หุ้น 10 เด้ง

กระทู้สนทนา
เครดิตบทความโดย ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร



มองย้อนหลัง 10 ปี และดูว่ามีหุ้นตัวไหนบ้างที่เติบโตขึ้นมาก

จนมีมูลค่าตลาดโตขึ้นเป็น 10 เท่าขึ้นไป หรือเป็นหุ้น “10 เด้ง” ซึ่งเท่ากับการที่หุ้นให้ผลตอบแทนไม่ต่ำกว่า 25% ต่อปีแบบทบต้นและสามารถเรียกว่าเป็นหุ้น “Super Stock” ได้

หุ้นตัวแรกก็คือ หุ้น MINT ซึ่งเมื่อ 10 ปีที่แล้วมีราคาเพียง 1.99 บาท จนถึงช่วงปัจจุบันมีราคา 24 บาท เท่ากับราคาปรับเพิ่มประมาณ 12 เท่า นี่คือหุ้นที่ทำกิจการภัตตาคาร ทั้งที่เป็นอาหารจานด่วน อาหารทั่วไป ร้านไอศกรีม และอีกครึ่งหนึ่งทำกิจการโรงแรม ที่มีเครือข่ายกว้างขวางและขยายไปทั่วโลก

ส่วนหุ้นตัวที่สองคือหุ้น CENTEL ซึ่งก็เป็นบริษัทที่ทำกิจการแบบเดียวกับหุ้น MINT เกือบจะทุกประการ หุ้น CENTEL ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากราคา 2.15 บาทเป็น 36 บาทหรือเพิ่มขึ้นประมาณ 16.7 เท่าในเวลา 10 ปี

หุ้นตัวต่อมาคือหุ้น SCBLIF ซึ่งทำกิจการประกันชีวิตซึ่งมีการเติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว หลังจากการเปิดให้ธนาคารเข้ามาเป็นผู้ขายประกันให้กับลูกค้าของธนาคารได้ ส่งผลให้ SCBLIF ซึ่งอยู่ในเครือแบงก์ขนาดใหญ่ในขณะนั้น ขยายตัวอย่างรวดเร็ว

ราคาหุ้นของ SCBLIF ปรับเพิ่มขึ้นจาก 13.28 บาท กลายเป็น 1,046 บาท หรือเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างมโหฬารถึง 78.8 เท่า ถึงแม้ว่าราคาที่ประมาณ 13 บาทนั้นจะไม่ใคร่มีการซื้อขาย และราคาที่เริ่มมีการซื้อขายในช่วง 7- 8 ปีที่ผ่านมา จะเป็นประมาณกว่า 70 บาท หุ้นตัวนี้ยังเป็นหุ้น 10 เด้ง อยู่ดี

หุ้นกลุ่มที่มีหุ้น 10 เด้งมากที่สุด และเป็นหุ้นขนาดใหญ่ทุกตัว ที่ได้กล่าวถึงคือหุ้นกลุ่มพาณิชย์ ซึ่งประกอบด้วยหุ้น BIGC CPALL MAKRO HMPRO และ ROBINS

โดยหุ้น BIGC ปรับขึ้นจาก 18.1 บาท เมื่อ 10 ปีที่แล้วเป็น 185 บาท หรือเพิ่มเป็น 10.2 เท่า หุ้น CPALL เพิ่มจาก 3.03 บาท เป็น 41.75 บาท หรือเพิ่มเป็น 13.8 เท่า หุ้น MAKRO เพิ่มจาก 2.4 บาท เป็น 32.75 บาท หรือเพิ่มเป็น 13.7 เท่า หุ้น HMPRO เพิ่มขึ้นมหาศาลจาก 0.49 บาท เป็น 10.6 บาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 21.6 เท่า ในเวลา 10 ปี และสุดท้ายหุ้น ROBINS ที่เพิ่มจาก 3.5 บาท เป็น 53 บาท หรือเพิ่มขึ้น 15.1 เท่า

หุ้นโรงพยาบาลที่โตขึ้นเป็นหุ้น 10 เด้งก็คือหุ้น BGH ซึ่งโตขึ้นจาก 6.66 บาทเป็น 129.5 บาทหรือเพิ่มมากถึง 19.4 เท่า และนี่ก็คือหุ้นของโรงพยาบาลที่โตเร็วมากด้วยกลยุทธ์การเทคโอเวอร์โรงพยาบาลทั่วประเทศ กลายเป็นเครือข่ายโรงพยาบาลที่มีขนาดใหญ่ “ระดับโลก” โดยที่ยังไม่ได้มีท่าทีว่าจะหยุด

หุ้นกลุ่มสุดท้ายที่น่าสนใจ เนื่องจากมีหุ้นขนาดใหญ่มากอยู่หลายตัวคือหุ้นในกลุ่มสื่อสาร ถ้ามองย้อนหลัง 10 ปี กลับพบว่าไม่มีหุ้นตัวไหนเป็นหุ้น 10 เด้งเลย สำหรับหุ้นขนาดใหญ่ นี่อาจเป็นสิ่งบอกว่าหุ้นกลุ่มสื่อสารขนาดใหญ่นั้น ในอดีตใหญ่มากอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม หุ้น TRUE นั้น ช่วงปลายปี 2551 มีราคาเพียง 0.81 บาท ขณะนี้ที่ช่วงปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 9.05 บาทหรือเพิ่มขึ้นเป็น 11.2 เท่า เช่นเดียวกับหุ้น JAS ในช่วงต้นปี 2552 ก็มีราคาประมาณ 0.37 บาท และปรับเพิ่มขึ้นในปัจจุบันเป็น 7.9 บาท หรือเพิ่มขึ้นเป็น 21.4 เท่า

นอกจากหุ้น 10 เด้งแล้ว หุ้นผู้บริโภคขนาดใหญ่บางตัวก็เติบโตขึ้นมาก เป็นหลายเท่าในช่วง 10 ปี โดยหุ้นตัวแรกคือหุ้น CPF ที่ราคาปรับขึ้นจาก 3.9 บาทเป็น 27.5 บาท หรือเพิ่มประมาณ 7 เท่า

หุ้นตัวที่สองคือหุ้น CPN ที่ปรับขึ้นจาก 4.75 บาทเป็น 42 บาท หรือเพิ่มขึ้น 8.8 เท่า ในเวลา 10 ปี และสุดท้ายคือหุ้น BH ซึ่งปรับขึ้นจาก 12.3 บาท เป็น 90 บาท หรือเพิ่มเป็น 7.3 เท่า และนี่คือหุ้นโตประมาณ ปีละ 20% เศษ ๆ แบบทบต้นในเวลา 10 ปี ซึ่งต้องถือว่าเป็น หุ้นที่ “ยิ่งใหญ่” ได้

หุ้นชุดสุดท้ายที่จะพูดถึง คือหุ้นโตประมาณปีละ 15% แบบทบต้นเป็นเวลา 10 ปี ซึ่งยังถือว่าเป็นหุ้นดีเยี่ยม ประกอบด้วยหุ้น PS ที่ราคาหุ้นปรับขึ้นจาก 4.86 บาทเป็น 20.3 บาท หรือโตเป็น 4.2 เท่าในเวลา 10 ปี หุ้น LPN ที่โตจาก 3.71 บาทเป็น 18.7 บาท หรือเพิ่มเป็น 5 เท่า หุ้น JAS เพิ่มจาก 1.41 บาทเป็น 7.9 บาท หรือเพิ่ม 5.6 เท่าในเวลา 10 ปี

หุ้น 10 เด้ง ในเวลา 10 ปี ที่กล่าวถึงข้างต้นนั้น เป็นหุ้นอยู่ในกลุ่ม “หุ้นเติบโต” หรือเป็น Growth Stock และเป็น “ซูเปอร์สต็อก” ในแง่ที่เป็นกิจการแข็งแกร่ง เป็นผู้นำโดยเฉพาะด้านการตลาด อยู่ในอุตสาหกรรมที่เป็น “เมกาเทรนด์” ยังเติบโตได้ดีไปอีกหลายปี และมีศักยภาพสูงในแง่ตลาด ในอนาคตยังเติบโตต่อได้อีกมาก

นอกจากนี้ยังมีผลประกอบการมั่นคงสม่ำเสมอ มีคุณสมบัติธุรกิจดีเยี่ยมอื่นๆ เช่น เป็นกิจการมีกระแสเงินสดดีมาก มีกำไรต่อส่วนของผู้ถือหุ้น หรือ ROE ในระดับสูง และสุดท้ายคือเป็นกิจการมีขนาดใหญ่พอสมควร ในช่วงก่อนที่จะเริ่มเติบโตกลายเป็นหุ้นขนาดใหญ่ หรือใหญ่มากในปัจจุบัน ซึ่งทำให้เป็นหุ้นที่นักลงทุนสามารถซื้อหุ้นในจำนวนที่มีนัยสำคัญได้ ในช่วงที่ราคาหุ้นยังต่ำอยู่

พูดง่ายๆ หุ้น 10 เด้งที่พบ ไม่ใช่กิจการขนาดเล็กที่มีความเสี่ยงสูง สำหรับนักลงทุนทั่วไปแล้ว นี่คือหุ้นดีที่ลงทุนได้อย่างสบายใจและให้ผลตอบแทนสุดยอดในระยะยาว

แน่นอนว่า หุ้นที่กลายเป็นหุ้น 10 เด้ง ในเวลา 10 ปีในตลาดหลักทรัพย์ โดยเฉพาะในช่วงที่ผ่านมานั้น ไม่ได้มีเฉพาะซูเปอร์สต็อกดังที่กล่าวเท่านั้น มีหุ้นอีกจำนวนไม่น้อยที่มีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่า หรือมากกว่านั้น โดยเฉพาะหุ้นขนาดเล็กถึงเล็กมากที่โตขึ้นมากและสร้างผลตอบแทนให้แก่นักลงทุนมหาศาลในเวลาอันสั้น

หุ้นเหล่านั้นส่วนใหญ่แล้วคือหุ้นกลุ่ม “Turnaround” หรือหุ้นที่เคยมีปัญหาหนักแทบเอาตัวไม่รอดแต่ในที่สุดก็ “ฟื้นตัว” ด้วยเหตุผลต่าง ๆ เช่น หันไปทำธุรกิจใหม่หรือแก้ไขปัญหาทางการเงินสำเร็จ หรือแก้ไขหรือปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจ จนสามารถฟื้นผลการดำเนินงานของกิจการขึ้นมาได้

อย่างไรก็ตาม หุ้นเหล่านี้ บางครั้งก็เป็นเรื่องยากที่จะสามารถซื้อหุ้นจำนวนมากในราคาที่ต่ำมากได้ เนื่องจากสภาพคล่องในการซื้อขายอาจจะน้อยมาก นอกจากนั้น เป็นเรื่องของความเสี่ยงที่ค่อนข้างสูง หากกิจการไม่ฟื้น และต้องเพิ่มทุนมหาศาล ซึ่งจะ Dilute หรือลดสัดส่วนหุ้นของผู้ถือหุ้นเดิมลงไปมาก

หุ้น 10 เด้งอีกกลุ่มหนึ่งถ้าจะมีคือ หุ้น “Cyclical” หรือหุ้นวัฏจักร ซึ่งมักเป็นหุ้นทำธุรกิจเกี่ยวกับโภคภัณฑ์ที่มีราคาผันผวนรุนแรง ในยามที่ราคาสินค้าตกต่ำสุดขีด ราคาหุ้นมักจะตกต่ำลงไปมากอย่างไม่น่าเชื่อ และนั่นคือจุดที่จะทำให้กลายเป็นหุ้น “10 เด้ง”

ถ้าราคาสินค้าเริ่มเปลี่ยนทิศอย่างแรง ซึ่งจะทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นตาม และในบางครั้งมากเป็น 10 เท่าในเวลาอันสั้น ประเด็นก็คือ หุ้นวัฏจักรนั้น ราคาที่สูงขึ้นเป็น 10 เท่านั้น อาจจะไม่สามารถยืนอยู่ได้นาน เมื่อ “หมดรอบ” มันก็มักจะปรับตัวลงอย่างแรง ซึ่งทำให้การลงทุนโดยเฉพาะในยามที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นสูงแล้วกลายเป็นความเสี่ยงสูงมาก ดังนั้น สำหรับนักลงทุนทั่วๆ ไปแล้วก็เป็นเรื่องยากที่จะทำกำไรจากหุ้นในกลุ่มนี้


ปล. โดยส่วนตัว ผมชอบวิธีการของ ดร.มากที่สุด แต่ไม่ลอกหุ้นของ ดร. เพราะไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามครับ เซียน หรือ เม่า ทุกคน พร้อมที่จะให้ และแบ่งปันเฉพาะความรู้ ไม่ใช่เงิน  ใครก็ตามครับ ที่มาพูด  มาบอก หรือมาเขียนหนังสือแบบเจาะจง ให้พึงตั้งข้อสังเกตุครับ ว่านั่นคือ การอวยหุ้นที่ตัวเองมีส่วนได้เสีย  การลงทุนตามกัน ลงทุนตามข่าว จึงมีโอกาสพลาดมากกว่าได้ครับ  ดังนั้นความรู้ หรือ คำตอบ กันแน่ครับที่เราต้องการ ถามตัวเองให้ชัดเจนก่อนการลงทุนนะครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่