สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 13
ขออนุญาตตอบครับ
เท่าที่อ่านมา ผมเจอปัญหาที่เป็นหลักๆเลย 3 จุดครับ คือ
1. คุณไปหยิบเครื่องนอนของคนจีนโดยพลการ
2. คุณซื้อตั๋วเด็กนอนรวมมา
3. พนักงานปฏิบัติตัวไม่สุภาพ
ไล่ตามข้อก่อนนะครับ
1. เครื่องนอนบนรถไฟนั้นจะประกอบด้วยผ้า 3 ชิ้นคือ ผ้าห่ม ปลอกหมอน และผ้าปูรองนอน และเซ็ตไว้ตามจำนวนที่นั่งในชั้นคือ 40 ที่ (ไม่มีเกิน)รวมเที่ยวไปและเที่ยวกลับ 80 ชุด ซึ่งกรณีนี้ถ้าหายพนักงานต้องรับผิดชอบเป็นรายชิ้น (ชิ้นละประมาณ 300 มั้งถ้าจำไม่ผิด) นั่นคือสาเหตุว่าทำไมต้องเก็บเตียงก่อนถึงปลายทางค่อนข้างนาน ซึ่งตรงนี้ต้องบอกว่าคุณผิดเต็มๆที่ไปหยิบของเตียงอื่นโดยพลการ (ซึ่งมันจะต่อกับข้อ2)
2. ประเด็นที่ว่าทำไมลูกคุณถึงไม่ได้ผ้าห่มหมอนมุ้ง นั่นเป็นเพราะว่า การที่คุณซื้อตั๋ว "เด็กนอนรวม" (จากคีย์เวิร์ด นอนหนุนแขนเตียงเดียวกัน)
คำว่า เด็ก มีการซื้อตั๋วได้ 2 แบบ คือ
2.1 เด็ก - ราคา 50% ของค่าโดยสาร + ค่าธรรมเนียมรถด่วนพิเศษ + ค่าธรรมเนียมแอร์ + ค่าธรรมเนียมเตียง จะได้สิทธิ์ที่นอนในตู้ และมี record การสำรองที่นั่ง
2.2 เด็กนอนรวม - ราคา 50% ของค่าโดยสาร + ค่าธรรมเนียมรถด่วนพิเศษ เด็กจะไม่ได้สิทธิ์เตียงและการrecord ที่นั่ง เพราะเป็นการนอน "เตียงร่วมกับผู้ปกครอง" เรียกง่ายๆคือไม่เอาที่น่ะแหละครับ ซึ่งเด็กนอนรวมจะเป็นการซื้อตั๋วเพื่อคุ้มครองการเดินทางของเด็กเท่านั้น แต่มิได้คุ้มครองสวัสดิการอื่นๆ เพราะไม่มีที่นั่งเป็นของตนเอง
3. พนักงานปฏิบัติงานไม่สุภาพ อันนี้ต้องขอพูดก่อนเลยว่า มันก็คงผิดทั้ง 2 ฝั่ง เพราะส่วนหนึ่งมันเกิดจากการที่คุณโวยวายด้วย สองคือทางเขาก็เกรงว่าของหายเขาต้องรับผิดชอบในส่วนที่ไม่ใช่ความผิดเขาด้วย แต่ถ้ามันไม่จบด้วยอะไรก็ตาม คือเราก็ไม่ได้อยู่บนรถไฟแต่มีอะไรที่มันเกิดขึ้นโดยที่คุณไม่ได้พิมพ์ลงมาหรือเปล่าเราก็ไม่รู้นะครับ (เลยไม่ขอพูดส่วนนี้)
แต่ถ้าให้ผมมองอีกในแง่ของการบริการ พนักงานก็ผิดครับ ผิดที่ใช้พฤติกรรมไม่เหมาะสมด้วย และวาจาไม่เหมาะสมด้วย แต่ถ้างั้นสามารถยื่นเรื่องเสนอแนะ (ผมไม่อยากให้ใช้คำว่าร้องเรียน เพราะมันเกิดต้นเหตุมาจากความผิดเล็กๆของคุณก่อน) ในเวปไซต์การรถไฟได้เลย หรือ ที่สถานีรถไฟทุกแห่ง ติดต่อนายสถานีเพื่อรับแบบฟอร์มเสนอแนะ/ร้องเรียนได้ครับ
ท้ายนี้ ผมอยากจะฝากผู้ใช้บริการหลายๆท่าน ในฐานะผู้ใช้บริการบ่อยๆคนหนึ่ง หากท่านจะร้องเรียนอะไรก็ตามแต่ บางทีเราเป็นผู้รับบริการ เราอย่ายึดติดกับคำว่าลูกค้าคือพระเจ้าจนเกินงาม คำนี้มันมีให้พนักงานเซอร์วิสเราดีที่สุด ไม่ใช่ไปกร่างกับเขาเพราะคำนี้ เพราะเท่าที่อ่านหลายๆกระทู้มา คอมเม้นพูดถึงรถไฟจะอารมณ์มาก และที่ร้ายที่สุดคือ "จำเรื่องราวผิดๆ หรือ คิดเองเออเองพร้อมตัดสินรถไฟไปแล้วว่าเค้าไม่ดี เค้าผิด เค้าเลว โดยที่เราไม่ได้รู้ข้อเท็จจริงเลย" (แอบเห็นเม้นนึงแล้วรู้สึกไม่ดีนะ) หรือแม้กระทั่งการเสียหน้าเพราะตัวเองตอนแรกโวยวาย แต่พอไปๆมาๆความผิดมันเริ่มจากตัวเองก็พยายามหาเรื่องอื่นต่อเพื่อไม่ให้เสียหน้า ผมว่ามันไม่ถูกไม่ควรครับ (อันนี้ผมไม่ได้ว่า จกขท.นะครับ แต่พูดถึงเคสร้องเรียนอื่นๆทั่วไปครับ)
ก็อยากให้ จขกท.นั่งรถไฟต่อไปอีกหลายๆครั้งน่ะครับ แค่จำเรื่องนี้ไว้เป็น case study หากลุกสาวโตกว่านี้ก็ให้นอนเตียงแยกไปเลย เพราะส่วนมากแล้วเด็กนอนรวม จะใช้กับเด็กทารก หรือเด็กเล็กที่ดูแลตัวเองไม่ได้ต้องอยู่ในความดูแลของผู้ปกครองน่ะครับ
หรือ หลังไมค์มาถามได้ครับเรื่องรถไฟ ยินดีตอบครับผม
ขอบคุณครับ
ปล.ขออภัยหาก paragraph สุดท้ายอาจทำให้ผู้อ่านภายหลังเกิดการหน้าชาจากที่เคยทำบ้าง แต่เราอยากให้ท่านลองลดทิฐิในการจะร้องเรียนจะร้องเรียนลงครับ ใจเย็นๆและค่อยคิดทบทวนเหตุการณ์ทั้งหมดก่อน แล้วจะเจอเหตุ,ผล,ข้อเท็จจริงของความโมโหนั้น และขอยืนยันว่าถึงจะเช้า แต่ข้าพเจ้ายังมีสติในการพิมพ์ทุกประการ
เท่าที่อ่านมา ผมเจอปัญหาที่เป็นหลักๆเลย 3 จุดครับ คือ
1. คุณไปหยิบเครื่องนอนของคนจีนโดยพลการ
2. คุณซื้อตั๋วเด็กนอนรวมมา
3. พนักงานปฏิบัติตัวไม่สุภาพ
ไล่ตามข้อก่อนนะครับ
1. เครื่องนอนบนรถไฟนั้นจะประกอบด้วยผ้า 3 ชิ้นคือ ผ้าห่ม ปลอกหมอน และผ้าปูรองนอน และเซ็ตไว้ตามจำนวนที่นั่งในชั้นคือ 40 ที่ (ไม่มีเกิน)รวมเที่ยวไปและเที่ยวกลับ 80 ชุด ซึ่งกรณีนี้ถ้าหายพนักงานต้องรับผิดชอบเป็นรายชิ้น (ชิ้นละประมาณ 300 มั้งถ้าจำไม่ผิด) นั่นคือสาเหตุว่าทำไมต้องเก็บเตียงก่อนถึงปลายทางค่อนข้างนาน ซึ่งตรงนี้ต้องบอกว่าคุณผิดเต็มๆที่ไปหยิบของเตียงอื่นโดยพลการ (ซึ่งมันจะต่อกับข้อ2)
2. ประเด็นที่ว่าทำไมลูกคุณถึงไม่ได้ผ้าห่มหมอนมุ้ง นั่นเป็นเพราะว่า การที่คุณซื้อตั๋ว "เด็กนอนรวม" (จากคีย์เวิร์ด นอนหนุนแขนเตียงเดียวกัน)
คำว่า เด็ก มีการซื้อตั๋วได้ 2 แบบ คือ
2.1 เด็ก - ราคา 50% ของค่าโดยสาร + ค่าธรรมเนียมรถด่วนพิเศษ + ค่าธรรมเนียมแอร์ + ค่าธรรมเนียมเตียง จะได้สิทธิ์ที่นอนในตู้ และมี record การสำรองที่นั่ง
2.2 เด็กนอนรวม - ราคา 50% ของค่าโดยสาร + ค่าธรรมเนียมรถด่วนพิเศษ เด็กจะไม่ได้สิทธิ์เตียงและการrecord ที่นั่ง เพราะเป็นการนอน "เตียงร่วมกับผู้ปกครอง" เรียกง่ายๆคือไม่เอาที่น่ะแหละครับ ซึ่งเด็กนอนรวมจะเป็นการซื้อตั๋วเพื่อคุ้มครองการเดินทางของเด็กเท่านั้น แต่มิได้คุ้มครองสวัสดิการอื่นๆ เพราะไม่มีที่นั่งเป็นของตนเอง
3. พนักงานปฏิบัติงานไม่สุภาพ อันนี้ต้องขอพูดก่อนเลยว่า มันก็คงผิดทั้ง 2 ฝั่ง เพราะส่วนหนึ่งมันเกิดจากการที่คุณโวยวายด้วย สองคือทางเขาก็เกรงว่าของหายเขาต้องรับผิดชอบในส่วนที่ไม่ใช่ความผิดเขาด้วย แต่ถ้ามันไม่จบด้วยอะไรก็ตาม คือเราก็ไม่ได้อยู่บนรถไฟแต่มีอะไรที่มันเกิดขึ้นโดยที่คุณไม่ได้พิมพ์ลงมาหรือเปล่าเราก็ไม่รู้นะครับ (เลยไม่ขอพูดส่วนนี้)
แต่ถ้าให้ผมมองอีกในแง่ของการบริการ พนักงานก็ผิดครับ ผิดที่ใช้พฤติกรรมไม่เหมาะสมด้วย และวาจาไม่เหมาะสมด้วย แต่ถ้างั้นสามารถยื่นเรื่องเสนอแนะ (ผมไม่อยากให้ใช้คำว่าร้องเรียน เพราะมันเกิดต้นเหตุมาจากความผิดเล็กๆของคุณก่อน) ในเวปไซต์การรถไฟได้เลย หรือ ที่สถานีรถไฟทุกแห่ง ติดต่อนายสถานีเพื่อรับแบบฟอร์มเสนอแนะ/ร้องเรียนได้ครับ
ท้ายนี้ ผมอยากจะฝากผู้ใช้บริการหลายๆท่าน ในฐานะผู้ใช้บริการบ่อยๆคนหนึ่ง หากท่านจะร้องเรียนอะไรก็ตามแต่ บางทีเราเป็นผู้รับบริการ เราอย่ายึดติดกับคำว่าลูกค้าคือพระเจ้าจนเกินงาม คำนี้มันมีให้พนักงานเซอร์วิสเราดีที่สุด ไม่ใช่ไปกร่างกับเขาเพราะคำนี้ เพราะเท่าที่อ่านหลายๆกระทู้มา คอมเม้นพูดถึงรถไฟจะอารมณ์มาก และที่ร้ายที่สุดคือ "จำเรื่องราวผิดๆ หรือ คิดเองเออเองพร้อมตัดสินรถไฟไปแล้วว่าเค้าไม่ดี เค้าผิด เค้าเลว โดยที่เราไม่ได้รู้ข้อเท็จจริงเลย" (แอบเห็นเม้นนึงแล้วรู้สึกไม่ดีนะ) หรือแม้กระทั่งการเสียหน้าเพราะตัวเองตอนแรกโวยวาย แต่พอไปๆมาๆความผิดมันเริ่มจากตัวเองก็พยายามหาเรื่องอื่นต่อเพื่อไม่ให้เสียหน้า ผมว่ามันไม่ถูกไม่ควรครับ (อันนี้ผมไม่ได้ว่า จกขท.นะครับ แต่พูดถึงเคสร้องเรียนอื่นๆทั่วไปครับ)
ก็อยากให้ จขกท.นั่งรถไฟต่อไปอีกหลายๆครั้งน่ะครับ แค่จำเรื่องนี้ไว้เป็น case study หากลุกสาวโตกว่านี้ก็ให้นอนเตียงแยกไปเลย เพราะส่วนมากแล้วเด็กนอนรวม จะใช้กับเด็กทารก หรือเด็กเล็กที่ดูแลตัวเองไม่ได้ต้องอยู่ในความดูแลของผู้ปกครองน่ะครับ
หรือ หลังไมค์มาถามได้ครับเรื่องรถไฟ ยินดีตอบครับผม
ขอบคุณครับ
ปล.ขออภัยหาก paragraph สุดท้ายอาจทำให้ผู้อ่านภายหลังเกิดการหน้าชาจากที่เคยทำบ้าง แต่เราอยากให้ท่านลองลดทิฐิในการจะร้องเรียนจะร้องเรียนลงครับ ใจเย็นๆและค่อยคิดทบทวนเหตุการณ์ทั้งหมดก่อน แล้วจะเจอเหตุ,ผล,ข้อเท็จจริงของความโมโหนั้น และขอยืนยันว่าถึงจะเช้า แต่ข้าพเจ้ายังมีสติในการพิมพ์ทุกประการ
แสดงความคิดเห็น
จนท.รฟท. ว่าผมเป็นขโมย ผมควรร้องเรียนหรือไม่
อ๋อด่าผมโวยวายเสียงดังแล้วบอกว่าจบ ลูกผมจะคิดยังไง ที่เห็นแบบนี้ แกเองก็ตกใจตื่นพ่อตัวเองโดนว่า โวยวายเสียงดัง ผมปวดร้าวมากคับกับประสบการณ์ครั้งนี้ อย่างแรกคือเมื่อผมผิดผมขอโทด ผมร้องของหมอนผ้าห่มอันใหม่ให้ผู้โดยสาร จนท บอกไม่มี มันพอดีจำนวน อย่างต่อมา ว่าผมเป็นขโมย ซึ่งแรงเกินไปผมรับไม่ได้ ทั้งยังโวยวายเสียงดังเหมือนจะประจานผมให้คนอื่นรับรู้ อย่างสุดท้าย ผมขอโทด ทั้ง จนท. ทั้งผุ้โดยสาร แต่ไม่มีประโยชน์ จนท. ยังคงด่าผมว่าผมต่อไป และไม่รับฟังเหตุผลผม ขออีกอย่าง เค้าบอกผมทำของเสียหายต้องเสียค่าซักเพิ่มแต่การพูดไม่ได่ให้ความรู้สึกว่าจะเก็บเงินผมแต่ให้ความรู้สึกเหยีดหยามและเหมือนผมทำสิ่งของเสียหาย ตอนนี้ผมอยู่บนรถไฟ ผมได้เบอร์ 1690 ผมจะโทรนะคับ หลังจากต้องแบ่งหมอนนอนกับลูก แต่เค้าก็เปิดม่านมาอีกครั้งพร้อมยื่นหมอนใบเดิมที่ผมยกให้ผู้โดยสารที่ผมไปเอาของเค้ามา ซึ่งผมก็กล่าวขอบคุณ แต่เรื่องนี้มันติดใจผมนอนต่อไม่ได้ ลูกผมก็ไม่ยอมหลับต่อ ผมควรแจ้งร้องเรียน หรือไม่ ??? ช่วยบอกผมที
โกรธมากคับ
ตอนนี้ใจเย็นขึ้นแล้ว แต่ยังคงติดใจ นอนไม่หลับ จะฟ้องดีไม่ฟ้องดี พนักงานก็ดูมีอายุแล้ว แต่ยังขาดการบริการที่ดี และเป็นคนพูดเสียงดังอยู่แล้ว ผมเห็นแกพูดเสียงดังบ่อยๆ
ผมตั้งกระทู้ขณะอยู่ในรถไฟ ขออภัยถ้าผิดพลาด