในระดับต่ำ ให้เราอดทนทำต่อไป เพราะนั้นหลายถึงเรากำลังได้เงินก้อนโตแน่นอน ตรงนี้แหละที่ใครไม่อดทน กิจการล่มมานักต่อนักแล้ว
2.ตัดค่าใช้จ่ายหากกิจการเพิ่งเริ่มหรืออยู่ในระยะ 1 ปี ห้ามทำการซื้อบ้าน รถ หรืออะไรที่มีมูลค่าเกินตัวเด็ดขาด สถานะการเงินมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เศรษฐกิจสามารถทำลายตัวมันเองได้ ดังนั้นให้เราอดทนอย่างข้อแรกและกัดฟันใช้สิ่งที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า (ผมเลือกที่จะเช่าห้องเล็กๆ ใช้รถซาเล้งแทนรถกระบะ เพราะอย่าซื้ออะไรในช่วงนี้)
3.กู้เงินทำธุรกิจนั้นสำคัญ ไม่ควรมองข้ามว่าในระยะ 1 ปีจะฟื้นตัวและมีเงินมาใช้ธนาคารแน่นอน เป็นความคิดที่ไม่ค่อยเอาไหน แต่ไม่ใช่ว่าไม่สำเร็จ โอกาศพลาดสูงมาก ดังนั้นผมเริ่มทำธุรกิจอะไร แม้แต่ที่ดินตอนนี้ผมดีดราคาเช่าไปถึงเดือนละ 6 หมื่น แต่ใช่ว่าอนาคตเค้าจะไม่เลิกเช่า ดังนั้นไม่ควรคิดว่าเราจะทำได้ เราจะมีกิน เราจะใช้หนี้ได้ เราไม่ควรเป็นหนี้ตั้งแต่เริ่มต้นต่างหาก อย่างที่แม่ผมไม่เคยมีหนี้ เลยไม่คิดถึงอนาคตมากนัก
4.ฉลาดหลักแหลมในการเลือกใช้วัสดุ/วัตถุดิบเริ่มธุรกิจที่มีคุณภาพ เราควรสร้างฐานลูกค้า อย่างที่การสร้างบ้านต้องเริ่มจากเสา และจะพังเมื่อเสาหัก เฉกเช่นเดียวกันนี้ หากเรามีฐานลูกค้า หรือลูกค้าที่จงรักภักดี ง่ายๆคือลูกค้าประจำ เรามีโอกาศชนะคู่แข่งมาก แม้คู่แข่งจะมาเปิดร้านข้างๆเราก็ตาม อย่าลดต้นทุนช่วงนี้ ขาดทุนก็พยายามหาเงินหมุนด้วยวิธีอื่นไปพลางๆ ไม่ควรชักเงินเย็นออกมาใช้
5.ถ้าธุรกิจคล่องตัวแล้ว เราควรเอาเงินลงทุน 1/3 ที่ว่าไปนั้นฝากเข้าเป็นเงินเย็นเหมือนเดิม ไม่ควรใช้บัญชีเดียวกับเงินเย็นในการทำธุรกิจ และไม่ควรทำบัตร ATM กับเงินเย็น เพราะเราจะหลอกตัวเองว่าการเอาเงินออกนั้นต้องไปที่ธนาคารอย่างเดียว เวลาว่างทำธุรกิจเรามีเวลาไปธนาคารด้วยหรอ จริงไหม?
6.ลูกค้าต้องการความเชื่อมั่นและคำสัญญาที่ซื่อตรง น้อมรับคำติเตียน เพราะไม่มีธุรกิจใดในโลกที่มีแต่ด้านดี นำไปแก้ไข พิจารณาและสัญญากับลูกค้า เป็นสิ่งที่ควรทำ หลักจรรญาบรรณวิชาชีพ ที่ใครๆก็รู้
-ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ แฮ่กๆ อย่าลืมนะครับ ธุรกิจต้องการเริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ ไม่ใช่สิ่งใหญ่ๆ เหมือน 0-100 ที่มีโอกาศ 100 ครั้ง แต่ถ้าคุณเลือกเริ่มที่จะเป็นทุนหนาอย่าง 90-100 คุณมีโอกาศแค่ 10 ครั้งเท่านั้นเอง
วงแหวนแห่งดาวสุข ถูกใจ, afood ถูกใจ, อัศเจรีย์ ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1059380 ถูกใจ, MadamJensen ถูกใจ, ยีราฟสีฟ้า ถูกใจ, $an-Dee หลงรัก, End of the walk way ถูกใจ, hamuhamoo ถูกใจ, Accurus ถูกใจรวมถึงอีก 17 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
แสดงความคิดเห็น
เล่าเรื่องการเริ่มต้นใหม่ขายแกงของแม่ผมจากเงินลงทุน 1 หมื่น
-ตอนนี้มีเงิน มีรายได้แล้ว 15,000 บาทแรกเปิดบัญชีจะไปเปิดที่ SCB
-เงินที่ฝากชักทุนมาไว้ในกระเป๋าแล้ว (ลงทุนสัปดาห์ละประมาณ 10,000 บาท)
รู้สึกดีใจที่ในที่สุดก็เริ่มต้นธุรกิจได้สวย ตอนนี้ขายแกงครับ ลูกค้าติดแล้ว ทั้งที่มีร้านขายแกงติดๆกันอีก 2-3 ร้านในย่านนี้ หากเลยอยู่หน้าซอยจะเจริญกว่า มีร้านแกงเกือบๆ 10 ร้านเลยละครับ แต่สังเกตในย่านนี้ต้องตรงเข้ามาลึก มีหมู่บ้านโครงการติดๆกันอยู่ 2 โครงการ ตอนนี้ทำกับข้าวเป็นแกง เน้นความสะอาดแล้วก็รสชาดครับ อีกอย่างจะไม่เอาของเหลือมาทำเด็ดขาด เพราะแม่ผมถือมาก ไม่อยากชงตัวเองว่าของที่ขายได้เลิศเลอเกินไป แต่ขายตอนเช้าตั้งร้านประมาณ 6.00 น. ทำกับข้าวขึ้นวันละ 9-10 อย่าง เฉลี่ยแกงน้ำ 5 ผัด 5 อย่าง
-ตอนนี้ดีใจที่แกงจะขาย 6โมงแต่จะหมดไม่เกิน 8 โมงทุกวัน (เมื่อวานขาย 1 ชั่วโมง 20นาที ปิดร้าน) ผมถือว่าเป็นความโชคดีของผมเอง มีเงินเข้าวันละ 4 พันอย่างต่ำ สูงสุดถ้าตักดีดีจะได้ 6 พันเลยทีเดียว ขายถุงละ 25 บาทครับ ขึ้น 30 ไม่ได้
**ขอแท็กห้องแม่ลูกอ่อนด้วย อยากเห็นแม่ลูกอ่อนมาเล่าหลังจากมีลูกเหมือนกัน เพราะเห็นค่าใช้จ่ายเยอะมากตอนน้องผมกำลังเข้าอนุบาล**