.. สืบเนื่องจากเมื่อสงกรานต์ที่ผ่านมา ต้องการเช่า pocket wifi เพื่อไปใช้ที่ญี่ปุ่น ตอนแรกพยายามหาจากผู้ให้บริการที่ไทยเพื่อที่จะได้รับ-คืนเครื่องที่ไทยเลยจะได้สะดวก แต่พยายามหาหลายเจ้ามากๆ แต่เครื่องเต็มทุกที่เลย เพราะช่วงสงกรานต์คนไทยไปเที่ยวกันเยอะ อีกอย่างเราไม่ได้จองล่วงหน้าด้วย ส่วนบางเจ้าที่มีเหลืออยู่ก็ราคาสูง หรือไม่ก็มีรุ่นที่มีความเร็วไม่มากเหลืออยู่ จึงลองหาจาก google ส่วนใหญ่ก็เป็นของที่ญี่ปุ่นเอง ต้องไปรับเครื่องที่ญี่ปุ่น ในเมื่อหาเครื่องที่ไทยไม่ได้แล้วจริงๆ เลยต้องลองเลือกใช้บริการ สุดท้ายไปเลือกของ Pupuru ค่ะ
.. Pupuru มีบริการ English support ผ่านทาง FB และ Skype ด้วยค่ะ ตอนแรกเราก็เข้าไปถามรายละเอียดกับ staff ผ่านทาง skype ก่อน ก็ได้รับการตอบรับเร็วมากค่ะ คุยกันจนตกลงปลงใจแล้วเราก็เข้าไปทำการจองเครื่อง ผ่านทาง website :
http://www.pupuru.com/en/service/emobile/
โดยรุ่นที่จองไปคือ [E-mobile] Pocket WiFi LTE GL06P สีดำด้านซ้ายค่ะ ค่าบริการ ก็ 400 JPํY / วัน เราเช่าไปทั้งหมด 11 วัน
ตัวอย่างการจอง
Step 1 : เลือกรุ่นที่ต้องการใช้งาน เลือกได้แล้วก็กด order ค่ะ จะมีฟอร์มให้เรากรอกดังนี้
** อันนี้เลือกแบบไม่ทำประกันเครื่องหาย และไม่เอาแบตสำรองค่ะ ก็จะไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม
กรอกข้อมูลส่วนตัว
เลือกวิธีการจัดส่ง
แบบที่ 1 : รับของที่ Airport จะจัดส่งไปที่สนามบินที่เราเดินทางไปถึง ไปรับเครื่องได้ที่ counter ที่สนามบินเลยค่ะ
- จะมี counter ให้เลือกรับได้ที่ NaritaTerminal1, NaritaTerminal2, Kansai, Chubu, Haneda ถ้านอกเหนือจากนี้ก็ต้องจัดส่งไปโรงแรมหรือที่อยู่
- กรอก Flight No. และเวลาที่เราเดินทางไปถึงค่ะ
- แล้วก็กรอกชื่อผู้รับของค่ะ
ราคารวมสำหรับการไปรับที่สนามบิน
Per-dim Fee : ค่าเช่าต่อวัน x จำนวนวันที่ใช้งาน
Basic Fee : อันนี้เหมือนเป็นค่าธรรมเนียมบังคับจ่าย
Airport receiving Fee : ค่าบริการจัดส่งที่สนามบิน
Basic receive&return : ค่าธรรมเนียมในการจัดส่ง
แบบที่ 2 คือ ให้จัดส่งไปที่โรงแรม หรือที่อยู่ ที่เราจะไปพักในญี่ปุ่นค่ะ
- จะมีช่วงเวลาในการจัดส่งให้เลือก ถ้าเลือกช่วงก่อน 10 โมงก็จะมีค่าบริการเพิ่มอีก 300 Yen ส่วนเวลาอื่นๆ ไม่ต้องจ่ายเพิ่มค่ะ
ราคารวมสำหรับการจัดส่งไปตามที่อยู่ในญี่ปุ่น และไม่เลือกทำประกัน ในระยะเวลา 11 วันก็จะอยู่ประมาณนี้ค่ะ
** สำหรับการจัดส่งไปที่ Hokkaido, Okinawa หรือพื้นที่ที่เป็นเกาะ จะมีค่าบริการเพิ่มอีก 500 yen
Step 2 : ชำระเงินผ่านบัตรเครดิต
- แนะนำว่าชื่อผู้รับและชื่อเจ้าของบัตรเครดิตควรจะเป็นคนเดียวกันนะค่ะ จะได้ไม่มีปัญหา
Step 3 : E-mail ยืนยันการจอง
- เสร็จแล้วจะมี auto send mail มาให้ประมาณนี้ค่ะ และจะขอให้เราส่ง passport ตอบกลับไป เมื่อส่งไปแล้วจะได้รับ email Confirm อีกครั้ง พร้อมหมายเลข ConfirmID เป็นอันเสร็จ รอรับเครื่องได้เลยค่ะ
การรับของและส่งของคืน
- เราเลือกให้จัดส่งไปที่โรงแรมที่พักที่ Sapporo วันแรกที่ไปถึง ก็ได้รับซองสีชมพูมาแบบนี้ค่ะ
- เปิดออกมาก็มีอุปกรณ์ตามนี้ เป็นกระเป๋าถือของ Pupuru ใส่ pocket wifi , สายชาร์ต แบบสั้น - ยาว , ปลั๊ก , คู่มือการใช้งาน , รหัสใช้งาน , ซองที่ใช้ในการจัดส่งคืน
- เมื่อครบกำหนดวันเช่า จะกลับแล้วก็แค่เอากระเป๋า Pupuru พร้อมอุปกรณ์ใส่ซองที่เค้าให้มาแต่แรก โดยซองที่ให้มาเค้าจะเขียนจ่าหน้าซองให้เราอยู่แล้วค่ะ เราก็เพียงแค่ส่งคืนกลับไป ก่อนปิดซองอย่าลืมปิดเครื่องก่อนนะค่ะ ถ้าส่งไปทั้งๆ ที่สัญญาณยังเปิดอยู่อาจโดนคิดค่าบริการย้อนหลังตามวันก่อนที่จะถึงบริษัทได้ค่ะ อย่าลืมเป็นอันขาด!!
- ใส่ซองเสร็จแล้วก็ หย่อนลงตู้ไปรษณีย์ได้ทุกที่ในญี่ปุ่นเลยค่ะ ไม่ต้องใส่กันกระแทกอะไรอีกค่ะ เพราะกระเป๋าที่ให้มาก็เพียงพอที่มันจะไม่กระทบกระเทือนตัวเครื่องแล้วนะค่ะ คืนเครื่องง่ายมว๊ากก
เป็นอันจบการบรรยายขั้นตอนการเช่า ไปจนถึงการจัดส่ง ที่นี้มาฟังวิจารณ์การใช้งานกันบ้าง
รีวิวการใช้งานจริงตลอดการเดินทาง
- เครื่องนี้ที่จริงใช้งานได้ถึง 10 คน ไม่มีดึงนะคะเค้าว่างั้นอะ แต่เราใช้งาน 2 คน ไม่มีปัญหาดึงเน็ทค่ะ
- อัพรูป , Checkin, เข้า FB , เล่น Line , Instragram ทุกอย่างที่เป็น social network ตลอดเวลา สัญญาณดีไม่มีตก รู้สึกได้ว่าเร็วกว่า hi-speed internet ที่บ้านอีก 555+
- มีบางทีที่สัญญาน low ช่วงตอนนั่งรถไฟไปแถบชนบทมากจริงๆ และตอนนั่ง shinkansen ก็อย่าไปอะไรมากค่ะ ขึ้นรถไฟก็นั่งหลับพักสายตาไปเถิดนะ
- แบตเตอรี่เครื่อง pocket wifi ชาร์ตเต็มไปตอนเช้าอยู่ได้นานเป็นวันค่ะ ถ้าจะให้ดีควรพก power bank ส่วนตัวไปด้วย ที่จริงไอ้ที่จะหมดก่อนคือแบตมือถือนั่นแหละ 555+
- pocket wifi อันเล็กเท่านามบัตร รักษามันเยี่ยง passport ของเรา เพราะถ้าหายจ่ายแพงอยู่นะ ถ้าเราเลือกแบบไม่ทำประกันอะ โปรดจงรักษามันดีๆ อย่าให้หาย อย่าให้ชำรุด ไม่งั้นจ่ายอ๊วกค่ะ
- ยิ่งเดินทางพร้อมกันหลายคนค่าเช่าหารกันก็ถูกลงไปอีก อุปกรณ์นี้ใช้งานได้พร้อมกัน 10 devices ค่ะ ลอง + - * / ดูค่ะ ไม่แพง คุ้มมากค่ะถ้าไปเที่ยวด้วยกันเป็นกลุ่ม
...จบการรีวิวการเช่า pocket wifi router จาก PUPURUWIFI เผื่อวันไหนไม่สามารถหาเครื่องเจ้าที่ไทย ที่สามารถรับและส่งเครื่องที่ไทยได้ หรือ ไม่ก็ลองเอาไปเปรียบเทียบค่าบริการกันดู .. ตอนนั้นเราก็หาข้อมูลการเช่าเครื่องที่ญี่ปุ่นซึ่งหาอ่านไม่ค่อยได้เลย ไม่ค่อยมีคนรีวิว เลยทำมาให้อ่านไว้เป็นข้อมูลแบ่งปันให้คนอื่น เอาไว้เป็นตัวเลือกหลักหรือสำรองถ้าเครื่องเต็มแล้วกันนะค่ะ
website :
http://www.pupuru.com/en/
facebook :
https://www.facebook.com/PUPURUWIFI
[CR] ประสบการณ์การเช่า Pocket Wifi ของ Pupuru โดย รับ - คืน เครื่องที่ญี่ปุ่นค่ะ
.. Pupuru มีบริการ English support ผ่านทาง FB และ Skype ด้วยค่ะ ตอนแรกเราก็เข้าไปถามรายละเอียดกับ staff ผ่านทาง skype ก่อน ก็ได้รับการตอบรับเร็วมากค่ะ คุยกันจนตกลงปลงใจแล้วเราก็เข้าไปทำการจองเครื่อง ผ่านทาง website : http://www.pupuru.com/en/service/emobile/
โดยรุ่นที่จองไปคือ [E-mobile] Pocket WiFi LTE GL06P สีดำด้านซ้ายค่ะ ค่าบริการ ก็ 400 JPํY / วัน เราเช่าไปทั้งหมด 11 วัน
ตัวอย่างการจอง
Step 1 : เลือกรุ่นที่ต้องการใช้งาน เลือกได้แล้วก็กด order ค่ะ จะมีฟอร์มให้เรากรอกดังนี้
** อันนี้เลือกแบบไม่ทำประกันเครื่องหาย และไม่เอาแบตสำรองค่ะ ก็จะไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม
กรอกข้อมูลส่วนตัว
เลือกวิธีการจัดส่ง
แบบที่ 1 : รับของที่ Airport จะจัดส่งไปที่สนามบินที่เราเดินทางไปถึง ไปรับเครื่องได้ที่ counter ที่สนามบินเลยค่ะ
- จะมี counter ให้เลือกรับได้ที่ NaritaTerminal1, NaritaTerminal2, Kansai, Chubu, Haneda ถ้านอกเหนือจากนี้ก็ต้องจัดส่งไปโรงแรมหรือที่อยู่
- กรอก Flight No. และเวลาที่เราเดินทางไปถึงค่ะ
- แล้วก็กรอกชื่อผู้รับของค่ะ
ราคารวมสำหรับการไปรับที่สนามบิน
Per-dim Fee : ค่าเช่าต่อวัน x จำนวนวันที่ใช้งาน
Basic Fee : อันนี้เหมือนเป็นค่าธรรมเนียมบังคับจ่าย
Airport receiving Fee : ค่าบริการจัดส่งที่สนามบิน
Basic receive&return : ค่าธรรมเนียมในการจัดส่ง
แบบที่ 2 คือ ให้จัดส่งไปที่โรงแรม หรือที่อยู่ ที่เราจะไปพักในญี่ปุ่นค่ะ
- จะมีช่วงเวลาในการจัดส่งให้เลือก ถ้าเลือกช่วงก่อน 10 โมงก็จะมีค่าบริการเพิ่มอีก 300 Yen ส่วนเวลาอื่นๆ ไม่ต้องจ่ายเพิ่มค่ะ
ราคารวมสำหรับการจัดส่งไปตามที่อยู่ในญี่ปุ่น และไม่เลือกทำประกัน ในระยะเวลา 11 วันก็จะอยู่ประมาณนี้ค่ะ
** สำหรับการจัดส่งไปที่ Hokkaido, Okinawa หรือพื้นที่ที่เป็นเกาะ จะมีค่าบริการเพิ่มอีก 500 yen
Step 2 : ชำระเงินผ่านบัตรเครดิต
- แนะนำว่าชื่อผู้รับและชื่อเจ้าของบัตรเครดิตควรจะเป็นคนเดียวกันนะค่ะ จะได้ไม่มีปัญหา
Step 3 : E-mail ยืนยันการจอง
- เสร็จแล้วจะมี auto send mail มาให้ประมาณนี้ค่ะ และจะขอให้เราส่ง passport ตอบกลับไป เมื่อส่งไปแล้วจะได้รับ email Confirm อีกครั้ง พร้อมหมายเลข ConfirmID เป็นอันเสร็จ รอรับเครื่องได้เลยค่ะ
การรับของและส่งของคืน
- เราเลือกให้จัดส่งไปที่โรงแรมที่พักที่ Sapporo วันแรกที่ไปถึง ก็ได้รับซองสีชมพูมาแบบนี้ค่ะ
- เปิดออกมาก็มีอุปกรณ์ตามนี้ เป็นกระเป๋าถือของ Pupuru ใส่ pocket wifi , สายชาร์ต แบบสั้น - ยาว , ปลั๊ก , คู่มือการใช้งาน , รหัสใช้งาน , ซองที่ใช้ในการจัดส่งคืน
- เมื่อครบกำหนดวันเช่า จะกลับแล้วก็แค่เอากระเป๋า Pupuru พร้อมอุปกรณ์ใส่ซองที่เค้าให้มาแต่แรก โดยซองที่ให้มาเค้าจะเขียนจ่าหน้าซองให้เราอยู่แล้วค่ะ เราก็เพียงแค่ส่งคืนกลับไป ก่อนปิดซองอย่าลืมปิดเครื่องก่อนนะค่ะ ถ้าส่งไปทั้งๆ ที่สัญญาณยังเปิดอยู่อาจโดนคิดค่าบริการย้อนหลังตามวันก่อนที่จะถึงบริษัทได้ค่ะ อย่าลืมเป็นอันขาด!!
- ใส่ซองเสร็จแล้วก็ หย่อนลงตู้ไปรษณีย์ได้ทุกที่ในญี่ปุ่นเลยค่ะ ไม่ต้องใส่กันกระแทกอะไรอีกค่ะ เพราะกระเป๋าที่ให้มาก็เพียงพอที่มันจะไม่กระทบกระเทือนตัวเครื่องแล้วนะค่ะ คืนเครื่องง่ายมว๊ากก
เป็นอันจบการบรรยายขั้นตอนการเช่า ไปจนถึงการจัดส่ง ที่นี้มาฟังวิจารณ์การใช้งานกันบ้าง
รีวิวการใช้งานจริงตลอดการเดินทาง
- เครื่องนี้ที่จริงใช้งานได้ถึง 10 คน ไม่มีดึงนะคะเค้าว่างั้นอะ แต่เราใช้งาน 2 คน ไม่มีปัญหาดึงเน็ทค่ะ
- อัพรูป , Checkin, เข้า FB , เล่น Line , Instragram ทุกอย่างที่เป็น social network ตลอดเวลา สัญญาณดีไม่มีตก รู้สึกได้ว่าเร็วกว่า hi-speed internet ที่บ้านอีก 555+
- มีบางทีที่สัญญาน low ช่วงตอนนั่งรถไฟไปแถบชนบทมากจริงๆ และตอนนั่ง shinkansen ก็อย่าไปอะไรมากค่ะ ขึ้นรถไฟก็นั่งหลับพักสายตาไปเถิดนะ
- แบตเตอรี่เครื่อง pocket wifi ชาร์ตเต็มไปตอนเช้าอยู่ได้นานเป็นวันค่ะ ถ้าจะให้ดีควรพก power bank ส่วนตัวไปด้วย ที่จริงไอ้ที่จะหมดก่อนคือแบตมือถือนั่นแหละ 555+
- pocket wifi อันเล็กเท่านามบัตร รักษามันเยี่ยง passport ของเรา เพราะถ้าหายจ่ายแพงอยู่นะ ถ้าเราเลือกแบบไม่ทำประกันอะ โปรดจงรักษามันดีๆ อย่าให้หาย อย่าให้ชำรุด ไม่งั้นจ่ายอ๊วกค่ะ
- ยิ่งเดินทางพร้อมกันหลายคนค่าเช่าหารกันก็ถูกลงไปอีก อุปกรณ์นี้ใช้งานได้พร้อมกัน 10 devices ค่ะ ลอง + - * / ดูค่ะ ไม่แพง คุ้มมากค่ะถ้าไปเที่ยวด้วยกันเป็นกลุ่ม
...จบการรีวิวการเช่า pocket wifi router จาก PUPURUWIFI เผื่อวันไหนไม่สามารถหาเครื่องเจ้าที่ไทย ที่สามารถรับและส่งเครื่องที่ไทยได้ หรือ ไม่ก็ลองเอาไปเปรียบเทียบค่าบริการกันดู .. ตอนนั้นเราก็หาข้อมูลการเช่าเครื่องที่ญี่ปุ่นซึ่งหาอ่านไม่ค่อยได้เลย ไม่ค่อยมีคนรีวิว เลยทำมาให้อ่านไว้เป็นข้อมูลแบ่งปันให้คนอื่น เอาไว้เป็นตัวเลือกหลักหรือสำรองถ้าเครื่องเต็มแล้วกันนะค่ะ
website : http://www.pupuru.com/en/
facebook : https://www.facebook.com/PUPURUWIFI