ติดตามพวกเราภาค 2 ได้ตามนี้เลยจ้าาาา http://pantip.com/topic/32009152
หรือถ้าใครมีคำถามอะไร สามารถเข้ามาพูดคุยกันได้ที่ FACEBOOK ผมครับ https://www.facebook.com/roberto.leee
“ญี่ปุ่น” เป็นประเทศที่ใครหลายคนต่างวาดฝันที่จะไป
แน่นอนว่าวัฒนธรรมของประเทศเขา เข้ามาตั้งแต่สมัยเราเป็นเด็กแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นกาตูนอนิเมชั่นอย่างโดราเอม่อน ดราก้อนบอล
หรือหนังสือการ์ตูนต่างๆอย่างบอย จอมเกบลูส์ และการ์ตูนที่

ไม่ยอมจบสักทีอย่างเบอเซิก
(

อ่านตั้งแต่สมัยอยู่มัธยม จนตอนนี้ทำงานแล้ว

ยังไม่จบเลย

ออกปีละเล่มหรอ )
ละมาจนถึงการ์ตูนสมัยนี้อย่าง วันพีช (เรื่องนี้ยอมรับเลย เหมือนดราก้อนบอล ในยุคเราเลย)
หรือไม่ว่าจะเป็นเหล่าผู้พิทักทั้งหลายมากมายที่เราเห็นมาแต่เด็ก ( ไม่รู้อะไรอะ แต่ถ้ากิน เต้าหูเท่านั้นแหละ
ปีศาจ

จะตัวใหญ่ขึ้นมาเลย แต่สุดท้ายพระเอกก็จัดการได้อยู่ดี ) และนี้ยังไม่ร่วมดารา หน้าตามุ้งมิ้งของประเทศเค้าอีกนะ
โซรา อาโออิ , คาเอเดะ , มิยาบิเอ่ยยยยย โอ้ยยยดาราทั้งหลายเหล่านี้ ล้วนเป็นสุดยอดนักแสดงที่เข้าถึงบทบาทเป็นอย่างมาก
(ดูทีไรอินทุกที หึหึ

บทบาทแนวไหน ไปวิเคราะห์เอาเองนะ) พอพวกเรารู้ว่า ญี่ปุ่นไม่ต้องทำวีซ่าในการเดินทางไปเท่านั้นแหละ
มันก็เลยเกิดเรื่องนี้ขึ้นมา เรื่องงงงงงงง “14 วัน 13 คืนกับทุกอย่างรอบตัวเราในญี่ปุ่น ปุ่นน ปุ่นนน”
( ทำเสียงก้องกังวาน เหมือนตะโกนบทภูเขาฉากหลังเป็นนํ้าตกแบบในหนังจีน )
จุดเริ่มต้นของเราเกิดขึ้นมาสักพักแล้ว เราเป็นเพียงผู้ชายสามคน วัยทำงาน ไม่เอา ไม่เอา !!!
เป็นวัยพึ่งเริ่มทำงานดีกว่า ต่อๆๆ ที่มีความฝัน เราไม่ได้บอกว่าเราเจ๋ง เราออกจะเนิสนิดหน่อยด้วยซํ้า ฮ่าๆ
เราว่างแผนกันตั้งแต่ ช่วงเดือนกันยายน ปี 56 เกี่ยวกับแผนการเดินทางไปญี่ปุ่นของเรา
เราใช้ช่วงเวลา หลังเลิกงานในการนัดพบกัน
และศึกษาหาข้อมูลสถานที่ต่างๆที่เราอยากไป
ซึ่งมัน ก็ได้ออกมาประมาณเนี้ย
- วันพฤหัสที่ 3/4/57 ความจริงวันนี้ไม่ค่อยนับเท่าไหร่ เราถึงสนามบินก็เกือบห้าทุ่มแล้ว
วันนั้นชีวิตเราก็เลยเหมือนมีบ้านหลังใหญ่เป็นสนามบิน ฮาเนดะ แทน
- วันศุกร์ที่ 4 /4/57 เราเริ่มจากวัด Asakusa / ตึก Asahi super dry hall / นักเจอสุดยอดคนไทยในญี่ปุ่นที่จะเป็นไกด์ให้เราในวันนั้น
/เขาพาไปดู Akihabara อะ / ต่อด้วยหาร้านนั่งกินเบีย แล้วเมา (วันนี้ทำไมดูไร้สาระจังฟะ อยู่ญี่ปุ่นะเฟ้ย โอเคๆๆ พรุ้งนี้เริ่มใหม่ละกัน วันนี้เมาละ)
- วันเสาร์ที่ 5 /4/57 ไป Yokohama / เข้า Cupnoodles museum / เข้า Hara Model Railway Museum (เมืองรถไฟจิ๋ว)
/ เข้า Shinyokohama raumen museum / หลังจากนั้นเราก็กลับที่พักในโตเกียว หมดไปอีกวัน เป็นวันแบบ พิพิธพันธ์ พิพิธพันนนนนนนธ์
- วันอาทิตย์ที่ 6 /4/57 ไป Kawasaki / ไปงาน การแห่ขบวนองคชาติยักษ์ หรือที่เรียกว่างานเทศกาล Kanamara Matsuri
เราวางแผลนไว้ช่วงที่เราไปจะเจองานนี้พอดี / เข้า Fujio f fujiko museum พิพิธพันธ์โดราเอม่อน
- วันจันทร์ที่ 7/4/57 ไป Kyoto / เดินทางไปที่พักชื่อ RYOKAN OTO เป็นบ้านของคุณป้าท่านหนึ่ง แกดูเลอยู่คนเดียวทั้งหลังเลย
ยิ้มแย้มแจ่มใส พูดแต่คำว่า อ่า โดโมะ โดโมะ ป้าแกมีเก้าอี้เล่นนั่งเล่นคอมพิวเตอร์ที่แปลกอยู่เหมือนกัน ทุกวันนี้ยังไม่รู้เลยว่านั่งยังไง
ยังไงใครไปก็ฝาก ศึกษาการนั่งเกาอี้ตัวนั้น ต่อจากเราด้วยยย / ศาลเจ้า fushimi inari / ถนน Gion /งานวัดที่ maruyama koen
/จากนั้น คําๆ เราก็เดินแถว ย่าน kiyamachi dori
- วันอังคารที่ 8/4/57 เรายังอยู่กันที่ Kyoto /ไปดินแดนไม้ไผ่ ที่ arashiyama /เช่าจักรยานที่ ARASHIYAMA STATION ปั่นที่หมู่บ้านโบราณ
/เดินข้ามสะพาน TOGETSUKYO / กลับมา Piano museum ที่ตั้งในที่สถานี arashiyama / ข้างในสถานีรถไฟรักแห่งนี้
แอบมีพิพิธพันธ์เมืองรถไฟอยู่ข้างในอีกอะ เข้าก็ได้ว่ะ / จบด้วยการชอปปิ้งเสื้อผ้านิดหน่อย
และต่อด้วยการตามหาร้านราเมงซุปดำ ตามลายแทงในหนังสือ
- วันที่พุธ 9/4/57 ไป Osaka / ไปถนน America mura / เข้าย่าน Dotonburi /ตามลายแทงในหนังสือ ไปกิน โอโคโนมิยากิ ร้านเก๋า
- วันพฤหัสที่ 10/4/57 เรายังอยู่กันที่ Osaka /ไป expo '70 ไปดูเพื่อน / เข้า OSAKA AQUARIUM KAIYUKAN /
ไปย่าน Shinsekai เพื่อขึ้นหอคอย Tsutenkaku
- วันศุกร์ที่ 11/4/57 เดินทางกลับ Tokyo / เดินชิคๆที่ HARAJUGU / ดึกๆแอบไปเดิน Roppongi
- วันเสาร์ที่ 12/4/57 ตื่นแต่เช้าตรู่ ไปตลาดปลา ODAIBA เพื่อลิ้มรส สุดยอดซูชิ ที่นั้น / ไปดู Gundum ตัวใหญ่ๆเท่าตึก !!! / เข้า National museum of emerging science and innovation (พิพิธพันธ์ วิทยาศาสตร์) /และแอบไป Mega web history garage
- วันอาทิตย์ที่ 13/4/57 / แอบไปเดินเล่นที่ Harajugu แปปหนึ่ง / ไป Ghibi museum
/ ต่อด้วยการตามหาร้านเนื้อย่างเด็ดๆๆ แถว ย่าน nakano broadway
- วันจันทร์ที่ 14/4/57 /ไปชิบูย่า ดูแผ่นเสียงกันเถิด /ไปเดินดูย่าน Daikanyama แพปปปปป
- วันอังคารที่ 15/4/57 / ไปสวนสัตว์ Ueno / เข้า The national museum of western art (พิพิธภัณฑ์ศิลปะตะวันตกแห่งชาติ)
/ จบคําคืนสุดท้ายในญี่ปุ่นด้วยการไปดูสาวๆ แบบใกล้ชิดที่ร้าน Robot Restaurant ที่ย่าน kabukicho
- วันพุธที่ 16/4/57 กว่าจะเดินทางกลับ เราขึ้นเครื่องเกือบ ห้าทุ่ม เราจึงเสียเวลาไปทั่งหมดอยู่กับย่าน Akihabara ซะส่วนใหญ่
พูดได้ว่า เอามาเท่าไหร่ หมดเท่านั้น …..
และนั้นแหละ......คงจะเป็นแพลนทั้งหมดที่เราเดินทาง
เราเริ่มจากการซื้อตั๋วที่ Air Asia ก่อนเลยเราพยายามหาตั๋วที่ถูกที่สุดก่อน
จนในที่สุดก็ได้ตั๋วที่ราคาประมาณ 17,000 (ไม่รู้ถูกหรือยังนะ)
โดนเดินทางในวันที่ 3/4/57 และกลับ 16/4/ 57 ต้องทรานซิสเครื่องที่มาเลเซีย
จากนั้นจึงคำนวณการเดินทางในแต่ละที่ที่ไป และตัดสินใจว่าเราจะซื้อ JR PASS แบบ 7 วันใช้ทั้งประเทศ
ซึ่งตอนที่เราซื้อมา ราคาจะอยู่ที่ 28,300Y ซึ่งก็ไม่รู้ว่าถูกหรือแพง แต่คิดว่า ถ้าใครซื้อตอนนี้อาจจะได้ราคาที่แพงกว่านี้ก็เป็นได้ …
ส่วน Internet เราก็เช่าเครื่อง Pocket WiFi ไปใช้ ใช้ง่ายมาก แต่สัญญาณดีบ้างไม่ดีบ้างแล้วแต่อารมณ์มัน
เราแลกเงินกันไปคนละ 70,000บาทไทยแลนด์ จ้ะ เท่ากับ ทริปนี้ เรา ใช้ไปทั้งหมดคร่าวๆ ประมาณ100,000พอดี หรืออาจจะเกินกว่านั้น
ก็มีแอบไปรูทของที่นั้นบ้าง กดธนาคารที่นั้นบ้างด้วยความละโมบในการอยากได้ของบางอย่าง อย่างหลีกเลี่ยงมิได้
อะอะ สัก120,000ละกันไม่เกินหรอกๆ คิดว่าไม่น่าจะเกินกว่านี้แล้วนะ
... และนั้นก็คงเป็นคำพูดทั้งหมดเท่าที่เราจะสรรหาบรรยายออกมาได้
เรื่องราวการไปญี่ปุ่นของเรานั้นมันเต็มไปด้วยความสุข เศร้า หักเหลี่ยมโหด มิตรภาพ ผู้หญิง การแกร่งแย่งชิงดี
… ไม่จริงๆ ไม่มีที่พูดมาเลย !!!
มันมีแค่ภาพทั้งหมดที่ผมถ่ายออกมาด้วยฝีมืออันน้อยนิดของผม
กับเจ้ากล้อง FUJIFILM XT1 ตัวเท่ของผม
และเลนส์สองตัวที่พกติดไป เลนส์ KIT 18-55mm กับเลนส์ 35mm F1.4
ภาพทั้งหมดมาจากเจ้าตัวนี้ละครับ นอกจากบางภาพถ่ายจากมือถือบ้าง
เอาละ ถ้าเราไม่มีอะไรต้องพูดถึงกันแล้ว ก็เชิญสดับรับฟัง
เรื่องราวการเดินทางของเรากันเถิด กับทริป เจจจจจป่วนนนนนนนนนน ป่วนนนน ป่วนนนนนน
โรแบร์โต้ ลี : ถ่ายภาพ
โรแบร์โต้ ลี : อีกนั้นแหละ บรรยาย
[CR] 14 วัน 13 คืนกับทุกอย่างรอบตัวเราในญี่ปุ่น (ภาคเจป่วน ปฐมบท)
หรือถ้าใครมีคำถามอะไร สามารถเข้ามาพูดคุยกันได้ที่ FACEBOOK ผมครับ https://www.facebook.com/roberto.leee
แน่นอนว่าวัฒนธรรมของประเทศเขา เข้ามาตั้งแต่สมัยเราเป็นเด็กแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นกาตูนอนิเมชั่นอย่างโดราเอม่อน ดราก้อนบอล
หรือหนังสือการ์ตูนต่างๆอย่างบอย จอมเกบลูส์ และการ์ตูนที่
(
ละมาจนถึงการ์ตูนสมัยนี้อย่าง วันพีช (เรื่องนี้ยอมรับเลย เหมือนดราก้อนบอล ในยุคเราเลย)
หรือไม่ว่าจะเป็นเหล่าผู้พิทักทั้งหลายมากมายที่เราเห็นมาแต่เด็ก ( ไม่รู้อะไรอะ แต่ถ้ากิน เต้าหูเท่านั้นแหละ
ปีศาจ
โซรา อาโออิ , คาเอเดะ , มิยาบิเอ่ยยยยย โอ้ยยยดาราทั้งหลายเหล่านี้ ล้วนเป็นสุดยอดนักแสดงที่เข้าถึงบทบาทเป็นอย่างมาก
(ดูทีไรอินทุกที หึหึ
มันก็เลยเกิดเรื่องนี้ขึ้นมา เรื่องงงงงงงง “14 วัน 13 คืนกับทุกอย่างรอบตัวเราในญี่ปุ่น ปุ่นน ปุ่นนน”
( ทำเสียงก้องกังวาน เหมือนตะโกนบทภูเขาฉากหลังเป็นนํ้าตกแบบในหนังจีน )
จุดเริ่มต้นของเราเกิดขึ้นมาสักพักแล้ว เราเป็นเพียงผู้ชายสามคน วัยทำงาน ไม่เอา ไม่เอา !!!
เป็นวัยพึ่งเริ่มทำงานดีกว่า ต่อๆๆ ที่มีความฝัน เราไม่ได้บอกว่าเราเจ๋ง เราออกจะเนิสนิดหน่อยด้วยซํ้า ฮ่าๆ
เราว่างแผนกันตั้งแต่ ช่วงเดือนกันยายน ปี 56 เกี่ยวกับแผนการเดินทางไปญี่ปุ่นของเรา
เราใช้ช่วงเวลา หลังเลิกงานในการนัดพบกัน
และศึกษาหาข้อมูลสถานที่ต่างๆที่เราอยากไป
ซึ่งมัน ก็ได้ออกมาประมาณเนี้ย
- วันพฤหัสที่ 3/4/57 ความจริงวันนี้ไม่ค่อยนับเท่าไหร่ เราถึงสนามบินก็เกือบห้าทุ่มแล้ว
วันนั้นชีวิตเราก็เลยเหมือนมีบ้านหลังใหญ่เป็นสนามบิน ฮาเนดะ แทน
- วันศุกร์ที่ 4 /4/57 เราเริ่มจากวัด Asakusa / ตึก Asahi super dry hall / นักเจอสุดยอดคนไทยในญี่ปุ่นที่จะเป็นไกด์ให้เราในวันนั้น
/เขาพาไปดู Akihabara อะ / ต่อด้วยหาร้านนั่งกินเบีย แล้วเมา (วันนี้ทำไมดูไร้สาระจังฟะ อยู่ญี่ปุ่นะเฟ้ย โอเคๆๆ พรุ้งนี้เริ่มใหม่ละกัน วันนี้เมาละ)
- วันเสาร์ที่ 5 /4/57 ไป Yokohama / เข้า Cupnoodles museum / เข้า Hara Model Railway Museum (เมืองรถไฟจิ๋ว)
/ เข้า Shinyokohama raumen museum / หลังจากนั้นเราก็กลับที่พักในโตเกียว หมดไปอีกวัน เป็นวันแบบ พิพิธพันธ์ พิพิธพันนนนนนนธ์
- วันอาทิตย์ที่ 6 /4/57 ไป Kawasaki / ไปงาน การแห่ขบวนองคชาติยักษ์ หรือที่เรียกว่างานเทศกาล Kanamara Matsuri
เราวางแผลนไว้ช่วงที่เราไปจะเจองานนี้พอดี / เข้า Fujio f fujiko museum พิพิธพันธ์โดราเอม่อน
- วันจันทร์ที่ 7/4/57 ไป Kyoto / เดินทางไปที่พักชื่อ RYOKAN OTO เป็นบ้านของคุณป้าท่านหนึ่ง แกดูเลอยู่คนเดียวทั้งหลังเลย
ยิ้มแย้มแจ่มใส พูดแต่คำว่า อ่า โดโมะ โดโมะ ป้าแกมีเก้าอี้เล่นนั่งเล่นคอมพิวเตอร์ที่แปลกอยู่เหมือนกัน ทุกวันนี้ยังไม่รู้เลยว่านั่งยังไง
ยังไงใครไปก็ฝาก ศึกษาการนั่งเกาอี้ตัวนั้น ต่อจากเราด้วยยย / ศาลเจ้า fushimi inari / ถนน Gion /งานวัดที่ maruyama koen
/จากนั้น คําๆ เราก็เดินแถว ย่าน kiyamachi dori
- วันอังคารที่ 8/4/57 เรายังอยู่กันที่ Kyoto /ไปดินแดนไม้ไผ่ ที่ arashiyama /เช่าจักรยานที่ ARASHIYAMA STATION ปั่นที่หมู่บ้านโบราณ
/เดินข้ามสะพาน TOGETSUKYO / กลับมา Piano museum ที่ตั้งในที่สถานี arashiyama / ข้างในสถานีรถไฟรักแห่งนี้
แอบมีพิพิธพันธ์เมืองรถไฟอยู่ข้างในอีกอะ เข้าก็ได้ว่ะ / จบด้วยการชอปปิ้งเสื้อผ้านิดหน่อย
และต่อด้วยการตามหาร้านราเมงซุปดำ ตามลายแทงในหนังสือ
- วันที่พุธ 9/4/57 ไป Osaka / ไปถนน America mura / เข้าย่าน Dotonburi /ตามลายแทงในหนังสือ ไปกิน โอโคโนมิยากิ ร้านเก๋า
- วันพฤหัสที่ 10/4/57 เรายังอยู่กันที่ Osaka /ไป expo '70 ไปดูเพื่อน / เข้า OSAKA AQUARIUM KAIYUKAN /
ไปย่าน Shinsekai เพื่อขึ้นหอคอย Tsutenkaku
- วันศุกร์ที่ 11/4/57 เดินทางกลับ Tokyo / เดินชิคๆที่ HARAJUGU / ดึกๆแอบไปเดิน Roppongi
- วันเสาร์ที่ 12/4/57 ตื่นแต่เช้าตรู่ ไปตลาดปลา ODAIBA เพื่อลิ้มรส สุดยอดซูชิ ที่นั้น / ไปดู Gundum ตัวใหญ่ๆเท่าตึก !!! / เข้า National museum of emerging science and innovation (พิพิธพันธ์ วิทยาศาสตร์) /และแอบไป Mega web history garage
- วันอาทิตย์ที่ 13/4/57 / แอบไปเดินเล่นที่ Harajugu แปปหนึ่ง / ไป Ghibi museum
/ ต่อด้วยการตามหาร้านเนื้อย่างเด็ดๆๆ แถว ย่าน nakano broadway
- วันจันทร์ที่ 14/4/57 /ไปชิบูย่า ดูแผ่นเสียงกันเถิด /ไปเดินดูย่าน Daikanyama แพปปปปป
- วันอังคารที่ 15/4/57 / ไปสวนสัตว์ Ueno / เข้า The national museum of western art (พิพิธภัณฑ์ศิลปะตะวันตกแห่งชาติ)
/ จบคําคืนสุดท้ายในญี่ปุ่นด้วยการไปดูสาวๆ แบบใกล้ชิดที่ร้าน Robot Restaurant ที่ย่าน kabukicho
- วันพุธที่ 16/4/57 กว่าจะเดินทางกลับ เราขึ้นเครื่องเกือบ ห้าทุ่ม เราจึงเสียเวลาไปทั่งหมดอยู่กับย่าน Akihabara ซะส่วนใหญ่
พูดได้ว่า เอามาเท่าไหร่ หมดเท่านั้น …..
และนั้นแหละ......คงจะเป็นแพลนทั้งหมดที่เราเดินทาง
จนในที่สุดก็ได้ตั๋วที่ราคาประมาณ 17,000 (ไม่รู้ถูกหรือยังนะ)
โดนเดินทางในวันที่ 3/4/57 และกลับ 16/4/ 57 ต้องทรานซิสเครื่องที่มาเลเซีย
จากนั้นจึงคำนวณการเดินทางในแต่ละที่ที่ไป และตัดสินใจว่าเราจะซื้อ JR PASS แบบ 7 วันใช้ทั้งประเทศ
ซึ่งตอนที่เราซื้อมา ราคาจะอยู่ที่ 28,300Y ซึ่งก็ไม่รู้ว่าถูกหรือแพง แต่คิดว่า ถ้าใครซื้อตอนนี้อาจจะได้ราคาที่แพงกว่านี้ก็เป็นได้ …
ส่วน Internet เราก็เช่าเครื่อง Pocket WiFi ไปใช้ ใช้ง่ายมาก แต่สัญญาณดีบ้างไม่ดีบ้างแล้วแต่อารมณ์มัน
เราแลกเงินกันไปคนละ 70,000บาทไทยแลนด์ จ้ะ เท่ากับ ทริปนี้ เรา ใช้ไปทั้งหมดคร่าวๆ ประมาณ100,000พอดี หรืออาจจะเกินกว่านั้น
ก็มีแอบไปรูทของที่นั้นบ้าง กดธนาคารที่นั้นบ้างด้วยความละโมบในการอยากได้ของบางอย่าง อย่างหลีกเลี่ยงมิได้
อะอะ สัก120,000ละกันไม่เกินหรอกๆ คิดว่าไม่น่าจะเกินกว่านี้แล้วนะ
... และนั้นก็คงเป็นคำพูดทั้งหมดเท่าที่เราจะสรรหาบรรยายออกมาได้
เรื่องราวการไปญี่ปุ่นของเรานั้นมันเต็มไปด้วยความสุข เศร้า หักเหลี่ยมโหด มิตรภาพ ผู้หญิง การแกร่งแย่งชิงดี
… ไม่จริงๆ ไม่มีที่พูดมาเลย !!!
มันมีแค่ภาพทั้งหมดที่ผมถ่ายออกมาด้วยฝีมืออันน้อยนิดของผม
กับเจ้ากล้อง FUJIFILM XT1 ตัวเท่ของผม
และเลนส์สองตัวที่พกติดไป เลนส์ KIT 18-55mm กับเลนส์ 35mm F1.4
ภาพทั้งหมดมาจากเจ้าตัวนี้ละครับ นอกจากบางภาพถ่ายจากมือถือบ้าง
เอาละ ถ้าเราไม่มีอะไรต้องพูดถึงกันแล้ว ก็เชิญสดับรับฟัง
เรื่องราวการเดินทางของเรากันเถิด กับทริป เจจจจจป่วนนนนนนนนนน ป่วนนนน ป่วนนนนนน
โรแบร์โต้ ลี : ถ่ายภาพ
โรแบร์โต้ ลี : อีกนั้นแหละ บรรยาย