ทำไมถึงยกเลิกบรรดาศักดิ์ค่ะเช่น ขุน หลวง พระ พระยา เจ้าพระยา

กระทู้คำถาม
ทำไมถึงยกเลิกบรรดาศักดิ์ค่ะเช่น ขุน หลวง พระ พระยา เจ้าพระยา  ใครเป็นคนสั่งยกเลิกเเล้วทำไมถึงยกเลิก ค่ะ
  อยากรู้ความเป็นมาเเละเหตุผลคะ  เเละถ้าปัจจุบันยังไม่ยกเลิกจะเป็นยังไงค่ะ  ขอบคุณล่วงหน้าคะ
ผู้รอบรู้  ยิ้ม
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
ตาของพ่อผมก็เป็นขุน ท่านขุนปิยะ สมัยนั้นคงใหญ่น่าดูเป็นขุนอยู่ลพบุรี
เสียดายบรรดาศักดิ์แบบนี้นะครับ น่าจะนำกลับมาใช้ใหม่
พระยาชัชชาติตะวันหลบ     ขุนชุวิทย์นารีสะเทือน   พระยาบรรหารสะท้านโลกันต์   ประมาณนี้...ส่วนผู้หญิงน่าจะมียศบ้างนะครับ  ขุนท้าวพรทิพย์ชำนาญอสุภะ   แวดวงนักร้องก็ ขุนยืนยงนิยมเมรัย(แอ๊ดคาราบาว) จหมื่นธงไชยถนัดลีลา(ป้าเบิร์ด)
ความคิดเห็นที่ 2
ไม่ได้ยกเลิกนะครับ    แต่ไม่มีการตั้งใหม่    ตอนนี้คนที่เหลืออยู่น่าจะเสียชีวิตไปหมดแล้วมั้ง    ถ้านับว่าคนสุดท้ายตั้งในปี 2475 ซึ่งตอนนั้นต้องอายุ 20 ปีขึ้น     ก็เท่ากับว่าต้องเกิดปี 2455     ตอนนี้ถ้ายังเหลืออยู่อย่างน้อยๆอายุต้องเกินร้อยแล้ว

แต่ในอดีตเคยมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ยกเลิกบรรดาศักดิ์ไป    นั่นคือสมัยจอมพลแปลกยุคแรก     จอมพลแปลกพยายามเข็นกฎหมายบรรดาศักดิ์แบบใหม่ของตนออกมา     แต่สภาไม่เอาด้วย    จอมพลแปลกเลยพาลตีรวนให้ยกเลิกบรรดาศักดิ์ของเก่าไปให้หมดเลย     สมัยนั้นบรรดาคนที่มีบรรดาศักดิ์ก็ต้องเลิกใช้ตำแหน่ง ขุนหลวงพระยา     ส่วนชื่อก็ใช้ชื่อเดิม    ราชทินนามส่วนใหญ่จะเปลี่ยนไปเป็นนามสกุลแทน        จนกระทั่งจอมพลแปลกตกกระป๋องไปและจบสงครามโลก    บรรดาศักดิ์ก็กลับมาใช้ได้เหมือนเดิม     แต่ก็ยังไม่มีการตั้งใหม่



ความเห็นส่วนตัวว่าน่าจะมีการอนุรักษ์การพระราชทานบรรดาศักดิ์เอาไว้     โดยให้มีการพระราชทานปีละครั้งแบบเดียวกับที่แต่งตั้งคุณหญิง ท่านผู้หญิง     แต่บรรดาศักดิ์ที่ตั้งไปเป็นแนวๆเกียรติยศเฉยๆ    ไม่มีอำนาจอะไร
ความคิดเห็นที่ 10
สำหรับผมที่มีคุณย่าเป็นลูกท่านจมื่น (จะ-หมื่น : แต่ไม่รู้ว่าระดับสูงแค่ไหนนะครับ)
ในใจลึกๆ ผมกลับเห็นด้วยที่จะไม่มีบรรดาศักดิ์แบบนี้อีกต่อไป

หากใครที่ดูหนังไทยหลังข่าว (หนังน้ำเน่าที่เรารู้กัน)
แล้วเห็นผู้ดีบางคนที่เหยียดพ่อค้าแม่ขายหรือพวกเศรษฐีใหม่
ทั้งที่ตัวเองมีเพียงยศฐาบรรดาศักดิ์แต่ไร้ซึ่งทุนทรัพย์ นั่นคือความจริง

เมื่อตอนเด็กผมไม่รู้ตัว และไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นแบบนั้น
พอโตขึ้น ได้เข้ามาอยู่ในสังคมที่หลากหลายและมีโอกาสได้ห่างไกลครอบครัวจากการไปเรียนต่างจังหวัด
ทำให้รู้ว่าสังคมที่ไม่น่าพูดคุยด้วยกลับไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นต้นตระกูลของตัวเอง....แปลกดีไหม

ผมไม่ได้ฟันธง 100% ว่าครอบครัวผู้ดีเก่าต้องเป็นแบบนี้ทั้งหมด

แต่จากที่ผมทราบข่าวและอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับลูกหลานผู้ดีเก่าทั้งหลาย ทั้งในเว็บและทางทีวี
เรื่องที่ดีๆ กลับเป็นของคนที่คิดกบฎและหันมาสนใจการค้าขาย มากกว่านั่งภูมิใจว่าเมื่อก่อนฉันนั้นสูงส่งกว่าชาวบ้าน
เพราะแนวคิดผู้ดีเก่าจะมองเพียงว่าการค้าขายนั้นมันไร้ศักดิ์ศรี
จะให้ไปง้อชาวบ้านเพื่อเห็นใจเราได้อย่างไร เราเป็นใคร เราเป็นถึงระดับไหน

เขาไม่รู้เลยว่าสินค้าน่ะมันขายตัวมันเองได้ คนขายมีหน้าที่แค่นำสินค้าไปให้ถึงมือผู้ซื้อ
อีกเรื่องที่เขารังเกียจไม่แพ้กันคือ "การสร้างกำไร" ถือเป็นความไร้มนุษยธรรมเลยทีเดียว
แต่กลับไม่เคยคิดเรื่องต้นทุน ค่าขนส่ง ค่าเดินทาง และแม้แต่ "ค่าแรงตัวเอง"

บางครอบครัวที่มีธุรกิจแต่ยังตัดขาดความเย่อหยิ่งออกไปไม่ได้
จึงมีหลายรายที่ต้องปิดตัวลง เพราะไม่ยอมปรับปรุงแก้ไขธุรกิจตัวเอง
คิดอยู่แต่ว่าของฉันดีที่สุด เลิศที่สุด แต่ถามว่าดียังไง...มักตอบกันไม่ได้ แต่เชื่อเถอะว่าดี
ถ้าไม่เชื่อ เขาก็จะเอาสิ่งที่เขาเคยมีมาข่ม ความหลังที่ไม่มีใครสนใจ แต่เขากลับยึดติดอย่างเหนียวแน่น

ซ้ำร้าย เวลาญาติผู้ใหญ่ผมมาพบปะกัน แทนที่จะพูดคุยเรื่องบวก
กลับกลายเป็นนินทาว่าร้ายชาวบ้านจนผมรู้สึกได้ถึง "พลังด้านลบ" ที่รุนแรง จนผมไม่สามารถอยู่ร่วมวงสนทนาได้
ทั้งใช้คำที่รุนแรง ราวกับด่าทาสในเรือนเบี้ยสมัยก่อน ทั้งพูดในเรื่องเก่าๆ ที่มันผ่านไป 40-50 ปี
แม้คุณย่าผมจะเสียไปแล้ว แต่พฤติกรรมเหล่านั้นยังคงอยู่กับลูกของเขาแทบทุกคน (เมื่อก่อนรัฐมีนโยบายให้มีลูกเยอะๆ)

พูดมากกว่านี้ก็เหมือนประจานบ้านตัวเอง

เอาเป็นว่านี่คือมุมมองของคนที่มีคุณย่าเป็นผู้ดีเก่าแล้วกันครับ ยิ้ม



แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่