ข่าวจากหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ระบุธนาคารแห่งประเทศไทยหรือแบงก์ชาติ เปิดเผยข้อมูลเงินฝากทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2557 มีเงินฝากทั้งระบบ 11.256 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีเงินฝาก 10.202 ล้านล้านบาท
จำแนกรายจังหวัด 5 อันดับแรกที่มีเงินฝากหรือเงินออมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร มีเงินฝาก 6.92 ล้านบาท เรื่องนี้ไม่น่าแปลกใจเพราะกรุงเทพฯ เป็นทั้งเมืองหลวงทางปกครองและเมืองหลวงทางเศรษฐกิจของประเทศ
อันดับถัดมาที่มีเงินออมสูงสุดคือ จ.นนทบุรี 382,027 ล้านบาท, จ.สมุทรปราการ มีเงินฝาก 381,098 ล้านบาท, จ.ชลบุรี มีเงินฝาก 354,676 ล้านบาท, จ.ปทุมธานี มีเงินฝาก 265,168 ล้านบาท และจ.เชียงใหม่ มีเงินฝาก 194,394 ล้านบาท
จังหวัดที่มีเงินฝากหรือเงินออมน้อยที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จ.แม่ฮ่องสอน มีเงินฝาก 4,601 ล้านบาท , จ.บึงกาฬ มีเงินฝาก 4,838 ล้านบาท, จ.อำนาจเจริญ มีเงินฝาก 5,825 ล้านบาท, จ.หนองบัวลำภู มีเงินฝาก 7,477 ล้านบาท และจ.น่าน มีเงินฝาก 8,215 ล้านบาท
ข้อมูลแค่นี้ยังไม่พอ มีการเปรียบเทียบ "เงินฝาก" กับ "เงินกู้" พบว่า กรุงเทพมหานคร มียอดกู้สูงสุด 8.35 ล้านล้านบาท เป็นจังหวัดมีหนี้สูงสุด ทำให้การออมติดลบ 1.43 ล้านล้านบาท
โดยจังหวัดที่มีเงินฝากน้อยกว่าสินเชื่อ สูงสุด 5 อันดับแรกคือ ภูเก็ต มีเงินฝาก 114,449 ล้านบาท เงินกู้ 187,689 ล้านบาท ทำให้การออมติดลบ 73,240 ล้านบาท
รองลงมาคือ จ.ขอนแก่น ยอดเงินออมติดลบ -49,640 ล้านบาท, จ.อุบลราชธานี เงินออมติดลบ -28,378 ล้านบาท, จ.อุดรธานี เงินออมติดลบ -25,926 ล้านบาท
เรากำลังเข้าสู่ประเด็นแล้ว สถิติจังหวัดที่มีเงินฝาก "มากกว่า" เงินกู้ มากสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จ.นนทุบรี มีเงินฝากมากกว่าสินเชื่อหรือเงินกุ้ 2.27 แสนล้านบาท หมายความว่า นนทบุรี เป็นจังหวัดที่ประชาชนมีการออมเงินในรูปแบบเงินฝากมากที่สุดของประเทศ
รองลงมาคือ จ.สมุทรปราการ เงินฝากมากกว่าเงินกุ้ 1.81 แสนล้านบาท, จ.ปทุมธานี เงินฝากมากว่าเงินกู้ 1.14 แสนล้านบาท, จ.ชลบุรี เงินออมมากกว่าเงินกู้ 50,692 ล้านบาท และจ.นครปฐม เงินออมมากกว่าเงินกู้ 44,972 ล้านบาท
แบงก์ชาติเปิดข้อมูลเงินออม ณ เดือนก.พ.57 "คนเมืองนนท์" แชมป์รวยเงินออม แซงคนปากน้ำ-ปทุมฯ-ชลบุรี-เชียงใหม่
จำแนกรายจังหวัด 5 อันดับแรกที่มีเงินฝากหรือเงินออมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร มีเงินฝาก 6.92 ล้านบาท เรื่องนี้ไม่น่าแปลกใจเพราะกรุงเทพฯ เป็นทั้งเมืองหลวงทางปกครองและเมืองหลวงทางเศรษฐกิจของประเทศ
อันดับถัดมาที่มีเงินออมสูงสุดคือ จ.นนทบุรี 382,027 ล้านบาท, จ.สมุทรปราการ มีเงินฝาก 381,098 ล้านบาท, จ.ชลบุรี มีเงินฝาก 354,676 ล้านบาท, จ.ปทุมธานี มีเงินฝาก 265,168 ล้านบาท และจ.เชียงใหม่ มีเงินฝาก 194,394 ล้านบาท
จังหวัดที่มีเงินฝากหรือเงินออมน้อยที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จ.แม่ฮ่องสอน มีเงินฝาก 4,601 ล้านบาท , จ.บึงกาฬ มีเงินฝาก 4,838 ล้านบาท, จ.อำนาจเจริญ มีเงินฝาก 5,825 ล้านบาท, จ.หนองบัวลำภู มีเงินฝาก 7,477 ล้านบาท และจ.น่าน มีเงินฝาก 8,215 ล้านบาท
ข้อมูลแค่นี้ยังไม่พอ มีการเปรียบเทียบ "เงินฝาก" กับ "เงินกู้" พบว่า กรุงเทพมหานคร มียอดกู้สูงสุด 8.35 ล้านล้านบาท เป็นจังหวัดมีหนี้สูงสุด ทำให้การออมติดลบ 1.43 ล้านล้านบาท
โดยจังหวัดที่มีเงินฝากน้อยกว่าสินเชื่อ สูงสุด 5 อันดับแรกคือ ภูเก็ต มีเงินฝาก 114,449 ล้านบาท เงินกู้ 187,689 ล้านบาท ทำให้การออมติดลบ 73,240 ล้านบาท
รองลงมาคือ จ.ขอนแก่น ยอดเงินออมติดลบ -49,640 ล้านบาท, จ.อุบลราชธานี เงินออมติดลบ -28,378 ล้านบาท, จ.อุดรธานี เงินออมติดลบ -25,926 ล้านบาท
เรากำลังเข้าสู่ประเด็นแล้ว สถิติจังหวัดที่มีเงินฝาก "มากกว่า" เงินกู้ มากสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จ.นนทุบรี มีเงินฝากมากกว่าสินเชื่อหรือเงินกุ้ 2.27 แสนล้านบาท หมายความว่า นนทบุรี เป็นจังหวัดที่ประชาชนมีการออมเงินในรูปแบบเงินฝากมากที่สุดของประเทศ
รองลงมาคือ จ.สมุทรปราการ เงินฝากมากกว่าเงินกุ้ 1.81 แสนล้านบาท, จ.ปทุมธานี เงินฝากมากว่าเงินกู้ 1.14 แสนล้านบาท, จ.ชลบุรี เงินออมมากกว่าเงินกู้ 50,692 ล้านบาท และจ.นครปฐม เงินออมมากกว่าเงินกู้ 44,972 ล้านบาท