เรียนโทและโรคซึมเศร้า

กระทู้สนทนา
กระทู้นี้ถูกเขียนขึ้นจากเรื่องจริงเพื่อเป็นตัวอย่างหรืออุทาหรณ์
สำหรับคนที่จะเรียนโทสายวิทย์ชื่อดังระดับต้นๆของประเทศ รวมถึงการรักษาโรคซึมเศร้าของรพ.ศิริราชค่ะ

เริ่มจากจขกท.เรียนจบตรีวิทยาศาสตร์ สายbio หนทางการทำงานมีงานแล็บ หรืองานเซลส์ ซึ่งเราไม่สวยงานเซลส์คงไม่เหมาะ จึงได้ตัดสินใจเรียนโทสายวิทยาศาสตร์การแพทย์อินเตอร์ของมหาวิทยาลัยชื่อดัง ด้วยความคิดที่ว่า เออ เรียนโทสายวิทย์ต่อเนาะ หวังอัพเงินเดือนอีกหน่อยก็ยังดี แะวิชาที่เลือกก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อย ป๊ากับแม่ก็ดูภูมิใจที่เราสอบเรียนต่อได้ เรียนก็เรียนwa

เหตุการณ์วิบากกรรมต่างๆดำเนินมาจนจบcoursework(หฤโหด ไม่ขอลงรายละเอียดถ้าอยากทราบค่อยหลังไมค์มานะคะ จะเม้าลี๊มมม555)
จนอยู่ในขั้นทำthesis

ปัจจุบันเราอยู่ป.โทปี3 และเป็นโรคซึมเศร้า ต้องเข้าบำบัดและทานยาต่อเนื่องปีกว่าค่ะ

สาเหตุ
1. ครอบครัว ที่บ้านมีกิจการค้าขายที่ค่อนข้างทำเงิน จนปลดหนี้เก่าได้ คุณแม่เลยอยากให้กลับไปรับกิจการที่บ้านต่อ แต่คุณพ่อบอกว่าให้เรียนไปเลยไปต้องห่วง เราสับสน และตลอดเวลา แม่จะชอบโทรมาถามว่า "เมื่อไหร่จะจบ" ด้วยเสียงที่กระแทกเข้ามาทุกครั้ง ไปงานรวมญาติก็มีแต่คนถามเมื่อไหร่จะจบๆๆๆ เราเครียดมากค่ะ อธิบายไป ญาติๆไม่เข้าใจ (เราเป็นคนต่างจังหวัดค่ะ) ไปทุกปีถามทุกปี ไปงานเลี้ยงบริษัทกับคุณแม่ ก็มีแต่คนเชีบนร์ให้ออกมาทำธุรกิจบลาๆๆๆ  ซึ่ง เราไม่ชอบขายของเลยค่ะ เคยเฝ้าร้านแบบเต็มระบบแทนคุณแม่3วัน ปวดหัวมาก ทั้งลูกค้า ลูกน้อง ระบบงานมันวุ่นวาย พอเราบอก ทำตามแพลนนี้ดูไม๊คะ คุณแม่ก็จะ "ก็ออกมาดูเองเลยซิ๊!!!!!!" เราก็อ่าวววว....เราคิดว่า ถ้าเราออกมาขายของ แล้วเราจะมีอะไรเป็นของเราล่ะ ให้แม่เลี้ยงต่อไปไรงี้หรอ ...เรื่องครอบครัวเราซับซ้อนกว่านั้น เอาเป็นว่าเราเครียดจากการกดดันจากคุณแม่และครอบครัวค่ะ

2.thesis เราเคยมาฝึกงานในแล็บนี้ตอนป.ตรี ผ่านกระบวนงานทั้งหมด จนปี2ป.โท เราเข้าแล็บอีกครั้ง เพื่อมาคุยเกี่ยวกับหัวข้อthesis เราโดนให้ไปหาข้อมูล และเปลี่ยนหัวข้อ3ครั้ง เป็นเวลาเกือบ1ปี เราเคยเสนอหัวข้อไปอ.ก็บอกไม่โอ
จนลูกน้องอ.พูดเลยว่า อ.ไม่พร้อมจะรับเด็กทำไม ให้อ.คนอื่นที่เขาพร้อมให้เด็กไปทำงานไม่ดีกว่าหรอ จ
นกระทั่งวันหนึ่งของมีนาปีที่แล้ว(ปลายปี2) อ.ก็มอบหมายงานเราดีใจมาก ดีใจสุด รีบทำงานออกมาสุดชีวิต มีแล็บพังบ้าง เน่าบ้าง
แต่ก็มีกำลังใจเพราะต้องการprogress จนถึงจุดๆหนึ่ง อ.ไม่ป้อนงาน ถามว่าให้ทำต่อตรงไหน อ.บอกให้รอก่อน
สามเดือนผ่านไปงานไม่เดิน เครียด เครียดจากทางบ้านอยู่ๆก็มาโยนให้เราเขียนbusiness planซึ่งเราไม่เคยเรียนมาก่อน
"แม่รบกวนครั้งเดียวทั้งปีไม่ได้หรือไง"....

จนมาช่วงเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว นอนไม่หลับ นอนตี4ตื่น10โมง (ที่แล็บไม่fixเวลาค่ะ)  นอนร้องไห้ทุกคืน เศร้า ตื่นมาร้องไห้ ไม่อยากเจอผู้คน และ อยากตาย

และได้เข้าห้องพันธิปมาเจอโรคซึมเศร้า เราก็เริ่มเอะใจว่า เออ ใช่ป่าวหว่า  จนช่วงธันวาแย่มากค่ะ มองโลกแง่ลบ อยากตายๆๆๆๆอย่างเดียว ล้มตัวลงนอนร้องไห้จนหลับ แล้ว แบบ เฮ้ย พอ ไปหาหมอเหอะ

ที่opd ชั้น7 หน่วยจิตเวชที่ศิริราช ใช้แพทย์สองคนรักษาเราอยู่ คนแรกเป็นคอรส์คลายเครียด (คิวยาวมากกกก) ขอเรียกว่าอ.เจละกันนะคะ อ.เจจะดูแลเรื่องการพูดคุย บำบัด ชี้แนะแนวทาง การคิดต่างๆ รวมถึงขุดนิดหน่อยด้วยค่ะ อ.เจแนะนำว่า ให้เขียนtimeline เป็นแผนผังไปให้advisorดู ว่า คุณลงthesisไปสองเทอมแล้ว หมดเขตสอบเมื่อไหร่ เราลองทำตาม โป๊ะ!!!!! advisorเรา activatedทันทีเลยค่ะ แผนมา วันสอบมา งานมาทันที สวดยอดดดดดด   อ.เจบอกว่า มันเป็นสไตล์งานทำงานของadvisorเราค่อนข้างช้า แต่เราไฟแรงไป มันเลยทำร้ายเรา จะวีนก็ไม่ได้ จะถอยก็ไม่ได้ เดินหน้าไม่ได้ ทำให้เกิดการเครียด   และขอรีวิวว่า คลินิกคลายเครียดของศิริราช เจ๋งมากค่ะ

หมอคนที่สอง จะดูแลเรื่องยา และการคุยเหมือนกันค่ะ ของเรียกว่าหมอเน เราถามหมอเนว่าการที่เราไม่เลือกกลับไปรับกิจการที่บ้าน เราเนรคุณหรือเปล่า
หมอเนบอกเราว่า ทุกอย่างมีความเสี่ยง ถ้าคุณมีงานของตัวเอง แล้วธุรกิจที่บ้านคุณล้ม ที่บ้านก็ยังมีคุณ แต่ถ้าคุณกลับไปตอนนี้แล้วกิจการที่บ้านคุณเริ่มไม่โอเค...คุณจะไม่มีอะไรเลย หมออยากให้คุณตั้งใจ โฟกัสที่thesis อย่าทำให้คำพูดคนอื่นมีผลกับเรามากนัก  

เหมือนกับที่หมอเจบอกค่ะ ให้โฟกัสเป้าหมาย ให้มองสิ่งที่มากระทบจิตใจเราให้เล็กลง และทานยาไปก่อนเพื่อปรับสารเคมีในสมอง

ผ่านไป3เดือน จากการทานยาและบำบัด เราเริ่มนิ่งขึ้น advisorแซวแรงๆ เริ่มไม่ holdไว้แล้วกลับหอไปร้องไห้ แต่บางทีก็มีบ้าง เริ่มสดใส เริ่มไม่อยากตาย ทุกอย่างดีขึ้นจน ใกล้สอบโครงร่างค่ะ

เราเขียนเล่มโครงส่งไปต้นมีนา เราจะสอบปลายเมษาค่ะ เราหวังว่าจะใช้เวลาทั้งเดือนเมษาทำpresent   เราทวงไป3ครั้งว่าส่งไปแล้วadv. ก็อืมๆๆ แต่ไม่ดูเลยสักนิด ไม่ดูเลยค่ะ เราเริ่มเครียด จนพี่เลี้ยงบอก ถ้าเค้าไม่ดูก็พอเหอะ จนมาถึงต้นเมษา adv.เรา ดูต้นเมษา!!!! และแก้เล่มของเราทั้งเล่ม ย้ำค่ะ ทั้งเล่ม เหลือประโยคที่เราเคยเขียน 3ประโยค จากโครง20หน้า กลายเป็น55หน้า ร้อยกว่าreferences ช็อคไป1วัน ร้องไห้ฟูมฟายเลยค่ะ ว่าตายๆๆๆๆ เพิ่งจะมาดูแล้วแก้ใหม่ทั้งเล่ม ตำหนิด้วยว่า เราเขียนมาน้อย ก็ตอนนั้นadv.บอกเราเองว่า อย่าเขียนละเอียด!!!!!
และบอกเราว่า อยา่าเพิ่งทำสไลด์นะ รอเล่มสมบูรณ์ก่อน เราเลยแอบทำไว้ค่ะ กลัวไม่ทัน
เป็นดังคาด....เล่มเราเพิ่งเสร็จเสาร์ที่แล้ว adv.ขอดูสไลด์วันอาทิตย์.....เราขอเลื่อนเป็นวันจันทร์
วันจันทร์บ่ายเราไปถามว่า ดูสไลด์เลยไม๊คะ "พี่ขอแบบcomplete ตอนบ่าย4ได้ป๊ะ"  แหงนมองนาฬิกา อีก15นาทีบ่าย3!!!!!!!!!  ปั่นเลยค่ะ เสร็จห้าโมง adv.ว่างตอนทุ่มครึ่ง

คุยสไลด์แบบ แก้ทีละสไลด์ๆด้วยกัน เสร็จสี่ทุ่มค่ะ  และทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมา เรากลับ4-5ทุ่มทุกวัน เราบอกว่าเรายังไม่เป๊ะนะคะ แต่โดนถามแบบ....เหมือนสอบวันนั้นเลยอ่ะ เราเกือบน็อตหลุดร้องไห้กลางห้องทำงาน แต่holdไปร้องที่หอแทน

สรุป เล่มเสร็จเสาร์ที่แล้ว เราต้องอ่านให้จบภายในคืนนั้น แล้วทำสไลด์ อ่านrefเป็นร้อย เตรียมตอบคำถาม ทั้งหมด ภายในไม่ถึง10วันค่ะ จากที่เราวางแผน1เดือน กลายเป็น10วัน พัง.....แต่เรายังholdทุกอย่างไว้ได้ยังไม่สติแตก เพราะมีชิ้นส่วนสุดท้ายที่ยังไม่หลุดไปคือ....

3. แฟน ใช่ค่ะ แฟน เขาเป็นคนดี ทำงานเก่ง คบมา7ปีแล้ว แต่ช่วงนี้ เขาทำเราอาละวาด4ครั้งใน10วัน เพราะเขาเป็นคนพูดเล่น พูดตลกไม่คิด และเราแพ้ปากคน sensitiveมาก (คุณหมอบอกให้ระวังเพราะเป็นซึมเศร้าอยู่)
คือเราคิดว่าโลกทั้งโลกมันกระทืบเราอยู่ ทำไมเธอต้องมาทำร้ายเราอีก ทำไมต้องมาซ้ำเติม แม้ไม่ได้ตั้งใจทำไมไม่คิดก่อนทำ.....ดูเยอะเนาะ ใช่ค่ะ แต่รู้สึกแบบนั้นจริงๆ เรื่องการปรับความคิดชีวิตคู่ เราเคยไปหาจิตแพทย์ด้วยกันที่มนารมณ์ค่ะ เราโดนคุณหมอ "ขุด" ขุดจริงๆค่ะ น่ากลัวมาก คุณหมอทำให้เรานึกถึงความเลวร้ายที่เป้นต้นเหตุทำให้เราไม่เชื่อใจแฟนคนปัจจุบันออกมา และเปลี่ยนความคิดเราใหม่ตอนนั้นเลย  
ออกมาจากห้อง เราเหมือน ...เหมือนเป็นคนใหม่ไป3วัน อารมณ์ดี แข็งแรง เชื่อใจ แต่พอแฟนเราทำอะไรสะกิดเราปุ๊ป ตอนนี้เราโมโหร้ายรุนแรงกว่าเดิมค่ะ แระมาณว่า ทำไม ทำไมเป็นแบบนี้อีก ฉันเปลี่ยนแล้ว ฉันเชื่อใจแล้ว ทำไมทำร้ายกันอีก กรี๊ดดดดดดอาละวาด
ประมาณนั้นละค่ะ55555  


เลยมาเล่าสู่กันฟัง ตอนนี้อยู่ในช่วงเตรียมสอบ แล้วอารมณ์แย่มาก อาการอยากตายกลับมาอีกแล้ว

ถ้ามีอัพเดตอะไรเดี๋ยวมาเล่าต่อนะคะ

สรุป
1. คลายเครียดที่ศิริราชดีค่ะ ครั้งละไม่เกิน700บาท รวมค่าopd
2. มนารมณ์ก็ดีค่ะ แต่จะแพงกว่าศิริราช
3. อย่ามาเรียนโทที่นี่เลยค่ะหลายเคสหนักๆกว่าเรามีเpอะค่ะ  แนะนำ ฬ หรือไม่ก็ ดูadvisorดีๆนะคะ ว่าสไตล์การทำงานเข้ากันได้หรือเปล่า

ร้องไห้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่