บิวตี้เข้ามาพร้อมกระเป๋าใส่ข้าวของเตรียมการแปลงร่างที่โรงงาน พรเดินมารับ บิวตี้ใส่ชุดสาวโรงงานแต่มีผ้าคาดเอวเก๋ๆ
“นายมีสิทธิ์อะไรมาใช้คนของฉัน แล้วมาทำอะไรที่บ้านฉันแต่เช้า”
“มาพาไปทำงาน”
“ฉันไปเองเป็น”
“ไม่รักษาเวลา ปล่อยให้ไปเองก็เลทตลอด”
“ก็เลยมาคุม? บ้าอำนาจ!”
“งั้นอยู่บ้านไปแล้วกัน ไม่ต้องไปทำงาน” ธีภพจะเดินออกไป
บิวตี้ขวางธีภพไว้ “อย่าคิดว่ามากดดันฉันแบบนี้แล้วฉันจะยอมแพ้ง่ายๆ ไม่มีทาง”
“ได้ แต่ถ้าวันนี้ผมต้องไปทำงานสายเพราะคุณ ผมจะปรับคุณนาทีละวัน”
“นาทีละวัน คืออะไร”
“ช้าหนึ่งนาที ฝึกงานต่ออีก 1วัน”
บิวตี้แหวใส่ “งั้นก็รีบไปสิ จะยืนพูดอยู่ทำไม” แล้วจะออกไป
“เดี๋ยว” ธีภพดึงผ้าคาดเอว “ถอดไอ้นี่ออกก่อน”
“ระเบียบไม่ได้ห้ามไว้นี่ ชุดนายมันหลวมโพลกเพลก ไม่กระฉับกระเฉง”
“ผูกแบบนั้นถ้าไปพันกับเครื่องจักร โดนใบมีดตัดตัวขาดสองท่อนบริษัทไม่รับผิดชอบนะ”
บิวตี้คิด เห็นภาพตัวเองโดนมีดตัดขาด 2 ท่อน “ฉันไม่เชื่อหรอก”
ธีภพยักไหล่ เดินนำออกไป
บิวตี้ ทำไม่รู้ไม่ชี้ดึงผ้าคาดเอวให้หลวม ผ้าตกกองอยู่ที่พื้น ทำเป็นไม่รู้ตัว ออกไป
ป้าจัน กับพร มองหน้ากันขำๆ พรหยิบผ้าคาดเอวเอาไปเก็บ
รถติดเป็นระยะ บิวตี้ปั่นการบ้าน เขียนรายงานยิกๆ
ธีภพมองเซ็งๆ “มาปั่นกันตอนนี้ เนี่ยนะ”
“ยังไงฉันก็มีส่งละกัน”
“ตอนกลางคืนมัวแต่ไปเที่ยว”
บิวตี้เขียนไปเถียงไป “เรื่องของฉัน”
“บอกได้หรือยังว่าหายไปไหนมา”
“เรื่องส่วนตัว”
“แต่คุณนั่งรถมากับผม จะไปไหนก็น่าจะบอกกันบ้างไม่ใช่ปล่อยให้คอยเป็นชั่วโมง”
“ก็...พอดี มีเรื่องด่วน นิดหน่อย”
“ด่วนแค่ไหนก็ควรจะมีมรรยาทบ้าง”
บิวตี้โกรธ เสียงดังใส่ “ว่าฉันไม่มีมารยาทเหรอ”
ธีภพโกรธ เสียงดังด้วย “ก็ไม่มีจริงๆนี่ หัดนึกถึงคนอื่นบ้างสิ”
บิวตี้เสียงดังขึ้นอีก “ก็มันจำเป็น”
“จำเป็นยังไง บอกมาซิ”
บิวตี้อึกอัก แก้ตัวไม่ได้เลยพาล “ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของฉัน” หล่อนเปิดประตูจะลงกลางถนน
ธีภพตกใจดึงแขนบิวตี้ไว้ “จะทำอะไร มันอันตรายนะ”
“เลิกยุ่งกับเรื่องส่วนตัวของฉันซะที ต่อไปนี้ฉันจะไม่ขึ้นรถนายอีก”
“ตามใจ แต่ตอนนี้นั่งให้ดีๆ เดี๋ยวจะจอดให้ลง”
บิวตี้นั่งคอแข็ง มองไปทางอื่น ธีภพขับปราดไปจอดตรงจุดที่พอจอดได้
“เชิญ”
บิวตี้ ไม่คิดว่าธีจะเอาจริง แต่ต้องรักษาฟอร์ม “ได้ นี่รายงาน อ่านซะ” หญิงสาวส่งให้แรงๆ
บิวตี้ลงจากรถ ธีภพกระชากออกรถไปอย่างเร็ว ทิ้งให้บิวตี้ยืนเด๋อโมโหฮึดฮัดอยู่คาที่
ธีภพถึงออฟฟิศในโรงงาน เดินเข้ามาในห้อง ผ่านโต๊ะเลขา
“บอกสโตร์ด้วยว่าถ้าคนงานฝึกงานมาถึงให้โทรมาแจ้งด้วย” ธีภพลังเลนิดๆ แล้วสั่งต่อ “ไม่ต้องบอกว่าผมสั่ง”
“ค่ะ”
พักตร์พิมลเข้ามา อย่างร้อนใจ(คอยดูอยู่แล้วว่าธีภพมาหรือยัง)
“พี่ธี ยัยบิวตี้มาทำงานหรือยังคะ”
ธีภพมีพิรุธ “ไม่รู้สิ ทำไมเหรอ”
“มีเรื่องใหญ่ค่ะ ยัยบิวตี้ก่อเรื่องใหญ่อีกแล้ว เก่งจังมาทำงานไม่กี่วันทำบริษัทเสียหายเกือบล้านแล้ว”
“มีเรื่องอะไร”
พักตร์พิมลฟ้อง “พี่ธีไปดูเองสิคะ เดี๋ยวจะหาว่าแพ็ตใส่ร้าย”
บิวตี้มองหาห้องว่างๆ เพื่อจะทำเป็นห้องลับสำหรับแปลงตัว พบว่าตึกเก่าบางส่วนของบริษัทมีห้องปิดตาย เคยเป็นออฟฟิศบางอย่างแล้วมีการเคลื่อนย้ายไป
บิวตี้พึมพำกับตัวเอง “ห้องปิดทิ้งไว้เยอะเลย มาแปลงร่างแถวนี้ดีกว่าในส้วม”
บิวตี้พยายามเปิดประตูที่ปิดล็อกไว้
เสียงยามดังขึ้น “ทำอะไรน่ะ”
บิวตี้สะดุ้งหันไปเจอยามแก่มองมาดุๆ บิวตี้ตั้งสติเชิดใส่
“ท่านประธานให้มาหาห้องว่างจะเอาของมาเก็บ”
“งั้นเดี๋ยวถามให้” ยามจะวิทยุถามยามส่วนอื่น
“ไม่ต้อง เขา...เอ่อ...ท่าน ต้องการความเป็นส่วนตัว”
ยามมองบิวตี้ สายตาโลมเลีย ยิ้มกริ่มๆ “อ้อ ห้องลับเหรอ งั้นก็ตามสบายนะ”
ยามออกไปแล้วบิวตี้โกรธมาก
“ลามกทั้งบริษัท คอยดูนะจะไล่ออกให้หมด”
บิวตี้เห็นห้องเล็กๆ แง้มอยู่ จึงเปิดเข้าไปดูเห็นห้องเก็บของรกๆ บิวตี้ดึงผ้าผืนใหญ่ที่เตรียมมาอย่างดี คลุมไปบนลัง แล้วเอากระจก ถ้วยใส่น้ำ ถ้วยใส่ อาหารนก วางเตรียมไว้
บิวตี้มองไปรอบๆ ปัดอาหารนกจากมือ “ค่อยยังชั่ว แต่ฉันจะไม่ยอมอยู่ในสภาพนี้อีกนานหรอก” มองกราดตาไปรอบๆ “ยัยแม่มดใจร้าย ได้ยินไหม คนอย่างลัลน์ลลิตไม่มีวันยอมแพ้ง่ายๆ”
บิวตี้ดูมั่นใจ มีการเตรียมตัวมาอย่างดี
ฝ่ายธีภพยืนอยู่ในโกดัง กับหัวหน้าแผนกและป้าศรีนวล คอยดูหลักฐานที่พักตร์พิมลกำลังจะเอามาฟ้อง
เนย นี ติ๋ม และหนุ่มสาวฉันทนาจอมสอดรู้ แอบดูอยู่ห่างออกไป ท่าทางอยากเข้ามาฟังใกล้ๆเต็มที
กระตั้ว กับปีวราคลี่ม้วนผ้าออก ในม้วนผ้าลึกๆ พอคลี่ออกจึงเห็นรอยด่าง สีเข้มชัดเจน
หัวหน้าแผนก และป้าศรีนวลตกใจ พักตร์พิมลสีหน้าสะใจแล้วทำเป็นเครียด
“ฝ่ายการเงินเคยย้ำมาหลายครั้งแล้วว่า ต้องตรวจผ้าให้ละเอียดรอบคอบก่อนเซ็นรับสินค้า”
“ใครเป็นคนเซ็นรับ”
พักตร์พิมลรับเอกสารที่กระตั้วส่งให้ พูดเสียงดัง “เขาใช้ชื่อว่าสวยค่ะ”
ธีภพหันไปสั่งหัวหน้าแผนก
“ไปเชิญ เอ่อ เรียก ตัวมาซิ”
หัวหน้าแผนกอึกอัก “เขา...ยังไม่เข้ามาเลยค่ะ”
บรรดาคนงานที่แอบฟังอยู่ ตื่นเต้นกระซิบกระซาบ คาดเดาต่างๆนานา
พักตร์พิมลโวยวายดังลั่น
“อะไร เพิ่งทำงานไม่กี่วันขาดงานได้เหรอ แล้วนี่ใครจะรับผิดชอบ ผ้าม้วนนี้เมตรละสองพันห้า”
“คอมเพลนไป แล้วสั่งให้ส่งมาใหม่ไม่ได้เหรอ” ธีภพบอก
“เซ็นรับของไปแล้วจะคอมเพลนได้ไงคะ สั่งใหม่ก็ไม่ทันส่งงานแน่ๆ”
บิวตี้กลับมาจากหาห้องลับ เห็น ธีภพและพักตร์พิมล กำลังเครียดอยู่ เลยเดินเลี่ยงหนี เนยกับพวกล้อมบิวตี้ไว้
“จะไปไหน” พร้อมกับตะโกนบอกพักตร์พิมล “มาแล้วค่ะๆ อยู่นี่ค่ะ”
บิวตี้ถูกดันให้ไปเผชิญหน้ากับพักตร์พิมลและธีภพ
พักตร์พิมลเน้นเรื่องเป็นคนงาน ไม่ให้บิวตี้เถียง “เป็นคนงาน ทำไมถึงมาสาย”
บิวตี้จ้องหน้าธีภพเขม็ง “ฉันถูกคนใจร้ายไล่ลงจากรถ”
พักตร์พิมลไม่เชื่อ “มาก็สายแล้วยังทำงานสับเพร่า ตรวจรับผ้าที่มีรอยเลอะขนาดนี้ได้ยังไง”
บิวตี้จ้องมองดูรอยเลอะที่ผ้า นึกสงสัย “ตอนตรวจไม่เห็นมีรอยอะไรนี่”
“ตรวจชุ่ยๆน่ะสิ แค่งานง่ายๆ ยังทำพลาด เธอต้องรับผิดชอบ”
บิวตี้เสียงแข็งใส่ “แต่ฉันตรวจดีแล้ว”
“ถ้าเธอมั่นใจ คนเซ็นรับต่อจากเธอก็ต้องรับผิดชอบ” พักตร์พิมลว่า
กระตั้วเจ๋อ “คนเซ็นรับรอง คือนางศรีนวลฮ่ะ”
ศรีนวลตกใจลนลานกลัวโดนชดใช้ “ดิฉันพลาดเองค่ะ ไม่รู้ว่ามันรอดสายตาไปได้ยังไง”
“แต่ฉันตรวจทุกม้วน” บิวตี้บอก
ปีวรารู้สึกเห็นใจ “บางทีมือใหม่อาจจะนึกไม่ถึงว่าต้องดูถึงแกนใน”
“แต่ฉันดู”
ธีภพสวนออกมาเสียงเย็นจับขั้วหัวใจ “ไปชี้แจงที่ออฟฟิศ”
บิวตี้โมโห ฮึดฮัดขัดใจ
พักตร์พิมลจ้องมองอย่างสะใจ บิวตี้ประสานสายตาสู้กับพักตร์พิมลอย่างไม่เกรงกลัว
อรวิภาเดินนำสาวใช้ที่ยกถาดของว่างมาให้พ่อ แม่และแขกที่โต๊ะสนาม สาวโลกสวยต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าแขกคนนั้นคือเจตน์ชาญ ที่กำลังซ้อมวงสวิงกอล์ฟกับอดิศักดิ์
“ฝีมือดีนี่ ต้องขอเชิญไปออกรอบด้วยกันซะแล้ว”
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ”
อรวิภาเห็นเจตน์ชาญ เลยหันหลังกลับเดินหนี
อดิศักดิ์เรียกไว้ “น้องอร จะไปไหน มาคุยกับปะป๊าก่อนซิ”
อรวิภาจำใจต้องเดินกลับมา หน้างอง้ำ ไหว้เจตน์ชาญอย่างเสียไม่ได้
“คุยอะไรคะ”
“ป๊าจะสอนให้อรหัดตีกอล์ฟ เอาไว้ออกรอบกับกลุ่มนักธุรกิจหญิง” อดิศักดิ์หันมาหาเจตน์ชาญ “คุณเจตน์พอจะสอนเทคนิคเบื้องต้นให้น้องอรได้ไหม”
เจตน์ชาญเยื้อนยิ้ม “ถ้าท่านไว้วางใจ ผมก็ยินดีครับ”
“ไม่เอาดีกว่า อรไม่ชอบเล่นกอล์ฟ” อรวิภาหันกลับจะเดินหนีอีก
เจตน์ชาญขยับขวาง “คุณอรลองจับไม้ให้ผมดูสิครับ” ชายหนุ่มส่งไม้กอล์ฟให้
เห็นอดิศักดิ์มองอยู่ อรวิภาจำใจต้องจับไม้กอล์ฟอย่างไม่เต็มใจ
“เลื่อนมือลงมาอีกนิดนึงครับ จับสบายๆ ไม่ต้องเกร็ง นะครับ สวยมากครับ”
เจตน์ชาญสอนอย่างใจดี มีชมเชย จนอรวิภาเผลอไผลตามไม่ได้
“คุณอรมีแววมากเลยครับ แค่พูดนิดเดียวก็ทำได้เป๊ะเลย คราวนี้ลองสวิงดูสิครับ”
อรวิภาสวิงตามเจตน์ชาญบอก
ต่อมาเจตน์ชาญแตะตัวอรวิภาเบาๆ ด้วยท่าทีสุภาพ เพื่อให้อรวิภาจับไม้แล้ววาดวงสวิงได้อย่างถูกต้อง อดิศักดิ์จิบเครื่องดื่ม มองสองหนุ่มสาวนิ่งๆ
เครือวรรณมองเพลิน ตบมืออย่างชื่นชม “โปรเจตน์สอนเก่งจริงๆ ค่ะ”
“พอดีกว่าค่ะ อรเหนื่อยแล้ว” อรวิภาจะเดินหนี
“ฝึกให้หมดถาดนั้นก่อนลูก” อดิศักดิ์มองอรวิภาอย่างบังคับในที
อรวิภาจำใจต้องตีต่อโดยมีเจตน์ชาญช่วยเทรน เจตน์ชาญแอบยิ้มเยาะในสีหน้า อรวิภาโกรธฮึดฮัดตีมั่วๆ ไป
ภายในห้องทำงานธีภพบรรยากาศมาคุกรุ่นๆ
ธีภพอบรมบิวตี้เครียด พักตร์พิมลจ้องจับผิดอย่างเอาเรื่องเต็มที่ ธีภพจ้องหน้าบิวตี้
“เห็นหรือยังว่าถ้าไม่ตั้งใจทำงาน คนอื่นเขาจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย”
“ใครบอกว่าฉันไม่ตั้งใจ”
พักตร์พิมลสอด “ถ้าตั้งใจแล้วยังทำผิดพลาดขนาดนี้ก็แย่แล้ว แค่งานกระจอกๆ ยังมีปัญหา ถ้าประธานบริษัทมีหวังเจ๊งตั้งแต่เดือนแรก”
“ค่าเสียหายเท่าไหร่ ฉันจะจ่ายเอง จบปะ” บิวตี้เชิด
“มันไม่ใช่แค่จ่ายค่าเสียหายแล้วก็จบ ถ้าคิดจะทำงาน คุณต้องรอบคอบและเอาใจใส่มากกว่านี้”
บิวตี้เถียง “ฉันทำดีที่สุดแล้ว ฉันอาจจะโดนแกล้งก็ได้” พลางเหลียวมองหน้าพักตร์พิมล
“ทำผิดแล้วโยนความผิดให้คนอื่น แบบนี้จะเป็นผู้บริหารที่ดีได้ยังไง” ธีภพตบโต๊ะ ปัง!
บิวตี้ตบโต๊ะบ้าง “แล้วผู้บริหารที่หูเบาไม่ยอมหาหลักฐานก่อนจะโทษใคร มันดีนักเหรอ”
บิวตี้ประจันหน้ากับธีภพอย่างไม่กลัวเกรง
พักตร์พิมลบอกอีก “ทำไมจะไม่มีหลักฐาน มีอยู่ทนโท่ เธอนั่นแหละที่ไม่ยอมรับผิด”
“ก็ฉันไม่ผิด”
“พิสูจน์มาสิ แค่คำพูดว่าไม่ผิดเอาเป็นหลักฐานอะไรไม่ได้หรอก” ธีภพท้า
พักตร์พิมลเสริมทันที “ถูกต้อง”
บิวตี้ทั้งโกรธทั้งเจ็บใจ
“ได้ ถ้าฉันพิสูจน์ได้ว่าฉันไม่ผิด ทั้งสองคนจะต้องขอโทษฉันต่อหน้าพนักงานทุกคน และต้องทำตามคำสั่งของฉันทุกอย่างหนึ่งวันเต็มๆ”
พักตร์พิมลแหวใส่ “จะบ้าเหรอ”
ธีภพย้อนเอา “เธอไม่โตขึ้นเลยนะ บิวตี้”
เรื่องเต็มเล่ห์นางฟ้า (ตอนที่7/4) วันจันทร์ที่ 28/04/2557
“นายมีสิทธิ์อะไรมาใช้คนของฉัน แล้วมาทำอะไรที่บ้านฉันแต่เช้า”
“มาพาไปทำงาน”
“ฉันไปเองเป็น”
“ไม่รักษาเวลา ปล่อยให้ไปเองก็เลทตลอด”
“ก็เลยมาคุม? บ้าอำนาจ!”
“งั้นอยู่บ้านไปแล้วกัน ไม่ต้องไปทำงาน” ธีภพจะเดินออกไป
บิวตี้ขวางธีภพไว้ “อย่าคิดว่ามากดดันฉันแบบนี้แล้วฉันจะยอมแพ้ง่ายๆ ไม่มีทาง”
“ได้ แต่ถ้าวันนี้ผมต้องไปทำงานสายเพราะคุณ ผมจะปรับคุณนาทีละวัน”
“นาทีละวัน คืออะไร”
“ช้าหนึ่งนาที ฝึกงานต่ออีก 1วัน”
บิวตี้แหวใส่ “งั้นก็รีบไปสิ จะยืนพูดอยู่ทำไม” แล้วจะออกไป
“เดี๋ยว” ธีภพดึงผ้าคาดเอว “ถอดไอ้นี่ออกก่อน”
“ระเบียบไม่ได้ห้ามไว้นี่ ชุดนายมันหลวมโพลกเพลก ไม่กระฉับกระเฉง”
“ผูกแบบนั้นถ้าไปพันกับเครื่องจักร โดนใบมีดตัดตัวขาดสองท่อนบริษัทไม่รับผิดชอบนะ”
บิวตี้คิด เห็นภาพตัวเองโดนมีดตัดขาด 2 ท่อน “ฉันไม่เชื่อหรอก”
ธีภพยักไหล่ เดินนำออกไป
บิวตี้ ทำไม่รู้ไม่ชี้ดึงผ้าคาดเอวให้หลวม ผ้าตกกองอยู่ที่พื้น ทำเป็นไม่รู้ตัว ออกไป
ป้าจัน กับพร มองหน้ากันขำๆ พรหยิบผ้าคาดเอวเอาไปเก็บ
รถติดเป็นระยะ บิวตี้ปั่นการบ้าน เขียนรายงานยิกๆ
ธีภพมองเซ็งๆ “มาปั่นกันตอนนี้ เนี่ยนะ”
“ยังไงฉันก็มีส่งละกัน”
“ตอนกลางคืนมัวแต่ไปเที่ยว”
บิวตี้เขียนไปเถียงไป “เรื่องของฉัน”
“บอกได้หรือยังว่าหายไปไหนมา”
“เรื่องส่วนตัว”
“แต่คุณนั่งรถมากับผม จะไปไหนก็น่าจะบอกกันบ้างไม่ใช่ปล่อยให้คอยเป็นชั่วโมง”
“ก็...พอดี มีเรื่องด่วน นิดหน่อย”
“ด่วนแค่ไหนก็ควรจะมีมรรยาทบ้าง”
บิวตี้โกรธ เสียงดังใส่ “ว่าฉันไม่มีมารยาทเหรอ”
ธีภพโกรธ เสียงดังด้วย “ก็ไม่มีจริงๆนี่ หัดนึกถึงคนอื่นบ้างสิ”
บิวตี้เสียงดังขึ้นอีก “ก็มันจำเป็น”
“จำเป็นยังไง บอกมาซิ”
บิวตี้อึกอัก แก้ตัวไม่ได้เลยพาล “ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของฉัน” หล่อนเปิดประตูจะลงกลางถนน
ธีภพตกใจดึงแขนบิวตี้ไว้ “จะทำอะไร มันอันตรายนะ”
“เลิกยุ่งกับเรื่องส่วนตัวของฉันซะที ต่อไปนี้ฉันจะไม่ขึ้นรถนายอีก”
“ตามใจ แต่ตอนนี้นั่งให้ดีๆ เดี๋ยวจะจอดให้ลง”
บิวตี้นั่งคอแข็ง มองไปทางอื่น ธีภพขับปราดไปจอดตรงจุดที่พอจอดได้
“เชิญ”
บิวตี้ ไม่คิดว่าธีจะเอาจริง แต่ต้องรักษาฟอร์ม “ได้ นี่รายงาน อ่านซะ” หญิงสาวส่งให้แรงๆ
บิวตี้ลงจากรถ ธีภพกระชากออกรถไปอย่างเร็ว ทิ้งให้บิวตี้ยืนเด๋อโมโหฮึดฮัดอยู่คาที่
ธีภพถึงออฟฟิศในโรงงาน เดินเข้ามาในห้อง ผ่านโต๊ะเลขา
“บอกสโตร์ด้วยว่าถ้าคนงานฝึกงานมาถึงให้โทรมาแจ้งด้วย” ธีภพลังเลนิดๆ แล้วสั่งต่อ “ไม่ต้องบอกว่าผมสั่ง”
“ค่ะ”
พักตร์พิมลเข้ามา อย่างร้อนใจ(คอยดูอยู่แล้วว่าธีภพมาหรือยัง)
“พี่ธี ยัยบิวตี้มาทำงานหรือยังคะ”
ธีภพมีพิรุธ “ไม่รู้สิ ทำไมเหรอ”
“มีเรื่องใหญ่ค่ะ ยัยบิวตี้ก่อเรื่องใหญ่อีกแล้ว เก่งจังมาทำงานไม่กี่วันทำบริษัทเสียหายเกือบล้านแล้ว”
“มีเรื่องอะไร”
พักตร์พิมลฟ้อง “พี่ธีไปดูเองสิคะ เดี๋ยวจะหาว่าแพ็ตใส่ร้าย”
บิวตี้มองหาห้องว่างๆ เพื่อจะทำเป็นห้องลับสำหรับแปลงตัว พบว่าตึกเก่าบางส่วนของบริษัทมีห้องปิดตาย เคยเป็นออฟฟิศบางอย่างแล้วมีการเคลื่อนย้ายไป
บิวตี้พึมพำกับตัวเอง “ห้องปิดทิ้งไว้เยอะเลย มาแปลงร่างแถวนี้ดีกว่าในส้วม”
บิวตี้พยายามเปิดประตูที่ปิดล็อกไว้
เสียงยามดังขึ้น “ทำอะไรน่ะ”
บิวตี้สะดุ้งหันไปเจอยามแก่มองมาดุๆ บิวตี้ตั้งสติเชิดใส่
“ท่านประธานให้มาหาห้องว่างจะเอาของมาเก็บ”
“งั้นเดี๋ยวถามให้” ยามจะวิทยุถามยามส่วนอื่น
“ไม่ต้อง เขา...เอ่อ...ท่าน ต้องการความเป็นส่วนตัว”
ยามมองบิวตี้ สายตาโลมเลีย ยิ้มกริ่มๆ “อ้อ ห้องลับเหรอ งั้นก็ตามสบายนะ”
ยามออกไปแล้วบิวตี้โกรธมาก
“ลามกทั้งบริษัท คอยดูนะจะไล่ออกให้หมด”
บิวตี้เห็นห้องเล็กๆ แง้มอยู่ จึงเปิดเข้าไปดูเห็นห้องเก็บของรกๆ บิวตี้ดึงผ้าผืนใหญ่ที่เตรียมมาอย่างดี คลุมไปบนลัง แล้วเอากระจก ถ้วยใส่น้ำ ถ้วยใส่ อาหารนก วางเตรียมไว้
บิวตี้มองไปรอบๆ ปัดอาหารนกจากมือ “ค่อยยังชั่ว แต่ฉันจะไม่ยอมอยู่ในสภาพนี้อีกนานหรอก” มองกราดตาไปรอบๆ “ยัยแม่มดใจร้าย ได้ยินไหม คนอย่างลัลน์ลลิตไม่มีวันยอมแพ้ง่ายๆ”
บิวตี้ดูมั่นใจ มีการเตรียมตัวมาอย่างดี
ฝ่ายธีภพยืนอยู่ในโกดัง กับหัวหน้าแผนกและป้าศรีนวล คอยดูหลักฐานที่พักตร์พิมลกำลังจะเอามาฟ้อง
เนย นี ติ๋ม และหนุ่มสาวฉันทนาจอมสอดรู้ แอบดูอยู่ห่างออกไป ท่าทางอยากเข้ามาฟังใกล้ๆเต็มที
กระตั้ว กับปีวราคลี่ม้วนผ้าออก ในม้วนผ้าลึกๆ พอคลี่ออกจึงเห็นรอยด่าง สีเข้มชัดเจน
หัวหน้าแผนก และป้าศรีนวลตกใจ พักตร์พิมลสีหน้าสะใจแล้วทำเป็นเครียด
“ฝ่ายการเงินเคยย้ำมาหลายครั้งแล้วว่า ต้องตรวจผ้าให้ละเอียดรอบคอบก่อนเซ็นรับสินค้า”
“ใครเป็นคนเซ็นรับ”
พักตร์พิมลรับเอกสารที่กระตั้วส่งให้ พูดเสียงดัง “เขาใช้ชื่อว่าสวยค่ะ”
ธีภพหันไปสั่งหัวหน้าแผนก
“ไปเชิญ เอ่อ เรียก ตัวมาซิ”
หัวหน้าแผนกอึกอัก “เขา...ยังไม่เข้ามาเลยค่ะ”
บรรดาคนงานที่แอบฟังอยู่ ตื่นเต้นกระซิบกระซาบ คาดเดาต่างๆนานา
พักตร์พิมลโวยวายดังลั่น
“อะไร เพิ่งทำงานไม่กี่วันขาดงานได้เหรอ แล้วนี่ใครจะรับผิดชอบ ผ้าม้วนนี้เมตรละสองพันห้า”
“คอมเพลนไป แล้วสั่งให้ส่งมาใหม่ไม่ได้เหรอ” ธีภพบอก
“เซ็นรับของไปแล้วจะคอมเพลนได้ไงคะ สั่งใหม่ก็ไม่ทันส่งงานแน่ๆ”
บิวตี้กลับมาจากหาห้องลับ เห็น ธีภพและพักตร์พิมล กำลังเครียดอยู่ เลยเดินเลี่ยงหนี เนยกับพวกล้อมบิวตี้ไว้
“จะไปไหน” พร้อมกับตะโกนบอกพักตร์พิมล “มาแล้วค่ะๆ อยู่นี่ค่ะ”
บิวตี้ถูกดันให้ไปเผชิญหน้ากับพักตร์พิมลและธีภพ
พักตร์พิมลเน้นเรื่องเป็นคนงาน ไม่ให้บิวตี้เถียง “เป็นคนงาน ทำไมถึงมาสาย”
บิวตี้จ้องหน้าธีภพเขม็ง “ฉันถูกคนใจร้ายไล่ลงจากรถ”
พักตร์พิมลไม่เชื่อ “มาก็สายแล้วยังทำงานสับเพร่า ตรวจรับผ้าที่มีรอยเลอะขนาดนี้ได้ยังไง”
บิวตี้จ้องมองดูรอยเลอะที่ผ้า นึกสงสัย “ตอนตรวจไม่เห็นมีรอยอะไรนี่”
“ตรวจชุ่ยๆน่ะสิ แค่งานง่ายๆ ยังทำพลาด เธอต้องรับผิดชอบ”
บิวตี้เสียงแข็งใส่ “แต่ฉันตรวจดีแล้ว”
“ถ้าเธอมั่นใจ คนเซ็นรับต่อจากเธอก็ต้องรับผิดชอบ” พักตร์พิมลว่า
กระตั้วเจ๋อ “คนเซ็นรับรอง คือนางศรีนวลฮ่ะ”
ศรีนวลตกใจลนลานกลัวโดนชดใช้ “ดิฉันพลาดเองค่ะ ไม่รู้ว่ามันรอดสายตาไปได้ยังไง”
“แต่ฉันตรวจทุกม้วน” บิวตี้บอก
ปีวรารู้สึกเห็นใจ “บางทีมือใหม่อาจจะนึกไม่ถึงว่าต้องดูถึงแกนใน”
“แต่ฉันดู”
ธีภพสวนออกมาเสียงเย็นจับขั้วหัวใจ “ไปชี้แจงที่ออฟฟิศ”
บิวตี้โมโห ฮึดฮัดขัดใจ
พักตร์พิมลจ้องมองอย่างสะใจ บิวตี้ประสานสายตาสู้กับพักตร์พิมลอย่างไม่เกรงกลัว
อรวิภาเดินนำสาวใช้ที่ยกถาดของว่างมาให้พ่อ แม่และแขกที่โต๊ะสนาม สาวโลกสวยต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าแขกคนนั้นคือเจตน์ชาญ ที่กำลังซ้อมวงสวิงกอล์ฟกับอดิศักดิ์
“ฝีมือดีนี่ ต้องขอเชิญไปออกรอบด้วยกันซะแล้ว”
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ”
อรวิภาเห็นเจตน์ชาญ เลยหันหลังกลับเดินหนี
อดิศักดิ์เรียกไว้ “น้องอร จะไปไหน มาคุยกับปะป๊าก่อนซิ”
อรวิภาจำใจต้องเดินกลับมา หน้างอง้ำ ไหว้เจตน์ชาญอย่างเสียไม่ได้
“คุยอะไรคะ”
“ป๊าจะสอนให้อรหัดตีกอล์ฟ เอาไว้ออกรอบกับกลุ่มนักธุรกิจหญิง” อดิศักดิ์หันมาหาเจตน์ชาญ “คุณเจตน์พอจะสอนเทคนิคเบื้องต้นให้น้องอรได้ไหม”
เจตน์ชาญเยื้อนยิ้ม “ถ้าท่านไว้วางใจ ผมก็ยินดีครับ”
“ไม่เอาดีกว่า อรไม่ชอบเล่นกอล์ฟ” อรวิภาหันกลับจะเดินหนีอีก
เจตน์ชาญขยับขวาง “คุณอรลองจับไม้ให้ผมดูสิครับ” ชายหนุ่มส่งไม้กอล์ฟให้
เห็นอดิศักดิ์มองอยู่ อรวิภาจำใจต้องจับไม้กอล์ฟอย่างไม่เต็มใจ
“เลื่อนมือลงมาอีกนิดนึงครับ จับสบายๆ ไม่ต้องเกร็ง นะครับ สวยมากครับ”
เจตน์ชาญสอนอย่างใจดี มีชมเชย จนอรวิภาเผลอไผลตามไม่ได้
“คุณอรมีแววมากเลยครับ แค่พูดนิดเดียวก็ทำได้เป๊ะเลย คราวนี้ลองสวิงดูสิครับ”
อรวิภาสวิงตามเจตน์ชาญบอก
ต่อมาเจตน์ชาญแตะตัวอรวิภาเบาๆ ด้วยท่าทีสุภาพ เพื่อให้อรวิภาจับไม้แล้ววาดวงสวิงได้อย่างถูกต้อง อดิศักดิ์จิบเครื่องดื่ม มองสองหนุ่มสาวนิ่งๆ
เครือวรรณมองเพลิน ตบมืออย่างชื่นชม “โปรเจตน์สอนเก่งจริงๆ ค่ะ”
“พอดีกว่าค่ะ อรเหนื่อยแล้ว” อรวิภาจะเดินหนี
“ฝึกให้หมดถาดนั้นก่อนลูก” อดิศักดิ์มองอรวิภาอย่างบังคับในที
อรวิภาจำใจต้องตีต่อโดยมีเจตน์ชาญช่วยเทรน เจตน์ชาญแอบยิ้มเยาะในสีหน้า อรวิภาโกรธฮึดฮัดตีมั่วๆ ไป
ภายในห้องทำงานธีภพบรรยากาศมาคุกรุ่นๆ
ธีภพอบรมบิวตี้เครียด พักตร์พิมลจ้องจับผิดอย่างเอาเรื่องเต็มที่ ธีภพจ้องหน้าบิวตี้
“เห็นหรือยังว่าถ้าไม่ตั้งใจทำงาน คนอื่นเขาจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย”
“ใครบอกว่าฉันไม่ตั้งใจ”
พักตร์พิมลสอด “ถ้าตั้งใจแล้วยังทำผิดพลาดขนาดนี้ก็แย่แล้ว แค่งานกระจอกๆ ยังมีปัญหา ถ้าประธานบริษัทมีหวังเจ๊งตั้งแต่เดือนแรก”
“ค่าเสียหายเท่าไหร่ ฉันจะจ่ายเอง จบปะ” บิวตี้เชิด
“มันไม่ใช่แค่จ่ายค่าเสียหายแล้วก็จบ ถ้าคิดจะทำงาน คุณต้องรอบคอบและเอาใจใส่มากกว่านี้”
บิวตี้เถียง “ฉันทำดีที่สุดแล้ว ฉันอาจจะโดนแกล้งก็ได้” พลางเหลียวมองหน้าพักตร์พิมล
“ทำผิดแล้วโยนความผิดให้คนอื่น แบบนี้จะเป็นผู้บริหารที่ดีได้ยังไง” ธีภพตบโต๊ะ ปัง!
บิวตี้ตบโต๊ะบ้าง “แล้วผู้บริหารที่หูเบาไม่ยอมหาหลักฐานก่อนจะโทษใคร มันดีนักเหรอ”
บิวตี้ประจันหน้ากับธีภพอย่างไม่กลัวเกรง
พักตร์พิมลบอกอีก “ทำไมจะไม่มีหลักฐาน มีอยู่ทนโท่ เธอนั่นแหละที่ไม่ยอมรับผิด”
“ก็ฉันไม่ผิด”
“พิสูจน์มาสิ แค่คำพูดว่าไม่ผิดเอาเป็นหลักฐานอะไรไม่ได้หรอก” ธีภพท้า
พักตร์พิมลเสริมทันที “ถูกต้อง”
บิวตี้ทั้งโกรธทั้งเจ็บใจ
“ได้ ถ้าฉันพิสูจน์ได้ว่าฉันไม่ผิด ทั้งสองคนจะต้องขอโทษฉันต่อหน้าพนักงานทุกคน และต้องทำตามคำสั่งของฉันทุกอย่างหนึ่งวันเต็มๆ”
พักตร์พิมลแหวใส่ “จะบ้าเหรอ”
ธีภพย้อนเอา “เธอไม่โตขึ้นเลยนะ บิวตี้”