พี่แจ้ ยังคงเดินหน้าสร้างสถิติต่อไป ด้วยการพาทีมเข้าชิงถ้วยใบสูงสุดของยุโรปครั้งที่ 4 เท่ากับเซอร์อเล็กซ์ ของแมนยู และมิเกล มูเยส ของรีล มาดริด
ซึ่งทั้งสองท่านมีสถิติ ชนะ 2 แพ้ 2 ในรอบชิงเหมือนกัน

ถ้าพี่แจ้พารีล มาดริดคว้าแชมป์ได้ ก็และเกิดสถิติมากมายทั้งแชมป์ 10 สมัยของทีมชุดขาว, เป็นคนแรกที่คว้าแชมป์ได้ 3 ครั้งต่อจาก "บ็อบ เพสลีย์"
ทำให้กุนซือจากอิตาลีคว้าแชมป์ถ้วยยุโรปใบใหญ่มากที่สุด 11 (-1) ขอตัด ดิ มัตเตโอ เพราะฝึกมาจากระบบบอลอังกฤษ

ปี 2013 ลิปปี้ก็พา กวางโจ เอเวอร์แกรด์ คว้าแชมป์ AFC แชมป์เปี้ยนลีก  ให้คนเอเซีย เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของวงการฟุตบอลอิตาลี
ซึ่งต่างพิสูจน์ว่า "อิตาลี" เป็นเจ้าแห่งแท็กติคในโลกลูกหนัง อย่างไม่ต้องมีใครมา RIP

มีความสุขเฟ้ย



กลับมาบอลเยอรมัน
หลังจากปีนี้ดูบุนเดสลีกาเป็นหลัก พบว่าระบบการสร้างเด็กของบอลเยอรมันมันก็ดีอยู่หรอก ตัวรุกแจ้งเกิดกันเพียบ แต่พวกเขาละเลยที่จะใส่ใจเกมรับ
ถ้าเทียบการยืนตำแหน่งของนักเตะในบุนเดสลีกา กับเซเรีย อา จะเห็นว่านักเตะเยอรมันจะยืนแบบหลวมๆ มีพื้นที่ให้ฝั่งตรงข้ามสวนกลับเยอะ (ดูชาลเก้จะเห็นภาพ)
แบ็กเวลาเติมเกมก็ขึ้นสูงซะลงไม่ทัน (ถ้าดูเลเวอร์คูเซ่นจะเห็นชัด) เพราะงั้นบุนเดสลีกาจึงยิงกันเยอะ
ซึ่งผู้บริหารของเดเอฟเบก็เคยออกมาบ่นตอนต้นฤดูกาล 2013-14 ว่าอยากเห็นเกม 0-0 มากกว่านี้ เพราะการยิงกันเยอะแสดงถึงความบกพร่องในแผนการเล่น

ถ้าไปดูทีมจากอิตาลี พวกเขาจะยืนเป็นแนวมีระบบ ระเบียบ ไม่ดันขึ้นสูง ถ้าขึ้นก็จะลงเร็ว แต่จะเสียประตูเพราะความผิดพลาดส่วนบุคคล
แต่ข้อเสียของบอลอิตาลีก็รู้ๆกันอยู่ ถ้าไม่นับทีมใหญ่ๆจะเล่นกันช้า เพราะไม่กล้าเติมมาก เกมรุกเล่นกันน้อยคน เน้นเทคนิคของตัวรุกสร้างสรรค์โอกาสให้ทีม

ยูเวสตุส, โรม่า และฟิออเรนติน่า ถ้าตั้งใจเล่นพวกนั้นเกมเร็วโคตร

อันนี้บ่น "เป็ป"
ไม่ชอบการทำทีมของแกที่ไม่ยอมส่งกลางตัวรับพันธ์ุแท้ลงไป  ทำให้เวลาถูกสวนจึงไม่มีด่านแรกคอยหยุดก่อนถึงกองหลัง
การให้ทุกคนเพรซซิ่งอย่างเดียวมันไม่พอหรอก สำหรับการเล่นเกมรับ

สุดท้าย ถ้าให้บ่นว่าการอุดมันทุเรศ ถ้าอุดแบบมั่วนะใช่ แต่การฝึกแนวรับให้ยืนคุมโซนได้ ถึงแม้จะใช้ผู้เล่น 10 คน เล่นเกมรับแบบเป็นระบบ มันยากนะ
ทีมที่ทำได้นะสุดยอดมาก  



รามอส พระเอกของงาน



พี่แจ้ ฝากบอกฟุตบอลนะต้องสร้างที่เกมรับ แล้วจะชิวๆ