สวัสดีค้ะ ครอบครัวของนู๋มี 6 คน คือ พ่ออายุ 54/ แม่อายุ 54/พี่ส่าวอายุ24/พี่เขยอายุ 31/หลานชาย 4ขวบ/และนู๋เองค่ะ อายุ18 ลูกคนเล็ก
ก่อนอื่นต้องบอกว้าอาชีพของพ่อกับแม่คือการทำนา50กว่าไร่
ส่วนพี่สาวกะพี่เขยทำงานโรงงาน ส่วนหนูเรียนค้ะ ขึ้นปวส.1
ฐานะทางบ้านปี52 ถือว่าดีค้ะ พอมีพอกิน อยากกินอะไรก็ปืซื้อตามสบายค่ะ เริ่มสร้างบ้านใหม่กล่างปี52 สร้างเสร็จก็เกือบสิ้นปีพอดีค้ะ ปลูกบ้าน2ชั้น ข้างบนเปนไม้ล่างปูนค้ะ(บ้านเก่าเปนไม้ก็เรยเอาไม้มาทำชั้นบนค้ะ)เมื่อก่อนข้าวของไม่แพง ค่าใช้จ่ายต่างๆๆยังไม่เยอะ ปลูกบ้านเสร็จ 1 ล้าน 7 แสนบ้าน ค้ะแต่เงินในบัญชีมีแค่1ล้าน แม่ก็ยืนเพื่อนบ้าน 2แสนบาท แระนำโฉนดไปจำนองกับ ธกส 5 แสนบาท ก็พอมีทุนทำนาครั่งต่อไปช่วงนั้น ปุ๋ย ยา ไม่ค่อยใช้และราคาถูก มาถึงปี53 ประมาน 14 กุมภา พี่สาวแต่งงานก็ต้องใช้เงินจากทางบ้านเพิ่มอีก เพราะพี่เขยหรือเจ้าบ่าวยากจน ไม่มีพ่อแม่ นิสัยดุร้าย ให้เงินสินสอดแม่ไม่ครบ 1แสนบาท ทำให้ต้องจ่ายเงินเพิ่มไปอีก1แสนกว่าบาท (หนี้จาก ธกส เค้าให้กำหนด1ปีค้ะ) พอแต่งเสร็จ อยากไปขายผลไม้ตามที่ต่างๆ พ่อแม่กับเรยดาวน์กะบะ1คัน วางเงิน1แสนบาท ส่งเดือนละเกือบ1หมื่น ขายไม่กี่เดือนก็ประสบปัญหาน้ำท่วมบ้าน เรยเลิกขาย ท่วมประมาน2 เดือนครึ่ง พี่สาวก็ขิายสลัดผักหน้าโรงง่าน แม่ให้เงินไปส่งงวดรถ 1 แสนบาท แต่พี่สาวขายของไม่ได้กำไรเรยเอาเงินค่ารถไปใช้จ่ายหมดเรย โดยที่พ่อกับแม่ไม่รู้ เพิ่งมาบอกนู๋ตอนหลัง เพราะไปรษณีส่งเอกสารเค้าทวงทุกเดือน ให้เราช่วยโกหกพ่อแม่ให้ เราก็เรยยอมบาปที่จะโกหกว่าใบเสร็จค่ารถแต่ละเดือนอ่ะดิ เพราะถ้าพ่อรู้พ่อโมโห เตะ ต่อย ตบ ถ้าเกิดเรื่องแบบนิทำให้ครอบครัวไม่มีความสุข ก็เลิกขายมาอยู่บ้านบอกว่าขายไม่ดี ก็ทำขนมไทย ขายตามบ้าน ทำกับข้าว รับเนื้อหมู ส้มโอ มาขาย เปลี่ยนอาชีพไปเรื่อย มาปี55 กลางปี แถวบ้านเปิดโรงงานใหม่พี่สาวก็ไปทำ แต่พี่เขยไปเป็นลูกน้องเก็บเงินกู้ไม่กี่เดือนเลิกทำ ไปขับวินรถตู้อีกไม่กี่เดือนเลิก พี่สาวทำงานได้เดือนละ7พันถึง1หมื่นรวมกับพี่เขยก็ไม่ได้เท่ารัยเพราะต้องแอบจ่ายงวดรถบ้าง ค่านมค่าเสื้อผ้าลูก แพมเพิดอีกเดือนนึงเกือบ6พัน พอเลิกขับรถก็มาช่วยพ่อกับแม่ทำนา พ่อร่างกายไม่มีแรง แม่ผอมเปนโรคกะเพาะทะลุ 1ปีเมื่อก่อนทำนาได้2 ครั่ง ครั้งละ4เดือน เมื่อก่อนตีนาเองด้วยรถไถ ตึงประหยัดค่าทำนาโรคของข้าวก็ไม่ค่อยเป็น น้ำทำนาอุดมสมบูนดี เริ่มปี56พ่อกับแม่ใช้หนี้ ธกส หมดแร้ว เอาเงินที่เหลือใช่หนี้1แสนไปส่งค่ารถเพราะรู้ว่าพี่สาวทำงาน คนเดียวไม่มีเงินพอจ่ายงวดรถ พอกะทำนาครั้งต่อไปต้องไปจำนองที่ดินอีก 2แสนลงทุนทำนาไม่มีเงินสำรอง ใช่จ่ายรายเดือนมีค่าน้ำ 200 ค่าไฟ 9ร้อยกว่าๆ ค่าเน๊ตโทรศัพ 9ร้อยกว่าๆ เมื่อก่อนนู๋ขึ้นรถตู้รับส่งไปเรียนเดือน 750บาทค่ากินว่าละ100บาท หลังจากกู้มาทำนาเริ่มต้นก่อนทำนา ฉีดยาฆ่าหญ่ารอบนา 50กว่าไร่ ประมาน4พันบาท จ้างตีนาทั้งหมด ประมาน 2หมื่น5พัน จ้างลูบนาให้เรียบ หมื่น7พันกว่าๆ ซื้อข้าวปลู้ก 4หมื่นกว่าๆข้าว1เดือนใส่ปุ๋ย ปุ๋ยไปเชื่อมาประมาน3หมื่นกว่าๆ ว่านริอบแรก จ้างว่านข้าว ใช้ยาคุมฮอร์โมน แก้หนอน แก้เพลีย แก้หนูนา ยาใบแห้ง ยาเชื้อรา หว่านปุ๋ยรุ่นสองข้าว3เดือน รอเหลือง จ้างเกี่ยวข้าวราคาข้าวรัฐบาลให้จำนำในราคา15000บาทแต่เงินที่ขายไป10500 ชาวบ้านส่วนใหญ่ได้สูงสุด 10700บาท แม่บอกข้าวปีนิก็ดีทั้งระยะเวลาจำนำพอดี ได้เงินมา 4แสนกว่าๆ ใช้หนี้ ธกส 2แสน 3หมื่นบาท ค่าปุ๋ยที่เชื่อไว้ เกือบ4หมื่นรวมดอกเบี้ย ค่าเกี่ยวข้าว ค่าขนข้าว ทำให้เงินเหลือ1แสนกว่าๆ ใช้จ่ายรอการทำนา3เดือน เหลือเงิน2หมื่น จะทำนาไปกู้ใหม่ 2แสน ลงทุนทำนาเหมือนเดิม เชื่อปุ๋ยอีก4หมื่น ยาต่างๆๆก็ขึ้นราคาตั้งแต่กล่งปี55 แต่ราคาข้าวที่จำนำกับรัฐบาลก็เหมือนเดิมแต่กำหนดเวลารับให้สั้นลงและกำหนดการรับจำนำด้วย ซึ่งทำให้การทำนาขาดทุน เช่น นา7ไร่ ต้องเข้าโครงการรับจำนำ 3เกวียนนิดๆๆ ถ้าเราโชคดี นา7ไร่ได้5เกวียนก็ไปเข้าจำนำตาที่กำหนดคือ 3เกวียนละ 17000 ส่วนข้าวที่เหลือก็ขายให้โรงสีซึ่งห้ 5พันบาท ต้นทุนในการทำนาแต่ละครั้ง ปุ๋ยกะพันข้าวเกือบ1แสน ค่าหว่านปุ๋ยหว่านข้าว ตีนา ลูบนา เกี่ยวข้าว ขนข้าวเห็นชาวนาได้เงินค่าจำนำในราคาสูง ทำให้ทุกอย่างขึ้นราคาเปนเท่าตัว ครั้งนิได้เงิน3แสน2หมื่นใช้หนี้ต่างๆก็หมดโดยแต่ละครั้งไม่รู้เรยว่าขาดทุน
รือได้กำไร ตอนนิ57ยังไม่ได้มีกำหนดทำนาเรย น้ำไม่มีที่จะทำกรมชลประทานให้รอน้ำฝนค่อยทำ นิเดือน5แร้วยังไม่ได้ทำเรยปีนิคงได้ทำปีละครั้ง ก่อนปี57ได้ขายข้าวรุ่นสุดท้ายไม่ทันจำนำ ขายโรงสี5พัน2ร้อย ตอนนิเปนหนี้ ธกส 2 แสนบาทยังไม่ได้จ่ายเค้าเลื่อนจ่ายดอก6เดือน ถ้าจะทำนาครั้งต่อไปเงินที่กินไปวันๆๆก็หมดแร้ว ค่าเทอมปวส.นู๋ 17000บ่าท ไท่รวมเสื้อผ้าอีกเงินลงทุนที่จะรอทำนาน้ำฝนก็ไม่มี หนี้ก็ยังไม่จ่าย แม่เปนคนคิดมากนอนไม่หลับผอมซูบลงนน.41โล สูง 145 เราก็หารายได้เสริมอยู่แร้วตอนเช้าแม่ไปเก็บผักบุ้งมาเยอะๆๆ ให้เรามัดยาง มัดละ20ต้น บ่างวันได้20-30มัด เอาไปขายให้แม่ค้า กำละ2บาท รับจ้างทำปลาคือ ปลาตายเยอะๆๆ 30 โลที่แม่ค้าเหลือจากขายไม่หมด จ้างทำโลละ5บาท จาก30โลทำเสร็ดเหลือ11 โล ยังมี1อาชีพแม่ไปสอยมะขามเทศมาเยอะๆๆ ลูกๆก็ช่วยกันแกะเม็ดออกขายโลละ30บาทได้5โล งานเสริมไม่มีทำอีกแร้วน้ำแห้งผักบุ้งตาย ปลาก็ไม่มี มะขามเทศก็เหี่ยวหมดขายไม่ได้ ช่วยนิว่างงาน คือนู๋อายุ18ช่วงปิดเทอมไปหางานทำมาแร้วหล่ายๆๆที่เค้าไม่รับ เพีราะอ้วน ก็เรยอยุ่บ้าน นอนร้องไห้ทุกคืน สวดมนต์ภาวนาให้ครอบครัวมีเงินใช้หนี้หมดไวไว จะทำให้ทุกคนหายเครียด ถามว่านู๋เสียใจไหม ถึงนู๋อายุแค่18 แต่นู๋ไม่รู้จะหาทางทำอย่างไง จะเลิกเรียนแม่บอกแม่จบป.4 ทำงานที่ไหนไม่ได้ไม่มีความรู้ เศร้าค่ะ ทุกวันนิทำตัวเปนเด็กดีช่วยทำงานบ้านทุกวัน อยู่แต่บ้าน ไม่ออกไปให้พ่อแม่กังวล นู๋คิดว่าทำดีที่สุดแร้ว มีแต่คนถามกันว่าถ้าข้าวยังราคาแบบนิ เราจะทำอะไรกันกิน(ไม่เกี่ยวการเมือง) ทุกวันนิพยายามสอนหลานให้กินข้าวทุกเม็ด บอกว่าเพื่อวันใดเราไม่มีเงิน คงต้องกินดินแร้วล่ะหลาน หลาน4ขวบแร้ว ขอแค่พื้นที่เล็กๆๆระบายความในใจที่เก็บมานาน ปลอบพ่อกะแม่ทุกวันว่าสักวันเราต้องดีขึ้น แต่นู๋ต้องกลับมานอนคิดมาก ร้องไห้ไม่ให้ใครเห็น อดทนๆๆๆ เท่านั้นจิงๆ ขอบคุณค้ะ
ปัญหาครอบครัวไม่มีทางแก้ค้ะ
ก่อนอื่นต้องบอกว้าอาชีพของพ่อกับแม่คือการทำนา50กว่าไร่
ส่วนพี่สาวกะพี่เขยทำงานโรงงาน ส่วนหนูเรียนค้ะ ขึ้นปวส.1
ฐานะทางบ้านปี52 ถือว่าดีค้ะ พอมีพอกิน อยากกินอะไรก็ปืซื้อตามสบายค่ะ เริ่มสร้างบ้านใหม่กล่างปี52 สร้างเสร็จก็เกือบสิ้นปีพอดีค้ะ ปลูกบ้าน2ชั้น ข้างบนเปนไม้ล่างปูนค้ะ(บ้านเก่าเปนไม้ก็เรยเอาไม้มาทำชั้นบนค้ะ)เมื่อก่อนข้าวของไม่แพง ค่าใช้จ่ายต่างๆๆยังไม่เยอะ ปลูกบ้านเสร็จ 1 ล้าน 7 แสนบ้าน ค้ะแต่เงินในบัญชีมีแค่1ล้าน แม่ก็ยืนเพื่อนบ้าน 2แสนบาท แระนำโฉนดไปจำนองกับ ธกส 5 แสนบาท ก็พอมีทุนทำนาครั่งต่อไปช่วงนั้น ปุ๋ย ยา ไม่ค่อยใช้และราคาถูก มาถึงปี53 ประมาน 14 กุมภา พี่สาวแต่งงานก็ต้องใช้เงินจากทางบ้านเพิ่มอีก เพราะพี่เขยหรือเจ้าบ่าวยากจน ไม่มีพ่อแม่ นิสัยดุร้าย ให้เงินสินสอดแม่ไม่ครบ 1แสนบาท ทำให้ต้องจ่ายเงินเพิ่มไปอีก1แสนกว่าบาท (หนี้จาก ธกส เค้าให้กำหนด1ปีค้ะ) พอแต่งเสร็จ อยากไปขายผลไม้ตามที่ต่างๆ พ่อแม่กับเรยดาวน์กะบะ1คัน วางเงิน1แสนบาท ส่งเดือนละเกือบ1หมื่น ขายไม่กี่เดือนก็ประสบปัญหาน้ำท่วมบ้าน เรยเลิกขาย ท่วมประมาน2 เดือนครึ่ง พี่สาวก็ขิายสลัดผักหน้าโรงง่าน แม่ให้เงินไปส่งงวดรถ 1 แสนบาท แต่พี่สาวขายของไม่ได้กำไรเรยเอาเงินค่ารถไปใช้จ่ายหมดเรย โดยที่พ่อกับแม่ไม่รู้ เพิ่งมาบอกนู๋ตอนหลัง เพราะไปรษณีส่งเอกสารเค้าทวงทุกเดือน ให้เราช่วยโกหกพ่อแม่ให้ เราก็เรยยอมบาปที่จะโกหกว่าใบเสร็จค่ารถแต่ละเดือนอ่ะดิ เพราะถ้าพ่อรู้พ่อโมโห เตะ ต่อย ตบ ถ้าเกิดเรื่องแบบนิทำให้ครอบครัวไม่มีความสุข ก็เลิกขายมาอยู่บ้านบอกว่าขายไม่ดี ก็ทำขนมไทย ขายตามบ้าน ทำกับข้าว รับเนื้อหมู ส้มโอ มาขาย เปลี่ยนอาชีพไปเรื่อย มาปี55 กลางปี แถวบ้านเปิดโรงงานใหม่พี่สาวก็ไปทำ แต่พี่เขยไปเป็นลูกน้องเก็บเงินกู้ไม่กี่เดือนเลิกทำ ไปขับวินรถตู้อีกไม่กี่เดือนเลิก พี่สาวทำงานได้เดือนละ7พันถึง1หมื่นรวมกับพี่เขยก็ไม่ได้เท่ารัยเพราะต้องแอบจ่ายงวดรถบ้าง ค่านมค่าเสื้อผ้าลูก แพมเพิดอีกเดือนนึงเกือบ6พัน พอเลิกขับรถก็มาช่วยพ่อกับแม่ทำนา พ่อร่างกายไม่มีแรง แม่ผอมเปนโรคกะเพาะทะลุ 1ปีเมื่อก่อนทำนาได้2 ครั่ง ครั้งละ4เดือน เมื่อก่อนตีนาเองด้วยรถไถ ตึงประหยัดค่าทำนาโรคของข้าวก็ไม่ค่อยเป็น น้ำทำนาอุดมสมบูนดี เริ่มปี56พ่อกับแม่ใช้หนี้ ธกส หมดแร้ว เอาเงินที่เหลือใช่หนี้1แสนไปส่งค่ารถเพราะรู้ว่าพี่สาวทำงาน คนเดียวไม่มีเงินพอจ่ายงวดรถ พอกะทำนาครั้งต่อไปต้องไปจำนองที่ดินอีก 2แสนลงทุนทำนาไม่มีเงินสำรอง ใช่จ่ายรายเดือนมีค่าน้ำ 200 ค่าไฟ 9ร้อยกว่าๆ ค่าเน๊ตโทรศัพ 9ร้อยกว่าๆ เมื่อก่อนนู๋ขึ้นรถตู้รับส่งไปเรียนเดือน 750บาทค่ากินว่าละ100บาท หลังจากกู้มาทำนาเริ่มต้นก่อนทำนา ฉีดยาฆ่าหญ่ารอบนา 50กว่าไร่ ประมาน4พันบาท จ้างตีนาทั้งหมด ประมาน 2หมื่น5พัน จ้างลูบนาให้เรียบ หมื่น7พันกว่าๆ ซื้อข้าวปลู้ก 4หมื่นกว่าๆข้าว1เดือนใส่ปุ๋ย ปุ๋ยไปเชื่อมาประมาน3หมื่นกว่าๆ ว่านริอบแรก จ้างว่านข้าว ใช้ยาคุมฮอร์โมน แก้หนอน แก้เพลีย แก้หนูนา ยาใบแห้ง ยาเชื้อรา หว่านปุ๋ยรุ่นสองข้าว3เดือน รอเหลือง จ้างเกี่ยวข้าวราคาข้าวรัฐบาลให้จำนำในราคา15000บาทแต่เงินที่ขายไป10500 ชาวบ้านส่วนใหญ่ได้สูงสุด 10700บาท แม่บอกข้าวปีนิก็ดีทั้งระยะเวลาจำนำพอดี ได้เงินมา 4แสนกว่าๆ ใช้หนี้ ธกส 2แสน 3หมื่นบาท ค่าปุ๋ยที่เชื่อไว้ เกือบ4หมื่นรวมดอกเบี้ย ค่าเกี่ยวข้าว ค่าขนข้าว ทำให้เงินเหลือ1แสนกว่าๆ ใช้จ่ายรอการทำนา3เดือน เหลือเงิน2หมื่น จะทำนาไปกู้ใหม่ 2แสน ลงทุนทำนาเหมือนเดิม เชื่อปุ๋ยอีก4หมื่น ยาต่างๆๆก็ขึ้นราคาตั้งแต่กล่งปี55 แต่ราคาข้าวที่จำนำกับรัฐบาลก็เหมือนเดิมแต่กำหนดเวลารับให้สั้นลงและกำหนดการรับจำนำด้วย ซึ่งทำให้การทำนาขาดทุน เช่น นา7ไร่ ต้องเข้าโครงการรับจำนำ 3เกวียนนิดๆๆ ถ้าเราโชคดี นา7ไร่ได้5เกวียนก็ไปเข้าจำนำตาที่กำหนดคือ 3เกวียนละ 17000 ส่วนข้าวที่เหลือก็ขายให้โรงสีซึ่งห้ 5พันบาท ต้นทุนในการทำนาแต่ละครั้ง ปุ๋ยกะพันข้าวเกือบ1แสน ค่าหว่านปุ๋ยหว่านข้าว ตีนา ลูบนา เกี่ยวข้าว ขนข้าวเห็นชาวนาได้เงินค่าจำนำในราคาสูง ทำให้ทุกอย่างขึ้นราคาเปนเท่าตัว ครั้งนิได้เงิน3แสน2หมื่นใช้หนี้ต่างๆก็หมดโดยแต่ละครั้งไม่รู้เรยว่าขาดทุน