U-NET ฝากถึงคนที่เป็นปากเป็นเสียงได้

U-NET คืออะไร U-NET คือความผิดพลาดซ้ำซ้อน ของกระทรวงการอะไรก็แล้วแต่ที่ทำออกมา (ในที่นี้คือสทศ.ซินะ)
ผมก็ไม่รู้โครงสร้างของระบบการศึกษาหรอกนะ แต่คนที่เสนอแนวคิดนี้ไม่ควรอยู่ในกระทรวงต่อไปแล้ว มันมากเกินไป

อยากรู้ไหมผิดซ้ำซ้อนยังไง
ยกตัวอย่างโง่ๆเลย เช่น เมื่อเราล้มแล้วเจ็บตัว เราจะทำยังไง
คำตอบคือ พยายามไม่ล้ม โดยหาแนวทางอื่นๆในการปฏิบัติ ไม่ใช่การล้มแบบเดิม แต่เป็นล้มที่เจ็บปวดน้อยที่สุด
นั่นคือสิ่งที่ผู้ใหญ่ผู้ควบคุมการเรียนการสอนของเด็กไทยทำ อนาคตของชาติไม่ควรมายึดติดอยู่กับการเรียนการสอนการสอบ

การสอบไม่ได้ผลเป็นที่คาดหวัง = สอบใหม่&เพิ่มการทดสอบ
นั่นไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ เราควรหาแนวทางอื่นในการทดสอบต่างหาก
ความผิดพลาดของระบบการศึกษาคือการล้ม แต่เราก็ยังคงล้มต่อไป ด้วยหวังว่ามันจะเจ็บปวดน้อยที่สุด
การสอบซ้ำๆซากๆเป็นวงจรอุบาทว์ที่บ้าคลั่งของผู้ใหญ่ผู้ใหญ่ที่... ที่ต้องการตรวจสอบเด็กๆด้วยวิธีที่...
การสอบวัดเหล่านี้ไม่อาจบ่งบอกความรู้ความเข้าใจความสามารถของเด็กๆได้ทั่วถึง
นั่นเพราะคนที่ทำข้อสอบเหล่านี้ไม่ได้ ไม่ได้แปลว่าเขาโง่
เขาอาจจะเบื่อกับการสอบที่แสนกดดันและคาดหวังนี้ก็ได้ ร้อยละ50%ของเด็กไทยมั่วข้อสอบครับ
(ตอนเป็นเด็กพวกคุณก็เคยทำอะไรมั่วๆมาบ้างแหละ)
อาจจะไม่ใช่เพราะว่าเขาทำไม่ได้
แต่การกระทำเหล่านี้เด็กๆคิดว่ามันเท่และง่ายกว่า การคิดอะไรที่ปวดหัวอย่างการหาว่ามีอารมณ์ทางเพศควรทำยังไง
มันไม่ใช่คำถามที่ยากเย็นเลย แต่การจะตอบให้ตรงกับความต้องการของผู้ใหญ่มันยากเย็นซะเหลือเกิน

การมั่วข้อสอบและมาโม้กับเพื่อนมันสนุกกว่าเยอะ

เด็กไทยเรียหนัก สุดท้ายโง่
อยากรู้คำตอบของปัญหานี้ไหม ปัญหาสั้นๆง่ายๆครับ การเรียนไทยมันไม่สนุก
การที่เด็กๆแต่ละคนมานั่งในห้องเรียนสี่เหลี่ยมอันหนึ่งเพื่อให้ผู้ใหญ่แต่ละคนคอยควบคุมการเรียนการสอนการสอบเด็ก มันกดดันครับ
ใครจะชอบความกดดันนอกจากคนบ้าและคน...ที่ไม่รู้จักความกดดัน

เด็กไทยติดเกมส์
อ่าว ก็เกมส์มันสนุกนี่ครับ หรือพวกคุณไม่มีวัยเด็กที่แสนสนุก คุณชอบเหรอกับการนั่งเรียนนั่งสอบแบบกดดัน คุณชอบแบบนั้นเหรอครับ
ไปสอนลูกๆคุณเถอะวิธีการนั้น เด็กไทยเล่นเกมส์วันละ8-12ชั่วโมงอาจไม่ได้แปลว่าเขาติดมัน แต่เพราะเขาอาจไม่มีอะไรทำ เพราะการทำอย่างอื่น
มันอาจไม่สนุก เด็กๆนั่งอยู่หน้าคอมตลอดเวลาอาจไม่ได้แปลว่าเขาเล่นเกมส์ เขาอาจจะทำบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในโลกของเขา(ที่ผู้ใหญ่ไม่เข้าใจ)ก็ได้


เด็กที่แตกต่างกว่าคนอื่นจะถูกมองว่าแปลกแยก
เช่น การสอบได้ต่ำกว่าคนอื่นเกณฑ์ การปฏิบัติกิจกรรมที่ทำโดยทำต่างออกไป เช่นวาดรูปไม่เหมือนคนอื่นๆทั้งๆที่มีโจทย์มาให้แล้ว
ทั้งๆที่ไม่ควรจะมีกฏเกณฑ์ตายตัวในการจำกัดจินตนาการของเด็กๆด้วยซ้ำ
การศึกษาไทยมุ่งเน้นให้เด็กๆเป็นไปได้ดังที่คาดหวัง ไอ้คำว่าคาดหวังนี้เองที่ทำลายความสนุกของการเรียนไป

แนวทางแก้ไข
การศึกษาไม่ใช่แค่ไทยหรือต่างประเทศ เรียกได้ว่าเป็นแนวทางแก้ไขของทั่วโลก ที่ทุกๆคนอาจจะรู้ดี นั้นคือแก้ไขทั้งระบบ
หมายถึงการล้ม การล้มแก้ง่ายๆก็คือไม่ล้มนั่นเอง
การกำหนดกดเกณฑ์ต่างของการศึกษาไม่ควรมีคำว่าผิดพลาดและตกต่ำ
นั่นเพราะการที่ควบคุมเด็กๆผู้เป็นอนาคตของชาติไม่ควรมีความผิดพลาด
มันเหมือนกับการเดินบนปากเหวนั่นแหละครับ ไม่มีคำว่าผิดพลาดใดๆ เพราะความผิดพลาดคือความตาย

การที่ผู้ใหญ่ผู้ควบคุมมันสมองของประเทศในอนาคตเหล่านี้ยังอยู่ในกระทรวงต่างๆต่อไปเพราะอะไรครับ
นั่นเพราะระบบนั่นเอง ระบบของสังคมคือการกำหนดว่าใครมี พวกพ้องมากกว่า ใครมีอายุมากกว่า ก็อยู่เหนือกว่า
ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าร้อยละ50%ของคนที่ทำงานส่วนนี้(กระทรวงต่างๆ)มีความตั้งใจหรือเปล่า มีคุณภาพหรือเปล่า
ไม่ใช่ว่าได้แต่จำใจทำไปเพราะเงินเดือนเลี้ยงชีพไปวันๆ เพราะไม่มีงานทำ เพราะโดนผลักดันจากพวกพ้อง เพราะเมื่อตำแหน่งใหญ่โตขึ้นได้เงินเพิ่มขึ้น
ผมไม่ขอให้พวกคุณลาออกหรอกครับ เพราะคงหาคนมาทำงานในส่วนนี้ยาก แต่พวกคุณควรมีความตั้งใจในการทำงานมากกว่านี้
แน่นอนละคนที่ทำได้ดีกว่า หรือคนที่ฉลาดกว่า เก่งกว่า อาจไม่อยากทำงานนี้
อาจมีโอกาสหรือไม่มีโอกาสในการทำงานนี้ แต่ผมฟันธงในตรงนี้เลยว่า คนที่ฉลาดกว่าเขาไม่ทำงานนี้แน่นอน
เพราะอะไรรู้ไหม นั่นเพราะความฉลาดไม่ใช่การจดจำเรื่องราวต่างๆได้ดี จดจำเรื่องราวต่างๆได้เยอะ
แต่มันคือกลไก กระบวนการในการคิดมากกว่า
เด็กคนหนึ่งอาจจำสูตรคูณได้ดี แต่เด็กอีกคนอาจจะมีวิธีคิดการคูณด้วยวิธีอื่นที่ง่ายกว่า
การศึกษาไทยควรไม่จำกัดกรอบของเด็ก การที่เด็กทำไม่ได้ ไม่ได้แปลว่าโง่หรือฉลาด แต่อาจะเป็นเพราะเขาไม่อยากทำ
คนไม่รู้ไม่ใช่คนโง่ แต่คนที่โง่คือคนที่ไม่เข้าใจสิ่งที่รู้

ฝากถึงทุกๆคน
คนฉลาดเขาไม่มาทำงานนี้หรอกครับ บอกได้เลย แม้ใจจะรักก็อาจไม่ทำ แต่น้อยคนนักที่จะรักงานนี้
1.เพราะมันเป็นงานที่ยาก การที่เราควบคุมอนาคต ไม่ใช่งานง่ายๆ ไม่ควรมีคำว่าผิดพลาด
2.เพราทำเงินได้น้อยกว่า เงินคือปัจจัยสำคัญในการดำเนินชีวิต ไม่ว่าจะพูดยังไงหรืออ้างยังไง แต่ต้องยอมรับว่าเงินคือปัจจัยที่สำคัญที่สุด
(คนฉลาดจริงๆเขาหางานอื่นทำเงินได้ดีกว่าเยอะ)
3.เพราะหากทำผิดพลาหรือไม่สำเร็จย่อมถูกตำหนิจากสังคม

ก็คิดเอาแล้วกันว่า3ข้อที่กล่าวมาคนฉลาดที่ไหนเขาจะอยากทำงานนี้กัน คนฉลาดที่ไหนชอบความกดดัน
แล้วก็คิดย้อนกลับไปว่าคนที่ทำงานนี้อยู่....หรือเปล่า หรือทำเพียงเพราะได้เงินและคิดว่ามันไม่กดดัน

สุดท้ายนี้ผมก็ไม่ได้เก่งภาษาไทยอะไรมากมายอาจมีคำผิดคำถูกอยู่ในข้อความเหล่านี้ แต่เราทุกคนก็อ่านมันออก เช่นความรู = ความรู้
ไม่เหมือนกับคำผิดที่อาจมีและอ่านไม่ออก ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ เช่นคามรู = ความรู้
แต่ผมจะบอกวิธีการอ่านคำผิดง่ายๆที่ผมได้เรียนมาจากผู้ใหญ่ที่ทำผิดพลาดเอาไว้
ไม่ใช่แค่การล้มและเจ็บปวดหรือไม่ล้ม แต่มันคือการล้มและเจ็บปวดที่พยายามแสดงสีหน้าว่าไม่เจ็บปวด
อาจมีคำผิดบ้างแต่เราก็พยายามอ่านมัน ไม่ใช่เอาแต่ติติงว่าอ่านผิดอ่านไม่ออกอ่านไม่ได้ คนที่คิดแบบนี้แหละครับที่ไม่...

สุดท้ายของสุดท้าย ถ้าไม่ถูกใจใครก็ขออภัย แต่ผมคิดว่าที่ผมพิมพ์ออกมาคือความจริง อาจเป็นแค่ความคิดผิดๆของผมก็ได้ เพราะผมยังโง่นัก ถ้าอวดดีไปก็ขออภัยด้วยครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่