บทความนี้คัดลอกมาจาก Facebook ของคุณ Teerat Wingy 1 ในคนเขียนภาพยนตร์เรื่องนี้ครับ
คนเขียนบทสะอื้น
จริงๆแล้วคิดอยู่นานเหมือนกันครับว่าจะเขียนเรื่องนี้ดีไหม?
แต่เมื่อลองอ่านบทความจากเพจ I love movies ซ้ำดูหลายๆรอบแล้วในฐานะที่เป็นคนหนึ่งที่มีส่วนร่วม(ไม่มาก)กับการสร้างภาพยนตร์เรื่อง "หมวยจิ้นดิ้นก้องโลก" อดใจไม่ไหวจริงๆที่จะขอเขียนถึง
ในตำแหน่งของคนเขียนบทร่วม ก่อนอื่นขอเรียนตามตรงกับทุกท่านว่าผมยอมรับว่าภาพยนตร์เรื่องนี้โดยรวมมันเห่ยจริง ๆ ครับ ที่มาเขียนอย่างนี้นี่ไม่ได้มีอะไรขัดแย้งรึมีผลประโยชน์ได้เสียเพิ่มเติมอะไรกับทางค่ายวีไอพีเอนเตอร์เทนเมนท์นะครับ โดยถ้าจะให้ผมจัดอันดับว่าภาพยนตร์ที่ห่วยที่สุดผมได้เข้าไปชมในโรงภาพยนตร์ในชีวิตคือเรื่องอะไร "หมวยจิ้นดิ้นก้องโลก"ติดหนึ่งในสามอันดับอย่างไม่ต้องคิดมากครับ
ถ้าว่ากันอย่างเป็นกลาง ในขณะที่ผมกำลังรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ในโรง ผมยังคิดเลยว่าถ้าผมเป็นนักดูหนังทั่วไปที่เสียเงินเข้ามาชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมก็คงถามตัวเองเหมือนกันว่า "ฉันเสียเงินเข้ามาทำอะไรที่นี่"
ถึงแม้จะเขียนออกมาในลักษณะนี้ แต่ผมก็ยังอยากให้ผู้ที่กำลังอ่านอยู่ทำความเข้าใจว่าคณะผู้จัดสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ผลิตมันออกมาด้วยความตั้งใจจริงๆนะครับโดยเฉพาะผู้กำกับทั้งสองท่าน แม้ว่าผลลัพธ์อาจจะออกมาไม่ดี แต่ทุกคนไม่เคยมีเจตนาทำงานแบบขอไปทีและดูถูกผู้ชมเลย
เริ่มแรกที่ได้รับงานภาพยนตร์เรื่องนี้ผมได้รับบทและโครงเรื่องจากพี่ยศหนึ่งในผู้กำกับของเรื่อง ยอมรับว่าโครงสร้างของเรื่องและวิธีการเล่าเรื่องที่ผมได้อ่านในร่างที่ได้รับมาครั้งแรกมันงงๆ ผมจึงเริ่มงานในฐานะคนแก้บท(Script Docter) ซึ่งเป็นตำแหน่งงานหนึ่งในสายงานภาพยนตร์ที่มีมานานแล้วแต่อาจจะไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในวงกว้างสักเท่าไหร่
วีไอพีเอนเตอร์เทนเมนท์ให้อิสระในการแก้บทของผมเรียกได้ว่าแทบจะเต็มที่ จนผมทำบทภาพยนตร์ออกมาจนเสร็จสมบูรณ์
บทในร่างที่แก้แล้วของผมอยู่ใน Genre ประเภท Drama โดยในขณะนั้นภาพยนตร์เรื่องนี้ยังใช้ชื่อว่า "สะดวกรัก สะดวกซื้อ" มีเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวร้านขายของชำเก่าแก่ครอบครัวหนึ่งในต่างจังหวัดที่กำลังอยู่ในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านของยุคสมัยที่ความเจริญ รวมถึงความสะดวกสบายได้เดินทางมาถึงในรูปแบบของร้านมินิมาร์ท (ในบทเป็นเซเว่น-อีเลฟเว่น) ซึ่งกำลังจะทำให้วิถีชีวิตเดิม ๆ ที่เคยเป็นของครอบครัวนี้เปลี่ยนไป
เรื่องย่อตามบท (ในร่างของผม) ได้เล่าถึงเรื่องราวของครอบครัว "ร้านเฮงฮวด" ที่ประกอบไปด้วยตัวละครหลัก "แปะไช้" เถ้าแก่รุ่นที่สองของร้าน "อ้า" ลูกชายคนโตของบ้านที่ทอดทิ้งกิจการของครอบครัวไปเดินตามความฝันของตนเองโดยการเข้าร่วมประกวดคอนเทสต์ร้องเพลงจนกลายเป้นนักร้องที่มีชื่อเสียง "หมวย" ลูกสาวที่รักกิจการของครอบครัวยิ่งชีพแต่มีภารกิจในการรักษาสัญญาให้กับเพื่อนสนิทผู้ล่วงลับในการเข้าประกวดเต้นโคเวอร์แดนซ์แทนเพื่อน "ตี๋เล็ก" ลูกชายคนเล็กผู้ตื่นเต้นกับการเดินทางมาถึงของร้านมินิมาร์ทที่เพิ่งเปิดใหม่ รวมถึงเรื่องของ "เต้น" เด็กหนุ่มที่หนีออกจากบ้านมาเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อในต่างจังหวัดและได้พบรักกับ "หมวย" ลูกร้านขายของชำที่ประกาศตัวเป็นศัตรูกับร้านมินิมาร์ท
ภาพรวมของภาพยนตร์ในร่างของผมจินตนาการว่าจะออกมาคล้ายๆกับภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่อง "Always"
เมื่องานของผมเสร็จบทถูกส่งให้กับพี่ยศ(ผู้กำกับ)พิจารณาและดำเนินการจัดสร้าง
โดยก่อนเปิดกล้องไม่นานพี่ยศบอกกับผมว่าจะเปลี่ยนชื่อภาพยนตร์เป็น "หมวยจิ้นดิ้นก้องโลก" และจะเปลี่ยนรูปแบบในการนำเสนอรวมถึงแก้ไขเพิ่มเติม
เค้าลางแห่งหายนะปรากฏขึ้นในความรู้สึกของผมแต่ผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนะครับ เพราะเหตุผลดังต่อไปนี้
1.งานของผมเสร็จแล้ว
2.ผมเคารพการตัดสินใจของผู้กำกับและเคารพในตัวผู้กำกับ
3.ผมไม่ใช่ผู้อำนวยการสร้างและไม่ใช่เจ้าของทุน
4.แอบอยากรู้เหมือนกันว่าถ้าเปลี่ยนแล้วภาพยนตร์จะออกมาในรูปแบบไหน
ความเปลี่ยนแปลงของภาพยนตร์โดยที่ผมสรุปเอาเองหลังจากนั้นน่าจะเป็นดังต่อไปนี้
1.เปลี่ยนแปลงโดยเอาใจตลาดภาพยนตร์ในประเทศมากขึ้น
เริ่มโดยเปลี่ยนไปในแนวทางที่น่าจะขายได้ คือเป็นภาพยนตร์ที่มีความตลกนำและมีความเหนือจริงจากจินตนาการของตัวละครเข้ามาผสมผสานกับเนื้อเรื่องมากขึ้น
2.ประเด็นที่เกี่ยวกับการสะท้อนสภาวะครอบครัวและสังคมถูกลดทอนให้เบาบางลง ขับเน้นเรื่องราวการเต้นของ "หมวย"ให้มากขึ้นจนกลายเป็นองค์ประกอบหลักในการนำเสนอ
3.โครงสร้างของบทยังเหมือนเดิมแต่ Genre ถูกแปรเปลี่ยนจาก Drama เป็นอภิมหา Comedy
ถ้าเปรียบเทียบบทภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเด็กสักคน เด็กคนนี้ได้ถูกผมดูแลในช่วงเวลาหนึ่งก่อนที่จะถูกนำกลับไปเลี้ยงใหม่ในรูปแบบที่ผู้กำกับอยากจะให้เค้าโตเป็นผู้ใหญ่ ในรูปแบบที่เค้าอยากให้เป็น
วันนี้หลายคนคงได้รู้จักกับเด็กคนนี้แล้วว่าเขาโตเป็นผู้ใหญ่แบบไหน
แม้ในภาพรวมที่แย่ของภาพยนตร์เรื่องนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็มีข้อดีอยู่บ้างในหลายองค์ประกอบ
1.ถ้าเปรียบเป็นอาหารก็นับว่าเป็นรสชาติที่แปลกใหม่ในตลาดภาพยนตร์ไทยปัจจุบัน ที่มีความแปลกใหม่จากตลาดที่กำลังขายแต่สินค้ารสชาติเดิมๆ แต่ก็ต้องยอมรับกันว่าทานยากและไม่อร่อย
2.ความพยายามในการทำภาพยนตร์ให้เสร็จจนฉายได้ในระบบโรงภาพยนตร์ปกติของค่ายใหม่ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่หลายคนเข้าใจ ต้องใช้ทุนและใช้เวลา โดยทุนสร้างรวมที่แท้จริงของภาพยนตร์เรื่องนี้หลายคนทราบแล้วอาจจะตกใจ
3.เป็นอุทาหรณ์ที่ดีสำหรับผู้ที่มีความใฝ่ฝันในการจะผลิตภาพยนตร์ รวมถึงเป็นอุทาหรณ์ที่ดีกับทีมงานผู้ผลิตภาพยนตร์เรื่องนี้ในการทำงานผลิตภาพยนตร์ต่อไปในอนาคต
4.มีการถ่ายทำที่ดีในหลายๆฉาก เอาจริงๆถ้ามองในเรื่องภาพตามความเห็นส่วนตัวของผมผู้กำกับภาพ ถ่ายทอดออกมาได้ดี
5.เห็นถึงความทุ่มเทและความสามารถในการแสดงของนักแสดง แม้ว่าในหลายฉากจะน่าสงสัยว่าผู้กำกับปล่อยผ่านมาได้ยังไง
6.ดนตรีประกอบ ในส่วนนี้พูดถึงตัวเพลงว่าทำออกมาได้ดี แต่ในส่วนที่เพลงถูกนำมาใช้บ่อยใช้ซ้ำจนคนดูเอียนรวมถึงพาลจะเกลียดนั้นยังคงน่าตำหนิ
อาจจะสรุปได้ว่าภาพยนตร์เรื่อง "หมวยจิ้นดิ้นก้องโลก" เป็นการทดลองนำเสนออะไรใหม่ที่ไม่ประสบความสำเร็จของผู้กำกับทั้งสองท่าน (พี่ยศ,พี่แบงค์) และวีไอพีเอนเตอร์เทนเมนท์ แต่สิ่งหนึ่งที่ตัวผมเองยอมรับและชื่นชมคือความกล้าของพี่ผู้กำกับทั้งสองและทางค่าย ทั้งในส่วนที่กล้าคิดกล้าทำและกล้ายอมรับในผลที่ตามมา เรื่องที่ผมเขียนนี้ผมเคยคุยกับพี่ยศ (ผู้กำกับ) แล้ว พี่ยศก็ยอมรับในข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นและไม่ท้อรวมถึงเปิดใจที่จะแก้ไขปรับปรุงให้ผลงานใหม่ดีขึ้นกว่าเดิม ผมยังพูดเล่นๆกับพี่เค้าเลยว่า "ถ้าเรื่องหน้ายับอีก พี่อาจจะต้องไปทำอย่างอื่นแล้วนะครับ"
แม้รู้ว่าหนังมันห่วยแล้วจะนำออกฉายเพื่ออะไร เสียงจากผู้ชมคือเสียงสวรรค์ที่จะคอยชี้บอกให้กับผู้ที่ทำงานในด้านนี้รู้ว่าหนังเรื่องนี้มันแย่ยังไง ทีมสร้างมีข้อผิดพลาดอะไรบ้าง และเราต้องพัฒนาในเรื่องอะไรอีก เมื่อหนังเสร็จสมบูรณ์ทิฐิทั้งหมดถูกวางลงโดยทีมผู้สร้างแล้ว คำติชมรวมถึงตัวเลขรายได้ที่สะท้อนกลับมาคือสิ่งที่มีค่ายิ่งกว่ารายได้
ในวันแรกที่ภาพยนตร์ถูกฉายน้ำตาผมคลอในขณะที่ผมลุกขึ้นยืนระหว่างที่เสียงเพลง "สรรเสริญพระบารมี" กำลังบรรเลง น้ำตาผมไหลด้วยความปิติเมื่อเห็นชื่อตัวเองบน Title Credit ครั้งแรก ก่อนที่ผมจะนั่งร้องไห้ฟูมฟายเสียใจเมื่อได้ชมภาพยนตร์ไปเรื่อยๆ เมื่อภาพยนตร์จบผมโล่งใจยิ้มให้กับชื่อของตัวเองและคนอื่นๆใน End Credit เพราะนี่คือผลงานที่ทุกคนยินดีจะรับผิดชอบร่วมกัน
ผมแปลกใจที่ได้อ่านบทความ
หนังดี ที่ไม่มีใครดู "หมวยจิ้นดิ้นก้องโลก" จากเพจ I Love Movie
ว่าถูกเขียนขึ้นเพื่ออะไร ถ้าถูกเขียนขึ้นเพื่อให้กำลังใจในฐานะทีมงานคนหนึ่งก็ยินดีรับครับ แต่ถ้าถูกเขียนขึ้นเพื่อเป็นไวรัลเพื่อสร้าง Contrast ทางอารมณ์ โปรโมทเพจตัวเอง ผมว่ามันก็ไม่ค่อยดีนะครับ
บทความนี้ผมเขียนขึ้นเพื่อเป็นกรณีศึกษาของภาพยนตร์ที่เจ๊งยับที่สุดเรื่องหนึ่งในรอบหลายปี และตัวผมก็มีส่วนร่วมในความรับผิดชอบด้วย
ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ.
ปล.ถ้าพี่แบงค์และพี่ยศ (ผู้กำกับ) และพี่แว่น (โปรดิวเซอร์) ได้อ่านคงเข้าใจนะครับว่าผม "ติเพื่อก่อ" จริงๆและไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร
เพราะเหตุใด 'หมวยจิ้นดิ้นก้องโลก' ถึงเป็นหนังไม่ทำเงิน กระทู้นี้มีคำตอบ
คนเขียนบทสะอื้น
จริงๆแล้วคิดอยู่นานเหมือนกันครับว่าจะเขียนเรื่องนี้ดีไหม?
แต่เมื่อลองอ่านบทความจากเพจ I love movies ซ้ำดูหลายๆรอบแล้วในฐานะที่เป็นคนหนึ่งที่มีส่วนร่วม(ไม่มาก)กับการสร้างภาพยนตร์เรื่อง "หมวยจิ้นดิ้นก้องโลก" อดใจไม่ไหวจริงๆที่จะขอเขียนถึง
ในตำแหน่งของคนเขียนบทร่วม ก่อนอื่นขอเรียนตามตรงกับทุกท่านว่าผมยอมรับว่าภาพยนตร์เรื่องนี้โดยรวมมันเห่ยจริง ๆ ครับ ที่มาเขียนอย่างนี้นี่ไม่ได้มีอะไรขัดแย้งรึมีผลประโยชน์ได้เสียเพิ่มเติมอะไรกับทางค่ายวีไอพีเอนเตอร์เทนเมนท์นะครับ โดยถ้าจะให้ผมจัดอันดับว่าภาพยนตร์ที่ห่วยที่สุดผมได้เข้าไปชมในโรงภาพยนตร์ในชีวิตคือเรื่องอะไร "หมวยจิ้นดิ้นก้องโลก"ติดหนึ่งในสามอันดับอย่างไม่ต้องคิดมากครับ
ถ้าว่ากันอย่างเป็นกลาง ในขณะที่ผมกำลังรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ในโรง ผมยังคิดเลยว่าถ้าผมเป็นนักดูหนังทั่วไปที่เสียเงินเข้ามาชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมก็คงถามตัวเองเหมือนกันว่า "ฉันเสียเงินเข้ามาทำอะไรที่นี่"
ถึงแม้จะเขียนออกมาในลักษณะนี้ แต่ผมก็ยังอยากให้ผู้ที่กำลังอ่านอยู่ทำความเข้าใจว่าคณะผู้จัดสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ผลิตมันออกมาด้วยความตั้งใจจริงๆนะครับโดยเฉพาะผู้กำกับทั้งสองท่าน แม้ว่าผลลัพธ์อาจจะออกมาไม่ดี แต่ทุกคนไม่เคยมีเจตนาทำงานแบบขอไปทีและดูถูกผู้ชมเลย
เริ่มแรกที่ได้รับงานภาพยนตร์เรื่องนี้ผมได้รับบทและโครงเรื่องจากพี่ยศหนึ่งในผู้กำกับของเรื่อง ยอมรับว่าโครงสร้างของเรื่องและวิธีการเล่าเรื่องที่ผมได้อ่านในร่างที่ได้รับมาครั้งแรกมันงงๆ ผมจึงเริ่มงานในฐานะคนแก้บท(Script Docter) ซึ่งเป็นตำแหน่งงานหนึ่งในสายงานภาพยนตร์ที่มีมานานแล้วแต่อาจจะไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในวงกว้างสักเท่าไหร่
วีไอพีเอนเตอร์เทนเมนท์ให้อิสระในการแก้บทของผมเรียกได้ว่าแทบจะเต็มที่ จนผมทำบทภาพยนตร์ออกมาจนเสร็จสมบูรณ์
บทในร่างที่แก้แล้วของผมอยู่ใน Genre ประเภท Drama โดยในขณะนั้นภาพยนตร์เรื่องนี้ยังใช้ชื่อว่า "สะดวกรัก สะดวกซื้อ" มีเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวร้านขายของชำเก่าแก่ครอบครัวหนึ่งในต่างจังหวัดที่กำลังอยู่ในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านของยุคสมัยที่ความเจริญ รวมถึงความสะดวกสบายได้เดินทางมาถึงในรูปแบบของร้านมินิมาร์ท (ในบทเป็นเซเว่น-อีเลฟเว่น) ซึ่งกำลังจะทำให้วิถีชีวิตเดิม ๆ ที่เคยเป็นของครอบครัวนี้เปลี่ยนไป
เรื่องย่อตามบท (ในร่างของผม) ได้เล่าถึงเรื่องราวของครอบครัว "ร้านเฮงฮวด" ที่ประกอบไปด้วยตัวละครหลัก "แปะไช้" เถ้าแก่รุ่นที่สองของร้าน "อ้า" ลูกชายคนโตของบ้านที่ทอดทิ้งกิจการของครอบครัวไปเดินตามความฝันของตนเองโดยการเข้าร่วมประกวดคอนเทสต์ร้องเพลงจนกลายเป้นนักร้องที่มีชื่อเสียง "หมวย" ลูกสาวที่รักกิจการของครอบครัวยิ่งชีพแต่มีภารกิจในการรักษาสัญญาให้กับเพื่อนสนิทผู้ล่วงลับในการเข้าประกวดเต้นโคเวอร์แดนซ์แทนเพื่อน "ตี๋เล็ก" ลูกชายคนเล็กผู้ตื่นเต้นกับการเดินทางมาถึงของร้านมินิมาร์ทที่เพิ่งเปิดใหม่ รวมถึงเรื่องของ "เต้น" เด็กหนุ่มที่หนีออกจากบ้านมาเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อในต่างจังหวัดและได้พบรักกับ "หมวย" ลูกร้านขายของชำที่ประกาศตัวเป็นศัตรูกับร้านมินิมาร์ท
ภาพรวมของภาพยนตร์ในร่างของผมจินตนาการว่าจะออกมาคล้ายๆกับภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่อง "Always"
เมื่องานของผมเสร็จบทถูกส่งให้กับพี่ยศ(ผู้กำกับ)พิจารณาและดำเนินการจัดสร้าง
โดยก่อนเปิดกล้องไม่นานพี่ยศบอกกับผมว่าจะเปลี่ยนชื่อภาพยนตร์เป็น "หมวยจิ้นดิ้นก้องโลก" และจะเปลี่ยนรูปแบบในการนำเสนอรวมถึงแก้ไขเพิ่มเติม
เค้าลางแห่งหายนะปรากฏขึ้นในความรู้สึกของผมแต่ผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนะครับ เพราะเหตุผลดังต่อไปนี้
1.งานของผมเสร็จแล้ว
2.ผมเคารพการตัดสินใจของผู้กำกับและเคารพในตัวผู้กำกับ
3.ผมไม่ใช่ผู้อำนวยการสร้างและไม่ใช่เจ้าของทุน
4.แอบอยากรู้เหมือนกันว่าถ้าเปลี่ยนแล้วภาพยนตร์จะออกมาในรูปแบบไหน
ความเปลี่ยนแปลงของภาพยนตร์โดยที่ผมสรุปเอาเองหลังจากนั้นน่าจะเป็นดังต่อไปนี้
1.เปลี่ยนแปลงโดยเอาใจตลาดภาพยนตร์ในประเทศมากขึ้น
เริ่มโดยเปลี่ยนไปในแนวทางที่น่าจะขายได้ คือเป็นภาพยนตร์ที่มีความตลกนำและมีความเหนือจริงจากจินตนาการของตัวละครเข้ามาผสมผสานกับเนื้อเรื่องมากขึ้น
2.ประเด็นที่เกี่ยวกับการสะท้อนสภาวะครอบครัวและสังคมถูกลดทอนให้เบาบางลง ขับเน้นเรื่องราวการเต้นของ "หมวย"ให้มากขึ้นจนกลายเป็นองค์ประกอบหลักในการนำเสนอ
3.โครงสร้างของบทยังเหมือนเดิมแต่ Genre ถูกแปรเปลี่ยนจาก Drama เป็นอภิมหา Comedy
ถ้าเปรียบเทียบบทภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเด็กสักคน เด็กคนนี้ได้ถูกผมดูแลในช่วงเวลาหนึ่งก่อนที่จะถูกนำกลับไปเลี้ยงใหม่ในรูปแบบที่ผู้กำกับอยากจะให้เค้าโตเป็นผู้ใหญ่ ในรูปแบบที่เค้าอยากให้เป็น
วันนี้หลายคนคงได้รู้จักกับเด็กคนนี้แล้วว่าเขาโตเป็นผู้ใหญ่แบบไหน
แม้ในภาพรวมที่แย่ของภาพยนตร์เรื่องนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็มีข้อดีอยู่บ้างในหลายองค์ประกอบ
1.ถ้าเปรียบเป็นอาหารก็นับว่าเป็นรสชาติที่แปลกใหม่ในตลาดภาพยนตร์ไทยปัจจุบัน ที่มีความแปลกใหม่จากตลาดที่กำลังขายแต่สินค้ารสชาติเดิมๆ แต่ก็ต้องยอมรับกันว่าทานยากและไม่อร่อย
2.ความพยายามในการทำภาพยนตร์ให้เสร็จจนฉายได้ในระบบโรงภาพยนตร์ปกติของค่ายใหม่ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่หลายคนเข้าใจ ต้องใช้ทุนและใช้เวลา โดยทุนสร้างรวมที่แท้จริงของภาพยนตร์เรื่องนี้หลายคนทราบแล้วอาจจะตกใจ
3.เป็นอุทาหรณ์ที่ดีสำหรับผู้ที่มีความใฝ่ฝันในการจะผลิตภาพยนตร์ รวมถึงเป็นอุทาหรณ์ที่ดีกับทีมงานผู้ผลิตภาพยนตร์เรื่องนี้ในการทำงานผลิตภาพยนตร์ต่อไปในอนาคต
4.มีการถ่ายทำที่ดีในหลายๆฉาก เอาจริงๆถ้ามองในเรื่องภาพตามความเห็นส่วนตัวของผมผู้กำกับภาพ ถ่ายทอดออกมาได้ดี
5.เห็นถึงความทุ่มเทและความสามารถในการแสดงของนักแสดง แม้ว่าในหลายฉากจะน่าสงสัยว่าผู้กำกับปล่อยผ่านมาได้ยังไง
6.ดนตรีประกอบ ในส่วนนี้พูดถึงตัวเพลงว่าทำออกมาได้ดี แต่ในส่วนที่เพลงถูกนำมาใช้บ่อยใช้ซ้ำจนคนดูเอียนรวมถึงพาลจะเกลียดนั้นยังคงน่าตำหนิ
อาจจะสรุปได้ว่าภาพยนตร์เรื่อง "หมวยจิ้นดิ้นก้องโลก" เป็นการทดลองนำเสนออะไรใหม่ที่ไม่ประสบความสำเร็จของผู้กำกับทั้งสองท่าน (พี่ยศ,พี่แบงค์) และวีไอพีเอนเตอร์เทนเมนท์ แต่สิ่งหนึ่งที่ตัวผมเองยอมรับและชื่นชมคือความกล้าของพี่ผู้กำกับทั้งสองและทางค่าย ทั้งในส่วนที่กล้าคิดกล้าทำและกล้ายอมรับในผลที่ตามมา เรื่องที่ผมเขียนนี้ผมเคยคุยกับพี่ยศ (ผู้กำกับ) แล้ว พี่ยศก็ยอมรับในข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นและไม่ท้อรวมถึงเปิดใจที่จะแก้ไขปรับปรุงให้ผลงานใหม่ดีขึ้นกว่าเดิม ผมยังพูดเล่นๆกับพี่เค้าเลยว่า "ถ้าเรื่องหน้ายับอีก พี่อาจจะต้องไปทำอย่างอื่นแล้วนะครับ"
แม้รู้ว่าหนังมันห่วยแล้วจะนำออกฉายเพื่ออะไร เสียงจากผู้ชมคือเสียงสวรรค์ที่จะคอยชี้บอกให้กับผู้ที่ทำงานในด้านนี้รู้ว่าหนังเรื่องนี้มันแย่ยังไง ทีมสร้างมีข้อผิดพลาดอะไรบ้าง และเราต้องพัฒนาในเรื่องอะไรอีก เมื่อหนังเสร็จสมบูรณ์ทิฐิทั้งหมดถูกวางลงโดยทีมผู้สร้างแล้ว คำติชมรวมถึงตัวเลขรายได้ที่สะท้อนกลับมาคือสิ่งที่มีค่ายิ่งกว่ารายได้
ในวันแรกที่ภาพยนตร์ถูกฉายน้ำตาผมคลอในขณะที่ผมลุกขึ้นยืนระหว่างที่เสียงเพลง "สรรเสริญพระบารมี" กำลังบรรเลง น้ำตาผมไหลด้วยความปิติเมื่อเห็นชื่อตัวเองบน Title Credit ครั้งแรก ก่อนที่ผมจะนั่งร้องไห้ฟูมฟายเสียใจเมื่อได้ชมภาพยนตร์ไปเรื่อยๆ เมื่อภาพยนตร์จบผมโล่งใจยิ้มให้กับชื่อของตัวเองและคนอื่นๆใน End Credit เพราะนี่คือผลงานที่ทุกคนยินดีจะรับผิดชอบร่วมกัน
ผมแปลกใจที่ได้อ่านบทความ
หนังดี ที่ไม่มีใครดู "หมวยจิ้นดิ้นก้องโลก" จากเพจ I Love Movie
ว่าถูกเขียนขึ้นเพื่ออะไร ถ้าถูกเขียนขึ้นเพื่อให้กำลังใจในฐานะทีมงานคนหนึ่งก็ยินดีรับครับ แต่ถ้าถูกเขียนขึ้นเพื่อเป็นไวรัลเพื่อสร้าง Contrast ทางอารมณ์ โปรโมทเพจตัวเอง ผมว่ามันก็ไม่ค่อยดีนะครับ
บทความนี้ผมเขียนขึ้นเพื่อเป็นกรณีศึกษาของภาพยนตร์ที่เจ๊งยับที่สุดเรื่องหนึ่งในรอบหลายปี และตัวผมก็มีส่วนร่วมในความรับผิดชอบด้วย
ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ.
ปล.ถ้าพี่แบงค์และพี่ยศ (ผู้กำกับ) และพี่แว่น (โปรดิวเซอร์) ได้อ่านคงเข้าใจนะครับว่าผม "ติเพื่อก่อ" จริงๆและไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร