สืบเนื่องจากวันนี้รายการตีบสิบได้มีการนำเสนอเรื่องของโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจและมีประโยชน์ ประกอบกับมีข่าวเรื่องของโรคพิษสุนัขบ้าตามสื่อต่างๆ สำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จึงขออนุญาติตั้งกระทู้เพิ่มเติมข้อมูลความรู้เรื่องโรคพิษสุนัขบ้าสำหรับผู้ที่สนใจนะคะ
โรคพิษสุนัขบ้าเป็นโรคที่อันตราย สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิดสามารถเป็นโรคพิษสุนัขบ้าได้ ติดต่อจากน้ำลายสู่บาดแผลทางการกัด ข่วน หรือเลียที่บาดแผล และถ้าผู้ใด (ไม่ว่าคนหรือสัตว์) เมื่อแสดงอาการแล้วจะต้องเสียชีวิตทุกราย แต่จริงๆแล้วโรคนี้สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน และการป้องกันตนเองจากการถูกสัตว์กัด โดยอาศัยบัญญัติ ดังนี้
1. พึงระลึกเสมอว่า "โรคพิษสุนัขบ้า อันตราย เลี้ยงหมาแมวไว้ พาไปฉีดวัคซีน" โดยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์เลี้ยงนั้นควรพาไปฉีดเป็นประจำทุกปี ซึ่งจะสามารถช่วยป้องกันสัตว์เลี้ยงที่เรารักเป็นโรคได้
2. ป้องกันการถูกกัดด้วย คาถา 5 ย.
- อย่าแหย่ ให้สุนัขตกใจ
- อย่าหยิบ จานข้าวของสุนัขขณะที่สุนัขกำลังกินอาหารอยู่
- อย่าเหยียบ หัว ตัว หาง ของสุนัข หรือทำให้สุนัขเจ็บปวด
- แย่แยก สุนัขขณะที่กำลังกัดกัน เพราะอาจโดนลูกหลงได้
- อย่ายุ่ง กับสุนัขที่ไม่ทราบประวัติ หรือไม่มีเจ้าของ
3. เมื่อถูกสุนัขกัดควร
- ล้างแผล : ล้างทำความสะอาดบาดแผลด้วยน้ำสะอาด และสบู่
- ใส่ยา : แต้มบาดแผลด้วยยาฆ่าเชื้อที่เหมาะสม เช่น โพรวิโดน ไปโอดีน
- กักหมา : กักสุนัขเพื่อสังเกตุอาการที่ผิดปกติ เช่น ดุร้าย อารมณ์เปลี่ยนแปลง ซึมผิดปกติ น้ำลายไหล ซึ่งหากสัตว์เหล่านี้แสดงอาการจะเสียชีวิตภายใน 10 วัน
- หาหมอ : รีบพบแพทย์ทันที เพื่อรับการปฐมพยาบาล และฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าให้ครบชุด และต้องฉีดให้ตรงวันที่แพทย์นัด การไปพบแพทย์หลังการถูกกัดยิ่งเร็วยิ่งดี เนื่องจากยิ่งได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าเร็วเท่าไหร่ ประสิทธิภาพในการป้องกันโรคยิ่งดีเท่านั้น
โดยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้านั้น หากผู้รับวัคซีนไม่เคยรับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้ามาก่อนจะต้องฉีด 3-5 เข็ม ตามแพทย์แนะนำ แต่หากผู้ใด้เคยได้รับวัคซีนมาก่อนแล้ว เมื่อถูกกัดอีกครั้งจะต้องฉีดวันซีนกระตุ้น 1-2 เข็มเท่านั้น
หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย และหวังว่าเมืองไทยคงจะปลอดจากโรคพิษสุนัขบ้าในเร็ววันนะคะ แต่ถ้าท่านใดมีข้อสงสัยสามารถโทรสอบถามได้ที่ สำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข โทร. 02-5903176-78
สืบเนื่องจากรายการตีสิบเรื่องโรคพิษสุนัขบ้า จึงขอเพิ่มเติมข้อมูลค่ะ
โรคพิษสุนัขบ้าเป็นโรคที่อันตราย สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิดสามารถเป็นโรคพิษสุนัขบ้าได้ ติดต่อจากน้ำลายสู่บาดแผลทางการกัด ข่วน หรือเลียที่บาดแผล และถ้าผู้ใด (ไม่ว่าคนหรือสัตว์) เมื่อแสดงอาการแล้วจะต้องเสียชีวิตทุกราย แต่จริงๆแล้วโรคนี้สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน และการป้องกันตนเองจากการถูกสัตว์กัด โดยอาศัยบัญญัติ ดังนี้
1. พึงระลึกเสมอว่า "โรคพิษสุนัขบ้า อันตราย เลี้ยงหมาแมวไว้ พาไปฉีดวัคซีน" โดยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์เลี้ยงนั้นควรพาไปฉีดเป็นประจำทุกปี ซึ่งจะสามารถช่วยป้องกันสัตว์เลี้ยงที่เรารักเป็นโรคได้
2. ป้องกันการถูกกัดด้วย คาถา 5 ย.
- อย่าแหย่ ให้สุนัขตกใจ
- อย่าหยิบ จานข้าวของสุนัขขณะที่สุนัขกำลังกินอาหารอยู่
- อย่าเหยียบ หัว ตัว หาง ของสุนัข หรือทำให้สุนัขเจ็บปวด
- แย่แยก สุนัขขณะที่กำลังกัดกัน เพราะอาจโดนลูกหลงได้
- อย่ายุ่ง กับสุนัขที่ไม่ทราบประวัติ หรือไม่มีเจ้าของ
3. เมื่อถูกสุนัขกัดควร
- ล้างแผล : ล้างทำความสะอาดบาดแผลด้วยน้ำสะอาด และสบู่
- ใส่ยา : แต้มบาดแผลด้วยยาฆ่าเชื้อที่เหมาะสม เช่น โพรวิโดน ไปโอดีน
- กักหมา : กักสุนัขเพื่อสังเกตุอาการที่ผิดปกติ เช่น ดุร้าย อารมณ์เปลี่ยนแปลง ซึมผิดปกติ น้ำลายไหล ซึ่งหากสัตว์เหล่านี้แสดงอาการจะเสียชีวิตภายใน 10 วัน
- หาหมอ : รีบพบแพทย์ทันที เพื่อรับการปฐมพยาบาล และฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าให้ครบชุด และต้องฉีดให้ตรงวันที่แพทย์นัด การไปพบแพทย์หลังการถูกกัดยิ่งเร็วยิ่งดี เนื่องจากยิ่งได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าเร็วเท่าไหร่ ประสิทธิภาพในการป้องกันโรคยิ่งดีเท่านั้น
โดยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้านั้น หากผู้รับวัคซีนไม่เคยรับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้ามาก่อนจะต้องฉีด 3-5 เข็ม ตามแพทย์แนะนำ แต่หากผู้ใด้เคยได้รับวัคซีนมาก่อนแล้ว เมื่อถูกกัดอีกครั้งจะต้องฉีดวันซีนกระตุ้น 1-2 เข็มเท่านั้น
หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย และหวังว่าเมืองไทยคงจะปลอดจากโรคพิษสุนัขบ้าในเร็ววันนะคะ แต่ถ้าท่านใดมีข้อสงสัยสามารถโทรสอบถามได้ที่ สำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข โทร. 02-5903176-78