ลองเอาบทแรกของนิยายที่ผมแต่งลง Dek-D มาให้อ่านนะครับ
กดสปอยเพื่ออ่านเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้วงกลมแสงสีขาวโพลนสว่างจ้าฉายเข้าที่สู่ม้านตาของเด็กหนุ่ม พร้อมกับเสียง ติ๊ดๆๆ ที่ระรัวอยู่ข้างๆหูของเขา เขาเห็นคนใส่ชุดผ่าตัดสีเขียวพร้อมถุงมือกับผ้าปิดปากยืนล้อมรอบเขา
เขาเจ็บระบมไปทั่วทั้งตัว เสียง ติ๊ดๆๆ เริ่มรัวขึ้นเรื่อยๆในขณะที่เขากำลังกระวนกระวายไปด้วยความเจ็บปวดเขาไม่สามารถเปล่งเสียงใดๆออกมาได้ แม้ว่าเขาพยายามจะขยับร่างกายเพียงใดแต่ก็ไม่มีสิ่งใดตอบสนองต่อเขาเลยนอก จากความเจ็บปวด มันเป็นความเจ็บปวดที่เขารู้สึกได้จากทุกหนแห่งในร่างกลายตั้งแต่ปลายเท้าจวบจนถึงศีรษะ
แต่ว่าในขณะที่ความคิดที่กำลังดิ้นรนของเขากำลังแล่นพล้าน มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากชายคนหนึ่งที่กำลังยืนข้างๆในสายตาของเขา
“เขามีสติแล้ว!! เพิ่มยาสลบ!!”
ภาพเริ่มมืดลง สิ่งสุดท้ายที่เขารู้สึกคือความเจ็บปวด...
[สีขาว] เป็นสิ่งแรกที่เขาเห็นอีกครั้งแต่คราวนี้ไม่ใช่แสงเหมือนหลอดไฟนีออนที่ฉาย สาดส่องมาที่ใบหน้าแบบก่อนหน้านี้ มันคือสีของห้องที่เขาอยู่ มันคือ “ห้องโง่ๆ” หรือห้องที่ไร้หน้าต่างไร้ของตกแต่ง มีแค่ประตูสีขาวบานเดียว กับเตียงสีขาวที่เขากำลังนอนอยู่ เขาสะบัดผ้าห่มที่คลุมเขาอยู่ออก
เขาเห็นก็ตนเองอยู่ในแค่กางเกงนอนขายาวสีเขียวตัวเดียว ลำตัวของเขาผอมและฟิตกว่าที่ตัวเขาเองคิดว่าจะเป็นตนเอง เขามองมือตนเองก็ไร้รอยขีดข่วนใดๆเช่นเดียวกัน และเขาเอามือลูบไปบนหน้าของตนเอง ก็ไม่มีร่องรอยใดๆเช่นกันแต่ใบหน้าที่เขากำลังลูบอยู่นั้นก็ยังเป็นโครงหน้าเดิมของเขาอยู่
“ผมยังอยู่? เอ๋! เราพูดได้แล้ว!!”
ขณะที่เด็กหนุ่มลูบไปบนหัวของเขา แล้วก็ไม่มีสิ่งที่ยืนยันได้ว่าเขาได้รับการผ่าตัดใดๆทั้งนั้น เขาลุกจากเตียงแล้วค่อยๆเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ แต่ก็รู้สึกกับความประหลาดใจเมื่อเขาไม่รู้สึกความเจ็บปวดที่เคยได้รู้สึกก่อนหน้านี้
เขาหยุดอยู่ตรงหน้าประตู เขามองลูกบิดสีเงินที่ขัดมันจนแสงแทบจะสะท้อนเขาตาของเขา ลูกบิดที่มันเงาอย่างกับว่ามันไม่เคยถูกจับมาก่อน เขาจ้องมันอย่างใจจดใจจ่อไม่รู้ว่าตนเองนั้นถูกอนุญาตให้เปิดหรือเปล่า หรือว่าอะไรอยู่หลังประตูบานนี้กันแน่
ก็อก!! ก็อก!! ก็อก!!
“มีใครอยู่ในนั้นไหม?”
เสียงชายหนุ่มดังมาจากอีกฝั่งหนึ่งของประตู
“หา?”
เขาไม่กล้าที่จะตอบเสียงที่น่าสงสัยนั้น
“ฉันรู้ว่านายได้ยินน่า~ ตอบหน่อยซิ~”
ชายจากอีกฝั่งหนึ่งของประตู ลากเสียงลงท้ายประโยคได้น่ารำคานอย่างสยองๆ นั้นคือสิ่งที่เขาคิดอยู่ในหัวของเขา แต่มันทำให้ต้นเสียงนั้นน่าสงสัย จนเขาต้องตอบกลับไป
“นายเป็นใครน่ะ?”
“ฉันคือคนที่จะช่วยนายออกจากที่นี้ยังไงละ!!”
“ช่วย???”
โครม!!!
เกิดแรงกระแทกจนทำให้เขาล้มลงไป ทำให้หน้ามองเพดานแสงสีขาว และก็มีมือข้างหนึ่งยื่นมาตรงหน้าของเขา และเขายื่นมือตนเองเข้าไปจับตอบรับแล้ว ชายปริศนานั้นก็ช่วยพยุงตัวเขาขึ้นมา พอยืนขึ้นมาเขาเริ่มสังเกตชายปริศนาที่อยู่ตรงหน้าตนเอง เป็นชายหนุ่มใส่แว่นอายุราวๆวัยรุ่นพอๆกับเขาเอง มีผมสีน้ำเงินเข้มใต้หมวกสีดำของชุด รปภ. สีฟ้าและมีใบหน้าเรียวกว้างจนแทบจะคล้ายผู้หญิงโดยมืออีกข้างถือกระบองเหล็กแบบพับเก็บได้ และเขาก็ปล่อยมือ และพูดสั้นๆพร้อมเดินออกจากห้องไป
“ตามมา!! เรามีเวลาไม่มากแล้ว!!”
จากที่เห็นตัวเลือกในหัวที่มีอันน้อยนิด เด็กหนุ่มในชุดแค่กางกางคนป่วย ก็รีบออกจากห้องมา
ตุบ!!!
กำปั้นลอยเข้ามาที่กรามของเขาอย่างรุนแรงพอที่จะทำให้สามารถมึนงง รปภ. ปริศนาได้ยืนรออยู่ข้างประตูนี้แล้วรอเขาเดินออกมาเพื่อจู่โจมตั้งแต่แรก อยู่แล้วทันใดนั้น รปภ. คนนั้นก็จับตัวเขาก็เข่าเข้าใส่หน้าท้องของเขาเต็มๆ จนเด็กหนุ่มจุกและทรุดลงไปและเขาก็ถึง รปภ. ปริศนาแบกขึ้นหลังและ รปภ. คนนั้นก็พูด
“นายนี้หนักใช่ย่อยแฮะ”
“คุณจะทำอะไร??”
เด็กหนุ่มเริ่มกังวนอนาคตที่ริบหรี่ของตน
“เงียบๆหลับตาไว้แล้วพยายามอย่าหายใจแรงๆนะ เอาง่ายๆคือแกล้งทำเป็นตายซะ!!”
และเด็กหนุ่มก็ทำตามสิ่งที่ชายปริศนาพูดเขาหลับตาลงและทำตัวนิ่งๆ และฟังเสียงก้าวเดินของชายหนุ่มปริศนา
“นายอย่าทิ้งน้ำหนักตัวลงมามากสิ!!”
ชายคนนั้นบ่นไปขนาดที่เด็กหนุ่มคิดในหัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปและเสียงเดินก็หยุดลงและเขาก็ได้ยินเสียงคนคุยกันในความมืดมิดของสายตา
“นั้นนายแบกใครอยู่น่ะ”
“หนึ่งในคนที่พยายามหนี ชั้นก็เลยฟาดมันจนน็อคไปแล้วน่ะ”
“คนที่บุกรุกเข้ามา พยายามช่วยไอ้นี้หนีเหรอ?”
“ดูเหมือนว่ามันเป็นแค่ตัวล่อหลอกๆ เพราะว่าประตูห้องผู้ป่วยทุกห้องถูกระเบิดพร้อมกันหมดเลย พวกนายควรไปเช็คว่ามีใครคิดหนีอีกนะ”
“ก็ดี นายจะเอามันไปไหนนะ”
“เอาขึ้นไปข้างบนน่ะสิ”
“โอเค ผมไม่ยุ่งแล้วละ ท่าทางเหมือนนายกำลังเหนื่อยนะ รีบทำให้เสร็จละ”
เสียงก้าวเดินก็เริ่มขึ้นไม่ช้าและเสียงก็ได้หยุดลงอีกครั้ง
“เราอยู่ในลิฟต์แล้วละ”
เด็กหนุ่มลืมตาตอนนี้ลิฟต์หยุดอยู่ที่ชั้น B1 จากชั้นใต้ดินซึ่งมีมากมายถึง B7 เพราะว่าชายคนนั้นได้กดปุ่มหยุดลิฟต์ไว้ ชายหนุ่มนั้นได้วางเขาลงและพิงกำแพงด้วยเสียงหายใจหอบ แฮกๆ เด็กหนุ่มลุกขึ้นมาแล้วถาม
“เป็นอะไรมากไหม?”
“ฉันไม่ค่อยออกจากบ้านไปไหนมาไหนน่ะ เอานี้ไปใส่ซะ”
ชายหนุ่มถอดหมวกกระตุกเนคไทออกและเริ่มปลดกระดุมเสื้อที่ตนใส่
“นายจะทำบ้าอะไรน่ะ!!”
เด็กหนุ่มแทบจะใช้น้ำเสียงตะโกนใส่ขณะที่ชายปริศนาที่อยู่ตรงหน้ากำลังเปลื้องผ้า และเขาก็ได้ถอดชุดรปภ.ที่เขาใส่มาได้อย่างรวดเร็วทำให้ตัวเขานั้นเลยเพียง แค่กางเกงขาสั้นกับเสื้อยืด และเด็กหนุ่มได้แต่ยืนนิ่ง แล้วชายหนุ่มปริศนาก็พูด
“มัวทำอะไรอยูเล่า ใส่ชุดนั้นซะสิ”
“เออ.. คือว่าช่วยหันหลังไปหน่อยได้ไหม?”
“นายเป็นผู้หญิงรึไงเนี่ย!! ยังไงฉันก็ไม่ดูหรอกนะ เพราะฉันก็ต้องใส่ชุดตัวเองเหมือนกัน”
“หา?”
ชายปริศนานั้นสะบัดกระบองเหล็กและเคาะหลังคาลิฟต์จนช่องแอร์ที่อยู่เหนือหัวเปิดออก แล้วเขาก็เอาถุงบางอย่างมา เด็กหนุ่มเห็นเช่นนั้นจึงหันมาแต่งตัวตนเอง และทั้งคู่ก็คุยกันขณะกำลังแต่งตัว เด็กหนุ่มก็เลยถาม
“เกิดอะไรขึ้นกับผมกันน่ะ?”
“ฉันไม่มีเวลาอธิบายขนาดนั้นนะ เอาเป็นว่าที่นี้เป็นสถานที่ที่ชั่วร้ายมากแล้วเรากำลังจะออกไปจากที่นี้ยังไงละ”
“แล้วจะออกไปยังไงละ?”
“ฉันมีวิธีอยู่”
“ผมยังไม่ได้ถามเลยคุณชื่ออะไรนะ”
“ฉันมีโคเดเนมว่า โซระ”
“ผมอยู่ที่ประเทศไหนเนี่ย? ก่อนหน้านี้ผมยังอยู่ประเทศไทยอยู่เลยนะ!?”
“ญี่ปุ่นน่ะสิถามได้”
“ผมไม่เคยฟังภาษาอื่นนอกจากไทยออกเลยนะ ผมฟังนายรู้เรื่องได้ไงเนี่ย”
“นายกำลังพูดญี่ปุ่นอยู่นะ”
“จริงเหรอ?”
“ไม่ว่าพวกมันทำอะไรกับนายดูเหมือนว่ามันทำให้นายสามารถพูดและฟังภาษาไหนก็ได้นะ”
“ผมไม่รู้สิ?”
“ว่าไงนะ?”
“หมายถึงวิธีผูกเนคไทนี่น่ะสิ”
ทั้งคู่หันกลับมา โซระได้เห็นว่าเด็กหนุ่มกำลังผูกเนคไทของชุดรปภ.อย่างมั่วซั่วเขาเลยพูด
“ปล่อยเลย เดี่ยวฉันผูกให้”
ขณะที่เขากำลังผูกให้นั้น เด็กหนุ่มสังเกตว่าชุดที่โซระใส่นั้นเป็นแค่ชุดเสื้อโค้ทสีดำธรรมดาๆเท่านั้นเอง ขณะที่โซระกำลังผูกเนคไทให้เขานั้น เด็กหนุ่มก็เลยถาม
“แล้วจะเอายังไงต่อละ?”
“พอประตูลิฟต์เปิดออกให้นายตามฉันมาก็พอ”
โซระปล่อยมือจากคอเด็กหนุ่มมาขยับแว่นแล้วพูด
“พร้อมไหม?”
เด็กหนุ่มพยักหน้าแล้วโซระก็กดปุ่มลิฟต์
ครืน!! ตัวลิฟต์ส่งเสียงขณะที่เคลื่อนที่ ประตูลิฟต์ค่อยๆเลื่อนแยกตัวออกจากกัน
ผัวะ!!!
เด็กหนุ่มถูกถืบกระเด็นออกจากลิฟต์และประตูลิฟต์ก็ค่อยๆปิดลง เด็กหนุ่มรีบลุกขึ้นและพยายามกลับไปในลิฟต์อีกรอบ แต่ประตูของลิฟต์ก็ปิดสนิทก่อนที่เขาจะสามารถเข้าไปได้ เด็กหนุ่มได้แต่ตะโกนใส่ประตูลิฟต์
“ทำไมกันละ!?”
แต่ก็มีเสียงลอดออกมาจากประตูลิฟต์
“วิ่งไปที่ประตูหน้าซะ!!! ฉันมีธุระที่ทำต่อให้เสร็จ”
เด็กหนุ่มได้ยินเลยหันกลับมาและมองหาประตูหน้าที่โซระพูดถึง และเขาก็เจอมัน ประตูกระจกนั้นอยู่เพียงแค่ประมาณ 50 เมตรจากตรงหน้าลิฟต์และก็ไม่มีคนอยู่บริเวณโดยรอบเลยซักคนเด็กหนุ่มคงคิดว่า ยามรปภ.พวกนั้นคงเดินไปที่อื่นดังนั้นเขาจึงไม่รอช้า และรีบวิ่งไปไม่คิดชีวิตสู่ประตูหน้า
ตึง!!
เขาผลักประตูกระจกเต็มแรง เขารับกลิ่นอายแห่งบรรยากาศยามค่ำคืนที่หน้าโรงพยาบาทปริศนาแห่งนี้ โดยข้างหน้าโรงพยาบามเขาเห็นเป็นวงเวียนเล็กที่มีน้ำพุขนาดย่อมอยู่ตรงกลาง และเขามองไปเห็นทางเข้าข้างหน้าของโรงพยาบาล เขาก็ค่อยๆเดินไปในขณะที่ก้าวเดินไปข้างหน้า
เขาได้แต่ครุ่นคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ทำไมโซระถึงช่วยเขา? โซระมีธุระอะไรกันแน่? ที่สำคัญก็คือเขาโดนจับอะไรมาตั้งแต่แรก??อีกไม่กี่ก้าวก็กำลังจะออกพ้นประตูหน้า แต่ว่ากลับมีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น
เอียด!!!!
เสียงยางล้อรถเสียดสีกับพื้นถนนดังสนั่น ขณะกำลังหยุดขณะที่วิ่งอยู่ด้วยความเร็วสูงตรงหน้าเขา มันคือรถตู้หน่วยสวาทสีดำขนาดใหญ่เปล่งแสงสีเสียงออกมาเจิดจ้า จำนวน 4-5 คันเรียงรายมาจอดกันตรงหน้าโรงพยาบาล หรือพูดให้ถูกคือตรงหน้าของเขาและก็มีหน่วยสวาทใส่ชุดกันกระสุนกับหน้ากาก ไหมพรมลงมาจากรถพร้อมลากแถบพร้อมขาตั้งสีเหลืองมาขึงไว้เต็มทางเข้าและพวก เขาก็เดินเข้ามาหลายสิบคนมาหยุดอยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่ม และก็มีคนนึงเดินนำขึ้นมาแล้วพูด
“ผู้บุกรุกละ?”
“หา??”
เด็กหนุ่มได้แต่งงงวยกับหลายสิ่งเกิดขึ้นในวันนี้ และหน่วยสวาทคนนั้นก็ถามอีก
“ผู้บุกรุกที่แจ้งไปก่อนหน้านี้ยังอยู่ในตึกใช่ไหม?”
เด็กหนุ่มรีบคิดอย่างรวดเร็ว และพึ่งนึกขึ้นได้ว่าตนเองใส่ชุดของรปภ.ของตึกนี้อยู่ดังนั้นผู้บุกรุกที่ ว่านั้นก็คือ โซระ ผู้ที่พึ่งช่วยเขานั้นเอง!!
“ยะ..ยังอยู่ข้างใน”
“โอเค...”
หน่วยสวาทคนที่ถามเด็กหนุ่มนั้นก็ดึงหน้ากากไหมพรมออกจากหน้าตน และพูด
“ไปจับมันกันเถอะ!!!”
เด็กหนุ่มเห็นใบหน้าแล้วตะลึงเพราะเขาพึงเห็นใบหน้านี้เมื่อกี้นี้เอง ผมสีน้ำเงินใบหน้ากว้างจนแถบจะคล้ายผู้หญิง เพราะมันคือโซระ เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อได้แต่ถามคำถามสิ้นคิดไป
“คะ...คุณชื่อว่าอะไรนะ?”
“ฉันคือจ่าสิบโทอาโออิ หัวหน้าฝ่ายปราบปรามผู้ก่อการร้ายของกรมตำรวจโตเกียว”
เด็กหนุ่มจำใบหน้าของชายปริศนาที่นำเขาออกมาจากตึกได้จริงๆ แต่ว่าจะถ้าคนที่อยู่ตรงหน้าเขาว่าพึ่งเจอกันก็หน้านี้เขาคงถูกหาว่าเป็นบ้า ไปซะก่อนเด็กหนุ่มก็เลยต้องตามน้ำไปโดยทำตามคำสั่งของหัวหน้าหน่วยอาโออิ ซึ่งอาโออิก็ได้ถามก่อนเลยว่า
“นายน่ะชื่อว่าอะไรนะ?”
“ผมชื่อราตรี”
“ดีละราตรี!! นายตามหน่วยของเรามาและเดี่ยวช่วยระบุตัวคนร้ายให้ด้วยเข้าใจไหม?”
“คะ..ครับ”
เด็กหนุ่มคงคิดว่าตน คงยังไม่ได้ออกจากที่แห่งนี้ได้ง่ายๆในขณะที่เขาได้ก้าวเดินเข้าไปในตึกของโรงพยาบาลอีกรอบ…
To Be Continue…
ถ้ามีอะไรติเตียนหรือแนะนำก็บอกมาได้เลยเต็มที่ครับ ผมไม่ถืออะไรมากครับ
ช่วยวิจารณ์จุดที่ผมควรปรับปรุงในการแต่งนิยายหน่อยครับ
กดสปอยเพื่ออ่านเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ถ้ามีอะไรติเตียนหรือแนะนำก็บอกมาได้เลยเต็มที่ครับ ผมไม่ถืออะไรมากครับ