Amazing Spiderman 2
Mini Review [Based ตาม Genre และภาพยนตร์วิจารณ์ ]
Super Spoiled
ข้อดี
- ดึงความเกรียนของ Spiderman Comics ออกมาค่อนข้างดี
แอนดรูแสดงแล้วรู้สึกว่าเกรียนจริงทุก ๆ อิริยาบท
- Action sequence / Webbing Sequence สวยมาก
คือไม่รู้ว่าสามมิติเป็นยังไง แต่ดูสองมิติก็นั่งแทบไม่ติดเก้าอี้แล้ว
ฉากไต่เว็ปทำได้สวย ต่อเนื่อง และมีลูกเล่นกับสิ่งก่อสร้าง รถ อื่น ๆ
ได้หลากหลาย ฉากต่อสู้ก็เช่นกัน สาดพลังและวาดลายได้สวยงาม ลื่นไหล
- เคมี Andrew กับ Emma เข้ากันได้ดี ฉากกุ้กกิ้ก ตามง้อ ตามจีบ แสดงความรักซึ่งกันและกัน
อาจยิ้มเขินด้วยซ้ำถ้ารู้สึกอินกับคู่นี้ ถึงแม้จะจูบบ่อยไป *จนแอบอยากจูบบ้าง*
แต่ภาพรวมคือ ... ผ่านเลย
- ออกแบบตัวละครค่อนข้างดี Electro เป็นตัวร้ายทรงพลังและมีลูกเล่นเยอะ ตอนจบที่หายตัวได้ ถ้าเป็นคนไม่อ่าน Comics อาจจะเหวอเลยทีเดียว
แถมพลังก็ดูน่าสะพรึงกลัว Greengoblin ก็เหมือนกัน เป็นดีไซน์ที่ค่อนข้างน่ากลัว เป็นตัวเขียวและขยะแขยงเพราะโรคร้าย มันดูมืดหมองแบบสุด ๆ
แถมชุดรูปแบบใหม่ก็ดูไฮเทคและทันสมัยมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องเขียว เพราะตัวพี่แกก็เขียวจนจะเข้าโรงอยู่แล้ว
- เพลงประกอบมันใช่อะ !!! สร้างความเป็นเอกลักษณ์ให้กับตัวร้ายได้สุด ๆ
ข้อเสีย ( เยอะหน่อย ต้องทน )
================
- ความเป็น spiderman ตีโจทย์มาไม่ค่อยดี เข้าใจว่าพยายามจะไม่ทำให้ดราม่าแบบไตรภาคชุดก่อน แต่บทกับทำให้เรารู้สึกว่า
สไปเดอร์แมนชุดนี้ดูชิว และมีความสุขมาก ( ถ้าลองตัดเรื่องปัญหาความรักไปนะ ) ถ้าเรื่องเกรียนตามแบบฉบับ Comics ถือว่าทำผ่าน
แต่ความเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ของ spiderman ถือว่าตกมาก ๆ เราไม่ค่อยรู้สึกถึงความเสียสละ และความทุกข์ของชีวิตปกติที่ปีเตอร์ต้องเผชิญ
* อาจเป็นเพราะ Andrew หน้าเศร้าตีบทไม่แตก และบทไม่ค่อยส่งให้ผ่าลึกถึงความเศร้า * แต่โดยรวมแล้วคุณอาจจะไม่เข้าถึงแก่นที่เรียกว่า
" พลังอันยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับความเสียสละอันใหญ่ยิ่ง ( และชีวิตอันแสนจะข่มขื่นแต่ก็ต้องทน )
ถ้าหลาย ๆ คนบอกให้มองในแง่ของความรัก ผมก็ว่ามันไม่ได้หนักมาก ( เพราะตัวละครสื่อไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ) Emma ยังพอไปได้
แต่ Andrew เราว่ามันไม่ใช่อะ ไม่ต้องไปเทียบกะภาคเก่าที่ร้องไห้บ่อยเป็นสายน้ำ เทียบกะหนังรักทั่ว ๆ ไปที่พระเอกรู้สึกถึงความเหิ่นห่างและจากลา
Andrew สอบไม่ผ่านเลย ... มันเลยทำให้เรารู้สึกว่า Spiderman ภาคนี้ที่มีปัญหาหลัก ๆ คือความรัก ... แต่กลับสอบตกซะงั้น
และพอหลาย ๆ คนจะท้วงว่า แต่ Gwen ตายนะ .. ฉากนี้ควรจะมีซีนอารมณ์แต่บททำมาได่ค่อนข้างแย่
( ถึงแม้จะตายแบบน่าตกใจ และมีการยิงใยแบบสวยงาม ) สาเหตุหลัก ๆ คือทำบทให้คนดูปรับอารมณ์ไม่ทัน
และสื่ออารมณ์เศร้าเสียใจออกมาไม่ได้ และสั้นเกินไปด้วย ( ซึ่งถ้าทำดี ๆ มันอาจเป็นฉากในตำนานของ Spiderman ก็ว่าได้ )
คิดดูละกัน หลาย ๆ คน กว่าจะรู้ว่านางเอกตายคือเลือดออกจากจมูก บางคนคิดว่าแกล้งด้วยซ้ำ เพราะ .. ปรับอารมณ์ไม่ทัน ฉากบีบอารมณ์ไม่ได้
========================
-
ตัวร้ายดูยัดเยียดและไม่มีสเน่ห์
ถ้าคนที่อ่าน Comics มาจะพอเข้าใจว่า Electro นิสัยจะเป็นแบบในภาพยนตร์นี้แหละ คือเป็นเนิร์ด หมาหัวเน่า ไม่ค่อยมีคนสนใจ
ภาพยนตร์ก็เคารพต้นฉบับดีนะ แต่ไม่รู้ว่าเคารพอีท่าไหน ตา Electro ถึงแบนเรียบและไม่มีเสห่ห์เอาเสียเลย
การตีโจทย์ความเป็น Nobody ทำได้แย่ ซ้ำซาก จะตลกก็ไม่ใช่ แถมไม่สมจริงอีกต่างหาก เลยกลายเป็นตัวละครที่โง่ ๆ ไปเลย
ทั้งเหตุผลการเป็นตัวร้าย * เพราะ Spiderman จำตัวเองไม่ได้ และโดนตำรวจยิงเลยโกรธ ... Spiderman เด่นกว่าเลยโกรธ แค้นมาก
ต้องฆ่าให้ได้ Da fuk ? * คือมันทำได้ดีกว่านี้ การเป็น Nobody แบบนี้มันไม่ใช่ มันเหมือนดูการ์ตูนสำหรับเด็ก 6 ขวบที่ต้องแสดงอะไรชัดเจนจนคนดูไม่ต้องคิด
เสริฟ์หนังง่ายไปไหม ?
Harry Osborn ก็ไม่แพ้กัน ไอ่นี้ก็เกลียดง่าย โกรธง่าย แถมดื้อรั้นไม่มีเหตุผลอีกด้วย คือไล่ระดับความรู้สึก นึกคิด การเปลี่ยนแปลงได้แปลก ๆ
คงเป็นเพราะพึ่งยัดมาภาคนี้และอยากให้เป็นตัวร้ายเลย มันเลยกลายเป็นตัวละครที่หาต้นหาปลายไม่เจอ
ลองไล่ดูนะ
- กลับบ้านมาพ่อตาย พ่อไม่รัก พ่อไม่สนใจลูก แต่กลับได้รับมรดกทั้ง "ความลับใน Drive" โรคร้ายและบริษัท
- รู้จักกับ Peter ดูเหมือนจะสนิทกันดี
- ทำงานไปและค้นพบว่าตัวเองจะตาย * ซึ่งอันนี้งงมาก ทำไมอาการแสดงเร็วขนาดนั้น ตัวพ่อยังเก็บอาการได้ตั้งนาน กว่าจะตายก็แก่
วิธีชะรอโรคก็ต้องมีอยู่แล้ว ดูภาพ flashback หรือภาพแสดงตัวพ่อก็มีฉากที่อยู่ดีกินดี ทั้ง ๆ ที่แก่แล้วอยู่ * คืองงมาก และมันไม่ทำให้รู้สึกว่าตัวละคร
นี้ทุกข์ทรมานมาก ๆ จนต้องกลายเป็นตัวร้าย ( เพราะไม่มีเวลา มันถูกยัดมา )
- ปรึกษา peter เพื่อขอเลือด spiderman มารักษา Spiderman มาหา คุยดี ๆ แต่ตัวเองไม่ฟังและโกรธมาก
- ข้างบนพอเข้าใจ พอโดนหักหลัง ( จากคนในบริษัท ) และไปแหกคุก เพื่อยืด Osborn พอแดร๊กพิษแมงมุมและเจอผลข้างเคียง
** อะไร เป็นเหตุผลที่ทำให้เขาเกลียด spiderman ? เพราะเขาไม่ให้เลือดที่มีพิษแมงมุมหรอ ไม่ใช่น่าจะใช่ เพราะตัวเองก็ได้มาแล้ว
มันเลยทำให้ Harry เป็นเหมือนเด็ก 6 ขวบที่มีปัญหา ประมาณว่า เพื่อนแมงมุมไม่ให้ยืมของเล่น เลยโกรธ
แต่พอตัวเองได้ของเล่นแบบเดียวกันจากพ่อแม่แล้วก็ยังโกรธอยู่ เพราะ ... ฉันโกรธอะ ?! คือมันไม่มีอะไรเล้ย ที่ต้องแค้นมาก ๆ ถึงประกาศกร้าวว่า
"นำตัวห่านรากสไปเดอร์มา" + กุจะฆ่ามาาาาาาาาาาานด้วยมือของกุเอง กุจะคว้านไส้และเอาไยแขวนอวัยวะของเมิงไปทั่วนิวยอร์ค ??
ในส่วนของ Rhino ก็ยังพอโอเคนะ เอามาเกรียนสู่ spiderman ได้ ถึงแม้จะปัญญาอ่อนแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะไม่ใช่ตัวร้ายหลัก
นอกจากเหตุผลทางเรื่องบทและการแสดงที่ทำให้เราไม่ค่อยรู้สึกถึงความยากลำบากของมนุษย์แมงมุมแล้ว ความยากระดับของฉากแอคชั่นก็แทบจะไม่มี .. ผมยังรู้สึกได้ถึงความชิวในการตัวกรกับตัวที่พลังระดับเทพอย่าง Electro แทบจะไม่มีมีเลย Spiderman พลาดท่าหนัก ๆ หรือรู้สึกแย่จนสู้ไม่ได้
หรือมีบาดแผลจนตัวเองจะเอาไม่รู้ ขนาดฉากสุดท้ายที่ Electro หายตัวได้ พี่แกยังพริ้ว หลบสายฟ้าแบบชิว ๆ ( เน้นภาพสวยเป็นหลัก ไม่เน้นยิงโดน )
ชิวไปชิวมา พอถึงคิวรวมพลังสายฟ้าก็ฆ่าได้เลย สงสัยคงเพราะมีคิวตัวร้ายอีกตัวมั้ง เลยเจ็บหนักไม่ได้( หนัง super hero หลายเรื่องล้มเหลวเรื่องนี้นะ .. เช่น Thor 2 เป็นต้น นั้นก็ตีกันข้ามมิติแบบชิว ๆ คนร้ายก็สาดน้ำแดงที่ดูไม่เจ็บห่านไรเลย .. )
ที่จริงถ้าฉลาดเขียนบทหน่อย ทำให้พระเอกร่อแร่และ Green Goblin ซ้ำเดิม จนทำให้ Gwen มาช่วยและพลาดท่าตายเอง ยังจะบริ้วอารมณ์เศร้าได้ง่ายกว่าแบบนี้ )
=============
Plot เรื่องไม่สมเหตุสมผลหลายเรื่อง มันดูเป็นอาหารจานด่วนเกินไปจนคนดูไม่ต้องคิดเอง
อะไรคือการที่เวลาผ่านมาเป็นปี แต่พึ่งมานั่งคิดเรื่องพ่อของตัวเอง ?? พึ่งเอาผังความคิดแปะกำแพง คืออะไร ??
ถ้าตัวเองคิดมาก มันควรจะปูเรื่องมาก่อนแล้ว ห้องพระเอกควรจะเต็มไปด้วย mindmap แล้ว
ไม่ใช่โยนกระเป๋าไป ๆ มา ๆ และอยู่ดี ๆ เกิดขึกอะไรไม่รู้ถึงขุดข้อมูลขึ้นมาค้นคว้า
ไม่สมจริงเลย ถ้าเป็นคนปกติมันควรจะค้นคว้าตั้งนานแล้ว ไม่ใช่ทำฉากเหมือนกระเป๋ามีอะไรให้ค้นหาอีกตั้งเยอะแยะ ทั้ง ๆ ที่ปีเตอร์คุ้ยมันมาจะเป็นปีแล้ว
และในหนังก็แทบไม่มีฉากกระตุ้นให้ปีเตอร์ค้นอดีตเลย อยู่ดี ๆ ก็สนใจ ?
คืออะไร ? กลัวคนดูไม่รู้หรอว่าปีเตอร์ก็คิดถึงพ่อเหมือนกันนะ - -
อะไรคือการที่ Harry เทพมาก สามารถบุกเดี่ยวสถาบันวิจัย ที่น่าจะเต็มไปด้วยระบบการรักษาความปลอดภัยแน่นหนาและอาวุธครบมือ
มันคงไม่ใช่ศูนย์ธรรมดา ๆ แน่ เครื่องไม้เครื่องมือขนาดนั้น และคงมีวิจัยลับเรื่องอื่น ๆ อีก ทำไมรักษาความปลอดภัยอ่อนจัง Oscorp เทพเรื่องเทคโนโลยีไม่ใช่หรอ ? คนธรรมดา ๆ ที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีทักษะอะไร ก็ยังบุกได้ใช่ไหม ?
=================================
ทิ้งท้ายสุด ๆ
อะไรคือการ นำฉากสำคัญ ฉากที่แฟน ๆ ต้องร้องว้าว มาใส่ไว้ในตัวอย่าง ???
กลัวแฟน Comics ไม่เข้าไปดูหรอครับ ** ฉากชายสวมหมวกเดินผ่านตู้กระจกที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ของเหล่ากลุ่มวายร้าย มันควรจะเป็นฉากจบ
ที่สานต่อภาคต่อไปอย่างสมบูรณ์แบบ ( ไม่ใช่ฉากโปรโมท ) ยิ่ง Rhino ยิ่งแล้วใหญ่เป็นฉากปิดแท้ ๆ แต่ดันเอามาใส่ตัวอย่างหมด
คืออะไร ? คือหนังทำซีนอารมณ์ไม่ผ่าน ความขัดแย้งก็เคลียร์ง่าย ๆ แล้วฉากจบยังเป็นฉากที่มีในตัวอย่างอีก
เพื่ออ ???
คะแนนวิจารณ์ก็ตามนั้นครับ 4.99/10
แต่ถ้าดูเพื่อความสนุกไม่เน้นบทหรือหลักวิเคราะห์ผมให้ 8.5 เต็ม 10 ครับ เพราะผมก็เดาเอาสนุก และมันก็ผ่อนคลายพอสมควร
==================
เพิ่มเดิม
ข่าวออกมาแล้วว่า
ดูเหมือนจะมี The Amazing Spiderman 2-3-4 จะเป็น Trilogy และกำหนดวันฉายเรียบร้อยแล้ว
และมีภาคแยกซึ่งจะเป็นภาคของ Venom และ The sinister six ( กลุ่มตัวร้าย ) อีกด้วย
ก็เตรียมดูกันไปครับ
เข้าใจว่าพยายามจะปูเรื่องและขายหนัง แต่ปูแบบนี้ สอบตกจริง ๆ - -!
[CR] [ Mini Review by นานารัก ] The Amazing Spider-Man 2 กับจุดบกพร่องหลาย ๆ อย่าง .. และเสียงบ่น ( สปอยด์ )
Mini Review [Based ตาม Genre และภาพยนตร์วิจารณ์ ]
Super Spoiled
ข้อดี
- ดึงความเกรียนของ Spiderman Comics ออกมาค่อนข้างดี
แอนดรูแสดงแล้วรู้สึกว่าเกรียนจริงทุก ๆ อิริยาบท
- Action sequence / Webbing Sequence สวยมาก
คือไม่รู้ว่าสามมิติเป็นยังไง แต่ดูสองมิติก็นั่งแทบไม่ติดเก้าอี้แล้ว
ฉากไต่เว็ปทำได้สวย ต่อเนื่อง และมีลูกเล่นกับสิ่งก่อสร้าง รถ อื่น ๆ
ได้หลากหลาย ฉากต่อสู้ก็เช่นกัน สาดพลังและวาดลายได้สวยงาม ลื่นไหล
- เคมี Andrew กับ Emma เข้ากันได้ดี ฉากกุ้กกิ้ก ตามง้อ ตามจีบ แสดงความรักซึ่งกันและกัน
อาจยิ้มเขินด้วยซ้ำถ้ารู้สึกอินกับคู่นี้ ถึงแม้จะจูบบ่อยไป *จนแอบอยากจูบบ้าง*
แต่ภาพรวมคือ ... ผ่านเลย
- ออกแบบตัวละครค่อนข้างดี Electro เป็นตัวร้ายทรงพลังและมีลูกเล่นเยอะ ตอนจบที่หายตัวได้ ถ้าเป็นคนไม่อ่าน Comics อาจจะเหวอเลยทีเดียว
แถมพลังก็ดูน่าสะพรึงกลัว Greengoblin ก็เหมือนกัน เป็นดีไซน์ที่ค่อนข้างน่ากลัว เป็นตัวเขียวและขยะแขยงเพราะโรคร้าย มันดูมืดหมองแบบสุด ๆ
แถมชุดรูปแบบใหม่ก็ดูไฮเทคและทันสมัยมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องเขียว เพราะตัวพี่แกก็เขียวจนจะเข้าโรงอยู่แล้ว
- เพลงประกอบมันใช่อะ !!! สร้างความเป็นเอกลักษณ์ให้กับตัวร้ายได้สุด ๆ
ข้อเสีย ( เยอะหน่อย ต้องทน )
================
- ความเป็น spiderman ตีโจทย์มาไม่ค่อยดี เข้าใจว่าพยายามจะไม่ทำให้ดราม่าแบบไตรภาคชุดก่อน แต่บทกับทำให้เรารู้สึกว่า
สไปเดอร์แมนชุดนี้ดูชิว และมีความสุขมาก ( ถ้าลองตัดเรื่องปัญหาความรักไปนะ ) ถ้าเรื่องเกรียนตามแบบฉบับ Comics ถือว่าทำผ่าน
แต่ความเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ของ spiderman ถือว่าตกมาก ๆ เราไม่ค่อยรู้สึกถึงความเสียสละ และความทุกข์ของชีวิตปกติที่ปีเตอร์ต้องเผชิญ
* อาจเป็นเพราะ Andrew หน้าเศร้าตีบทไม่แตก และบทไม่ค่อยส่งให้ผ่าลึกถึงความเศร้า * แต่โดยรวมแล้วคุณอาจจะไม่เข้าถึงแก่นที่เรียกว่า
" พลังอันยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับความเสียสละอันใหญ่ยิ่ง ( และชีวิตอันแสนจะข่มขื่นแต่ก็ต้องทน )
ถ้าหลาย ๆ คนบอกให้มองในแง่ของความรัก ผมก็ว่ามันไม่ได้หนักมาก ( เพราะตัวละครสื่อไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ) Emma ยังพอไปได้
แต่ Andrew เราว่ามันไม่ใช่อะ ไม่ต้องไปเทียบกะภาคเก่าที่ร้องไห้บ่อยเป็นสายน้ำ เทียบกะหนังรักทั่ว ๆ ไปที่พระเอกรู้สึกถึงความเหิ่นห่างและจากลา
Andrew สอบไม่ผ่านเลย ... มันเลยทำให้เรารู้สึกว่า Spiderman ภาคนี้ที่มีปัญหาหลัก ๆ คือความรัก ... แต่กลับสอบตกซะงั้น
และพอหลาย ๆ คนจะท้วงว่า แต่ Gwen ตายนะ .. ฉากนี้ควรจะมีซีนอารมณ์แต่บททำมาได่ค่อนข้างแย่
( ถึงแม้จะตายแบบน่าตกใจ และมีการยิงใยแบบสวยงาม ) สาเหตุหลัก ๆ คือทำบทให้คนดูปรับอารมณ์ไม่ทัน
และสื่ออารมณ์เศร้าเสียใจออกมาไม่ได้ และสั้นเกินไปด้วย ( ซึ่งถ้าทำดี ๆ มันอาจเป็นฉากในตำนานของ Spiderman ก็ว่าได้ )
คิดดูละกัน หลาย ๆ คน กว่าจะรู้ว่านางเอกตายคือเลือดออกจากจมูก บางคนคิดว่าแกล้งด้วยซ้ำ เพราะ .. ปรับอารมณ์ไม่ทัน ฉากบีบอารมณ์ไม่ได้
========================
- ตัวร้ายดูยัดเยียดและไม่มีสเน่ห์
ถ้าคนที่อ่าน Comics มาจะพอเข้าใจว่า Electro นิสัยจะเป็นแบบในภาพยนตร์นี้แหละ คือเป็นเนิร์ด หมาหัวเน่า ไม่ค่อยมีคนสนใจ
ภาพยนตร์ก็เคารพต้นฉบับดีนะ แต่ไม่รู้ว่าเคารพอีท่าไหน ตา Electro ถึงแบนเรียบและไม่มีเสห่ห์เอาเสียเลย
การตีโจทย์ความเป็น Nobody ทำได้แย่ ซ้ำซาก จะตลกก็ไม่ใช่ แถมไม่สมจริงอีกต่างหาก เลยกลายเป็นตัวละครที่โง่ ๆ ไปเลย
ทั้งเหตุผลการเป็นตัวร้าย * เพราะ Spiderman จำตัวเองไม่ได้ และโดนตำรวจยิงเลยโกรธ ... Spiderman เด่นกว่าเลยโกรธ แค้นมาก
ต้องฆ่าให้ได้ Da fuk ? * คือมันทำได้ดีกว่านี้ การเป็น Nobody แบบนี้มันไม่ใช่ มันเหมือนดูการ์ตูนสำหรับเด็ก 6 ขวบที่ต้องแสดงอะไรชัดเจนจนคนดูไม่ต้องคิด
เสริฟ์หนังง่ายไปไหม ?
Harry Osborn ก็ไม่แพ้กัน ไอ่นี้ก็เกลียดง่าย โกรธง่าย แถมดื้อรั้นไม่มีเหตุผลอีกด้วย คือไล่ระดับความรู้สึก นึกคิด การเปลี่ยนแปลงได้แปลก ๆ
คงเป็นเพราะพึ่งยัดมาภาคนี้และอยากให้เป็นตัวร้ายเลย มันเลยกลายเป็นตัวละครที่หาต้นหาปลายไม่เจอ
ลองไล่ดูนะ
- กลับบ้านมาพ่อตาย พ่อไม่รัก พ่อไม่สนใจลูก แต่กลับได้รับมรดกทั้ง "ความลับใน Drive" โรคร้ายและบริษัท
- รู้จักกับ Peter ดูเหมือนจะสนิทกันดี
- ทำงานไปและค้นพบว่าตัวเองจะตาย * ซึ่งอันนี้งงมาก ทำไมอาการแสดงเร็วขนาดนั้น ตัวพ่อยังเก็บอาการได้ตั้งนาน กว่าจะตายก็แก่
วิธีชะรอโรคก็ต้องมีอยู่แล้ว ดูภาพ flashback หรือภาพแสดงตัวพ่อก็มีฉากที่อยู่ดีกินดี ทั้ง ๆ ที่แก่แล้วอยู่ * คืองงมาก และมันไม่ทำให้รู้สึกว่าตัวละคร
นี้ทุกข์ทรมานมาก ๆ จนต้องกลายเป็นตัวร้าย ( เพราะไม่มีเวลา มันถูกยัดมา )
- ปรึกษา peter เพื่อขอเลือด spiderman มารักษา Spiderman มาหา คุยดี ๆ แต่ตัวเองไม่ฟังและโกรธมาก
- ข้างบนพอเข้าใจ พอโดนหักหลัง ( จากคนในบริษัท ) และไปแหกคุก เพื่อยืด Osborn พอแดร๊กพิษแมงมุมและเจอผลข้างเคียง
** อะไร เป็นเหตุผลที่ทำให้เขาเกลียด spiderman ? เพราะเขาไม่ให้เลือดที่มีพิษแมงมุมหรอ ไม่ใช่น่าจะใช่ เพราะตัวเองก็ได้มาแล้ว
มันเลยทำให้ Harry เป็นเหมือนเด็ก 6 ขวบที่มีปัญหา ประมาณว่า เพื่อนแมงมุมไม่ให้ยืมของเล่น เลยโกรธ
แต่พอตัวเองได้ของเล่นแบบเดียวกันจากพ่อแม่แล้วก็ยังโกรธอยู่ เพราะ ... ฉันโกรธอะ ?! คือมันไม่มีอะไรเล้ย ที่ต้องแค้นมาก ๆ ถึงประกาศกร้าวว่า
"นำตัวห่านรากสไปเดอร์มา" + กุจะฆ่ามาาาาาาาาาาานด้วยมือของกุเอง กุจะคว้านไส้และเอาไยแขวนอวัยวะของเมิงไปทั่วนิวยอร์ค ??
ในส่วนของ Rhino ก็ยังพอโอเคนะ เอามาเกรียนสู่ spiderman ได้ ถึงแม้จะปัญญาอ่อนแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะไม่ใช่ตัวร้ายหลัก
นอกจากเหตุผลทางเรื่องบทและการแสดงที่ทำให้เราไม่ค่อยรู้สึกถึงความยากลำบากของมนุษย์แมงมุมแล้ว ความยากระดับของฉากแอคชั่นก็แทบจะไม่มี .. ผมยังรู้สึกได้ถึงความชิวในการตัวกรกับตัวที่พลังระดับเทพอย่าง Electro แทบจะไม่มีมีเลย Spiderman พลาดท่าหนัก ๆ หรือรู้สึกแย่จนสู้ไม่ได้
หรือมีบาดแผลจนตัวเองจะเอาไม่รู้ ขนาดฉากสุดท้ายที่ Electro หายตัวได้ พี่แกยังพริ้ว หลบสายฟ้าแบบชิว ๆ ( เน้นภาพสวยเป็นหลัก ไม่เน้นยิงโดน )
ชิวไปชิวมา พอถึงคิวรวมพลังสายฟ้าก็ฆ่าได้เลย สงสัยคงเพราะมีคิวตัวร้ายอีกตัวมั้ง เลยเจ็บหนักไม่ได้( หนัง super hero หลายเรื่องล้มเหลวเรื่องนี้นะ .. เช่น Thor 2 เป็นต้น นั้นก็ตีกันข้ามมิติแบบชิว ๆ คนร้ายก็สาดน้ำแดงที่ดูไม่เจ็บห่านไรเลย .. )
ที่จริงถ้าฉลาดเขียนบทหน่อย ทำให้พระเอกร่อแร่และ Green Goblin ซ้ำเดิม จนทำให้ Gwen มาช่วยและพลาดท่าตายเอง ยังจะบริ้วอารมณ์เศร้าได้ง่ายกว่าแบบนี้ )
=============
Plot เรื่องไม่สมเหตุสมผลหลายเรื่อง มันดูเป็นอาหารจานด่วนเกินไปจนคนดูไม่ต้องคิดเอง
อะไรคือการที่เวลาผ่านมาเป็นปี แต่พึ่งมานั่งคิดเรื่องพ่อของตัวเอง ?? พึ่งเอาผังความคิดแปะกำแพง คืออะไร ??
ถ้าตัวเองคิดมาก มันควรจะปูเรื่องมาก่อนแล้ว ห้องพระเอกควรจะเต็มไปด้วย mindmap แล้ว
ไม่ใช่โยนกระเป๋าไป ๆ มา ๆ และอยู่ดี ๆ เกิดขึกอะไรไม่รู้ถึงขุดข้อมูลขึ้นมาค้นคว้า
ไม่สมจริงเลย ถ้าเป็นคนปกติมันควรจะค้นคว้าตั้งนานแล้ว ไม่ใช่ทำฉากเหมือนกระเป๋ามีอะไรให้ค้นหาอีกตั้งเยอะแยะ ทั้ง ๆ ที่ปีเตอร์คุ้ยมันมาจะเป็นปีแล้ว
และในหนังก็แทบไม่มีฉากกระตุ้นให้ปีเตอร์ค้นอดีตเลย อยู่ดี ๆ ก็สนใจ ?
คืออะไร ? กลัวคนดูไม่รู้หรอว่าปีเตอร์ก็คิดถึงพ่อเหมือนกันนะ - -
อะไรคือการที่ Harry เทพมาก สามารถบุกเดี่ยวสถาบันวิจัย ที่น่าจะเต็มไปด้วยระบบการรักษาความปลอดภัยแน่นหนาและอาวุธครบมือ
มันคงไม่ใช่ศูนย์ธรรมดา ๆ แน่ เครื่องไม้เครื่องมือขนาดนั้น และคงมีวิจัยลับเรื่องอื่น ๆ อีก ทำไมรักษาความปลอดภัยอ่อนจัง Oscorp เทพเรื่องเทคโนโลยีไม่ใช่หรอ ? คนธรรมดา ๆ ที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีทักษะอะไร ก็ยังบุกได้ใช่ไหม ?
=================================
ทิ้งท้ายสุด ๆ
อะไรคือการ นำฉากสำคัญ ฉากที่แฟน ๆ ต้องร้องว้าว มาใส่ไว้ในตัวอย่าง ???
กลัวแฟน Comics ไม่เข้าไปดูหรอครับ ** ฉากชายสวมหมวกเดินผ่านตู้กระจกที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ของเหล่ากลุ่มวายร้าย มันควรจะเป็นฉากจบ
ที่สานต่อภาคต่อไปอย่างสมบูรณ์แบบ ( ไม่ใช่ฉากโปรโมท ) ยิ่ง Rhino ยิ่งแล้วใหญ่เป็นฉากปิดแท้ ๆ แต่ดันเอามาใส่ตัวอย่างหมด
คืออะไร ? คือหนังทำซีนอารมณ์ไม่ผ่าน ความขัดแย้งก็เคลียร์ง่าย ๆ แล้วฉากจบยังเป็นฉากที่มีในตัวอย่างอีก
เพื่ออ ???
แต่ถ้าดูเพื่อความสนุกไม่เน้นบทหรือหลักวิเคราะห์ผมให้ 8.5 เต็ม 10 ครับ เพราะผมก็เดาเอาสนุก และมันก็ผ่อนคลายพอสมควร
==================
เพิ่มเดิม
ข่าวออกมาแล้วว่า
ดูเหมือนจะมี The Amazing Spiderman 2-3-4 จะเป็น Trilogy และกำหนดวันฉายเรียบร้อยแล้ว
และมีภาคแยกซึ่งจะเป็นภาคของ Venom และ The sinister six ( กลุ่มตัวร้าย ) อีกด้วย
ก็เตรียมดูกันไปครับ
เข้าใจว่าพยายามจะปูเรื่องและขายหนัง แต่ปูแบบนี้ สอบตกจริง ๆ - -!