เลี้ยงลูกด้วยสัญชาตญาณ
ผู้เขียน สุวรรณาโชคประจักษ์ชัด (ผู้แปลหนังสือขายดี คุณคือครูคนแรกของลูก)
จำนวนหน้า 120 หน้า
สำนักพิมพ์ :สำนักพิมพ์บ้านภายใน
คำนิยมปกหลังหนังสือ:
หนังสือที่ดีที่สุดและง่ายที่สุด สำหรับการเป็นพ่อแม่ที่ดีงามบอกเล่าเรื่องราวที่พ่อแม่ควรทำ และอยู่ในวิสัยที่ลงมือทำได้ หนังสือเล่มนี้ช่วยให้คุณเป็นอิสระจาก ข้อมูลที่มากล้น หรือกรอบทฤษฎีหรือความเชื่อ แบบหนึ่งแบบใดช่วยให้คุณมีวิจารณญาณ ตื่นรู้ด้วยตัวเอง และมีความสุขทั้งคุณและลูก
"หนังสือเล่มนี้อ่านแล้ว สามารถจับต้องได้ สัญชาตญาณระหว่างพ่อ แม่ และลูกๆนั้นมหัศจรรย์มากค่ะ หมิวเชื่อว่า หนังสือเล่มนี้จะเป็นคู่มือการเลี้ยงลูกที่ดีและมีคุณค่าสำหรับลูกและตัวคุณเอง" - หมิว ลลิตา ปัญโญภาส (ศศิประภา)
"เลี้ยงลูกด้วยสัญชาตญาณเป็นคู่มือเลี้ยงลูกที่จะทำให้คุณเข้าใจรักและรักอย่างเข้าใจในตัวลูกของคุณ" - แทนคุณ จิตต์อิสระ
รูปแบบการนำเสนอ:
ตัวหนังสือโตดี อ่านแป๊บเดียวจบ มีการตั้งคำถามให้พ่อแม่ค่อยถามตัวเองชวนคิดไปในแต่ละหัวข้อ ชอบคำคมที่แสดงในหน้าคั่น
ความเห็นส่วนตัว:
มาได้อ่านหนังสือเล่มนี้ตอนที่ฮั่นเริ่มเข้าที่รุ่งอรุณมาระยะหนึ่งแล้วเพราะมีคุณครูแนะนำให้อ่านพอเห็นชื่อผู้เขียนก็จำได้ทันทีว่าผู้เขียนเป็นคนที่แปลหนังสือเรื่อง “คุณคือครูคนแรกของลูก” (เล่มนี้ไว้มารีวิวให้ฟังแต่ขอกลับไปอ่านอีกทีก่อนเพราะอ่านมานานมากตั้งแต่ตอนฮั่นเป็นเบบี้) คิดว่าถ้าได้อ่านหนังสือเล่มนี้ตั้งแต่ตอนลูกเพิ่งเกิด อาจจะไม่เข้าใจทั้งหมดแต่พอได้เห็นแนวทางในการดูแลและการเรียนการสอนของโรงเรียนประกอบกับเนื้อหาของหนังสือเลยทำเข้าใจประเด็นที่หนังสือเล่มนี้จะสื่อให้ฟังได้มากขึ้น นั้นก็คือการเลี้ยงดูลูกนั้น ทั้งหมดทั้งปวงอยู่ที่ตัวพ่อแม่พ่อแม่คือจุดเริ่มต้นในการสร้างเด็กตามที่เราต้องการ เป็นตัวอย่างที่ดีงามของลูกที่สำคัญโรงเรียนได้นำแนวทางมาใช้ในการดูแลลูกเรา คุณครูปฏิบัติกับลูกเหมือนพ่อแม่โรงเรียนเหมือนบ้าน อ่านแล้วก็เลยเกทอ กับแนวทางของโรงเรียน
ที่บอกว่าเข้าใจมากขึ้นเพราะเห็นตัวอย่างที่โรงเรียนก็เพราะหนังสือสื่อสารในเชิงให้คิด ประกอบการยกตัวอย่างโดยลำดับเรื่องราวเพื่อให้พ่อแม่ได้เข้าใจ เริ่มถึงตัวเด็กคืออะไรเด็กเรียนรู้อย่างไร ส่งต่อมาถึงเรื่องเเบบอย่างองค์รวมทั้งสี่มิติของมนุษย์ได้แก่ ความฉลาดทางร่างกาย อารมณ์ ความคิดและจิตสำนึก และอธิบายต่อในแต่ละมิติโดยผู้เขียนอธิบายแนวคิดกว้างๆ อาจจะไม่ได้ชัดเจนหรือมีรายละเอียดถึงขั้นที่ว่ามีตัวอย่างทุกเคส หรือทุกกรณีแต่ก็พอจะเข้าใจได้ไม่ยาก เพราะทุกเรื่องคือเรื่องพื้นฐานในชีวิตประจำวันของเราที่ผู้ใหญ่อย่างเราพ่อแม่อาจจะมองข้าม หรือละเลยไม่ได้ให้ความสำคัญ (เช่นการกินอาหาร การอยู่ร่วมกัน ฯลฯ) เหมือนเรื่องอื่นๆที่พ่อแม่ปัจจุบันนี้โฟกัสเหลือเกินอย่าง เช่น ให้ลูกเข้าโรงเรียนไหนดีๆ หรือมองหาของเล่นดีๆแพง ตามสมัยวัตถุนิยม
มีอยู่จุดหนึ่งที่แอบมีประเด็น จากชื่อหนังสือ “การเลี้ยงลูกด้วยสัญชาติญาณ”ตอนแรกนึกว่าเลี้ยงตามที่เราคิด แต่เนื้อหานั้น พยายามบอกให้ พ่อแม่ย้อนกลับไปดูตัวเองใน “เเบบอย่างองค์รวมทั้งสี่มิติของมนุษย์”ซึ่งมีผลต่อการดูแลและพัฒนาลูกและพ่อแม่ต้องปรับตัว เปลี่ยนแปลง เพื่อเป็นตัวอย่างและโค้ชที่ดีของลูกในแต่ละด้านผ่านการถ่ายทอดทั้งกาย วาจา และใจ ฉะนั้นแสดงว่า ใช้สัญชาติญาณล้วนๆไม่ได้นะ พ่อแม่ต้องเข้าใจรู้ตื่นและพัฒนาสัญชาติญาณตัวเองก่อนนะ อะไรประมาณนี้ไม่แน่ใจว่าเข้าใจถูกหรือเปล่า
“พ่อแม่สำคัญอย่างทดแทนกันไม่ได้”
เป็นประโยคคำคมจบท้ายหนังสือที่ชอบมาก และแสดงจุดยืนของหนังสือได้ดีเกี่ยวกับความเป็นพ่อแม่ ให้เรารู้สึกภูมิใจกับหน้าที่รับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่และไม่มีอะไรหรือใครทดแทนพ่อกับแม่ในใจลูกได้
ระดับความน่ามีไว้ครอบครอง
น่าอ่านค่ะ ควรมีไว้ติดบ้าน เหมาะสำหรับเด็กวัยอนุบาลขึ้นไปนะแต่แนวคิดเกี่ยวกับมิติทั้ง4 ก็ปรับใช้ได้กับทุกเพศทุกวัย
[CR] มือใหม่หัดรีวิวหนังสือสำหรับพ่อแม่ค่ะ "เลี้ยงลูกด้วยสัญชาตญาณ"
ผู้เขียน สุวรรณาโชคประจักษ์ชัด (ผู้แปลหนังสือขายดี คุณคือครูคนแรกของลูก)
จำนวนหน้า 120 หน้า
สำนักพิมพ์ :สำนักพิมพ์บ้านภายใน
คำนิยมปกหลังหนังสือ:
หนังสือที่ดีที่สุดและง่ายที่สุด สำหรับการเป็นพ่อแม่ที่ดีงามบอกเล่าเรื่องราวที่พ่อแม่ควรทำ และอยู่ในวิสัยที่ลงมือทำได้ หนังสือเล่มนี้ช่วยให้คุณเป็นอิสระจาก ข้อมูลที่มากล้น หรือกรอบทฤษฎีหรือความเชื่อ แบบหนึ่งแบบใดช่วยให้คุณมีวิจารณญาณ ตื่นรู้ด้วยตัวเอง และมีความสุขทั้งคุณและลูก
"หนังสือเล่มนี้อ่านแล้ว สามารถจับต้องได้ สัญชาตญาณระหว่างพ่อ แม่ และลูกๆนั้นมหัศจรรย์มากค่ะ หมิวเชื่อว่า หนังสือเล่มนี้จะเป็นคู่มือการเลี้ยงลูกที่ดีและมีคุณค่าสำหรับลูกและตัวคุณเอง" - หมิว ลลิตา ปัญโญภาส (ศศิประภา)
"เลี้ยงลูกด้วยสัญชาตญาณเป็นคู่มือเลี้ยงลูกที่จะทำให้คุณเข้าใจรักและรักอย่างเข้าใจในตัวลูกของคุณ" - แทนคุณ จิตต์อิสระ
รูปแบบการนำเสนอ:
ตัวหนังสือโตดี อ่านแป๊บเดียวจบ มีการตั้งคำถามให้พ่อแม่ค่อยถามตัวเองชวนคิดไปในแต่ละหัวข้อ ชอบคำคมที่แสดงในหน้าคั่น
ความเห็นส่วนตัว:
มาได้อ่านหนังสือเล่มนี้ตอนที่ฮั่นเริ่มเข้าที่รุ่งอรุณมาระยะหนึ่งแล้วเพราะมีคุณครูแนะนำให้อ่านพอเห็นชื่อผู้เขียนก็จำได้ทันทีว่าผู้เขียนเป็นคนที่แปลหนังสือเรื่อง “คุณคือครูคนแรกของลูก” (เล่มนี้ไว้มารีวิวให้ฟังแต่ขอกลับไปอ่านอีกทีก่อนเพราะอ่านมานานมากตั้งแต่ตอนฮั่นเป็นเบบี้) คิดว่าถ้าได้อ่านหนังสือเล่มนี้ตั้งแต่ตอนลูกเพิ่งเกิด อาจจะไม่เข้าใจทั้งหมดแต่พอได้เห็นแนวทางในการดูแลและการเรียนการสอนของโรงเรียนประกอบกับเนื้อหาของหนังสือเลยทำเข้าใจประเด็นที่หนังสือเล่มนี้จะสื่อให้ฟังได้มากขึ้น นั้นก็คือการเลี้ยงดูลูกนั้น ทั้งหมดทั้งปวงอยู่ที่ตัวพ่อแม่พ่อแม่คือจุดเริ่มต้นในการสร้างเด็กตามที่เราต้องการ เป็นตัวอย่างที่ดีงามของลูกที่สำคัญโรงเรียนได้นำแนวทางมาใช้ในการดูแลลูกเรา คุณครูปฏิบัติกับลูกเหมือนพ่อแม่โรงเรียนเหมือนบ้าน อ่านแล้วก็เลยเกทอ กับแนวทางของโรงเรียน
ที่บอกว่าเข้าใจมากขึ้นเพราะเห็นตัวอย่างที่โรงเรียนก็เพราะหนังสือสื่อสารในเชิงให้คิด ประกอบการยกตัวอย่างโดยลำดับเรื่องราวเพื่อให้พ่อแม่ได้เข้าใจ เริ่มถึงตัวเด็กคืออะไรเด็กเรียนรู้อย่างไร ส่งต่อมาถึงเรื่องเเบบอย่างองค์รวมทั้งสี่มิติของมนุษย์ได้แก่ ความฉลาดทางร่างกาย อารมณ์ ความคิดและจิตสำนึก และอธิบายต่อในแต่ละมิติโดยผู้เขียนอธิบายแนวคิดกว้างๆ อาจจะไม่ได้ชัดเจนหรือมีรายละเอียดถึงขั้นที่ว่ามีตัวอย่างทุกเคส หรือทุกกรณีแต่ก็พอจะเข้าใจได้ไม่ยาก เพราะทุกเรื่องคือเรื่องพื้นฐานในชีวิตประจำวันของเราที่ผู้ใหญ่อย่างเราพ่อแม่อาจจะมองข้าม หรือละเลยไม่ได้ให้ความสำคัญ (เช่นการกินอาหาร การอยู่ร่วมกัน ฯลฯ) เหมือนเรื่องอื่นๆที่พ่อแม่ปัจจุบันนี้โฟกัสเหลือเกินอย่าง เช่น ให้ลูกเข้าโรงเรียนไหนดีๆ หรือมองหาของเล่นดีๆแพง ตามสมัยวัตถุนิยม
มีอยู่จุดหนึ่งที่แอบมีประเด็น จากชื่อหนังสือ “การเลี้ยงลูกด้วยสัญชาติญาณ”ตอนแรกนึกว่าเลี้ยงตามที่เราคิด แต่เนื้อหานั้น พยายามบอกให้ พ่อแม่ย้อนกลับไปดูตัวเองใน “เเบบอย่างองค์รวมทั้งสี่มิติของมนุษย์”ซึ่งมีผลต่อการดูแลและพัฒนาลูกและพ่อแม่ต้องปรับตัว เปลี่ยนแปลง เพื่อเป็นตัวอย่างและโค้ชที่ดีของลูกในแต่ละด้านผ่านการถ่ายทอดทั้งกาย วาจา และใจ ฉะนั้นแสดงว่า ใช้สัญชาติญาณล้วนๆไม่ได้นะ พ่อแม่ต้องเข้าใจรู้ตื่นและพัฒนาสัญชาติญาณตัวเองก่อนนะ อะไรประมาณนี้ไม่แน่ใจว่าเข้าใจถูกหรือเปล่า
“พ่อแม่สำคัญอย่างทดแทนกันไม่ได้”
เป็นประโยคคำคมจบท้ายหนังสือที่ชอบมาก และแสดงจุดยืนของหนังสือได้ดีเกี่ยวกับความเป็นพ่อแม่ ให้เรารู้สึกภูมิใจกับหน้าที่รับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่และไม่มีอะไรหรือใครทดแทนพ่อกับแม่ในใจลูกได้
ระดับความน่ามีไว้ครอบครอง
น่าอ่านค่ะ ควรมีไว้ติดบ้าน เหมาะสำหรับเด็กวัยอนุบาลขึ้นไปนะแต่แนวคิดเกี่ยวกับมิติทั้ง4 ก็ปรับใช้ได้กับทุกเพศทุกวัย