วันนี้นั่งจัดกระเป๋าที่จะไปฝึกสอนเด็ก ประถม ที่จริงผมก็เคยสอนเด็กมาก็เยอะอยู่พอสมควร ผมก็เลยนึกถึงการเรียนของเด็กในสมัยนี่ เป็นอะไรที่ อยากจะบอกว่า ไม่ไหวแล้ว ผมเองก็ไม่อยากมีเรื่องกับใคร เพราะฉะนั้น จะพยายามไม่พาดพิงถึงใครก็และกัน ก็เมื่อชั่วโมงที่แล้ว ผมก็ลองมานั่งนึกๆดูว่า การสอนของครูในยุคนี้ เค้าสอนกันอย่างไร ทำไมคะแนนถึงได้ตกเอา หรือครูสอนดีอยู่แล้ว แต่ข้อสอบมันเลวร้ายๆมาก (ประมาณว่าถามอะไรก็ไม่รู้) ผมเองก็ไปเป็นครูฝึกสอนนะ ผมเองก็คิดว่าจะเตรียมตัวอย่างนี้ ลองดูนะครับ
ถ้าผมเป็นครูสอนเด็กประถมในวิชาคณิตศาสตร์(วิชาที่เด็กเกลียดกันมากที่สุด) เปิดเทอมมานะ ผมจะทำในชั่วโมงของผม กลายเป็นชั่วโมงที่เด็กชอบมากที่สุด การเรียนวิชาคณิตศาสตร์ สิ่งที่ครูทั่วไปเค้าทำคือ การสอนเด็กแค่ 10 นาที จากนั้นก็ทำแบบฝึกหัด และให้การบ้าน จบ แค่นี้ (หรือใครจะเถียงว่าไม่จริง) ผมเห็นโรงเรียนต่างๆ เค้าก็ทำกันแบบนี้ หรือ อีกแบบคือ อธิบายกันทั้งชั่วโมง สั่งงานการบ้าน และจบ ซึ่งผมเห็นแล้วรู้สึกไม่ชอบเอาเสียเลย(ถ้าใครไม่ได้เป็นก็ไม่ต้องโวยวายนะครับ เพราะผมมองจากสิ่งที่ผมเห็นเท่านั้น ) ถ้าสมมุติว่าผมสอน นะ ผมจะทำแบบนี้ ก่อนอื่นเลย ผมจะให้นักเรียน ทำโจทย์เลข แบบฝึกทักษะพื้นฐาน อย่างเช่น 2X2 = เป็นต้น ก็ผมได้แนวคิดมาจาก ระบบการเรียน แบบคุมอง (ที่พ่อแม่เสีย 1284 บาททุกเดือนนั่นแหละ) ผมไม่ได้มองในแง่ของการท่องจำนะ ผมใช้เพื่อเพิ่มสมาธิเด็กนักเรียน ซึ่งบอกเลยว่า จากที่ใช้มา เด็กในห้องเรียนมีสมาธิมากขึ้น และประโยชน์อีกอย่างคือ เด็กเกิดความชำนานมาก มันสามารถเรียนรู้ได้ดีขึ้น เป็นอย่างแรกในชั่วโมง ต่อมา ผมก็เข้าสู่เนื้อหาบทเรียน ซึ่งแต่ละครั้ง ผมจะพยายามคิด กิจกรรมการใหม่ๆ และให้นักเรียนในชั้นเรียน ได้มีโอกาสทำ และเรียนรู้ก่อน (จะพยายามทำให้ได้ ) และค่อยให้แบบฝึกหัด ให้เด็กทำในชั่วโมง โดยที่ผมจะต้องเดินดูนักเรียน และอธิบายซ้ำ สำหรับนักเรียนที่ไม่เข้าใจ ซึ่งอาจจะดูวุ่นวาย แต่นักเรียนเค้าก็อุ่นใจ ว่าครูเชาว์ดูแล เอาใจใส่ดี มันเป็นเรื่องที่ผมต้องทำ (และจะพยายามทำให้ได้) จากนั้นค่อยให้งานกลับไปทำที่บ้าน เพื่อทบทวน ซึ่งตรงนี้เอง ที่เด็กไม่ค่อยชอบ แต่ก็จะพยามให้ง่ายๆ จนถึงยาก เพราะเด็กที่สามารถทำได้จะได้ไม่เบื่อ ละครับ
ในส่วนของกิจกรรมของการเรียน ผมค่อนข้างที่จะเน้น ศิลปะกับคณิตศาสตร์ เพราะนักเรียนจะไม่รู้สึกว่า การเรียนคณิตศาสตร์ นั้นเป็นแค่ตัวหนังสือเท่านั้น
กิจกรรมของผมก็จะมี วาดภาพตามบทเรียน การเรียนแบบเป็นกลุ่ม (สรุปคืออะไรที่ไม่ใช่นั่งเขียนหนังสือ และน่าเบื่อ)
ผมเองก็สรุปง่ายๆ และกัน
1.ทำแบบฝึกทักษะพื้นฐาน
2.จัดกิจกรรมการเรียนรู้
3.ให้ทำแบบฝึกหัด
4.ให้งานกลับไปทบทวน
ซึ่งบอกตามตรงว่า ใช่เงินค่าสอน ห้องละ 400 / ชั่วโมง เป็นอะไรที่เปลื่องมากจริงๆ แต่เพื่อการเรียนรู้ของเด็กนักเรียน ผมก็ต้องยอมละครับ ซึ่งผมก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่า จะมีงบพอสอนหรือไม่ แต่ดูจากสภาพแล้วท่าทางยากนะ
จริงๆเรื่องในหัวกระทู้ ก็ไม่ได้เกี่ยวกับการศึกษาไทยเท่าไร แต่ผมอยากเห็นว่า อยากที่จะเปลี่ยนแปลงมันให้ดีขึ้น การลองไม่ใช่เรื่องที่ผิด เพราะก่อนที่จะลองต้องศึกษาให้แน่ใจว่า ใช้แล้วเกิดประโยชน์สูงสุดกับตัวผู้เรียน ละครับ อย่างวิธีของระบบคุมอง ผมก็เห็นข้อเสียเหมือนกัน ผมก็พยายามดึงข้อดีออกมาใช้นะ เรื่องของการเรียนแบบมอนเตอร์รี่ ก็เห็นข้อดีเหมือนกัน คือทำอย่างไร ที่เด็กจะได้เรียนรู้ที่สนุก และอยากเรียน ผมตั่งใจจริงๆ นะ ถึงหลายคนจะมองว่า มันเหนื่อย สิ้นเปลี่อง และเด็กมันก็แค่เรียนให้มันจบๆไป ก็แค่นั้น ผมไม่อยากมองอย่างนั้นนะ
คำถามคือ เด็กที่อยู่ในโรงเรียน มาเรียนเพื่ออะไรกัน บางที่ก็แค่ทำตามระบบไปก็เท่านั้น สุดท้ายพอสอบวัดผลระดับชาติก็ตกแบบละเรละนาท หมด ผมเองก็ไม่ชอบแบบนั้น ชอบให้เด็กรู้สึกว่าอยากเรียนรู้ อยากทำ เพราะมันสนุก และได้สิ่งที่ผมจูงเค้าให้ไปเรียนรู้ ครูกับนักเรียน ถ้าหากแบ่งชั้นว่า ฉันคือครู เธอคือนักเรียน ก็จะไม่มีวันเข้าใจนักเรียนได้หรอก สิ่งที่ผมคิดจะทำคือ ครูและนักเรียนต่างพร้อมที่จะเรียนรู้ไปด้วยกันต่างหาก ผมก็ไม่ได้เก่งอะไรมากมาย แต่ผมก็ตั้งใจสอนเด็กว่า เป็นครูก็ผิดได้เหมือนกัน เพราะครูเป็นคนเหมือนกับนักเรียน ไม่ใช่ผู้ชี้ชะตานักเรียนต้องทำแบบนี้ แบบนั้น ผมเองหลังจากระยะนึง ผมให้เด็กนักเรียนเขียน คำติชมผม เหตุที่อยากจะสอนคือ ครูก็มีบกพร่องเหมือนกัน และนักเรียนก็มีสิทธ์ที่จะ บอกครูว่า ครูไม่ดีตรงไหน ถึงแม้เราจะรู้ว่านักเรียนมีประสบการณ์น้อยก็ตาม ณ จุดๆ นี้ผมก็จะพยายาม บอกนักเรียนว่า ทุกคนก็ผิดผลาดได้เหมือนกัน ครูไม่มีคำว่าสมบูรณ์แบบหรอก ต้องพัฒนาตัวเองเรื่อย
ผมได้เรียนรู้มาจากตัวของผม ซึ่งตัวเองบกพร่องเป็นเด็กพิเศษ และทำให้ผมเข้าใจว่า ทุกคนไม่เท่ากัน แต่พัฒนาได้ถ้าตั้งใจ ตอนนี้สิ่งที่ผมได้ประสบการณ์มา อยากจะบอกว่า ถ้าการศึกษาไทย ยังเป็นแบบนี้อยู่ พวกเราจะฝากอนาคตให้ลูกหลานเราดูได้ยังไร เพราะหลายคนคิดว่า การสอนมันก็คืองานที่ต้องทำเพื่อให้ตัวเองมีกิน จริงอยู่ว่าเป็นเช่นนั้น ใครจะยอมทำละ ทั้งเหนื่อย เสียตัง และก็ไม่ดี ผมเองก็อาจจะเป็นหนึ่งในนั้น ตามสังคม แต่ก่อนที่จะเป็น ขอผมได้พูดหน่อยเถอะ ว่าวันที่เขียนกระทู้นี้ เป็นวันที่ตัวเองคิดอย่างนี้ จะได้ไม่ลืมความคิดของตัวเองไปไง
และคุณพ่อแม่ คิดอย่างไรละ อยากให้การศึกษาไทย มาถึง จุดเปลี่ยน ตามหัวกระทู้ไหมครับ
ถึงเวลาหรือยังครับ คุณพ่อคุณแม่ที่ทำให้การศึกษาไทยที่ จะมาถึง "จุดเปลี่ยน"
ถ้าผมเป็นครูสอนเด็กประถมในวิชาคณิตศาสตร์(วิชาที่เด็กเกลียดกันมากที่สุด) เปิดเทอมมานะ ผมจะทำในชั่วโมงของผม กลายเป็นชั่วโมงที่เด็กชอบมากที่สุด การเรียนวิชาคณิตศาสตร์ สิ่งที่ครูทั่วไปเค้าทำคือ การสอนเด็กแค่ 10 นาที จากนั้นก็ทำแบบฝึกหัด และให้การบ้าน จบ แค่นี้ (หรือใครจะเถียงว่าไม่จริง) ผมเห็นโรงเรียนต่างๆ เค้าก็ทำกันแบบนี้ หรือ อีกแบบคือ อธิบายกันทั้งชั่วโมง สั่งงานการบ้าน และจบ ซึ่งผมเห็นแล้วรู้สึกไม่ชอบเอาเสียเลย(ถ้าใครไม่ได้เป็นก็ไม่ต้องโวยวายนะครับ เพราะผมมองจากสิ่งที่ผมเห็นเท่านั้น ) ถ้าสมมุติว่าผมสอน นะ ผมจะทำแบบนี้ ก่อนอื่นเลย ผมจะให้นักเรียน ทำโจทย์เลข แบบฝึกทักษะพื้นฐาน อย่างเช่น 2X2 = เป็นต้น ก็ผมได้แนวคิดมาจาก ระบบการเรียน แบบคุมอง (ที่พ่อแม่เสีย 1284 บาททุกเดือนนั่นแหละ) ผมไม่ได้มองในแง่ของการท่องจำนะ ผมใช้เพื่อเพิ่มสมาธิเด็กนักเรียน ซึ่งบอกเลยว่า จากที่ใช้มา เด็กในห้องเรียนมีสมาธิมากขึ้น และประโยชน์อีกอย่างคือ เด็กเกิดความชำนานมาก มันสามารถเรียนรู้ได้ดีขึ้น เป็นอย่างแรกในชั่วโมง ต่อมา ผมก็เข้าสู่เนื้อหาบทเรียน ซึ่งแต่ละครั้ง ผมจะพยายามคิด กิจกรรมการใหม่ๆ และให้นักเรียนในชั้นเรียน ได้มีโอกาสทำ และเรียนรู้ก่อน (จะพยายามทำให้ได้ ) และค่อยให้แบบฝึกหัด ให้เด็กทำในชั่วโมง โดยที่ผมจะต้องเดินดูนักเรียน และอธิบายซ้ำ สำหรับนักเรียนที่ไม่เข้าใจ ซึ่งอาจจะดูวุ่นวาย แต่นักเรียนเค้าก็อุ่นใจ ว่าครูเชาว์ดูแล เอาใจใส่ดี มันเป็นเรื่องที่ผมต้องทำ (และจะพยายามทำให้ได้) จากนั้นค่อยให้งานกลับไปทำที่บ้าน เพื่อทบทวน ซึ่งตรงนี้เอง ที่เด็กไม่ค่อยชอบ แต่ก็จะพยามให้ง่ายๆ จนถึงยาก เพราะเด็กที่สามารถทำได้จะได้ไม่เบื่อ ละครับ
ในส่วนของกิจกรรมของการเรียน ผมค่อนข้างที่จะเน้น ศิลปะกับคณิตศาสตร์ เพราะนักเรียนจะไม่รู้สึกว่า การเรียนคณิตศาสตร์ นั้นเป็นแค่ตัวหนังสือเท่านั้น
กิจกรรมของผมก็จะมี วาดภาพตามบทเรียน การเรียนแบบเป็นกลุ่ม (สรุปคืออะไรที่ไม่ใช่นั่งเขียนหนังสือ และน่าเบื่อ)
ผมเองก็สรุปง่ายๆ และกัน
1.ทำแบบฝึกทักษะพื้นฐาน
2.จัดกิจกรรมการเรียนรู้
3.ให้ทำแบบฝึกหัด
4.ให้งานกลับไปทบทวน
ซึ่งบอกตามตรงว่า ใช่เงินค่าสอน ห้องละ 400 / ชั่วโมง เป็นอะไรที่เปลื่องมากจริงๆ แต่เพื่อการเรียนรู้ของเด็กนักเรียน ผมก็ต้องยอมละครับ ซึ่งผมก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่า จะมีงบพอสอนหรือไม่ แต่ดูจากสภาพแล้วท่าทางยากนะ
จริงๆเรื่องในหัวกระทู้ ก็ไม่ได้เกี่ยวกับการศึกษาไทยเท่าไร แต่ผมอยากเห็นว่า อยากที่จะเปลี่ยนแปลงมันให้ดีขึ้น การลองไม่ใช่เรื่องที่ผิด เพราะก่อนที่จะลองต้องศึกษาให้แน่ใจว่า ใช้แล้วเกิดประโยชน์สูงสุดกับตัวผู้เรียน ละครับ อย่างวิธีของระบบคุมอง ผมก็เห็นข้อเสียเหมือนกัน ผมก็พยายามดึงข้อดีออกมาใช้นะ เรื่องของการเรียนแบบมอนเตอร์รี่ ก็เห็นข้อดีเหมือนกัน คือทำอย่างไร ที่เด็กจะได้เรียนรู้ที่สนุก และอยากเรียน ผมตั่งใจจริงๆ นะ ถึงหลายคนจะมองว่า มันเหนื่อย สิ้นเปลี่อง และเด็กมันก็แค่เรียนให้มันจบๆไป ก็แค่นั้น ผมไม่อยากมองอย่างนั้นนะ
คำถามคือ เด็กที่อยู่ในโรงเรียน มาเรียนเพื่ออะไรกัน บางที่ก็แค่ทำตามระบบไปก็เท่านั้น สุดท้ายพอสอบวัดผลระดับชาติก็ตกแบบละเรละนาท หมด ผมเองก็ไม่ชอบแบบนั้น ชอบให้เด็กรู้สึกว่าอยากเรียนรู้ อยากทำ เพราะมันสนุก และได้สิ่งที่ผมจูงเค้าให้ไปเรียนรู้ ครูกับนักเรียน ถ้าหากแบ่งชั้นว่า ฉันคือครู เธอคือนักเรียน ก็จะไม่มีวันเข้าใจนักเรียนได้หรอก สิ่งที่ผมคิดจะทำคือ ครูและนักเรียนต่างพร้อมที่จะเรียนรู้ไปด้วยกันต่างหาก ผมก็ไม่ได้เก่งอะไรมากมาย แต่ผมก็ตั้งใจสอนเด็กว่า เป็นครูก็ผิดได้เหมือนกัน เพราะครูเป็นคนเหมือนกับนักเรียน ไม่ใช่ผู้ชี้ชะตานักเรียนต้องทำแบบนี้ แบบนั้น ผมเองหลังจากระยะนึง ผมให้เด็กนักเรียนเขียน คำติชมผม เหตุที่อยากจะสอนคือ ครูก็มีบกพร่องเหมือนกัน และนักเรียนก็มีสิทธ์ที่จะ บอกครูว่า ครูไม่ดีตรงไหน ถึงแม้เราจะรู้ว่านักเรียนมีประสบการณ์น้อยก็ตาม ณ จุดๆ นี้ผมก็จะพยายาม บอกนักเรียนว่า ทุกคนก็ผิดผลาดได้เหมือนกัน ครูไม่มีคำว่าสมบูรณ์แบบหรอก ต้องพัฒนาตัวเองเรื่อย
ผมได้เรียนรู้มาจากตัวของผม ซึ่งตัวเองบกพร่องเป็นเด็กพิเศษ และทำให้ผมเข้าใจว่า ทุกคนไม่เท่ากัน แต่พัฒนาได้ถ้าตั้งใจ ตอนนี้สิ่งที่ผมได้ประสบการณ์มา อยากจะบอกว่า ถ้าการศึกษาไทย ยังเป็นแบบนี้อยู่ พวกเราจะฝากอนาคตให้ลูกหลานเราดูได้ยังไร เพราะหลายคนคิดว่า การสอนมันก็คืองานที่ต้องทำเพื่อให้ตัวเองมีกิน จริงอยู่ว่าเป็นเช่นนั้น ใครจะยอมทำละ ทั้งเหนื่อย เสียตัง และก็ไม่ดี ผมเองก็อาจจะเป็นหนึ่งในนั้น ตามสังคม แต่ก่อนที่จะเป็น ขอผมได้พูดหน่อยเถอะ ว่าวันที่เขียนกระทู้นี้ เป็นวันที่ตัวเองคิดอย่างนี้ จะได้ไม่ลืมความคิดของตัวเองไปไง
และคุณพ่อแม่ คิดอย่างไรละ อยากให้การศึกษาไทย มาถึง จุดเปลี่ยน ตามหัวกระทู้ไหมครับ