[แชร์ประสบการณ์] ใน 1 ปี เปลี่ยนพ่อค้าขายสับปะรดไปสู่เจ้าของร้านส้มตำ!!!

วันนี้ผมมานั่งทบทวนย้อนนึกถึงเรื่องราวในอดีต ในหนึ่งปีนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา อะไรมันก็ไม่แน่นอน ทั้งในทางที่ดีขึ้นและย่ำแย่ลง ...

ในหลายๆเรื่องราวของผมมีอยู่เรื่องราวหนึ่งที่คิดคิดดูแล้วแทบไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นแบบนี้ไปได้ ... จากเมื่อปีก่อนผมตกอยู่ในภาระจำยอมต้องจำใจขายสับปะรดตามใจภรรยาในงานประจำปีของอำเภอ ทำไปทำมาก็ขายอีกหลายสิ่งอย่าง จากเงินทุนก้อนเดียวกันผสมเล็กผสมน้อยเพิ่มเติม จนในที่สุดวันนี้มันกลับกลายเป็นร้านขายส้มตำที่มีที่ตั้งเป็นกิจจะลักษณะและทำดำเนินการอย่างจริงจัง ทั้งๆที่ชีวิตนี้ผมไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่าจะทำร้านส้มตำ!!!

ผมได้เขียนเรื่องราวต่างๆไว้จำนวนหนึ่งดังนั้นในบทนี้ผมเลยขอนำบทเก่าๆที่ผมเขียนไว้มาร้อยเรียงเป็นเรื่องราวเดียวกันและเพิ่มเติมเนื้อหาเข้าไปกันหลายๆส่วน แชร์ประสบการณ์ชีวิตนำมาเล่าสู่กันฟัง


ณ วันใดวันหนึ่งของเมื่อ 13 เดือนก่อน ... กริ๊ง ๆ ๆ ๆ ! ! เสียงโทรศัพท์ชื่อขึ้นเป็นภรรยาโทรมา ... ผมกดรับ ... เสียงใสๆของภรรยาดังลอดออกมาตามสาย


ภรรยา : “ป๊า!!! อาทิตย์หน้า ศาลเจ้าข้างบ้านเราจะมีงาน หนูเลยไปจองล็อกหน้าบ้านไว้สองล็อก!!!” ... (เสียงใสสุดฤทธิ์)
ผม      : “จองล็อก . . . จองทำอะไร? ขายของ?”
ภรรยา : “ช่ า า ย แ ล้ ว . . .  ห นู จ ะ ข า ย ข อ ง” ... (เสียงสดชื่นเต็มพิกัด!!!)
ผม      : “เอ่อ . . . ขายของ? ขายอะไรอ่ะ?”
ภรรยา : “ยังไม่รู้ . . . ยังคิดไม่ออก”
ภรรยา : “โทรมาบอกแค่นี้แหละ กลับบ้านเร็วๆน้า แค่นี้นะ” ... (แล้วสายก็ตัดไป)
ผม      : “. . . . . . . . . . .”



การคุยโทรศัพท์ครั้งนี้คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราว

ปกติผมทำงานประจำ และ มีกิจการเสริมหลายอย่าง ส่วนภรรยาผมดูแลร้านเครื่องเขียนและกิ๊ฟช็อป และพึ่งย้ายร้านมาเปิด ณ ที่ตรงนี้ และ งานที่จัดที่ศาลเจ้านี้จะทำให้ในตลาดและรอบๆร้านเครื่องเขียนนี้เต็มไปด้วยตลาดนัด ขายของ!!! ผมเองก็จะไม่ไหวเอา งานปกติก็จะไม่ทันอยู่แล้ว ภรรยาเองก็กำลังท้อง ... ถ้าเธอจะขายของจริงๆ ... งานเข้าแน่ๆ!!!

ผมค้านหัวชนฝาว่าไม่อยากให้ทำ ... ผมอธิบายอยู่นานจนน้ำลายเหนียวคอแห้งผาก ... เธอตอบกลับสั้นๆง่ายๆแต่ได้ใจความ “จะทำ!!!” ... เอิ่มมมม เอ่อออออออ ... เสียงอันแผ่วเบาของเรารึจะสู้เสียงอันกึกก้องของภรรเมีย !!!!!

โอเค ... สรุปว่าทำก็ทำ แต่ธุรกิจที่เลือกลงทุนต้องความเสี่ยงที่ผมรับได้ และ ต้องมีแผน


ในที่สุดวันนั้นผมก็เป็นพ่อค้าขายสัปปะรด!!!


ขายสัปปะรดทั้งเป็นหัวชั่งกิโลและแบบปลอกใส่ถุง เหตุเพราะ ตาผมมีสวนสัปปะรด ดังนั้นเราจะได้ราคาสับปะรดในราคาหน้าสวน ถ้าขายส่งแม่ค้าผลไม้ในตลาดราคาทุนไป … เสริมด้วยขายน้ำดื่มและน้ำอัดลม เหตุผลเพราะ ขายง่ายกระบวนการไม่ซับซ้อน สินค้าไม่เน่าไม่เสีย ถ้าขายไม่หมดสามารถหาแหล่งขายต่อในราคาทุนได้


หลังจากที่เราวุ่นวายกันอยู่หลายวัน และแล้ว ... ผลมันก็ออกมาตามรูปครับ ...




โชคดีที่ครั้งนั้นมาเราขายสับปะรดเจ้าเดียว ผลการขายก็ ขายได้เรื่อยๆครับ ขายกันไปคุยกันไปเฮ ฮาปาจิโกะ เพราะ ช่วยกันขายหลายคน


ยอดซื้อสินค้าและเงินลงทุนที่ใช้ 5,654 บาท ยอดขายสินค้าตลอดทั้งสองคืน 5,287 บาท ... หืม แลมันน้อยไปนะ เฮ้ย!!! ยอดขายหักยอดซื้อ ติดลบ ขาดทุนไป 367 บาท ซะงั้น!!! มองไปของกองสินค้าที่ซื้อมาและขายไม่หมด ค่อยคลายใจ แสดงว่าสินค้ากองนี้คือ กำไร ... หลังจากนับจริงจังและนำไปเลหลังขายได้เงินมา 1,728 บาท ดังนั้น การขายของครั้งนี้กำไรสุทธิ 1,361 บาท

ขายของกินนี้มีข้อควรระวังครั้งเรื่อง สินค้าหมดอายุหรือเสีย เพราะตัวนี้ถือเป็นจุดสำคัญเลยถ้าขายไม่หมดในเวลาที่กำหนดทุนหายกำไรหดแน่ๆ

ถึงแม้กำไรจะไม่มากแต่ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดี ได้ประสบการณ์ใหม่ๆด้านการค้าขายและที่สำคัญที่สุดสมใจภรรยาเขาหล่ะ!!! (กระดี๊กระด้ามากกกกกก)



ไม่นานต่อมาก็มีงานจัดขึ้นที่ตลาดอีกผมก็จองล็อกไว้อีก แต่ที่นี้ลองเปลี่ยนแนวครับขายสับปะรดเหมือนเดิมคงไม่ได้เพราะสับปะรดไร่ของตาหมดรุ่นไปแล้ว จะไปซื้อเจ้าอื่นมาขายก็ราคาไม่ดีเท่าและมีระยะเวลาขายแค่ตอนเย็นสองวันซึ่งน้อยมาก เลยตัดสินใจกันว่าจะไม่ขายของกิน เพราะ เกรงว่าจะขายไม่หมด ... กลัวเจ้ง!!!


หลายวันก่อนหน้านั้นบังเอิญผมและภรรยาไปเดิน จตุจักร(ที่กรุงเทพ) ผมเห็นมีนาฬิกาสไตล์วินเทจขายและราคาไม่แพง ภรรยาผมชอบมากอยากเอาไปขาย(เช่นเคย) แต่ยังไม่ได้จังหวะ งานศาลเจ้านี้เป็นโอกาสเหมาะที่จะนำไปลองขายดู นาฬิกาสไตล์วินเทจ รูปทรงสวยงามราคาไม่แพงที่สำคัญไม่เน่าไม่เสีย อีกทั้งถ้าขายไม่หมดก็เก็บไว้ขายต่อที่ร้านกิ๊ปช็อปของภรรยาต่อก็ยังได้ ขายแค่นาฬิกาอย่างเดียวก็กระไรอยู่เลยนำสินค้าบางส่วนจากร้านกิ๊ปช็อปออกมาขายร่วมด้วย เช่นโคมไฟ นาฬิกาแบบอื่น เป็นต้น

ขายนาฬิกาสไตล์วินเทจ




สบายๆครับสำหรับสินค้าตัวนี้ ไม่ต้องมานั่งปลอกเปลือกนั่งปรุงอย่างคราวก่อน คนเดียวก็ขายได้สบายๆสรุป หลังจาก 3 คืนผ่านไป ต้นทุน 8,000 บาท หลังหักค่าใช้จ่ายค่าที่แล้วและขายของเหลือแล้ว กำไรสุทธิอยู่ที่ประมาณ 2,000 บาท ส่วนสินค้าขายไม่หมดก็นำไปขายต่อที่ร้านกิ๊ฟช็อปต่อไป

งานขายของมันก็ไม่ได้ยากเหนือบ่ากว่าแรงสักเท่าไหร่ แต่ต้องอดนอนนิดนึงเหนื่อยนิดหน่อย เพราะ กว่าเราจะเลิกงานมาตั้งร้าน กว่าจะเก็บร้านก็ดึกดื่น เที่ยงคืน ... แต่ก็สนุกดีครับได้ประสบการณ์และได้เงินติดไม้ติดมือกลับบ้านด้วย


หลังจากออกตลาดไป 2 ครั้ง ก็เริ่มอยากจะจับอะไรที่มันใหญ่ขึ้น และเริ่มมองหากิจการที่ถาวรกว่านั้น ... ร้านเครื่องเขียนของผมเปิดอยู่ในตลาดที่มีคนพลุกพล่านพอสมควร ซึ่งตัวอาคารร้านเครื่องเขียนนี้เป็นสองห้องด้านริมสุด ทำให้ร้านมีพื้นที่ด้านข้างของร้านเหลืออยู่ ... ผมกับภรรยาก็เลยคุยกันว่าเราน่าจะหาสินค้ามาวางขายเสริมเพราะข้างร้านนี้ เป็นทางผ่านที่มีผู้คนผ่านไปผ่านมาเยอะ และ การหาสินค้ามาขายน่าจะช่วยสร้างรายได้ให้แก่เราได้มากขึ้น


หลังจากปรึกษากันอยู่นานหวยมาออกที่ ตะกร้าหวาย


เราเลือกที่จะขายตะกร้าหวาย ด้วยเหตุผลหลายประการ
ประด็นแรก คือ เราคาดว่าจะขายได้ เพราะ ในตลาดนี้ไม่มีใครขายตะกร้าหวายเลย และ ฐานลูกค้ากลุ่มนี้น่าจะพอมีบ้าง
ประเด็นที่สอง คือ โดยส่วนตัวผมชอบของแต่งบ้านเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งงานมือประดิษฐ์อย่างตะกร้าหวายนี้ผมและภรรยาซื้อมาใส่ของเป็นประจำ
ประเด็นที่สาม คือ ตัวตะกร้าหวายนั้นมาราคาไม่สูง จึงใช้เงินทุนไม่สูงนัก
ประเด็นที่สี่ที่ คือ สินค้าประเภทนี้น่าจะทำกำไรต่อหน่วยได้ดี
และ ประเด็นสุดท้าย คือ การขายตะกร้าหวายน่าจะตัดปัญหาจุกจิกกวนใจออกไปได้ เช่น ปัญหาลิขสิทธิ์ ปัญหาเกี่ยวการการคืนหรือซ่อมสินค้า ฯลฯ
และแผนสำรองของผม คือ ถ้าตะกร้าขายไม่หมดผมก็จะนำไปเป็นของสวัสดีปีใหม่ผู้หลักผู้ใหญ่

หลังจากตกลงปลงใจได้ก็ลุยเลยครับ ไปแหล่งของมันที่ผมรู้จัก คือ ตลาดโรงเกลือ

ซื้อมาเสร็จก็จัดวางเลยครับ ... ตะกร้าวางขายประจำที่ข้างๆร้านเครื่องเขียนครับ


ออกตลาดบ้างครับจองล็อกเดิมเลย ... ช่วงนี้ขายแบบเลหลังลดกระหน่ำแล้วครับ



ลงทุนไปราว 20,000 บาท วางขายอยู่ 6 เดือน ออกงาน 2 ครั้ง ผลสุดท้ายก็หมด และ ได้กำไรมา 19,000 บาท ถึงแม้จะนานไปหน่อยแต่ก็รับได้มีเงินไหลเข้าเฉลี่ยเดือนละ 3,000 กว่าบาทตลอด 6 เดือน

เงินทุนก้อนนี้ขยายใหญ่ขึ้นตามลำดับ ... ใช้ทุนในการขายสับปะรดประมาณ 5,600 กำไร 1,300 บาท รวมเป็น 6,900 บาท เพิ่มทุนเข้าไปอีก 1,100 บาท เพื่อไปซื้อนาฬิกามาขาย ขายนาฬิกาได้กำไร 2,000 บาท รวมเป็น 10,000 บาท เพิ่มทุนเข้าไปอีก 10,000 บาท เพื่อขายตะกร้าหวาย ขายได้กำไร 19,000 บาท ...

จากเงินทุนเพียง 16,700 บาท ในระยะเวลาประมาณ 10 เดือนมีขนาดโตขึ้น 233.53% จนเงินทุนก้อนนี้มีมูลค่าเป็นเงิน 39,000 บาท!!!

ตะกร้าหวายขายหมดแล้ว แต่ก็ยังไม่อยากนำมาขายเพิ่มในตอนนี้ ผมมองว่าตลาดมีขนาดเล็กเลยอิ่มตัวไว อยากให้ผ่านไปสักพักก่อนแล้วจะนำมาขายใหม่


ในระหว่างที่ครุ่นคิดอยู่ว่าจะเอาอะไรมาขายดี อยู่ดีๆก็เหมือนมีโชคชะตานำพามา เมื่ออยู่ดีๆผมก็ได้รู้จักแม่ครัวมือดี มีฝีมือในการตำส้มตำและหมักไก่ท่านหนึ่ง ... ที่ข้างร้านเราก็ว่าง ทำเลก็ใช้ได้ ในเวลาที่ผ่านมามีคนมาขอเช่าพื้นที่เพื่อทำร้านอาหารหลายเจ้าแต่เราก็ปฎิเสธไปเพราะเกรงว่าจะสกปรกและเลอะเทอะ แต่ถ้าเราทำเองเราจะคุมเรื่องความสะอาดได้แน่นอน ผมก็เลยยื่นข้อเสนอทาบทามมาร่วมให้มาร่วมลงทุนกับผม ในท้ายที่สุดและท่านตอบรับคำเชิญนั้น โครงการร้านส้มตำนี้จึงเกิดขึ้น

ทำร้านส้มตำ(ร้านบ้านยายปุย)

ตั้งท่าเตรียมตัว ทำร้านอยู่นานนับเดือนครับกว่าจะเปิด ใช้งบประมาณราว 70,000 บาท






กิจการร้านส้มตำเปิดแล้ว พึ่งเปิดได้ไม่นาน ตอนนี้กิจการเริ่มวิ่งกำลังผ่าฟันอุปสรรคและสร้างผลกำไรอย่างมุ่งมั่นต่อไป ...

ผมเริ่มจากเล็กไปใหญ่ ใน 1 ปี จากพ่อค้าสัปปะรด เปลี่ยนไปเป็นพ่อค้าขายนาฬิกา ขายตะกร้าหวาย ตอนนี้เป็นเจ้าของร้านส้มตำ เริ่มจากเงินทุน 5,600 บาท ตอนนี้เป็น 70,000 บาท (ส่วนทุนที่แท้จริง 47,700 บาท กำไรสะสม 22,300 บาท)


ใน 1 ปีที่ผ่านมาผมเปลี่ยนกิจการมา 4 อย่าง ... จนถึงตอนนี้ผมเองก็ยังคงทำงานประจำอยู่ แต่ตื่นขึ้นมาช่วยตั้งร้านตั้งแต่เช้าตรู่และกลับมาช่วยปรับปรุงทำนู่นนี่นั่นก็ตอนช่วงค่ำๆ ส่วนตอนกลางวันภรรยาผมจะอยู่ช่วยดูเป็นหลัก ... หลายๆคนก็ว่าผม “หาเรื่องใส่ตัว” ถึงแม้เรื่องที่ผมหามามันจะทำให้ผมและครอบครัวเหนื่อยมากขึ้น แต่ผมคิดว่าเรื่องที่ผมหามานั้นเป็นสิ่งดี เพราะ ผมเชื่อโดยสนิทใจว่า ... โอกาสมักจะเป็นของคนที่แสวงหา "เรื่อง" เสมอ ...

ผมถือคติ ... คิดได้ก็ต้องทำได้ คิดแล้วต้องทำอย่ามัวแต่เก็บงำไว้ ถ้าคิดแล้วไม่ทำจะมีประโยชน์อะไร? ... ทำได้ก็ต้องทำได้ดีกว่า ต้องทำอย่างมีสติรอบครอบ เพราะ ถ้าเราพลาดเราจะโทษใคร? ... เมื่อพลาดก็ต้องยอมรับไตร่ตรองทบทวนข้อผิดพลาด และ เดินหน้าต่อไป …



…[^_^]…

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่