ตอนที่ 5 : มี.ค. 2556 หาหมอครั้งที่ 3 ครั้งสุดท้าย แผนกมีบุตรยาก รพ.จุฬา
ก่อนจะขึ้นไปหาคุณหมอชั้น 13 ไปทำการอัลตร้าซาวน์ให้หมอตรวจฟองไข่ อยากบอกว่า เจ็บมาก นอนร้องไห้ คุณหมอ และพยาบาลยังตกใจเลย ถามว่าเจ็บไหม ถามมาได้ ร้องได้ซะขนาดนั้น เจ็บมากค่ะ เค้าก็บอกว่าอีกแป๊บนะค่ะ จะเสร็จแล้ว ก็อดทน พอทำเสร็จก็รีบเข้าขึ้นไปให้คนหมอที่ชั้น 13 คุณหมอบอกประมาณว่า เล็กไป หรืออะไรสักอย่างค่ะ จำไม่ได้ แล้วก็แนะนำเหมือนเดิมว่า ให้พิจารณาการผ่าตัดส่องกล้อง (ไปสอบถามราคาจากพยาบาลมาแล้ว ประมาณ 60,000 อยากบอกหมอค่ะว่า ไม่ใช่ที่มาหมอทุกคน จะต้องมีเงินมากมายขนาดนั้น แถมถามคุณหมอ หมอเองก็ไม่รับปากว่า ถ้าทำการผ่าตัดแล้วจะทำให้มีลูกได้ แค่บอกว่า ทำการรักษาถ้ามีปัญหาเกี่ยวมดลูก พังพืด ฯลฯ ) ก็เลยบอกว่า ขอกินยาอีกครั้งค่ะ คุณหมอก็ให้ยามา แต่หน้าตาเหมือนไม่พอใจ สงสัยคงคิดในใจว่า กินมาตั้ง 2 ครั้งแล้วยังไม่ติด ยังจะกินอีก 555 นัดอีกทีเดือน เม.ย. กลับถึงบ้านก็เล่าให้สามีฟัง บอกว่าเจ็บมากถ้าเลือกได้ก็จะไม่ทำอีก (บางคนอาจจะเจ็บน้อยก็ได้นะค่ะ อย่ากลัวเกินไป แต่ของเราโชคไม่ดีหมอมือหนักมาก)
สรุปค่าใช้จ่าย
ชั้น 8 ตรวจฟองไข่ 900 (ค่าอุปกรณ์ของใช้ 100 + ค่าธรรมเนียมแพทย์ 400)
ชั้น 13 1,154 (ยา 734 ค่าบริการ 120 ค่าธรรมเนียมแพทย์ 300)
ตอนที่ 6 : 30 เม.ย. 2557 กลับมาพร้อมกำลังใจ และมุ่งมั่นจะมีลูกอีกสักครั้ง (นัดหมอแผนกมีบุตรยาก รพ.ศิริราช)
วันเสาร์ที่ 26 เม.ย. ไปตรวจมะเร็งปากมดลูก ที่รพ. ใหม่ หมอใหม่ พร้อมอัลตร้าซาวน์ช่องท้องส่วนล่าง คุณหมอแจ้งว่า ปกติ มดลูกปกติ รังไข่ปกติ ผลมะเร็งปากมดลูกปกติ อย่างอื่นปกติแข็งแรงสมบูรณ์ ไม่มีการอักเสบของเยื่อบุโพรงมดลูก เลยถามหมอว่าสามารถมีลูกได้ไหม หมอบอกว่า ได้ซิ อ้าวเราก็บอกหมอว่า เคยไปตรวจหมอบอกว่ามีการอักเสบ เค้าก็บอกว่าปกตินะ เพราะเค้าใช้ทั้งมือ และเครื่องอัลตร้าซาวด์ สรุปเราปกติ (อ้าวแล้วปีก่อนหมอจุฬาบอกผิดปกติ สรุปว่ายังไงนี้)
ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้ทำการรักษาโดยกินยากระตุ้นไข่ตกมา 3 ครั้งแล้ว ก็ไม่ได้ทำให้มีโอกาสท้องแต่อย่างใด อีกอย่างตอนนั้นรู้สึกไม่ดีกับหมอจุฬา ก็เลยขอพักไว้ก่อน เพราะแทนที่จะให้คำแนะเรา ให้กำลังใจเรา ก็ไม่มีเลยค่ะ รีบๆ พูดๆ รีบๆ ทำ สงสัยเวลาเป็นเงินเป็นทองจริงๆ ก็เลยเลิกความคิดไว้ก่อน แถมตอนนั้นรู้สึกเจ็บมากตอนที่ไปตรวจฟองไข่ชั้น 8 เลยคิดว่าพอก่อน คุณสามีก็ไม่ว่าอะไร เพราะทั้งหมดทั้งมวลเราเป็นคนตัดสินใจเอง คุยกันว่าบ่อยว่า ถ้าเราอยู่กันแบบไม่มีลูกจะโกรธดาไหม เค้าบอกว่า ก็อยู่กันอย่างนี้แหละ แหม จะ 8 ปีแล้วเพิ่งมาคิดได้ 555 คนอื่นที่ไม่มีเค้าก็อยู่กันได้ ถ้าคิดว่ามีลูกแล้วจะไม่เลิกกัน คิดผิด เพราะถึงมีลูกก็เลิกกันได้ ไม่มีก็เลิกได้ อย่าเอาลูกมาเป็นตัวประกัน ให้กำลังใจดีมาก 555 และก่อนหน้านี้ที่เล่าปัญาหาให้แม่ฟัง แม่ก็บอกว่าลองไปคัดมดลูกดู เพื่อว่าจะติด (คนโบราณเค้าบอกมา) ก็เลยไปทำการคัดทีเดียวตั้งแต่ปีก่อน ยายที่คัดมดลูกให้รู้จักกับแม่ นับถือกัน อายุเกือบจะ 70 แล้ว แรงดีไม่มีตก ชอบพูด ชอบคุย อารมณ์ดี ใช้บริการไป 1 ชั่วโมง จ่าย 100 (อะไรจะถูกปานนั้น) จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่สะดวกเลย แกคงนึกว่าเรามีลูกไปแล้วมั้ง (ลืมบอกไปว่า บ้านแม่อยู่สุราษฎร์ ส่วนดาและแฟนทำงานอยู่กทม บางทีกลับไปเยี่ยมแม่ เยี่ยมยาย ตอนใกล้มี ปจด. หรือยุ่งมาก ก็เลยอดไปอีก)
พอดีจังหวะว่าพี่สะใภ้เค้าอยากมีลูกคนที่ 2 ลูกคนแรกอายุ 7 ขวบแล้ว ก็เลยมาแนะนำว่า ถ้ากินยากระตุ้นไข่ตกแล้วไม่สำเร็จไม่ลองทำ IUI ฉีดสีดูล่ะ เพราะเค้าก็กำลังทำอยู่เหมือนกัน ก็เลยขอข้อมูลคร่าวๆ และมาสืบค้น ในเน็ต (รู้ทุกเรื่องจริงๆ ในเน็ตนี่) ก็เลยทำให้ทราบว่า การทำ IUI เป็นทางเลือกหนึ่งของคนที่อยากมีลูก ตอนที่จะข้ามไปทำกิ๊ฟฟ์ ซึ่งค่าใช้จ่ายตรงนี้ถูกกว่ามาก ก็เลยคิดว่าขอเปลี่ยน หมอ เปลี่ยนโรงพยาบาลเลยดีกว่า ไกลบ้านมาก แต่ก็อย่างว่าแหละ เลือกเอง ตัดสินใจเองก็เลยโทรไปนัดแผนกมีบุตรยาก (คลีนิคนอกเวลา) ขอคิวนัดได้วันเสาร์ 31 พ.ค.57 บ่าย 2 เอาล่ะ พร้อมสู้และพยายามกันอีกสักครั้ง กำลังทรัพย์พร้อมอาจจะไม่มากแต่ก็ดีกว่าทำกิฟฟ์ แต่กำลังใจมาเต็ม ถ้าไม่ติดรอบนี้ก็จะพยายาม ทำไปจนถึงอายุ 40 เลยแหละ 555 ได้เรื่องอะไรแล้วจะมาเล่าสู่กันฟังนะค่ะ อ้อลืมบอกไป เดี๋ยวนี้สามารถสมัครขอทำบัตรผู้ป่วยทางเน็ตได้แล้วนะค่ะ ทางเจ้าหน้าที่บอกว่า ถ้าได้วันนัดแล้ว วันที่ไปพบหมอก้อให้ มาขอทำบัตรได้เลย เพราะมีข้อมูลที่เราพิมพ์เข้าไปในเน็ต และได้รับรหัสผู้ป่วยมาแล้ว รับบัตรและเสียค่าทำบัตร รอบหน้าไม่รู้จะเป็นไงเหมือนกัน ยังไงก็ขอกำลังใจด้วยนะค่ะ สู้โว้ย....
เริ่มแรกของการอยากมีลูก และปฎิบัติการทางการแพทย์ (ตอน 2)
ก่อนจะขึ้นไปหาคุณหมอชั้น 13 ไปทำการอัลตร้าซาวน์ให้หมอตรวจฟองไข่ อยากบอกว่า เจ็บมาก นอนร้องไห้ คุณหมอ และพยาบาลยังตกใจเลย ถามว่าเจ็บไหม ถามมาได้ ร้องได้ซะขนาดนั้น เจ็บมากค่ะ เค้าก็บอกว่าอีกแป๊บนะค่ะ จะเสร็จแล้ว ก็อดทน พอทำเสร็จก็รีบเข้าขึ้นไปให้คนหมอที่ชั้น 13 คุณหมอบอกประมาณว่า เล็กไป หรืออะไรสักอย่างค่ะ จำไม่ได้ แล้วก็แนะนำเหมือนเดิมว่า ให้พิจารณาการผ่าตัดส่องกล้อง (ไปสอบถามราคาจากพยาบาลมาแล้ว ประมาณ 60,000 อยากบอกหมอค่ะว่า ไม่ใช่ที่มาหมอทุกคน จะต้องมีเงินมากมายขนาดนั้น แถมถามคุณหมอ หมอเองก็ไม่รับปากว่า ถ้าทำการผ่าตัดแล้วจะทำให้มีลูกได้ แค่บอกว่า ทำการรักษาถ้ามีปัญหาเกี่ยวมดลูก พังพืด ฯลฯ ) ก็เลยบอกว่า ขอกินยาอีกครั้งค่ะ คุณหมอก็ให้ยามา แต่หน้าตาเหมือนไม่พอใจ สงสัยคงคิดในใจว่า กินมาตั้ง 2 ครั้งแล้วยังไม่ติด ยังจะกินอีก 555 นัดอีกทีเดือน เม.ย. กลับถึงบ้านก็เล่าให้สามีฟัง บอกว่าเจ็บมากถ้าเลือกได้ก็จะไม่ทำอีก (บางคนอาจจะเจ็บน้อยก็ได้นะค่ะ อย่ากลัวเกินไป แต่ของเราโชคไม่ดีหมอมือหนักมาก)
สรุปค่าใช้จ่าย
ชั้น 8 ตรวจฟองไข่ 900 (ค่าอุปกรณ์ของใช้ 100 + ค่าธรรมเนียมแพทย์ 400)
ชั้น 13 1,154 (ยา 734 ค่าบริการ 120 ค่าธรรมเนียมแพทย์ 300)
ตอนที่ 6 : 30 เม.ย. 2557 กลับมาพร้อมกำลังใจ และมุ่งมั่นจะมีลูกอีกสักครั้ง (นัดหมอแผนกมีบุตรยาก รพ.ศิริราช)
วันเสาร์ที่ 26 เม.ย. ไปตรวจมะเร็งปากมดลูก ที่รพ. ใหม่ หมอใหม่ พร้อมอัลตร้าซาวน์ช่องท้องส่วนล่าง คุณหมอแจ้งว่า ปกติ มดลูกปกติ รังไข่ปกติ ผลมะเร็งปากมดลูกปกติ อย่างอื่นปกติแข็งแรงสมบูรณ์ ไม่มีการอักเสบของเยื่อบุโพรงมดลูก เลยถามหมอว่าสามารถมีลูกได้ไหม หมอบอกว่า ได้ซิ อ้าวเราก็บอกหมอว่า เคยไปตรวจหมอบอกว่ามีการอักเสบ เค้าก็บอกว่าปกตินะ เพราะเค้าใช้ทั้งมือ และเครื่องอัลตร้าซาวด์ สรุปเราปกติ (อ้าวแล้วปีก่อนหมอจุฬาบอกผิดปกติ สรุปว่ายังไงนี้)
ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้ทำการรักษาโดยกินยากระตุ้นไข่ตกมา 3 ครั้งแล้ว ก็ไม่ได้ทำให้มีโอกาสท้องแต่อย่างใด อีกอย่างตอนนั้นรู้สึกไม่ดีกับหมอจุฬา ก็เลยขอพักไว้ก่อน เพราะแทนที่จะให้คำแนะเรา ให้กำลังใจเรา ก็ไม่มีเลยค่ะ รีบๆ พูดๆ รีบๆ ทำ สงสัยเวลาเป็นเงินเป็นทองจริงๆ ก็เลยเลิกความคิดไว้ก่อน แถมตอนนั้นรู้สึกเจ็บมากตอนที่ไปตรวจฟองไข่ชั้น 8 เลยคิดว่าพอก่อน คุณสามีก็ไม่ว่าอะไร เพราะทั้งหมดทั้งมวลเราเป็นคนตัดสินใจเอง คุยกันว่าบ่อยว่า ถ้าเราอยู่กันแบบไม่มีลูกจะโกรธดาไหม เค้าบอกว่า ก็อยู่กันอย่างนี้แหละ แหม จะ 8 ปีแล้วเพิ่งมาคิดได้ 555 คนอื่นที่ไม่มีเค้าก็อยู่กันได้ ถ้าคิดว่ามีลูกแล้วจะไม่เลิกกัน คิดผิด เพราะถึงมีลูกก็เลิกกันได้ ไม่มีก็เลิกได้ อย่าเอาลูกมาเป็นตัวประกัน ให้กำลังใจดีมาก 555 และก่อนหน้านี้ที่เล่าปัญาหาให้แม่ฟัง แม่ก็บอกว่าลองไปคัดมดลูกดู เพื่อว่าจะติด (คนโบราณเค้าบอกมา) ก็เลยไปทำการคัดทีเดียวตั้งแต่ปีก่อน ยายที่คัดมดลูกให้รู้จักกับแม่ นับถือกัน อายุเกือบจะ 70 แล้ว แรงดีไม่มีตก ชอบพูด ชอบคุย อารมณ์ดี ใช้บริการไป 1 ชั่วโมง จ่าย 100 (อะไรจะถูกปานนั้น) จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่สะดวกเลย แกคงนึกว่าเรามีลูกไปแล้วมั้ง (ลืมบอกไปว่า บ้านแม่อยู่สุราษฎร์ ส่วนดาและแฟนทำงานอยู่กทม บางทีกลับไปเยี่ยมแม่ เยี่ยมยาย ตอนใกล้มี ปจด. หรือยุ่งมาก ก็เลยอดไปอีก)
พอดีจังหวะว่าพี่สะใภ้เค้าอยากมีลูกคนที่ 2 ลูกคนแรกอายุ 7 ขวบแล้ว ก็เลยมาแนะนำว่า ถ้ากินยากระตุ้นไข่ตกแล้วไม่สำเร็จไม่ลองทำ IUI ฉีดสีดูล่ะ เพราะเค้าก็กำลังทำอยู่เหมือนกัน ก็เลยขอข้อมูลคร่าวๆ และมาสืบค้น ในเน็ต (รู้ทุกเรื่องจริงๆ ในเน็ตนี่) ก็เลยทำให้ทราบว่า การทำ IUI เป็นทางเลือกหนึ่งของคนที่อยากมีลูก ตอนที่จะข้ามไปทำกิ๊ฟฟ์ ซึ่งค่าใช้จ่ายตรงนี้ถูกกว่ามาก ก็เลยคิดว่าขอเปลี่ยน หมอ เปลี่ยนโรงพยาบาลเลยดีกว่า ไกลบ้านมาก แต่ก็อย่างว่าแหละ เลือกเอง ตัดสินใจเองก็เลยโทรไปนัดแผนกมีบุตรยาก (คลีนิคนอกเวลา) ขอคิวนัดได้วันเสาร์ 31 พ.ค.57 บ่าย 2 เอาล่ะ พร้อมสู้และพยายามกันอีกสักครั้ง กำลังทรัพย์พร้อมอาจจะไม่มากแต่ก็ดีกว่าทำกิฟฟ์ แต่กำลังใจมาเต็ม ถ้าไม่ติดรอบนี้ก็จะพยายาม ทำไปจนถึงอายุ 40 เลยแหละ 555 ได้เรื่องอะไรแล้วจะมาเล่าสู่กันฟังนะค่ะ อ้อลืมบอกไป เดี๋ยวนี้สามารถสมัครขอทำบัตรผู้ป่วยทางเน็ตได้แล้วนะค่ะ ทางเจ้าหน้าที่บอกว่า ถ้าได้วันนัดแล้ว วันที่ไปพบหมอก้อให้ มาขอทำบัตรได้เลย เพราะมีข้อมูลที่เราพิมพ์เข้าไปในเน็ต และได้รับรหัสผู้ป่วยมาแล้ว รับบัตรและเสียค่าทำบัตร รอบหน้าไม่รู้จะเป็นไงเหมือนกัน ยังไงก็ขอกำลังใจด้วยนะค่ะ สู้โว้ย....