โปรดทราบ : สังคมไทย กำลังป่วยเป็น 'มะเร็งระยะ 4'
ถ้าคนเป็นหมอ บอกว่า เราเป็น "มะเร็งระยะ 4" ย่อมหมายความว่าเรากำลังตกอยู่ในสภาพใกล้ตาย
ถ้าหมอท่านบอกว่า มาตรฐานจริยธรรมของสังคมไทย ตกอยู่ในสภาพเป็น “มะเร็งขั้นที่ 4” ย่อมมีความหมายร้ายแรงกว่า
เพราะแปลว่า มิใช่เราคนเดียวเท่านั้นที่ป่วยหนัก หากแต่ทั้งสังคมยังอยู่ในสภาพทรุดโทรมขั้นร้ายแรงแล้วจริงๆ
นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี ท่านเป็นทั้งหมอและนักสังคมวิทยา ท่านวิเคราะห์อาการป่วยของสังคมไทย เหมือนตรวจคนไข้ที่ท่านรู้จักคุ้นเคยและใกล้ชิด
ในวันที่ท่านปาฐกถาพิเศษเรื่อง "คุณธรรมจริยธรรมผู้บริหาร" เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตอนหนึ่งท่านบอกอย่างชัดถ้อยชัดคำ ว่า ขณะนี้สถานการณ์เรื่องการทุจริตของประเทศไทย เปรียบเหมือนเป็นมะเร็งระยะที่ 4 ซึ่งเป็นความเห็นที่คนไทยทุกวันนี้จำนวนไม่น้อย มีความเห็นสอดคล้องต้องกันว่าสถานภาพสังคมไทยเป็นเช่นนั้นจริง
ไม่เพียงแต่คนไข้ไม่ฟังหมอเท่านั้น แต่ยังมีอาการดื้อยามากขึ้นทุกวันอีกด้วย
แต่คุณหมอเกษมก็เหมือนคนไทยพวกเราทั้งหลาย นั่นคือ ถ้าป่วยคนเดียวก็เป็นเรื่องส่วนตัว แต่ถ้าประเทศชาติเข้าห้องไอซียู เป็นเรื่องที่ต้องหาทางออก ไม่อาจจะท้อถอยได้
ท่านองคมนตรีจึงบอกว่า คนไทยอย่าเพิ่งสิ้นหวัง เพราะหากว่าย้อนไปในอดีตเมื่อ 30-40 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยเคยเป็นเบอร์หนึ่ง แปลว่า หากเราร่วมไม้ร่วมมือกันจริงๆ ก็ยังสามารถฟื้นจากมะเร็งขั้นที่ 4 นี้ได้
ที่น่าเศร้าก็คือ ขณะนี้ประเทศไทยกลายเป็น “ตัวตลกอาเซียน” เห็นได้จากการจัดลำดับต่างๆ ที่ไทยจะอยู่ท้ายๆ แต่อะไรที่ชั่วๆ เรานำหมด ดังนั้น อย่าปล่อยให้โรคร้ายกินไปเรื่อยๆ
สิ่งที่ท่านเสนอว่า ต้องทำ 2 เรื่องเร่งด่วน คือ 1.ขจัดคอร์รัปชันให้เหลือน้อยที่สุด 2.ช่วยกันฉีดวัคซีนคุณธรรมให้เร็วที่สุด
หากว่าทำเช่นนั้นได้ ท่านเชื่อว่า ประเทศไทยฟื้นได้ จะผ่าตัด หรือให้ยา คีโมก็ต้องทำ เพื่อระงับมะเร็งร้าย ปัจจุบันสังคมไทยยอมคนรวยมากกว่าคนดี เกรงใจคนโกง อุปถัมภ์คนผิด มีการเปรียบเทียบว่าเป็นทุนสามานย์ที่จ้องเอาเปรียบ
คุณหมอเกษมบอกว่า "เราจึงต้องเปลี่ยนเป็นทุนนิยมคุณธรรม หมุนกงล้อความเสื่อมให้เป็นคุณธรรม ขอเชิญชวนผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ช่วยกันปลุกจิตสำนึกความเป็นชาติ ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีเพื่ออนาคตลูกหลาน ระบบตำรวจต้องเป็นกลาง เป็นที่พึ่งของประชาชน ไม่ใช่เครื่องมือนักการเมือง ซึ่งขณะนี้ลามไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอแล้ว อัยการต้องเชื่อถือได้ ยอมตายกับความศักดิ์สิทธิ์ ศาลก็มีความสำคัญมาก รวมทั้งสื่อมวลชนต้องมั่นคง ไม่ถูกซื้อ ที่สำคัญประเทศต้องมีฝ่ายค้านที่เก่ง เข้มแข็งถึงจะต่อต้านการทุจริตได้ ขอให้ทุกคนกตัญญูต่อแผ่นดินเกิด" นพ.เกษม กล่าว
ผมคิดว่า ท่านสรุปได้ชัดเจนและสะท้อนถึงความเป็นห่วงเป็นใยของคนไทยส่วนใหญ่ ได้อย่างดียิ่ง
ยิ่งความขัดแย้งสูงลิ่ว ผลประโยชน์การเมืองของกลุ่มตนมาก่อนผลประโยชน์ประเทศชาติ ก็ยิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่คนไทยจะต้องระดมสรรพกำลัง ที่จะเอาตัวเองออกจากห้องไอซียู ให้ได้
เพราะว่า...พวกเราแต่ละคนตายได้ แต่ประเทศไทยป่วยนานเกินไปไม่ได้ ลูกหลานจะสาปแช่งคนรุ่นนี้ว่า ปล่อยให้บ้านเมืองเป็นเช่นนี้ และส่งต่อไปให้พวกเขาได้อย่างไร?
http://bit.ly/1lZTxR3
โปรดทราบ : สังคมไทย กำลังป่วยเป็น 'มะเร็งระยะ 4'
ถ้าคนเป็นหมอ บอกว่า เราเป็น "มะเร็งระยะ 4" ย่อมหมายความว่าเรากำลังตกอยู่ในสภาพใกล้ตาย
ถ้าหมอท่านบอกว่า มาตรฐานจริยธรรมของสังคมไทย ตกอยู่ในสภาพเป็น “มะเร็งขั้นที่ 4” ย่อมมีความหมายร้ายแรงกว่า
เพราะแปลว่า มิใช่เราคนเดียวเท่านั้นที่ป่วยหนัก หากแต่ทั้งสังคมยังอยู่ในสภาพทรุดโทรมขั้นร้ายแรงแล้วจริงๆ
นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี ท่านเป็นทั้งหมอและนักสังคมวิทยา ท่านวิเคราะห์อาการป่วยของสังคมไทย เหมือนตรวจคนไข้ที่ท่านรู้จักคุ้นเคยและใกล้ชิด
ในวันที่ท่านปาฐกถาพิเศษเรื่อง "คุณธรรมจริยธรรมผู้บริหาร" เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตอนหนึ่งท่านบอกอย่างชัดถ้อยชัดคำ ว่า ขณะนี้สถานการณ์เรื่องการทุจริตของประเทศไทย เปรียบเหมือนเป็นมะเร็งระยะที่ 4 ซึ่งเป็นความเห็นที่คนไทยทุกวันนี้จำนวนไม่น้อย มีความเห็นสอดคล้องต้องกันว่าสถานภาพสังคมไทยเป็นเช่นนั้นจริง
ไม่เพียงแต่คนไข้ไม่ฟังหมอเท่านั้น แต่ยังมีอาการดื้อยามากขึ้นทุกวันอีกด้วย
แต่คุณหมอเกษมก็เหมือนคนไทยพวกเราทั้งหลาย นั่นคือ ถ้าป่วยคนเดียวก็เป็นเรื่องส่วนตัว แต่ถ้าประเทศชาติเข้าห้องไอซียู เป็นเรื่องที่ต้องหาทางออก ไม่อาจจะท้อถอยได้
ท่านองคมนตรีจึงบอกว่า คนไทยอย่าเพิ่งสิ้นหวัง เพราะหากว่าย้อนไปในอดีตเมื่อ 30-40 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยเคยเป็นเบอร์หนึ่ง แปลว่า หากเราร่วมไม้ร่วมมือกันจริงๆ ก็ยังสามารถฟื้นจากมะเร็งขั้นที่ 4 นี้ได้
ที่น่าเศร้าก็คือ ขณะนี้ประเทศไทยกลายเป็น “ตัวตลกอาเซียน” เห็นได้จากการจัดลำดับต่างๆ ที่ไทยจะอยู่ท้ายๆ แต่อะไรที่ชั่วๆ เรานำหมด ดังนั้น อย่าปล่อยให้โรคร้ายกินไปเรื่อยๆ
สิ่งที่ท่านเสนอว่า ต้องทำ 2 เรื่องเร่งด่วน คือ 1.ขจัดคอร์รัปชันให้เหลือน้อยที่สุด 2.ช่วยกันฉีดวัคซีนคุณธรรมให้เร็วที่สุด
หากว่าทำเช่นนั้นได้ ท่านเชื่อว่า ประเทศไทยฟื้นได้ จะผ่าตัด หรือให้ยา คีโมก็ต้องทำ เพื่อระงับมะเร็งร้าย ปัจจุบันสังคมไทยยอมคนรวยมากกว่าคนดี เกรงใจคนโกง อุปถัมภ์คนผิด มีการเปรียบเทียบว่าเป็นทุนสามานย์ที่จ้องเอาเปรียบ
คุณหมอเกษมบอกว่า "เราจึงต้องเปลี่ยนเป็นทุนนิยมคุณธรรม หมุนกงล้อความเสื่อมให้เป็นคุณธรรม ขอเชิญชวนผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ช่วยกันปลุกจิตสำนึกความเป็นชาติ ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีเพื่ออนาคตลูกหลาน ระบบตำรวจต้องเป็นกลาง เป็นที่พึ่งของประชาชน ไม่ใช่เครื่องมือนักการเมือง ซึ่งขณะนี้ลามไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอแล้ว อัยการต้องเชื่อถือได้ ยอมตายกับความศักดิ์สิทธิ์ ศาลก็มีความสำคัญมาก รวมทั้งสื่อมวลชนต้องมั่นคง ไม่ถูกซื้อ ที่สำคัญประเทศต้องมีฝ่ายค้านที่เก่ง เข้มแข็งถึงจะต่อต้านการทุจริตได้ ขอให้ทุกคนกตัญญูต่อแผ่นดินเกิด" นพ.เกษม กล่าว
ผมคิดว่า ท่านสรุปได้ชัดเจนและสะท้อนถึงความเป็นห่วงเป็นใยของคนไทยส่วนใหญ่ ได้อย่างดียิ่ง
ยิ่งความขัดแย้งสูงลิ่ว ผลประโยชน์การเมืองของกลุ่มตนมาก่อนผลประโยชน์ประเทศชาติ ก็ยิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่คนไทยจะต้องระดมสรรพกำลัง ที่จะเอาตัวเองออกจากห้องไอซียู ให้ได้
เพราะว่า...พวกเราแต่ละคนตายได้ แต่ประเทศไทยป่วยนานเกินไปไม่ได้ ลูกหลานจะสาปแช่งคนรุ่นนี้ว่า ปล่อยให้บ้านเมืองเป็นเช่นนี้ และส่งต่อไปให้พวกเขาได้อย่างไร?
http://bit.ly/1lZTxR3