เห็นมีตั้ง ชวนอ่านนิยาย Y จากเล้าเป็ดกันเป็นระยะค่ะ
วันนี้ขอยกนิยายที่ได้อ่านจากเล้า ซึ่งเราชอบมาก มากสุดๆ ในเรื่องภาษาเขียน
จริงๆมีอีกเรื่องที่อยากอ่าน ภาษาเขียนสวยมากเหมือนกัน เป็นของ โมดุฯ ท่านหนึ่งในเล้า
แต่เขียนไปจึ๋งหนึ่งเขาก็เลิกเขียน....น่าเสียดายมาก
เรื่องที่ชวนอ่านนี้ชอบที่ภาษาเขียน สวยมาก เพราะมาก (อ่านไปก็เดาไป มันแปลว่าอะไรเน้อออ)
ไม่ต่างกับนิยายแนวประวัติศาสตร์ภาษาสวยๆ ที่เคยอ่านเลย
คุณคนเขียนเขาบอกว่าเป็นนิยายแนวเทพปกรณัมไทย (แปลว่าอะไรไม่รู้)
"ดวงใจรามสูร"
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35487.0
#ตัวอย่างจากตอนล่าสุด#
ศศิรีบลุกขึ้นยืน ตั้งท่าจะเรียกเทพศาสตราออกมา หากแต่สิรัณยุขยับเข้าขวางหน้า แล้วหันไปตำหนิเมฆาเสียงเข้ม
“เหตุใดเจ้าจึงวู่วามนัก ที่นี่เป็นวิมานแห่งองค์มหาเทพ ไม่ควรจะมีการต่อสู้กันเกิดขึ้น”
เมฆาทรุดกายลง “ข้าพระองค์กระทำการมิชอบแล้ว ขอทรงลงพระอาญา”
กินนรน้อยมองแล้วก็อดเบ้ปากไม่ได้...แล้วทำไมเจ้าไม่ห้ามแต่แรกเล่า!
“เจ้าก็เหมือนกัน” สิรัณยุหันมาตำหนิด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แม้ว่าเจ้ากับเราจะเคยประมือกันมาก่อน แต่อย่างไรเสีย เราก็ทรงศักดิ์สูงกว่าเจ้าที่เป็นเพียงกินนรธรรมดา ตามมารยาทแล้ว เจ้าควรแสดงคารวะเราถึงจะถูก”
“ถ้าเช่นนั้น เมื่อเห็นเรา พวกเจ้าก็รู้สินะว่าควรจะต้องทำอย่างไร”
เสียงใสเอ่ยขึ้น ก่อนร่างระหงในอาภรณ์สีชมพูอ่อนจะก้าวพ้นทวารแก้วออกมา เมื่อสิรัณยุและบริวารมองดวงหน้างดงามเพริศพักตร์นั้น ก็รีบทรุดกายลงแสดงคารวะ
ผณินทรกุมาราปรายตามองแล้วก็เมินไปราวกับโอรสพญาสัมพาทีและบริวารทั้งสองเป็นอากาศธาตุ นาคราชน้อยเอ่ยกับศศิด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ “เจ้าจงตามเราไปเข้าเฝ้าองค์มหาเทพเถิด”
ท่วงท่าสง่างามสมฐานะองค์ชายแห่งโภควดีที่สหายรักแสดงออกมาต่อหน้าครุฑทั้งสามนั้นทำให้ศศิมิกล้าเอื้อนเอ่ยอะไรออกมา ครั้นขยับจะเดิน เสียงใสก็บอกว่า
“เข้าเฝ้าองค์มหาเทพ มิควรปิดบังโฉมหน้าที่แท้จริง เจ้าจงถอดหน้ากากออกด้วย”
มือบางจึงปลดหน้ากากหนังออก อดไม่ได้ที่จะปรายตาไปมองสิรัณยุและบริวารทั้งสอง
ราชนัดาพญาเวนไตยให้รู้สึกหวามในหทัยนัก เมื่อได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของศศิอีกครา บริวารทั้งสองต่างก็ล้วนตะลึงลานในรูปโฉมที่งามซึ้งนั้นมิผิดกัน
งามพริ้มพักตร์เลิศลักษณ์ชวนต้องจิต
ผ่องโสภิตล้ำใครในแหล่งหล้า
ในสวรรค์สุรางค์ใดใต้โลกา
ยากจะหา โฉมใดมากล้าเทียมทัน
ชวนอ่านนิยาย Y ภาษาสวยๆจากเล้าเป็ด
วันนี้ขอยกนิยายที่ได้อ่านจากเล้า ซึ่งเราชอบมาก มากสุดๆ ในเรื่องภาษาเขียน
จริงๆมีอีกเรื่องที่อยากอ่าน ภาษาเขียนสวยมากเหมือนกัน เป็นของ โมดุฯ ท่านหนึ่งในเล้า
แต่เขียนไปจึ๋งหนึ่งเขาก็เลิกเขียน....น่าเสียดายมาก
เรื่องที่ชวนอ่านนี้ชอบที่ภาษาเขียน สวยมาก เพราะมาก (อ่านไปก็เดาไป มันแปลว่าอะไรเน้อออ)
ไม่ต่างกับนิยายแนวประวัติศาสตร์ภาษาสวยๆ ที่เคยอ่านเลย
คุณคนเขียนเขาบอกว่าเป็นนิยายแนวเทพปกรณัมไทย (แปลว่าอะไรไม่รู้)
"ดวงใจรามสูร"
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35487.0
#ตัวอย่างจากตอนล่าสุด#
ศศิรีบลุกขึ้นยืน ตั้งท่าจะเรียกเทพศาสตราออกมา หากแต่สิรัณยุขยับเข้าขวางหน้า แล้วหันไปตำหนิเมฆาเสียงเข้ม
“เหตุใดเจ้าจึงวู่วามนัก ที่นี่เป็นวิมานแห่งองค์มหาเทพ ไม่ควรจะมีการต่อสู้กันเกิดขึ้น”
เมฆาทรุดกายลง “ข้าพระองค์กระทำการมิชอบแล้ว ขอทรงลงพระอาญา”
กินนรน้อยมองแล้วก็อดเบ้ปากไม่ได้...แล้วทำไมเจ้าไม่ห้ามแต่แรกเล่า!
“เจ้าก็เหมือนกัน” สิรัณยุหันมาตำหนิด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แม้ว่าเจ้ากับเราจะเคยประมือกันมาก่อน แต่อย่างไรเสีย เราก็ทรงศักดิ์สูงกว่าเจ้าที่เป็นเพียงกินนรธรรมดา ตามมารยาทแล้ว เจ้าควรแสดงคารวะเราถึงจะถูก”
“ถ้าเช่นนั้น เมื่อเห็นเรา พวกเจ้าก็รู้สินะว่าควรจะต้องทำอย่างไร”
เสียงใสเอ่ยขึ้น ก่อนร่างระหงในอาภรณ์สีชมพูอ่อนจะก้าวพ้นทวารแก้วออกมา เมื่อสิรัณยุและบริวารมองดวงหน้างดงามเพริศพักตร์นั้น ก็รีบทรุดกายลงแสดงคารวะ
ผณินทรกุมาราปรายตามองแล้วก็เมินไปราวกับโอรสพญาสัมพาทีและบริวารทั้งสองเป็นอากาศธาตุ นาคราชน้อยเอ่ยกับศศิด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ “เจ้าจงตามเราไปเข้าเฝ้าองค์มหาเทพเถิด”
ท่วงท่าสง่างามสมฐานะองค์ชายแห่งโภควดีที่สหายรักแสดงออกมาต่อหน้าครุฑทั้งสามนั้นทำให้ศศิมิกล้าเอื้อนเอ่ยอะไรออกมา ครั้นขยับจะเดิน เสียงใสก็บอกว่า
“เข้าเฝ้าองค์มหาเทพ มิควรปิดบังโฉมหน้าที่แท้จริง เจ้าจงถอดหน้ากากออกด้วย”
มือบางจึงปลดหน้ากากหนังออก อดไม่ได้ที่จะปรายตาไปมองสิรัณยุและบริวารทั้งสอง
ราชนัดาพญาเวนไตยให้รู้สึกหวามในหทัยนัก เมื่อได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของศศิอีกครา บริวารทั้งสองต่างก็ล้วนตะลึงลานในรูปโฉมที่งามซึ้งนั้นมิผิดกัน
งามพริ้มพักตร์เลิศลักษณ์ชวนต้องจิต
ผ่องโสภิตล้ำใครในแหล่งหล้า
ในสวรรค์สุรางค์ใดใต้โลกา
ยากจะหา โฉมใดมากล้าเทียมทัน