ไม่เพียงแต่จะสร้างปัญหาปวดหัวระดับ 10 ให้กับผู้ใช้ตามบ้านอย่างเราๆ เท่านั้น สำหรับไวรัสคอมพิวเตอร์ แต่ทว่ามันยังเป็นคู่แค้นอันดับหนึ่งกับบริษัทที่อยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมซอฟท์แวร์แอนตี้ไวรัสด้วย ที่ไม่ว่าจะทำอย่างไร ปัญหาไวรัสก็ดูทีท่าว่าจะไม่หมดลงเสียที แถมดีกรีความแรงก็ยังเพิ่มขึ้นด้วย และนั่นก็ทำให้ Symantec บริษัทพัฒนาแอนตี้ไวรัสซอฟท์แวร์ชื่อดังที่โลดแล่นในวงการมากว่า 20 ปี ถึงกับออกโรงตีพิมพ์บทความถอดใจ โดยระบุว่า ซอฟท์แวร์แอนตี้ไวรัสกำลังจะเข้าสู่สภาวะกำลังจะตาย เนื่องจากวิธีการป้องกันในปัจจุบันนี้ไม่สามารถเอาชนะกับมัลแวร์ที่มีการโจมตีระดับสูงได้
Brian Dye รองประธานอาวุโสฝ่ายข้อมูลความปลอดภัย ประมาณการว่า มีเพียง 45% ของการโจมตีทางไซเบอร์เท่านั้นที่สามารถป้องกันได้ด้วยซอฟท์แวร์แอนตี้ไวรัส รวมถึงมันไม่ใช่ธุรกิจที่จะทำเงินได้อีกต่อไปแล้ว จึงทำให้ Symantec คิดค้นหาวิธีทางเลือกอื่นและขั้นตอนที่มีประสิทธิภาพแทน ด้วยการตั้งทีมงานใหม่ขึ้นมาเพื่อช่วยธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตี และภายในหกเดือน บริษัทก็จะเริ่มมีการนำเสนอการบรรยายพิเศษให้กับบริษัทที่ต้องการเรียนรู้ถึงสาเหตุของการโจมตี แทนการใช้ซอฟท์แวร์เพื่อป้องกันแบบดั้งเดิม
และด้วยรายได้ประมาณการที่ลดต่ำลง 5% จากปีก่อน Symantec คาดหวังว่า โซลูชั่นใหม่นี้จะสามารถควบคุมความเสียหายที่เกิดและกลับมาทำให้บริษัทรุ่งเรืองได้อีกครั้ง แต่อย่างไรก็ดี Dye ระบุว่า พวกเขายังไม่มีแพลนที่จะตัดหางโปรดักส์คู่บุญอย่าง Norton และอื่นๆ ทิ้ง ซึ่งทำเงินให้บริษัทถึง 40%
ที่มา TechSpot
Symantec เปลี่ยนใจหาโซลูชั่นอื่นป้องกันไวรัส แทนการทำซอฟท์แวร์แบบเดิม บอกมันกำลังจะ 'ตาย'
ไม่เพียงแต่จะสร้างปัญหาปวดหัวระดับ 10 ให้กับผู้ใช้ตามบ้านอย่างเราๆ เท่านั้น สำหรับไวรัสคอมพิวเตอร์ แต่ทว่ามันยังเป็นคู่แค้นอันดับหนึ่งกับบริษัทที่อยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมซอฟท์แวร์แอนตี้ไวรัสด้วย ที่ไม่ว่าจะทำอย่างไร ปัญหาไวรัสก็ดูทีท่าว่าจะไม่หมดลงเสียที แถมดีกรีความแรงก็ยังเพิ่มขึ้นด้วย และนั่นก็ทำให้ Symantec บริษัทพัฒนาแอนตี้ไวรัสซอฟท์แวร์ชื่อดังที่โลดแล่นในวงการมากว่า 20 ปี ถึงกับออกโรงตีพิมพ์บทความถอดใจ โดยระบุว่า ซอฟท์แวร์แอนตี้ไวรัสกำลังจะเข้าสู่สภาวะกำลังจะตาย เนื่องจากวิธีการป้องกันในปัจจุบันนี้ไม่สามารถเอาชนะกับมัลแวร์ที่มีการโจมตีระดับสูงได้
Brian Dye รองประธานอาวุโสฝ่ายข้อมูลความปลอดภัย ประมาณการว่า มีเพียง 45% ของการโจมตีทางไซเบอร์เท่านั้นที่สามารถป้องกันได้ด้วยซอฟท์แวร์แอนตี้ไวรัส รวมถึงมันไม่ใช่ธุรกิจที่จะทำเงินได้อีกต่อไปแล้ว จึงทำให้ Symantec คิดค้นหาวิธีทางเลือกอื่นและขั้นตอนที่มีประสิทธิภาพแทน ด้วยการตั้งทีมงานใหม่ขึ้นมาเพื่อช่วยธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตี และภายในหกเดือน บริษัทก็จะเริ่มมีการนำเสนอการบรรยายพิเศษให้กับบริษัทที่ต้องการเรียนรู้ถึงสาเหตุของการโจมตี แทนการใช้ซอฟท์แวร์เพื่อป้องกันแบบดั้งเดิม
และด้วยรายได้ประมาณการที่ลดต่ำลง 5% จากปีก่อน Symantec คาดหวังว่า โซลูชั่นใหม่นี้จะสามารถควบคุมความเสียหายที่เกิดและกลับมาทำให้บริษัทรุ่งเรืองได้อีกครั้ง แต่อย่างไรก็ดี Dye ระบุว่า พวกเขายังไม่มีแพลนที่จะตัดหางโปรดักส์คู่บุญอย่าง Norton และอื่นๆ ทิ้ง ซึ่งทำเงินให้บริษัทถึง 40%
ที่มา TechSpot