บนเวที ขิง กับไผทกำลังอ่านบท โรมิโอ-จูเลียต ด้วยกัน ทั้งคู่อยู่ในชุดนักศึกษา ไผทเล่นละครไม่เป็นโดยสิ้นเชิง อ่านบทแข็งๆ แถมตะกุกตะกัก
“นางพูด โอ! พูดอีกสิ เทพธิดาผู้เจิดจ้า ข้าเฝ้ามองท่านจากเบื้องล่างดั่งเฝ้ามองฑูตสวรรค์อันลอยอยู่เหนือเมฆาสุกสกาว”
แนวหน้าเดินเข้ามา พร้อมสต๊าฟ 3 นาง
ขิงอ่านบทอารมณ์ล้นๆ เกินๆ “โอ! โรมิโอ โรมิโอ ไฉนนามของท่านต้องเป็นโรมิโอ บอกข้าสิว่ามอนตากิว ไม่ใช่บิดาของท่าน และนั่นไม่ใช่สกุลของท่าน หรือ หากท่านเพียงสัญญาว่าจะเป็นยอดรักแห่งข้า ข้าก็จักไม่เป็นคาปูเลตอีกต่อไป”
แนวหน้ายืนดู มองขิงด้วยแววตาอ่อนโยน รักใคร่ ชื่นชม ส่วนสาวๆ ด้านหลังเอามืออุดปาก กรี๊ดไผทกัน
ไผทอ่านบทแข็งๆ ต่อ “ข้าควรเอื้อนเอ่ยอันใดหรือไม่ หรือ ควรจะรอไปก่อน”
ขิงพูดกับตัวเอง “ชื่อของท่านเท่านั้นที่เป็นศัตรูของข้า ถ้าท่านมีชื่ออื่น ท่านจะยังคงเป็นคนเดียวกัน ดอกกุหลาบยังคงส่งกลิ่นหอมหวาน ถึงแม้ว่ามันจะถูกเรียกในนามอื่น โรมิโอยังคงดีเลิศ แม้ว่าเขาไม่ได้ถูกเรียกว่า โรมิโอ ทิ้งชื่อท่านไปเสียโรมิโอ มันไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของท่าน เพียงแต่สิ่งสมมุติ”
แนวหน้าตบมือขึ้น ดังๆ
คนที่อยู่บนเวที ต่างหันมามอง
“พี่แนว” ขิงบอกกับไผท “พี่แนวหน้าเป็นประธานชมรมการละครของมหาลัยเราจ้ะ”
ไผทยิ้มกว้าง ไหว้แนวหน้า “พี่แนวหน้า สวัสดีครับพี่”
ขิงตื่นเต้นขณะแนะนำ “นี่ไผท วิศวะปี 2 ค่ะพี่แนว เค้าอยากมาลองออดิชั่นบทโรมิโอดู”
ไผทยิ้มกว้างซื่อๆ แต่ดูมั่นใจอย่างออกนอกหน้า ขิงและทุกๆ คนดูตื่นเต้น เอ็นดู และชื่นชม
แนวหน้ามองไผทอย่างพิจารณา สะดุดตาในความหล่อของไผท และท่าทีชื่นชมของคนรอบข้าง
ต่อมาแนวหน้า ขิงและไผท ยืนคุยกันอยู่ในห้องประชุมชมรม
“พี่อยากรู้ว่าน้องมีเวลาแล้วก็ความตั้งใจพอที่จะแสดงละครเวที อย่างจริงจังหรือเปล่า”
“คือ..ผมก็สนใจนะครับ แต่..ยังไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ เพราะช่วงนี้เรียนหนักมาก”
พวกสต๊าฟตามมาฟังห่างๆ ลุ้นสุดขีด
แนวหน้าพูดมาดติสท์สุดขั้ว “ถ้าอยากจะเล่นละครเวที..ก็ต้องทุ่มเทกับมัน ต้องรักมันจริงๆ เพราะมันเป็นงานที่หนักมาก...ต้องให้เวลากับมันเยอะๆ ถ้ายังไม่แน่ใจแบบนี้..พี่คิดว่า...”
ขิงร้อนใจจับมือไผทเขย่าๆ “ไผท..ไหนคุณบอกขิงว่า..อยากเล่นละครเวที เพราะมันจะช่วยพัฒนาบุคลิกภาพ และจะเป็นประสบการณ์ที่ดีไงล่ะ”
แนวหน้าอึ้งมองมือขิงที่จับแขนไผทแน่นอยู่
“ผมกลัวว่าจะเป็นตัวถ่วงของส่วนรวมนะซิ..เพราะการแอ็คติ้งมันท่าทางจะยาก ผมไม่ค่อยถนัด” ไผทว่า
“ไม่จริงหรอก ไผทเล่นได้ ขิงเชื่อ”
แนวหน้ามองเหล่มือขิง ที่จับมือไผทไม่ยอมปล่อย “เพราะละครเวทีมันเป็นศิลปะการแสดงขั้นสูงสุดก็ต้องยากอยู่แล้ว แต่ถ้าน้องจะเอาจริง...พี่ก็จะสอนพื้นฐานให้ แต่น้องต้องให้เวลาพี่มากหน่อย เพราะคงต้องเข้าเวิร์คช้อปฝึกแอ็คติ้งตั้งแต่เริ่ม”
“ไผทสู้ๆ นะ ขิงขอร้องล่ะ”
ขิงมองหน้าไผทอ้อนวอน แนวหน้ากระแอมเบาๆ
“แต่ถ้าไม่มีเวลาจริงๆ ก็ช่วยไม่ได้นะ เราคง...”
ไผทยิ้มให้ขิง สวนขึ้น ไม่ได้ฟังแนวหน้าเลย “ก็ได้ ผมจะลองดู”
แนวหน้าชะงัก ขิงยิ้มดีใจ สบตาไผทเหมือนแค่มีกันและกัน
สต๊าฟด้านหลังกรี๊ดกันราวกับโดนน้ำร้อนสาด แนวหน้าเริ่มอึดอัด
วันต่อมา ทุกคนอยู่ในห้องเรียนแอ็คติ้ง ของชมรมการแสดง ไผท ขิง สต๊าฟ อยู่ในชุดเสื้อยืด กางเกงวอร์ม ทำเอ็กเซอร์ไซส์กันโดยมีแนวหน้านำ และมีสต๊าฟบางคน กับนักศึกษาจำนวนหนึ่ง นั่งดูราวกับดูคอนเสิร์ต ทุกสายตาจ้องมองไผทกันเขม็ง
“ต่อไปเราจะให้แสดงอารมณ์ต่างๆโดยใช้ประโยคเดียวกัน” แนวหน้าสั่งให้แต่ละคนทำอารมณ์ “ช่างสวยงามเหลือเกิน”
สต๊าฟ 1 จินตนาการว่าเห็นภาพนั้น “ดูนกตัวนั้นสิ”
สต๊าฟ 2 ทำหน้าเหมือนเห็นอะไรที่สุดสวย “ดูนกตัวนั้นสิ”
ขิงทำหน้าสมกับความสวยของนกที่เห็น “ดูนกตัวนั้นสิ”
ไผทงง แต่พยายามแสดง ชี้มือไปข้างหน้า “ดูนกตัวนั้นสิ!”
ทันใดนั้นเอง ทุกคนรวมทั้งขิง หัวเราะ คึกคัก เพราะขำและเอ็นดูไผทสุดๆ ไผทออกอาการตื่นๆ แต่พยายามตั้งสมาธิ
แนวหน้าขมวดคิ้ว “อ่ะ..ความรู้สึกต่อไป..มันน่ากลัวมาก”
สต๊าฟ 1 เล่น โดยทำท่าสยองเหมือนเห็นก๊อดซิลล่า “ดูนกตัวนั้นสิ”
สต๊าฟ 2 ประมาณว่าพยายามหลบแอบ เสียงเบา กลัวมันได้ยิน “ดูนกตัวนั้นสิ”
ขิงถดตัวถอย ชี้ไป กลัวมันมากัด “ดูนกตัวนั้นสิ!”
ส่วนไผทเลิกคิ้วสูง ส่งเสียงดังตื่นเต้น เหมือนเดิมกับตะกี้ “ดูนกตัวนั้นสิ!!”
ทุกคนหัวเราะ ชอบใจ ไผทมองรอบตัว งงๆ
แนวหน้าดุ “ขำอะไร เดี๋ยวนักแสดงก็เสียสมาธิหมด ช่วยเงียบกันด้วยนะครับ หรือไม่ก็ออกไปข้างนอกเลย”
ทุกคนกลัว เงียบกริบ
แนวหน้าสั่งต่อ “น่าสงสารมากๆ”
สต๊าฟ 1 หน้าสลด ส่ายหัวนิดๆ มองไป “ดูนกตัวนั้นสิ”
สต๊าฟ 2 จะร้องไห้อยู่แล้ว “ดูนกตัวนั้นสิ”
ขิงคุกเข่าลง เหมือนจะเก็บศพ “ดูนกตัวนั้นสิ”
ไผทมองทุกคนงงๆ แล้วนั่งลง อ้าแขน ยิ่งใหญ่มาก เลิกคิ้วสูง ส่งเสียงดังตื่นเต้น คล้ายๆเดิม “ดูนกตัวนั้นสิ”
ทุกคนคิกๆๆ ชอบมาก แล้วในที่สุดทนไม่ไหว หัวเราะกันก๊าก
แต่ละคนเม้าท์มอย อารมณ์ประมาณ “น่ารักอ้ะ”
ไผทงงๆ ตกใจ ไม่มั่นใจ ขิงหัวเราะคิกๆๆ มองไผทอย่างเอ็นดูสุดๆ
แนวหน้ามองทุกคน หน้าหงิก
รถแล่นมาตามทาง แนวหน้าดึงตัวเองกลับมา สีหน้าแววตาเคืองขุ่นสุดๆ
“เล่นแข็งเป็นสากกะเบือแบบนี้เนี้ยนะ จะมาเล่นละครเวที”
นายหัวเราะหึๆ “อะไรกัน มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“เลวร้ายสุดๆ เลยล่ะ แล้วพอผมไม่ยอมให้เค้าเล่น ทุกคนก็มาโกรธผม หาว่าผมแกล้งมันเพราะอคติ ไม่ชอบหน้า ในที่สุดละครเรื่องนั้นก็ต้องล่มไป”
“แต่ชั้นเชื่อนะ เพราะเธอไม่เคยชอบคนหล่อเลยไม่ใช่เหรอ” จีจี้เย้า
“ไม่จริงหรอกเจ๊ ผมยังชอบตัวเองกับพี่นายเลย เนอะ” แนวหน้าพยักพเยิดกับพี่ชาย นายหัวเราะชอบใจ
เสียงดังปัง แล้วตามด้วยเสียงโครม รถกระแทกอย่างแรง แล้วเครื่องยนต์ดับลงไป ทุกคนตกใจ
“เกิดอะไรขึ้นครับ” นายร้องถาม
ทหารไม่ตอบ วิ่งลงรถไป นายลูบหัวให้จีจี้ที่กระแทกกระจก
ทหารเปิดประตูรถ ทำหน้าเฉยๆ ราวกับเป็นเรื่องปกติ
“รถเป็นอะไรค่ะ คุณทหาร”
“เครื่องหลุดครับ”
สามคนอุทาน “หา...เครื่องหลุด”
ทหารชูชิ้นส่วนของเครื่องที่หลุดออกมาให้ดู
“แล้วจะทำยังไงครับ ซ่อมได้รึเปล่า” แนวหน้าถาม
“ไม่ได้ครับ”
สามคนร้อง “อ้าว”
“พวกคุณรอผมอยู่ตรงนี้ก่อน” ทหารทำท่าจะไปทางหนึ่ง
สามคนเรียกไว้ “เดี๋ยว”
ทหารชะงักหันมา
“อย่าห่วงเลยครับ ไม่ว่ายังไง ผมก็ต้องพาพวกคุณไปเข้าเฝ้าท่านประธานธูลได้แน่นอน..สัญญาด้วยชีวิต”
ทหารจากไป ทุกคนงุนงง
“นี่มันอะไรกันน่ะ”
จีจี้เปิดประตูรถเดินลงมา คนอื่นๆเดินลงมาด้วย
รอบตัวมีแต่ป่าเขา ไม่เห็นบ้านช่องเลย แนวหน้าเอากล้องออกมาถ่ายรูป จีจี้เอาโทรศัพท์มาโบกๆ หาสัญญาณ
“โอ้ย..อะไรกันเนี่ย กลางป่ากลางเขาสัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่มี จีจี้จะติดต่อลูกค้าอะไรก็ไม่ได้ จีจี้ต้องตายแน่ๆ”
“อยู่นิ่งๆ กันสักพักก็ดีเหมือนกันนะ รังสีโทรศัพท์จะได้ไม่เข้าสมองบ้าง” นายเหน็บ
จีจี้ตวาด “ยังจะมาพูดดีอีก ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นแฟนคุณ ชั้นก็คงจะไม่ต้องมาลำบากลำบนแบบนี้”
แนวหน้ามองนายอย่างสงสาร แต่นายดูไม่ค่อยสนใจคำพูดนั้นนัก
“ทำไมพูดอย่างนี้ล่ะเจ๊”
จีจี้ระเบิดระบายต่อ “ชั้นควรจะเชื่อนังฟิน ทำงานละคร ป่านนี้ชีวิตก็คงจะดีกว่านี้แน่ๆ รู้อะไรมั้ยแนว...ตอนนี้นายไผทเป็นซุปตาร์ที่ดังที่สุด หล่อที่สุด น่ารักที่สุด ยัยฟินเพื่อนชั้นน่ะ รวยเละเลยกับอาชีพโมเดลลิ่ง แค่จับได้นายไผทคนเดียว รับงานๆ ละ เป็นสิบล้าน เชื่อปะล่ะ เวลานี้มันเปลี่ยนฐานะไปละ ชั้นชักลังเลแล้วนะ นาย...ว่าชั้นควรจะไปทำงานเป็นผู้จัดการดารา อาจจะดีกว่ามาทำบริษัทรับทำหนังสารคดี นอนกลางดิน กินกลางทราย แล้วต้องเข้ามาในประเทศอะไรก็ไม่รู้ ที่ไม่มี 2 จี 3 จี อะไรทั้งนั้นกับพี่ชายซื่อบื้อของนายแบบนี้”
แนวหน้านั่งถอนใจ แทบไม่อยากเชื่อหูกับคำบ่นนั้น
ในเวลาเดียวกัน ที่กองถ่ายละครเรื่องหนึ่ง
เพื่อนสาวผู้จัดการดาราชื่อกระฉ่อน ผู้ซึ่งจีจี้พูดชื่นชมนาม ฟิน หล่อนเป็นกะเทยร่างเล็ก หน้าคล้ายแป๊ะยิ้ม แต่เสียงแปร๋นแปร๋ ยืนยิ้มเรี่ยราดอยู่หน้ารถมอเตอร์โฮมของพระเอกซุปตาร์ ไผท ไพศาลี มีผู้ช่วยผู้กำกับยืนรอ
ฟินเสียงอ่อนเสียงหวาน เอาใจสุดชีวิต ดูออกว่า

เก่ง “อย่าห่วงเลยฮ่ะคุณผู้ช่วย ไปบอกคุณผู้กำกับเลยว่า ขอเวลาอีกแป็ปเดียว พอดีเมื่อคืนไผทเค้าถ่ายหนังจนดึกมากกก...ไม่ได้นอนเลย ขอเวลาชั่วโมงเดียว พอให้หน้าหายโทรม แล้วจะออกมาถ่ายละครต่อจริงๆ ค่ะ”
“ชั่วโมงเดียวจริงๆ นะ” ผู้ช่วยถาม
“จริงสิฮะ ฟินเคยโกหกเหรอ...นะคะ คราวนี้ถือว่าฟินขอ...หายโทรมปุ๊บ ลงไปถ่ายปั๊ป ไม่ต้องห่วงฮ่ะ”
“ก็ได้...ให้ชั่วโมงเดียวเท่านั้นนะ”
ผู้ช่วยพึมพำเซ็งๆ แล้วเดินออกไป
ฟินถอนใจโล่งอก มองรอบตัว เห็นไม่มีใครแล้วจึงหยิบโทรศัพท์มากดโทร.ออก
ขณะเดียวกันนั้น ณ งานอีเว้นท์ ภายในห้างสรรพสินค้าใหญ่กลางกรุง พิธีกรบิ้วท์อารมณ์คนดูในงาน
“ขอเสียงกรี๊ดต้อนรับ คุณไผทด้วยครับ”
เหล่าแฟนคลับต่างส่งเสียงกรี๊ดกร๊าด ดังลั่นห้าง มองไปยังปลายทางพรมแดง ไผท ในชุดทักซิโด้หล่อลาก ผมถูกเซตไว้อย่างดี ใส่แว่นดำ เดินยิ้มร่าเข้ามาที่พรมแดง โบกไม้โบกมือ ให้กับแฟนคลับอย่างแจ่มใส เสียงแฟนคลับต่างกรี๊ดกร๊าด จะเป็นจะตายเอาให้ได้
แฟนคลับส่งเสียงอื้ออึ้ง “พี่ไผท...พี่ไผท ไผทหล่อจัง”
ไผทเดินเข้ามาตรงกลางพรมแดงถอดแว่นกันแดดสีดำออก แสดงให้เห็นถึงดวงตาที่ใสประกายและหวานหยาดเยิ้ม ส่งยิ้มเต็มปาก แล้วส่งจูบให้กับบรรดาสาวกแฟนคลับ ที่ชูป้ายไฟ ดูแล้วทรงเสน่ห์มากมาย
เรื่องเต็มน่ารัก ตอนที่ 1/2 24 เม.ย. 2557
บนเวที ขิง กับไผทกำลังอ่านบท โรมิโอ-จูเลียต ด้วยกัน ทั้งคู่อยู่ในชุดนักศึกษา ไผทเล่นละครไม่เป็นโดยสิ้นเชิง อ่านบทแข็งๆ แถมตะกุกตะกัก
“นางพูด โอ! พูดอีกสิ เทพธิดาผู้เจิดจ้า ข้าเฝ้ามองท่านจากเบื้องล่างดั่งเฝ้ามองฑูตสวรรค์อันลอยอยู่เหนือเมฆาสุกสกาว”
แนวหน้าเดินเข้ามา พร้อมสต๊าฟ 3 นาง
ขิงอ่านบทอารมณ์ล้นๆ เกินๆ “โอ! โรมิโอ โรมิโอ ไฉนนามของท่านต้องเป็นโรมิโอ บอกข้าสิว่ามอนตากิว ไม่ใช่บิดาของท่าน และนั่นไม่ใช่สกุลของท่าน หรือ หากท่านเพียงสัญญาว่าจะเป็นยอดรักแห่งข้า ข้าก็จักไม่เป็นคาปูเลตอีกต่อไป”
แนวหน้ายืนดู มองขิงด้วยแววตาอ่อนโยน รักใคร่ ชื่นชม ส่วนสาวๆ ด้านหลังเอามืออุดปาก กรี๊ดไผทกัน
ไผทอ่านบทแข็งๆ ต่อ “ข้าควรเอื้อนเอ่ยอันใดหรือไม่ หรือ ควรจะรอไปก่อน”
ขิงพูดกับตัวเอง “ชื่อของท่านเท่านั้นที่เป็นศัตรูของข้า ถ้าท่านมีชื่ออื่น ท่านจะยังคงเป็นคนเดียวกัน ดอกกุหลาบยังคงส่งกลิ่นหอมหวาน ถึงแม้ว่ามันจะถูกเรียกในนามอื่น โรมิโอยังคงดีเลิศ แม้ว่าเขาไม่ได้ถูกเรียกว่า โรมิโอ ทิ้งชื่อท่านไปเสียโรมิโอ มันไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของท่าน เพียงแต่สิ่งสมมุติ”
แนวหน้าตบมือขึ้น ดังๆ
คนที่อยู่บนเวที ต่างหันมามอง
“พี่แนว” ขิงบอกกับไผท “พี่แนวหน้าเป็นประธานชมรมการละครของมหาลัยเราจ้ะ”
ไผทยิ้มกว้าง ไหว้แนวหน้า “พี่แนวหน้า สวัสดีครับพี่”
ขิงตื่นเต้นขณะแนะนำ “นี่ไผท วิศวะปี 2 ค่ะพี่แนว เค้าอยากมาลองออดิชั่นบทโรมิโอดู”
ไผทยิ้มกว้างซื่อๆ แต่ดูมั่นใจอย่างออกนอกหน้า ขิงและทุกๆ คนดูตื่นเต้น เอ็นดู และชื่นชม
แนวหน้ามองไผทอย่างพิจารณา สะดุดตาในความหล่อของไผท และท่าทีชื่นชมของคนรอบข้าง
ต่อมาแนวหน้า ขิงและไผท ยืนคุยกันอยู่ในห้องประชุมชมรม
“พี่อยากรู้ว่าน้องมีเวลาแล้วก็ความตั้งใจพอที่จะแสดงละครเวที อย่างจริงจังหรือเปล่า”
“คือ..ผมก็สนใจนะครับ แต่..ยังไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ เพราะช่วงนี้เรียนหนักมาก”
พวกสต๊าฟตามมาฟังห่างๆ ลุ้นสุดขีด
แนวหน้าพูดมาดติสท์สุดขั้ว “ถ้าอยากจะเล่นละครเวที..ก็ต้องทุ่มเทกับมัน ต้องรักมันจริงๆ เพราะมันเป็นงานที่หนักมาก...ต้องให้เวลากับมันเยอะๆ ถ้ายังไม่แน่ใจแบบนี้..พี่คิดว่า...”
ขิงร้อนใจจับมือไผทเขย่าๆ “ไผท..ไหนคุณบอกขิงว่า..อยากเล่นละครเวที เพราะมันจะช่วยพัฒนาบุคลิกภาพ และจะเป็นประสบการณ์ที่ดีไงล่ะ”
แนวหน้าอึ้งมองมือขิงที่จับแขนไผทแน่นอยู่
“ผมกลัวว่าจะเป็นตัวถ่วงของส่วนรวมนะซิ..เพราะการแอ็คติ้งมันท่าทางจะยาก ผมไม่ค่อยถนัด” ไผทว่า
“ไม่จริงหรอก ไผทเล่นได้ ขิงเชื่อ”
แนวหน้ามองเหล่มือขิง ที่จับมือไผทไม่ยอมปล่อย “เพราะละครเวทีมันเป็นศิลปะการแสดงขั้นสูงสุดก็ต้องยากอยู่แล้ว แต่ถ้าน้องจะเอาจริง...พี่ก็จะสอนพื้นฐานให้ แต่น้องต้องให้เวลาพี่มากหน่อย เพราะคงต้องเข้าเวิร์คช้อปฝึกแอ็คติ้งตั้งแต่เริ่ม”
“ไผทสู้ๆ นะ ขิงขอร้องล่ะ”
ขิงมองหน้าไผทอ้อนวอน แนวหน้ากระแอมเบาๆ
“แต่ถ้าไม่มีเวลาจริงๆ ก็ช่วยไม่ได้นะ เราคง...”
ไผทยิ้มให้ขิง สวนขึ้น ไม่ได้ฟังแนวหน้าเลย “ก็ได้ ผมจะลองดู”
แนวหน้าชะงัก ขิงยิ้มดีใจ สบตาไผทเหมือนแค่มีกันและกัน
สต๊าฟด้านหลังกรี๊ดกันราวกับโดนน้ำร้อนสาด แนวหน้าเริ่มอึดอัด
วันต่อมา ทุกคนอยู่ในห้องเรียนแอ็คติ้ง ของชมรมการแสดง ไผท ขิง สต๊าฟ อยู่ในชุดเสื้อยืด กางเกงวอร์ม ทำเอ็กเซอร์ไซส์กันโดยมีแนวหน้านำ และมีสต๊าฟบางคน กับนักศึกษาจำนวนหนึ่ง นั่งดูราวกับดูคอนเสิร์ต ทุกสายตาจ้องมองไผทกันเขม็ง
“ต่อไปเราจะให้แสดงอารมณ์ต่างๆโดยใช้ประโยคเดียวกัน” แนวหน้าสั่งให้แต่ละคนทำอารมณ์ “ช่างสวยงามเหลือเกิน”
สต๊าฟ 1 จินตนาการว่าเห็นภาพนั้น “ดูนกตัวนั้นสิ”
สต๊าฟ 2 ทำหน้าเหมือนเห็นอะไรที่สุดสวย “ดูนกตัวนั้นสิ”
ขิงทำหน้าสมกับความสวยของนกที่เห็น “ดูนกตัวนั้นสิ”
ไผทงง แต่พยายามแสดง ชี้มือไปข้างหน้า “ดูนกตัวนั้นสิ!”
ทันใดนั้นเอง ทุกคนรวมทั้งขิง หัวเราะ คึกคัก เพราะขำและเอ็นดูไผทสุดๆ ไผทออกอาการตื่นๆ แต่พยายามตั้งสมาธิ
แนวหน้าขมวดคิ้ว “อ่ะ..ความรู้สึกต่อไป..มันน่ากลัวมาก”
สต๊าฟ 1 เล่น โดยทำท่าสยองเหมือนเห็นก๊อดซิลล่า “ดูนกตัวนั้นสิ”
สต๊าฟ 2 ประมาณว่าพยายามหลบแอบ เสียงเบา กลัวมันได้ยิน “ดูนกตัวนั้นสิ”
ขิงถดตัวถอย ชี้ไป กลัวมันมากัด “ดูนกตัวนั้นสิ!”
ส่วนไผทเลิกคิ้วสูง ส่งเสียงดังตื่นเต้น เหมือนเดิมกับตะกี้ “ดูนกตัวนั้นสิ!!”
ทุกคนหัวเราะ ชอบใจ ไผทมองรอบตัว งงๆ
แนวหน้าดุ “ขำอะไร เดี๋ยวนักแสดงก็เสียสมาธิหมด ช่วยเงียบกันด้วยนะครับ หรือไม่ก็ออกไปข้างนอกเลย”
ทุกคนกลัว เงียบกริบ
แนวหน้าสั่งต่อ “น่าสงสารมากๆ”
สต๊าฟ 1 หน้าสลด ส่ายหัวนิดๆ มองไป “ดูนกตัวนั้นสิ”
สต๊าฟ 2 จะร้องไห้อยู่แล้ว “ดูนกตัวนั้นสิ”
ขิงคุกเข่าลง เหมือนจะเก็บศพ “ดูนกตัวนั้นสิ”
ไผทมองทุกคนงงๆ แล้วนั่งลง อ้าแขน ยิ่งใหญ่มาก เลิกคิ้วสูง ส่งเสียงดังตื่นเต้น คล้ายๆเดิม “ดูนกตัวนั้นสิ”
ทุกคนคิกๆๆ ชอบมาก แล้วในที่สุดทนไม่ไหว หัวเราะกันก๊าก
แต่ละคนเม้าท์มอย อารมณ์ประมาณ “น่ารักอ้ะ”
ไผทงงๆ ตกใจ ไม่มั่นใจ ขิงหัวเราะคิกๆๆ มองไผทอย่างเอ็นดูสุดๆ
แนวหน้ามองทุกคน หน้าหงิก
รถแล่นมาตามทาง แนวหน้าดึงตัวเองกลับมา สีหน้าแววตาเคืองขุ่นสุดๆ
“เล่นแข็งเป็นสากกะเบือแบบนี้เนี้ยนะ จะมาเล่นละครเวที”
นายหัวเราะหึๆ “อะไรกัน มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“เลวร้ายสุดๆ เลยล่ะ แล้วพอผมไม่ยอมให้เค้าเล่น ทุกคนก็มาโกรธผม หาว่าผมแกล้งมันเพราะอคติ ไม่ชอบหน้า ในที่สุดละครเรื่องนั้นก็ต้องล่มไป”
“แต่ชั้นเชื่อนะ เพราะเธอไม่เคยชอบคนหล่อเลยไม่ใช่เหรอ” จีจี้เย้า
“ไม่จริงหรอกเจ๊ ผมยังชอบตัวเองกับพี่นายเลย เนอะ” แนวหน้าพยักพเยิดกับพี่ชาย นายหัวเราะชอบใจ
เสียงดังปัง แล้วตามด้วยเสียงโครม รถกระแทกอย่างแรง แล้วเครื่องยนต์ดับลงไป ทุกคนตกใจ
“เกิดอะไรขึ้นครับ” นายร้องถาม
ทหารไม่ตอบ วิ่งลงรถไป นายลูบหัวให้จีจี้ที่กระแทกกระจก
ทหารเปิดประตูรถ ทำหน้าเฉยๆ ราวกับเป็นเรื่องปกติ
“รถเป็นอะไรค่ะ คุณทหาร”
“เครื่องหลุดครับ”
สามคนอุทาน “หา...เครื่องหลุด”
ทหารชูชิ้นส่วนของเครื่องที่หลุดออกมาให้ดู
“แล้วจะทำยังไงครับ ซ่อมได้รึเปล่า” แนวหน้าถาม
“ไม่ได้ครับ”
สามคนร้อง “อ้าว”
“พวกคุณรอผมอยู่ตรงนี้ก่อน” ทหารทำท่าจะไปทางหนึ่ง
สามคนเรียกไว้ “เดี๋ยว”
ทหารชะงักหันมา
“อย่าห่วงเลยครับ ไม่ว่ายังไง ผมก็ต้องพาพวกคุณไปเข้าเฝ้าท่านประธานธูลได้แน่นอน..สัญญาด้วยชีวิต”
ทหารจากไป ทุกคนงุนงง
“นี่มันอะไรกันน่ะ”
จีจี้เปิดประตูรถเดินลงมา คนอื่นๆเดินลงมาด้วย
รอบตัวมีแต่ป่าเขา ไม่เห็นบ้านช่องเลย แนวหน้าเอากล้องออกมาถ่ายรูป จีจี้เอาโทรศัพท์มาโบกๆ หาสัญญาณ
“โอ้ย..อะไรกันเนี่ย กลางป่ากลางเขาสัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่มี จีจี้จะติดต่อลูกค้าอะไรก็ไม่ได้ จีจี้ต้องตายแน่ๆ”
“อยู่นิ่งๆ กันสักพักก็ดีเหมือนกันนะ รังสีโทรศัพท์จะได้ไม่เข้าสมองบ้าง” นายเหน็บ
จีจี้ตวาด “ยังจะมาพูดดีอีก ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นแฟนคุณ ชั้นก็คงจะไม่ต้องมาลำบากลำบนแบบนี้”
แนวหน้ามองนายอย่างสงสาร แต่นายดูไม่ค่อยสนใจคำพูดนั้นนัก
“ทำไมพูดอย่างนี้ล่ะเจ๊”
จีจี้ระเบิดระบายต่อ “ชั้นควรจะเชื่อนังฟิน ทำงานละคร ป่านนี้ชีวิตก็คงจะดีกว่านี้แน่ๆ รู้อะไรมั้ยแนว...ตอนนี้นายไผทเป็นซุปตาร์ที่ดังที่สุด หล่อที่สุด น่ารักที่สุด ยัยฟินเพื่อนชั้นน่ะ รวยเละเลยกับอาชีพโมเดลลิ่ง แค่จับได้นายไผทคนเดียว รับงานๆ ละ เป็นสิบล้าน เชื่อปะล่ะ เวลานี้มันเปลี่ยนฐานะไปละ ชั้นชักลังเลแล้วนะ นาย...ว่าชั้นควรจะไปทำงานเป็นผู้จัดการดารา อาจจะดีกว่ามาทำบริษัทรับทำหนังสารคดี นอนกลางดิน กินกลางทราย แล้วต้องเข้ามาในประเทศอะไรก็ไม่รู้ ที่ไม่มี 2 จี 3 จี อะไรทั้งนั้นกับพี่ชายซื่อบื้อของนายแบบนี้”
แนวหน้านั่งถอนใจ แทบไม่อยากเชื่อหูกับคำบ่นนั้น
ในเวลาเดียวกัน ที่กองถ่ายละครเรื่องหนึ่ง
เพื่อนสาวผู้จัดการดาราชื่อกระฉ่อน ผู้ซึ่งจีจี้พูดชื่นชมนาม ฟิน หล่อนเป็นกะเทยร่างเล็ก หน้าคล้ายแป๊ะยิ้ม แต่เสียงแปร๋นแปร๋ ยืนยิ้มเรี่ยราดอยู่หน้ารถมอเตอร์โฮมของพระเอกซุปตาร์ ไผท ไพศาลี มีผู้ช่วยผู้กำกับยืนรอ
ฟินเสียงอ่อนเสียงหวาน เอาใจสุดชีวิต ดูออกว่า
“ชั่วโมงเดียวจริงๆ นะ” ผู้ช่วยถาม
“จริงสิฮะ ฟินเคยโกหกเหรอ...นะคะ คราวนี้ถือว่าฟินขอ...หายโทรมปุ๊บ ลงไปถ่ายปั๊ป ไม่ต้องห่วงฮ่ะ”
“ก็ได้...ให้ชั่วโมงเดียวเท่านั้นนะ”
ผู้ช่วยพึมพำเซ็งๆ แล้วเดินออกไป
ฟินถอนใจโล่งอก มองรอบตัว เห็นไม่มีใครแล้วจึงหยิบโทรศัพท์มากดโทร.ออก
ขณะเดียวกันนั้น ณ งานอีเว้นท์ ภายในห้างสรรพสินค้าใหญ่กลางกรุง พิธีกรบิ้วท์อารมณ์คนดูในงาน
“ขอเสียงกรี๊ดต้อนรับ คุณไผทด้วยครับ”
เหล่าแฟนคลับต่างส่งเสียงกรี๊ดกร๊าด ดังลั่นห้าง มองไปยังปลายทางพรมแดง ไผท ในชุดทักซิโด้หล่อลาก ผมถูกเซตไว้อย่างดี ใส่แว่นดำ เดินยิ้มร่าเข้ามาที่พรมแดง โบกไม้โบกมือ ให้กับแฟนคลับอย่างแจ่มใส เสียงแฟนคลับต่างกรี๊ดกร๊าด จะเป็นจะตายเอาให้ได้
แฟนคลับส่งเสียงอื้ออึ้ง “พี่ไผท...พี่ไผท ไผทหล่อจัง”
ไผทเดินเข้ามาตรงกลางพรมแดงถอดแว่นกันแดดสีดำออก แสดงให้เห็นถึงดวงตาที่ใสประกายและหวานหยาดเยิ้ม ส่งยิ้มเต็มปาก แล้วส่งจูบให้กับบรรดาสาวกแฟนคลับ ที่ชูป้ายไฟ ดูแล้วทรงเสน่ห์มากมาย