คืนนั้น นกบิวตี้เกาะกิ่งไม้อยู่ ท่าเดียวกับบิวตี้คนนั่งบนกิ่งไม้ สอดตาดูนักท่องเที่ยวเดินเล่นริมหาดยามค่ำ คนที่มาเที่ยว เดินเป็นคู่เดินโอบ คลอเคลียกัน ดูสวีท
“หมดกัน ชีวิตยามราตรีของฉัน ต้องมาเป็นนกแบบนี้ แล้วเมื่อไหร่จะหารักแท้ได้ เฮ้อ...”
เด็กชายชาวบ้านละแวกนั้น 2 คน ท่าทางแสบสุดๆ ถือหนังสะติ๊ก หาเป้าซ้อมมือ
“เฮ้ย นั่น นก” เด็กชาย 1ชี้ที่นกบิวตี้
เด็กชาย 2 บอก “เงียบๆ เดี๋ยวมันรู้ตัว”
เด็กชายทั้งสองย่องเข้ามาใกล้ต้นไม้ที่บิวตี้อยู่ แล้วค่อยๆ เล็ง ยิง
กระสุนดิน พุ่งเข้าที่แขนบิวตี้อย่างแรง
“โอ๊ย อะไรกันเนี่ย” บิวตี้มองเห็นเด็กกำลังยิง “ไอ้เด็กบ้า หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
บิวตี้โยกตัวหลบกระสุน เสียงกระสุนดังเฟี้ยว ฟ้าว น่ากลัวราวขีปนาวุธ
บิวตี้หลบไปตะโกนไป “หยุดนะฉันเป็นคน พวกแกกำลังจะฆ่าคน ได้ยินมั้ย”
ฟากนกบิวตี้บินเข้ามาในห้อง สภาพนกบิวตี้ในคราบคนชอกช้ำยับเยิน จากการโดนระดมยิง เนื้อตัวช้ำเป็นจ้ำๆ
“โอ้ย ไอ้เด็กใจร้าย คอยดู ฉันจะแจ้งความ จับพวกแกทุกคน”
บิวตี้แตะแผล พบว่าที่บางจุดมีเลือดออก
“ทำไมต้องรังแกกันด้วย ถึงฉันจะเป็นนก แต่ก็มีชีวิตจิตใจนะ” บิวตี้ถอนสะอื้น “นกที่พวกแกยิง อาจจะเป็นญาติพี่น้องที่ถูกสาปเหมือนฉันก็ได้”
บิวตี้สะอึกสะอื้น เจ็บปวดแผล
“ทายาก็ไม่ได้ ไปโรงพยาบาลก็ไม่ได้ อยากเห็นฉันตายนักใช่ไหม เอาเลยแม่มด มาเอาชีวิตฉันไปเลย” บิวตี้ร้องโฮ ด้วยความเจ็บทั้งกายและใจ
ณ แดนสรวงยามนี้ นางฟ้าลลิตาร่ำไห้ด้วยความสงสารลูกที่กำลังเจ็บปวด จะช่วยก็ช่วยไม่ได้ ทำได้แต่สัมผัสที่จอภาพฉายเหมือนจะปลอบโยน
“ทำไมลูกจะต้องมาเจ็บปวดในสภาพที่น่าเวทนาเช่นนี้” นางฟ้าหันไปหาเทวี วิงวอน “เทวีโปรดเมตตา”
ปรมะเทวีห่วงอยู่เหมือนกัน แต่ทำได้แค่ปลอบ “นางไม่เป็นอะไรมากหรอก เพียงตกใจเท่านั้น ก้อนหินอาจทำร้ายนกถึงชีวิต แต่นางเป็นมนุษย์ จึงเพียงแค่ฟกช้ำ”
นางฟ้าลลิตาโผเข้ากอดขาเทวี “พอเถิดท่าน ถอนมนตราเถิด อย่าให้นางเป็นนกอีกเลย”
“ข้าพเจ้าทำไม่ได้”
ปรมะเทวีเองก็รู้สึกผิดเช่นกัน แต่ยังไม่รู้จะช่วยอย่างไร
คืนเดียวกัน ธีภพคอยมองที่หน้าต่างไปว่านกบิวตี้ผินผ่านมาหรือไม่
ธนาถามขึ้น “บิวตี้ฝึกงานเป็นอย่างไรบ้าง”
“ฝึกที่โกดังพอแล้วครับ ผมกำลังให้ฝึกงานขาย”
ภาวินียิ้ม “คนมีโลกส่วนตัวสูงอย่างบิวตี้ แค่ยอมฝึกงานแม่ก็ทึ่งแล้วจ้ะ”
“แต่ไปที่ร้านได้แค่ครึ่งวัน ก่อเรื่องวุ่นจนโดนผู้จัดการร้านไล่ออก ผมต้องแก้ไขแทบแย่”
“ทำไมให้ฝึกหน้าร้านล่ะ บิวตี้เขาเป็นเซเลบ มีแต่คนรู้จัก จะได้ผลหรือ” ธนาท้วง
“นั่นสิจ๊ะ เดี๋ยวนักข่าวแห่กันมา จะฝึกได้ไง”
“ก็คิดอยู่ครับ ผมเลยให้ไปที่หัวหิน แล้วก็ให้ปลอมตัว นิดหน่อย”
ภาวินีหัวเราะ “แหม อยากเห็นจัง”
“ผมว่าจะไปตรวจงานพรุ่งนี้ แม่ไปไหมล่ะครับ”
“อย่าดีกว่า เดี๋ยวแม่เผลอไปหัวเราะจะเสียเรื่อง”
“ฝึกงานมาหลายวันแล้วนี่ ท่าทางจะเอาจริงแล้วสิ” ธนาว่า
“ไม่แน่หรอกครับพ่อ วันนี้ก็ทำเรื่องเยอะแยะ แถมยังหนีกลับก่อนเวลา บางทีพรุ่งนี้อาจจะขอเลิก”
ธนาครุ่นคิด “ไม่หรอก เด็กคนนี้มีอะไรมากกว่าที่เราคิด”
ธีภพเครียด ลึกๆ ก็หวังให้เป็นอย่างที่บิดาพูด
พระอาทิตย์โผล่พ้นโค้งน้ำ สาดแสงแรกของวันที่ทะเลหัวหิน ขณะที่ป้าจัน กับพร ช่วยกันเตรียมอาหารเช้าไว้รอบิวตี้ สักครู่หนึ่งบิวตี้เดินลงมาในเครื่องแบบพนักงานขาย นั่งลงโดยที่ป้าหลานยังไม่เห็นหนังหน้า
ป้าจันยกกาแฟมาวางให้ แล้วเห็นสภาพใบหน้าบิวตี้ ป้าจันตกใจ จนทำถ้วยกาแฟหล่นแตก
“ว้าย ตาเถร! คุณหนู ไปโดนอะไรมาคะ”
สภาพหน้าบิวตี้ ช้ำเหมือนคนโดนซ้อม แถมแขน ขา มีรอยช้ำเป็นหย่อมๆ จากการโดนยิงด้วยหนังสะติ๊กของเด็กผีเมื่อคืน
บิวตี้ตกใจตาม “รอยอะไร ไม่มีรอยอะไรสักหน่อย” ว่าแล้วก็ส่องกระจกดูตัวเอง “กลบหนาแล้วนะ ยังเห็นอยู่อีกเหรอเนี่ย”
“ไปหาหมอไหมคะ โอ้ยตายแล้ว” หันไปสั่งพร “พร หยิบยาหม่องไพลมาซิ”
“ค่ะ ค่ะ” รีบไปหยิบยาหม่องมาส่งให้ และหาผ้ามาเช็ดที่กาแฟหก
“ขออนุญาตนะคะ” ป้าจันทายาหม่องให้บิวตี้ อย่างเบามือ
บิวตี้รับรู้ได้ถึงสัมผัสอันห่วงใยของจัน
“โถ แม่คุณ ผิวบางๆช้ำหมดเลย” หญิงสูงวัยสงสารจนน้ำตาตก
บิวตี้ดุ “ร้องไห้ทำไม เดี๋ยวกลบคอนซีลเลอร์อีกทีก็ไม่เห็นรอยแล้ว”
“ถ้าคุณผู้หญิงคุณผู้ชายรู้ว่าจันไม่ดูแล ปล่อยให้คุณหนูเจ็บอย่างนี้ ท่านคงโกรธจัน”
“ฉันไม่เป็นไรหรอก ถึงไม่มีคนดูแล ฉันก็จะอยู่ให้ได้” แววตาบิวตี้มาดมั่นขึ้นมา
เสียงรถแล่นเข้ามาในบ้าน
พรรีบชะโงกหน้าดูแล้วรายงาน “คุณธีภพ มาค่ะ”
บิวตี้หงุดหงิด “โอ๊ยจะมาจับผิดอะไรอีกล่ะ” ผุดลุกขึ้นสั่งป้าหลานเสียงเข้ม “ห้ามบอกเขาเรื่องฉันเจ็บนะ” แล้วรีบขึ้นไปที่ห้องนอน
“อะ..ค่ะ ค่ะ”
ธีภพรอบิวตี้ โดยจิบกาแฟที่ซื้อมาจากร้านในปั๊มน้ำมันแก้ง่วง ด้วยออกเดินทางมาแต่เช้ามืด ชายหนุ่มดูนาฬิกา เห็นบิวตี้เดินมาจากในบ้าน ใส่แจ็คเก็ตหรูแพงแนวสปอร์ต ทับเครื่องแบบพนักงานขาย สวมแว่นตาสีชา ปิดรอยช้ำ
ธีภพเห็นว่าผิดระเบียบก็ไม่พอใจ “ทำไมต้องใส่แจ็คเก็ตด้วย”
“ในร้านมันหนาวมาก”
“แล้วแว่นสีเข้มขนาดนั้น จำเป็นตรงไหน ในร้านไม่มีแดด”
บิวตี้คร้านจะเถียงชักฉุน “มาจากกรุงเทพ เพื่อจะถามแค่เนี้ย?”
“อย่ามากวน ไปถอดออกเลย พนักงานขายเขาไม่ใส่แว่นดำกันหรอก”
“ตาบอดสีเหรอ ดำตรงไหน ฉันต้องใส่เพราะแว่นปัญญาอ่อนของคุณมันไม่ช่วยอะไรเลย ใส่แล้วคนก็ยังจำได้”
ธีภพเสียงเข้ม “ตกลงจะไปทำงานมั้ยถ้าจะไปก็...” ธีภพดึงแว่นตาบิวตี้ออกอย่างรวดเร็ว
บิวตี้โดนตรงรอยช้ำ เจ็บแปล๊บ “โอ้ย”
ธีภพตกใจที่บิวตี้ร้องเจ็บ “เป็นอะไร”
บิวตี้เบือนหน้าหลบไม่อยากให้เห็น ธีภพจับหน้าบิวตี้หันมา พบว่าใบหน้าบิวตี้รองพื้นกลบ แต่ยังเห็นร่องรอยช้ำเป็นจ้ำๆ เหมือนคนถูกชก
“บิวตี้ ไปโดนอะไรมา” เขาจับต้นแขนไว้ไม่ให้หล่อนหันหนี จ้องตาแน่วนิ่ง “ใครทำบิวตี้”
บิวตี้อึ้ง จ้องมองสีหน้า และแววตาที่ปกป้องห่วงใยของธีภพนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง
บิวตี้รู้สึกตัว ทำเป็นไม่ใส่ใจ “เปล่า ไม่รู้สิ เมื่อคืน ปาร์ตี้หนักไปหน่อย”
บิวตี้หยิบแป้งรองพื้นขึ้นมาตบทับอีก
ธีภพระอาใจ ปล่อยมือ พูดเสียงดุ “เป็นคนของธนบวรแล้ว จะทำอะไรนึกถึงชื่อเสียงของบริษัทด้วย” แล้วส่งแว่นตาคืนให้ เดินตรงไปขึ้นรถ
ลับหลังบิวตี้ทำท่าล้อเลียนธีภพ ท่าทางกวนประสาท
ธีภพหันกลับมาเห็นบิวตี้ล้อเลียน ดุอีก “จะไปฝึกงานก็ขึ้นมา สายแล้ว”
บิวตี้เบ้ปากแล้วเดินไปขึ้นรถ
เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 10/3 วันอังคารที่ 06/05/2557
คืนนั้น นกบิวตี้เกาะกิ่งไม้อยู่ ท่าเดียวกับบิวตี้คนนั่งบนกิ่งไม้ สอดตาดูนักท่องเที่ยวเดินเล่นริมหาดยามค่ำ คนที่มาเที่ยว เดินเป็นคู่เดินโอบ คลอเคลียกัน ดูสวีท
“หมดกัน ชีวิตยามราตรีของฉัน ต้องมาเป็นนกแบบนี้ แล้วเมื่อไหร่จะหารักแท้ได้ เฮ้อ...”
เด็กชายชาวบ้านละแวกนั้น 2 คน ท่าทางแสบสุดๆ ถือหนังสะติ๊ก หาเป้าซ้อมมือ
“เฮ้ย นั่น นก” เด็กชาย 1ชี้ที่นกบิวตี้
เด็กชาย 2 บอก “เงียบๆ เดี๋ยวมันรู้ตัว”
เด็กชายทั้งสองย่องเข้ามาใกล้ต้นไม้ที่บิวตี้อยู่ แล้วค่อยๆ เล็ง ยิง
กระสุนดิน พุ่งเข้าที่แขนบิวตี้อย่างแรง
“โอ๊ย อะไรกันเนี่ย” บิวตี้มองเห็นเด็กกำลังยิง “ไอ้เด็กบ้า หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
บิวตี้โยกตัวหลบกระสุน เสียงกระสุนดังเฟี้ยว ฟ้าว น่ากลัวราวขีปนาวุธ
บิวตี้หลบไปตะโกนไป “หยุดนะฉันเป็นคน พวกแกกำลังจะฆ่าคน ได้ยินมั้ย”
ฟากนกบิวตี้บินเข้ามาในห้อง สภาพนกบิวตี้ในคราบคนชอกช้ำยับเยิน จากการโดนระดมยิง เนื้อตัวช้ำเป็นจ้ำๆ
“โอ้ย ไอ้เด็กใจร้าย คอยดู ฉันจะแจ้งความ จับพวกแกทุกคน”
บิวตี้แตะแผล พบว่าที่บางจุดมีเลือดออก
“ทำไมต้องรังแกกันด้วย ถึงฉันจะเป็นนก แต่ก็มีชีวิตจิตใจนะ” บิวตี้ถอนสะอื้น “นกที่พวกแกยิง อาจจะเป็นญาติพี่น้องที่ถูกสาปเหมือนฉันก็ได้”
บิวตี้สะอึกสะอื้น เจ็บปวดแผล
“ทายาก็ไม่ได้ ไปโรงพยาบาลก็ไม่ได้ อยากเห็นฉันตายนักใช่ไหม เอาเลยแม่มด มาเอาชีวิตฉันไปเลย” บิวตี้ร้องโฮ ด้วยความเจ็บทั้งกายและใจ
ณ แดนสรวงยามนี้ นางฟ้าลลิตาร่ำไห้ด้วยความสงสารลูกที่กำลังเจ็บปวด จะช่วยก็ช่วยไม่ได้ ทำได้แต่สัมผัสที่จอภาพฉายเหมือนจะปลอบโยน
“ทำไมลูกจะต้องมาเจ็บปวดในสภาพที่น่าเวทนาเช่นนี้” นางฟ้าหันไปหาเทวี วิงวอน “เทวีโปรดเมตตา”
ปรมะเทวีห่วงอยู่เหมือนกัน แต่ทำได้แค่ปลอบ “นางไม่เป็นอะไรมากหรอก เพียงตกใจเท่านั้น ก้อนหินอาจทำร้ายนกถึงชีวิต แต่นางเป็นมนุษย์ จึงเพียงแค่ฟกช้ำ”
นางฟ้าลลิตาโผเข้ากอดขาเทวี “พอเถิดท่าน ถอนมนตราเถิด อย่าให้นางเป็นนกอีกเลย”
“ข้าพเจ้าทำไม่ได้”
ปรมะเทวีเองก็รู้สึกผิดเช่นกัน แต่ยังไม่รู้จะช่วยอย่างไร
คืนเดียวกัน ธีภพคอยมองที่หน้าต่างไปว่านกบิวตี้ผินผ่านมาหรือไม่
ธนาถามขึ้น “บิวตี้ฝึกงานเป็นอย่างไรบ้าง”
“ฝึกที่โกดังพอแล้วครับ ผมกำลังให้ฝึกงานขาย”
ภาวินียิ้ม “คนมีโลกส่วนตัวสูงอย่างบิวตี้ แค่ยอมฝึกงานแม่ก็ทึ่งแล้วจ้ะ”
“แต่ไปที่ร้านได้แค่ครึ่งวัน ก่อเรื่องวุ่นจนโดนผู้จัดการร้านไล่ออก ผมต้องแก้ไขแทบแย่”
“ทำไมให้ฝึกหน้าร้านล่ะ บิวตี้เขาเป็นเซเลบ มีแต่คนรู้จัก จะได้ผลหรือ” ธนาท้วง
“นั่นสิจ๊ะ เดี๋ยวนักข่าวแห่กันมา จะฝึกได้ไง”
“ก็คิดอยู่ครับ ผมเลยให้ไปที่หัวหิน แล้วก็ให้ปลอมตัว นิดหน่อย”
ภาวินีหัวเราะ “แหม อยากเห็นจัง”
“ผมว่าจะไปตรวจงานพรุ่งนี้ แม่ไปไหมล่ะครับ”
“อย่าดีกว่า เดี๋ยวแม่เผลอไปหัวเราะจะเสียเรื่อง”
“ฝึกงานมาหลายวันแล้วนี่ ท่าทางจะเอาจริงแล้วสิ” ธนาว่า
“ไม่แน่หรอกครับพ่อ วันนี้ก็ทำเรื่องเยอะแยะ แถมยังหนีกลับก่อนเวลา บางทีพรุ่งนี้อาจจะขอเลิก”
ธนาครุ่นคิด “ไม่หรอก เด็กคนนี้มีอะไรมากกว่าที่เราคิด”
ธีภพเครียด ลึกๆ ก็หวังให้เป็นอย่างที่บิดาพูด
พระอาทิตย์โผล่พ้นโค้งน้ำ สาดแสงแรกของวันที่ทะเลหัวหิน ขณะที่ป้าจัน กับพร ช่วยกันเตรียมอาหารเช้าไว้รอบิวตี้ สักครู่หนึ่งบิวตี้เดินลงมาในเครื่องแบบพนักงานขาย นั่งลงโดยที่ป้าหลานยังไม่เห็นหนังหน้า
ป้าจันยกกาแฟมาวางให้ แล้วเห็นสภาพใบหน้าบิวตี้ ป้าจันตกใจ จนทำถ้วยกาแฟหล่นแตก
“ว้าย ตาเถร! คุณหนู ไปโดนอะไรมาคะ”
สภาพหน้าบิวตี้ ช้ำเหมือนคนโดนซ้อม แถมแขน ขา มีรอยช้ำเป็นหย่อมๆ จากการโดนยิงด้วยหนังสะติ๊กของเด็กผีเมื่อคืน
บิวตี้ตกใจตาม “รอยอะไร ไม่มีรอยอะไรสักหน่อย” ว่าแล้วก็ส่องกระจกดูตัวเอง “กลบหนาแล้วนะ ยังเห็นอยู่อีกเหรอเนี่ย”
“ไปหาหมอไหมคะ โอ้ยตายแล้ว” หันไปสั่งพร “พร หยิบยาหม่องไพลมาซิ”
“ค่ะ ค่ะ” รีบไปหยิบยาหม่องมาส่งให้ และหาผ้ามาเช็ดที่กาแฟหก
“ขออนุญาตนะคะ” ป้าจันทายาหม่องให้บิวตี้ อย่างเบามือ
บิวตี้รับรู้ได้ถึงสัมผัสอันห่วงใยของจัน
“โถ แม่คุณ ผิวบางๆช้ำหมดเลย” หญิงสูงวัยสงสารจนน้ำตาตก
บิวตี้ดุ “ร้องไห้ทำไม เดี๋ยวกลบคอนซีลเลอร์อีกทีก็ไม่เห็นรอยแล้ว”
“ถ้าคุณผู้หญิงคุณผู้ชายรู้ว่าจันไม่ดูแล ปล่อยให้คุณหนูเจ็บอย่างนี้ ท่านคงโกรธจัน”
“ฉันไม่เป็นไรหรอก ถึงไม่มีคนดูแล ฉันก็จะอยู่ให้ได้” แววตาบิวตี้มาดมั่นขึ้นมา
เสียงรถแล่นเข้ามาในบ้าน
พรรีบชะโงกหน้าดูแล้วรายงาน “คุณธีภพ มาค่ะ”
บิวตี้หงุดหงิด “โอ๊ยจะมาจับผิดอะไรอีกล่ะ” ผุดลุกขึ้นสั่งป้าหลานเสียงเข้ม “ห้ามบอกเขาเรื่องฉันเจ็บนะ” แล้วรีบขึ้นไปที่ห้องนอน
“อะ..ค่ะ ค่ะ”
ธีภพรอบิวตี้ โดยจิบกาแฟที่ซื้อมาจากร้านในปั๊มน้ำมันแก้ง่วง ด้วยออกเดินทางมาแต่เช้ามืด ชายหนุ่มดูนาฬิกา เห็นบิวตี้เดินมาจากในบ้าน ใส่แจ็คเก็ตหรูแพงแนวสปอร์ต ทับเครื่องแบบพนักงานขาย สวมแว่นตาสีชา ปิดรอยช้ำ
ธีภพเห็นว่าผิดระเบียบก็ไม่พอใจ “ทำไมต้องใส่แจ็คเก็ตด้วย”
“ในร้านมันหนาวมาก”
“แล้วแว่นสีเข้มขนาดนั้น จำเป็นตรงไหน ในร้านไม่มีแดด”
บิวตี้คร้านจะเถียงชักฉุน “มาจากกรุงเทพ เพื่อจะถามแค่เนี้ย?”
“อย่ามากวน ไปถอดออกเลย พนักงานขายเขาไม่ใส่แว่นดำกันหรอก”
“ตาบอดสีเหรอ ดำตรงไหน ฉันต้องใส่เพราะแว่นปัญญาอ่อนของคุณมันไม่ช่วยอะไรเลย ใส่แล้วคนก็ยังจำได้”
ธีภพเสียงเข้ม “ตกลงจะไปทำงานมั้ยถ้าจะไปก็...” ธีภพดึงแว่นตาบิวตี้ออกอย่างรวดเร็ว
บิวตี้โดนตรงรอยช้ำ เจ็บแปล๊บ “โอ้ย”
ธีภพตกใจที่บิวตี้ร้องเจ็บ “เป็นอะไร”
บิวตี้เบือนหน้าหลบไม่อยากให้เห็น ธีภพจับหน้าบิวตี้หันมา พบว่าใบหน้าบิวตี้รองพื้นกลบ แต่ยังเห็นร่องรอยช้ำเป็นจ้ำๆ เหมือนคนถูกชก
“บิวตี้ ไปโดนอะไรมา” เขาจับต้นแขนไว้ไม่ให้หล่อนหันหนี จ้องตาแน่วนิ่ง “ใครทำบิวตี้”
บิวตี้อึ้ง จ้องมองสีหน้า และแววตาที่ปกป้องห่วงใยของธีภพนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง
บิวตี้รู้สึกตัว ทำเป็นไม่ใส่ใจ “เปล่า ไม่รู้สิ เมื่อคืน ปาร์ตี้หนักไปหน่อย”
บิวตี้หยิบแป้งรองพื้นขึ้นมาตบทับอีก
ธีภพระอาใจ ปล่อยมือ พูดเสียงดุ “เป็นคนของธนบวรแล้ว จะทำอะไรนึกถึงชื่อเสียงของบริษัทด้วย” แล้วส่งแว่นตาคืนให้ เดินตรงไปขึ้นรถ
ลับหลังบิวตี้ทำท่าล้อเลียนธีภพ ท่าทางกวนประสาท
ธีภพหันกลับมาเห็นบิวตี้ล้อเลียน ดุอีก “จะไปฝึกงานก็ขึ้นมา สายแล้ว”
บิวตี้เบ้ปากแล้วเดินไปขึ้นรถ