สวัสดีค่ะ กระทู้นี้เราตั้งใจสร้างขึ้นเพื่อ แชร์ประสบการณ์ การมาเรียนภาษาอังกฤษช่วงปิดเทอมที่อังกฤษ
สถานที่ต่างๆที่เราได้ไปเยือน ละวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่นี่ค่ะ
เข้ามาร่วมแชร์ประสบการณ์ หรือคุยกันได้นะคะ
เรามาเรียนที่นี่ (Eurospeak, Reading) โดยสมัครผ่านทางเอเจนซี่ค่ะ เพราะคิดว่าสะดวกที่สุด
ปกติวีซ่านักเรียนที่ได้จะอยู่ที่อังกฤษได้ถึง 6 เดือน แต่เราอยู่ได้แค่ 4 เดือนเอง เพราะต้องกลับไปเรียนต่อ

เรื่องเอกสารวีซ่า คอร์สเรียน โฮสแฟมิลี่ที่นี่ ทางเอเจนซี่เป็นคนดูแลทั้งหมดเลย
เรื่องกระเป๋าเดินทาง เราคิดว่าาเอามาเฉพาะจำเป็นจริงๆดีกว่า อย่างอื่นซื้อข้างหน้าได้สบายมาก
โดยเฉพาะเสื้อผ้าที่นี่ไม่แพงอย่างที่คิดค่ะ (ถ้าไม่ติดแบรนเนม)
**อย่าลืมตัวแปลงไฟฟ้านะคะ
เราเลือกบินกับป้าม่วง เป็นสายการบินตรง เพราะบินคนเดียวเลยไม่อยากแวะเปลี่ยนเครื่อง กลัวหลง แฮ่ๆ
เครื่องแลนด์ที่สนามบิน Heathrow โดนตม.ที่นี่ถามแค่ว่า มาทำอะไร นานเท่าไหร่ แค่นี้เอง
ละทางสถาบันที่เราไปเรียนมี จนท. มารับที่สนามบินไปส่งที่บ้านโฮสเลยค่ะ
อากาศที่นี่ ค่อนข้างเปลี่ยนแปลงบ่อยอย่างที่เรารู้กัน อาจมีถึง 3 ฤดูในวันเดียว (แดดจ้า ฝน หนาว)
เราเตรียมร่มพกคันน้อยๆมา แต่อันที่จริงมาซื้อเอาที่นี่ก็ได้ ไม่แพงมาก 3-4 ปอนด์ก็มี
ที่ประเทศอังกฤษ ในทุกๆเมืองจะมี Town Center จะเล็กหรือใหญ่ขึ้นอยู่กับขนาดของเมือง
Town Center ก็คือเมืองที่มี ห้าง ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ผับ โรงหนัง แต่ค่อนข้างปิดไว ไม่เหมือนบ้านเรา

ที่นี่ตกเย็นก็ปิดแล้ว สัก 6 โมงเย็นห้างร้านต่างๆก็ทยอยๆ ปิด
**ผับ Pub ที่นี่คือร้านนั่งดื่ม เปิดตั้งแต่กลางวัน มีอาหารขายเหมือนร้านอาหาร มีเบียร์สด เหล้า ไวน์ ขายด้วย
แต่จะไม่มีดนตรีดังๆเหมือนบ้านเรา อาจมีดนตรีคลอบ้าง เปิดทีวี หรือตู้เกม ตู้ slot
แต่ส่วนใหญ่จะเป็นสถานที่สำหรับนั่งคุยกันมากกว่า
**ถ้าจะเป็นสถานที่ที่เต้นได้ ที่นี่จะเรียกว่า ไนท์คลับ Night Club ค่ะ
อาหารการกินที่นี่ส่วนใหญ่ก็ fast food ทั่วๆไปแล้วแต่คนชอบเลยค่ะ
McDonald's, KFC, Subway, Burger King ฯลฯ
แต่ที่แปลกตาสำหรับเรา ละคิดว่าบ้านเราไม่จะมีก็น่าจะเป็นไก่ Nando's ค่ะ

Nando's จะเป็นไก่ย่าง เราสามารถเลือกซอสชนิดต่างๆสูตรพิเศษของทางร้าน ซึ่งมีหลายระดับความเผ็ดร้อน
อีกทั้ง wagamama ร้านอาหารญี่ปุ่นฟิวชั่นที่รสชาดไม่ถูกปากเราอย่างแรงค่ะ
แต่ร้าน fast food ที่เราชอบมากที่สุดเห็นจะเป็น PRET A MANGER (เพร็ท ตะ มัง เฌอ)

เมนูตามป้ายหน้าร้านเลยค่ะ ร้านนี้ทำสดใหม่ทุกวัน ราคาไม่สูง แถมรสชาดถูกปากมากค่ะ
แถมมีซูชิ ละก็ แวรปส์ (Wraps) ขายอีกด้วย ก็หลากหลายดีค่ะ
ส่วน supermarket ที่นี่ดังๆก็ TESCO, RiDL (ริเดิล), Sainsbury's, M&S (Marks & Spencer), Boots
แต่ที่เด็ดสุดก็คือ Pound World (Pound Land/Pound Shop)

สินค้าทุกอย่างในร้าน ราคาแค่ 1 ปอนด์ค่ะ คล้ายๆร้านทุกอย่าง 20 บาทที่บ้านเรา
มีสินค้าขายแทบทุกอย่างเลย
**หากซื้ออาหารแช่แข็งตาม supermarket ต่างๆ ต้องนำมาอุ่นที่บ้านเท่านั้น
ทาง supermarket จะไม่มี microwave บริการอุ่นให้เราค่ะ
ด้านของห้างสรรพสินค้า ตาม Town Center จะมี shop แบรนเนมต่างๆเพียบเลยค่ะ ช้อปสบาย
แต่ถ้าเป็นห้างดังๆของที่นี่ น่าจะ The Oracle ค่ะ คล้ายๆ ห้าง Central บ้านเราที่มีตามเมืองใหญ่ๆ
แต่ถ้า shop ที่เราโปรดปรานมากที่สุดคงจะเป็น Primark ค่ะ

เป็นสถานที่ที่ดูดพลัง วิญญาณ ละเงินเราไปเยอะเลยทีเดียว
ที่นี่ขายเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ ต่างๆ ในราคาถูก(มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ)
และจะเปลี่ยน collection บ่อยมากค่ะ คือซื้อกันได้ทุกๆ 2-3 อาทิตย์เลยทีเดียว
แถมมีห้องลองเสื้อผ้าบริการด้วยใน shop ค่ะ ไม่ถูกใจก็คืนได้ที่ counter หน้าห้องลองเสื้อเลยค่ะ
**การซื้อเสื้อผ้าที่นี่ ในหลายๆ shop ลูกค้าสามารถ return (คืน) exchange (เปลี่ยน) สินค้าได้ภายใน 14-28 วัน
แล้วแต่ shop แต่ต้องเก็บ receipt (ใบเสร็จ) ไว้ แต่ถ้ามี price tag (ป้ายราคา) ด้วยก็จะดีมาก
บางครั้งซื้อมาลองใส่แล้วไม่ชอบ หรือของไม่ดี เราก็สามารถเอาไปคืน แล้วรับ full refund (เงินคืนเต็มจำนวน) ได้เลยค่ะ
ซึ่ง(คนไทย)บางคน ซื้อมาใส่ไปเที่ยว ไปโน่นมานี่ แล้วก็เอาไปคืน กันบ่อยมาก (ทำแบบนี้ไม่ดีนะคะ)
**หากใครคิดว่าจะมาอยู่ที่นี่นานๆ ละจะอดอาหารไทย ถึงขั้นลงแดง อย่ากังวลไปเลยนะคะ
ที่นี่มีร้านอาหารไทยเยอะมาก (ราคาค่อนข้างสูง ประมาณ 17-25 ปอนด์ต่อ 1 มื้อ)
แต่คุณสามารถทำอาหารไทยทานเองได้ โดยซื้อวัตถุดิบ เครื่องแกงต่างๆ ได้ตามร้านจีน/แขกค่ะ
มาม่า ก็มีขาย เราซื้อมาม่าซองเล็กมาที่นี่ราคา 30 เพนซ์ค่ะ ก็ไม่ถึง 20 บาทไทยต่อหนึ่งซอง
ส่วนใครที่เป็น Big Fan โดนัท Krispy Kreme ที่นี่หาซื้อง่ายมากเลยค่ะ
อันนี้เราไปเจอเป็นตู้ขายแบบหยิบเองอยู่ใน TESCO ค่ะ ราคาก็พอๆกันกับบ้านเราเลย
ต่อไปคือเรื่องที่หลายๆคนกังวลคือ เครือข่ายโทรศัพท์หรือซิมการ์ดโทรศัพท์
เราเดินไปซื้อซิม (ฟรี) ที่ร้าน The carphone warehouse (มีอยู่ในทุกๆ Town Center)

แบบ Pay & Go แต่เราต้อง Top Up (เติมเงิน) เข้าไป แล้วแต่เรา แล้วให้ทางร้านใส่ซิมในโทรศัพท์ให้เราเลย
ตอนนั้นเรา Top Up ไป 10 ปอนด์ก่อน ละก็มีหลายเครือข่ายให้เราเลือก แต่เราใช้ O2 ค่ะ
ก็ Top Up เข้าไปก่อนละค่อยโทรเข้าไปที่ระบบเพื่อเลือกโปรโมชั่นอีกทีค่ะ
ตอนนี้เราใช้แบบเดือนละ 10 ปอนด์ เล่นเน็ตได้ 500MB โทรได้ 75 นาที และ 500 texts ค่ะ
** ร้านอื่นก็มีค่ะ แค่มีคำว่า phone ก็น่าจะมีซิมการ์ดขาย
เรื่อง Top Up เราก็ไปเติมเงินได้ตาม off licence หรือไม่ก็ supermarket ต่างๆที่มีสัญลักษณ์ Top Up ค่ะ
การเดินทางในประเทศอังกฤษเป็นอะไรที่สะดวกสะบายมาก ละทางที่สะดวกที่สุดคือรถไฟค่ะ
รถไฟที่นี่ค่อนข้างตรงเวลามาก เราสามารถเข้าไปเช็คตารางเวลารถไฟได้ที่
http://www.nationalrail.co.uk/ หรือจะโหลดแอพพลิเคชั่น (ฟรี) ชื่อ National Rail ติดมือถือไว้ได้เลยค่ะ
ในเว็บหรือแอพพลิเคชั่น จะบอกรายละเอียดรถไฟที่ค่อนข้างละเอียดมาก นอกจากบอกเวลารถไฟ
จะบอก Platform (ชานชาลา) ราคาตั๋วโดยสาร สถานีที่ผู้โดยสารจะต้องเปลี่ยนขบวนรถไฟ


รวมทั้งสถานีที่รถไฟ calling at (จอดรับส่งผู้โดยสาร)
การซื้อบัตรโดยสารรถไฟ ซื้อได้ที่ช่องจำหน่ายตั๋วถ้าเป็นสถานีรถไฟใหญ่ๆ หากเป็นสถานีรถไฟเล็กๆ
ซื้อตั๋วรถไฟได้ที่ตู้ขายตั๋วอัตโนมัติ ซึ่งบางที่ต้องใช้ credit/debit card หากไม่มี credit/debit card

ซื้อตั๋วบนรถไฟกับ พนง. ได้ค่ะ หรือถ้าไม่มี พนง. เดินมาขายตั๋ว ก็ซื้อที่ช่องจำหน่ายตั๋วสถานีปลายทางได้ค่ะ
ตั๋วรถไฟมีแบบ single (เที่ยวเดียว) และ return (ไปกลับ) ซึ่งแบบไปกลับจะถูกกว่ามาก
แถมยังมีตั๋วรายสัปดาห์ และรายเดือน สำหรับผู้ที่เดินทางบ่อย (ราคาถูกลงกว่าปกติ) อีกด้วย
**ถ้าซื้อตั๋ว group แบบ 3 คนขึ้นไป ราคาตั๋วจะถูกลงค่ะ
** ถ้าอยู่ที่ UK นานๆ ก็สมัครบัตร railcard เลยค่ะ ค่าบัตรราคา 30 ปอนด์ (ใช้รูปถ่ายด้วย)
สามารถซื้อตั๋วรถไฟได้ในราคา 1 ใน 3 ของราคาจริงค่ะ และสามารถสมัครได้ในเว็บไซต์ หรือสมัครที่สถานีรถไฟได้ค่ะ
ปล. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เชิญหลังไมค์ได้เลยนะคะ
ปล.2 เราเพิ่งมาที่นี่เดือนแรก อาจจะยังไม่ค่อยรู้อะไรเยอะ ถ้าใครมีอะไรเพิ่มเติม ตามสบายเลยนะคะ
>>> กระทู้หน้าจะมาเล่าเรื่องเรียน ละทริปไปเที่ยวนะคะ <<<
เรียนไป เที่ยวไป ใน England #1 >> ตื่นเมืองผู้ดี
สถานที่ต่างๆที่เราได้ไปเยือน ละวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่นี่ค่ะ
เข้ามาร่วมแชร์ประสบการณ์ หรือคุยกันได้นะคะ
เรามาเรียนที่นี่ (Eurospeak, Reading) โดยสมัครผ่านทางเอเจนซี่ค่ะ เพราะคิดว่าสะดวกที่สุด
ปกติวีซ่านักเรียนที่ได้จะอยู่ที่อังกฤษได้ถึง 6 เดือน แต่เราอยู่ได้แค่ 4 เดือนเอง เพราะต้องกลับไปเรียนต่อ
เรื่องเอกสารวีซ่า คอร์สเรียน โฮสแฟมิลี่ที่นี่ ทางเอเจนซี่เป็นคนดูแลทั้งหมดเลย
เรื่องกระเป๋าเดินทาง เราคิดว่าาเอามาเฉพาะจำเป็นจริงๆดีกว่า อย่างอื่นซื้อข้างหน้าได้สบายมาก
โดยเฉพาะเสื้อผ้าที่นี่ไม่แพงอย่างที่คิดค่ะ (ถ้าไม่ติดแบรนเนม)
**อย่าลืมตัวแปลงไฟฟ้านะคะ
เราเลือกบินกับป้าม่วง เป็นสายการบินตรง เพราะบินคนเดียวเลยไม่อยากแวะเปลี่ยนเครื่อง กลัวหลง แฮ่ๆ
เครื่องแลนด์ที่สนามบิน Heathrow โดนตม.ที่นี่ถามแค่ว่า มาทำอะไร นานเท่าไหร่ แค่นี้เอง
ละทางสถาบันที่เราไปเรียนมี จนท. มารับที่สนามบินไปส่งที่บ้านโฮสเลยค่ะ
อากาศที่นี่ ค่อนข้างเปลี่ยนแปลงบ่อยอย่างที่เรารู้กัน อาจมีถึง 3 ฤดูในวันเดียว (แดดจ้า ฝน หนาว)
เราเตรียมร่มพกคันน้อยๆมา แต่อันที่จริงมาซื้อเอาที่นี่ก็ได้ ไม่แพงมาก 3-4 ปอนด์ก็มี
ที่ประเทศอังกฤษ ในทุกๆเมืองจะมี Town Center จะเล็กหรือใหญ่ขึ้นอยู่กับขนาดของเมือง
Town Center ก็คือเมืองที่มี ห้าง ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ผับ โรงหนัง แต่ค่อนข้างปิดไว ไม่เหมือนบ้านเรา
ที่นี่ตกเย็นก็ปิดแล้ว สัก 6 โมงเย็นห้างร้านต่างๆก็ทยอยๆ ปิด
**ผับ Pub ที่นี่คือร้านนั่งดื่ม เปิดตั้งแต่กลางวัน มีอาหารขายเหมือนร้านอาหาร มีเบียร์สด เหล้า ไวน์ ขายด้วย
แต่จะไม่มีดนตรีดังๆเหมือนบ้านเรา อาจมีดนตรีคลอบ้าง เปิดทีวี หรือตู้เกม ตู้ slot
แต่ส่วนใหญ่จะเป็นสถานที่สำหรับนั่งคุยกันมากกว่า
**ถ้าจะเป็นสถานที่ที่เต้นได้ ที่นี่จะเรียกว่า ไนท์คลับ Night Club ค่ะ
อาหารการกินที่นี่ส่วนใหญ่ก็ fast food ทั่วๆไปแล้วแต่คนชอบเลยค่ะ
McDonald's, KFC, Subway, Burger King ฯลฯ
แต่ที่แปลกตาสำหรับเรา ละคิดว่าบ้านเราไม่จะมีก็น่าจะเป็นไก่ Nando's ค่ะ
Nando's จะเป็นไก่ย่าง เราสามารถเลือกซอสชนิดต่างๆสูตรพิเศษของทางร้าน ซึ่งมีหลายระดับความเผ็ดร้อน
อีกทั้ง wagamama ร้านอาหารญี่ปุ่นฟิวชั่นที่รสชาดไม่ถูกปากเราอย่างแรงค่ะ
แต่ร้าน fast food ที่เราชอบมากที่สุดเห็นจะเป็น PRET A MANGER (เพร็ท ตะ มัง เฌอ)
เมนูตามป้ายหน้าร้านเลยค่ะ ร้านนี้ทำสดใหม่ทุกวัน ราคาไม่สูง แถมรสชาดถูกปากมากค่ะ
แถมมีซูชิ ละก็ แวรปส์ (Wraps) ขายอีกด้วย ก็หลากหลายดีค่ะ
ส่วน supermarket ที่นี่ดังๆก็ TESCO, RiDL (ริเดิล), Sainsbury's, M&S (Marks & Spencer), Boots
แต่ที่เด็ดสุดก็คือ Pound World (Pound Land/Pound Shop)
สินค้าทุกอย่างในร้าน ราคาแค่ 1 ปอนด์ค่ะ คล้ายๆร้านทุกอย่าง 20 บาทที่บ้านเรา
มีสินค้าขายแทบทุกอย่างเลย
**หากซื้ออาหารแช่แข็งตาม supermarket ต่างๆ ต้องนำมาอุ่นที่บ้านเท่านั้น
ทาง supermarket จะไม่มี microwave บริการอุ่นให้เราค่ะ
ด้านของห้างสรรพสินค้า ตาม Town Center จะมี shop แบรนเนมต่างๆเพียบเลยค่ะ ช้อปสบาย
แต่ถ้าเป็นห้างดังๆของที่นี่ น่าจะ The Oracle ค่ะ คล้ายๆ ห้าง Central บ้านเราที่มีตามเมืองใหญ่ๆ
แต่ถ้า shop ที่เราโปรดปรานมากที่สุดคงจะเป็น Primark ค่ะ
เป็นสถานที่ที่ดูดพลัง วิญญาณ ละเงินเราไปเยอะเลยทีเดียว
ที่นี่ขายเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ ต่างๆ ในราคาถูก(มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ)
และจะเปลี่ยน collection บ่อยมากค่ะ คือซื้อกันได้ทุกๆ 2-3 อาทิตย์เลยทีเดียว
แถมมีห้องลองเสื้อผ้าบริการด้วยใน shop ค่ะ ไม่ถูกใจก็คืนได้ที่ counter หน้าห้องลองเสื้อเลยค่ะ
**การซื้อเสื้อผ้าที่นี่ ในหลายๆ shop ลูกค้าสามารถ return (คืน) exchange (เปลี่ยน) สินค้าได้ภายใน 14-28 วัน
แล้วแต่ shop แต่ต้องเก็บ receipt (ใบเสร็จ) ไว้ แต่ถ้ามี price tag (ป้ายราคา) ด้วยก็จะดีมาก
บางครั้งซื้อมาลองใส่แล้วไม่ชอบ หรือของไม่ดี เราก็สามารถเอาไปคืน แล้วรับ full refund (เงินคืนเต็มจำนวน) ได้เลยค่ะ
ซึ่ง(คนไทย)บางคน ซื้อมาใส่ไปเที่ยว ไปโน่นมานี่ แล้วก็เอาไปคืน กันบ่อยมาก (ทำแบบนี้ไม่ดีนะคะ)
**หากใครคิดว่าจะมาอยู่ที่นี่นานๆ ละจะอดอาหารไทย ถึงขั้นลงแดง อย่ากังวลไปเลยนะคะ
ที่นี่มีร้านอาหารไทยเยอะมาก (ราคาค่อนข้างสูง ประมาณ 17-25 ปอนด์ต่อ 1 มื้อ)
แต่คุณสามารถทำอาหารไทยทานเองได้ โดยซื้อวัตถุดิบ เครื่องแกงต่างๆ ได้ตามร้านจีน/แขกค่ะ
มาม่า ก็มีขาย เราซื้อมาม่าซองเล็กมาที่นี่ราคา 30 เพนซ์ค่ะ ก็ไม่ถึง 20 บาทไทยต่อหนึ่งซอง
ส่วนใครที่เป็น Big Fan โดนัท Krispy Kreme ที่นี่หาซื้อง่ายมากเลยค่ะ
อันนี้เราไปเจอเป็นตู้ขายแบบหยิบเองอยู่ใน TESCO ค่ะ ราคาก็พอๆกันกับบ้านเราเลย
ต่อไปคือเรื่องที่หลายๆคนกังวลคือ เครือข่ายโทรศัพท์หรือซิมการ์ดโทรศัพท์
เราเดินไปซื้อซิม (ฟรี) ที่ร้าน The carphone warehouse (มีอยู่ในทุกๆ Town Center)
แบบ Pay & Go แต่เราต้อง Top Up (เติมเงิน) เข้าไป แล้วแต่เรา แล้วให้ทางร้านใส่ซิมในโทรศัพท์ให้เราเลย
ตอนนั้นเรา Top Up ไป 10 ปอนด์ก่อน ละก็มีหลายเครือข่ายให้เราเลือก แต่เราใช้ O2 ค่ะ
ก็ Top Up เข้าไปก่อนละค่อยโทรเข้าไปที่ระบบเพื่อเลือกโปรโมชั่นอีกทีค่ะ
ตอนนี้เราใช้แบบเดือนละ 10 ปอนด์ เล่นเน็ตได้ 500MB โทรได้ 75 นาที และ 500 texts ค่ะ
** ร้านอื่นก็มีค่ะ แค่มีคำว่า phone ก็น่าจะมีซิมการ์ดขาย
เรื่อง Top Up เราก็ไปเติมเงินได้ตาม off licence หรือไม่ก็ supermarket ต่างๆที่มีสัญลักษณ์ Top Up ค่ะ
การเดินทางในประเทศอังกฤษเป็นอะไรที่สะดวกสะบายมาก ละทางที่สะดวกที่สุดคือรถไฟค่ะ
รถไฟที่นี่ค่อนข้างตรงเวลามาก เราสามารถเข้าไปเช็คตารางเวลารถไฟได้ที่
http://www.nationalrail.co.uk/ หรือจะโหลดแอพพลิเคชั่น (ฟรี) ชื่อ National Rail ติดมือถือไว้ได้เลยค่ะ
ในเว็บหรือแอพพลิเคชั่น จะบอกรายละเอียดรถไฟที่ค่อนข้างละเอียดมาก นอกจากบอกเวลารถไฟ
จะบอก Platform (ชานชาลา) ราคาตั๋วโดยสาร สถานีที่ผู้โดยสารจะต้องเปลี่ยนขบวนรถไฟ
รวมทั้งสถานีที่รถไฟ calling at (จอดรับส่งผู้โดยสาร)
การซื้อบัตรโดยสารรถไฟ ซื้อได้ที่ช่องจำหน่ายตั๋วถ้าเป็นสถานีรถไฟใหญ่ๆ หากเป็นสถานีรถไฟเล็กๆ
ซื้อตั๋วรถไฟได้ที่ตู้ขายตั๋วอัตโนมัติ ซึ่งบางที่ต้องใช้ credit/debit card หากไม่มี credit/debit card
ซื้อตั๋วบนรถไฟกับ พนง. ได้ค่ะ หรือถ้าไม่มี พนง. เดินมาขายตั๋ว ก็ซื้อที่ช่องจำหน่ายตั๋วสถานีปลายทางได้ค่ะ
ตั๋วรถไฟมีแบบ single (เที่ยวเดียว) และ return (ไปกลับ) ซึ่งแบบไปกลับจะถูกกว่ามาก
แถมยังมีตั๋วรายสัปดาห์ และรายเดือน สำหรับผู้ที่เดินทางบ่อย (ราคาถูกลงกว่าปกติ) อีกด้วย
**ถ้าซื้อตั๋ว group แบบ 3 คนขึ้นไป ราคาตั๋วจะถูกลงค่ะ
** ถ้าอยู่ที่ UK นานๆ ก็สมัครบัตร railcard เลยค่ะ ค่าบัตรราคา 30 ปอนด์ (ใช้รูปถ่ายด้วย)
สามารถซื้อตั๋วรถไฟได้ในราคา 1 ใน 3 ของราคาจริงค่ะ และสามารถสมัครได้ในเว็บไซต์ หรือสมัครที่สถานีรถไฟได้ค่ะ
ปล. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เชิญหลังไมค์ได้เลยนะคะ
ปล.2 เราเพิ่งมาที่นี่เดือนแรก อาจจะยังไม่ค่อยรู้อะไรเยอะ ถ้าใครมีอะไรเพิ่มเติม ตามสบายเลยนะคะ
>>> กระทู้หน้าจะมาเล่าเรื่องเรียน ละทริปไปเที่ยวนะคะ <<<