"ปู" มอบหมายทีมทนายยื่นต่อศาลรธน. นำ "เฉลิม" เข้าเบิกความเป็นพยานเพิ่ม "ปมย้ายถวิล" -อ้าง เป็นหนึ่งปากสำคัญในชั้นศาลปกครอง เพื่อความเป็นธรรมแก่รักษาการนายกด้วย
วันนี้ (25 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพิชิต ชื่นบาน ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการต่อสู้คดีในชั้นศาลรัฐธรรมนูญของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีการถูกร้องให้สิ้นสภาพความเป็นรัฐมนตรี จากการโยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยมิชอบว่า ในวันที่ 25 เม.ย. นายกรัฐมนตรี มอบอำนาจให้ทีมทนายความไปยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอนำ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรองนายกรัฐมนตรี เข้าเบิกความเป็นพยานต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยตรง แทนการทำบันทึกการให้ถ้อยคำ ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งก่อนหน้านี้ เนื่องจากทีมทนายความ เห็นว่า ที่ผ่านมา นายถวิลได้อ้างข้อเท็จจริงในชั้นศาลปกครองสูงสุด พาดพิงถึง ร.ต.อ. เฉลิม ที่ขณะนั้นดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีว่า ร.ต.อ.เฉลิม ให้สัมภาษณ์กดดัน เพื่อให้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. ขณะนั้น ยินยอมมาดำรงตำแหน่ง เลขาธิการ สมช. เพื่อเปิดทางให้เครือญาติของนายกฯ มาดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.แทน
โดยโยงให้เห็นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ใช้สถานะการเป็นนายกฯ ก้าวก่ายแทรกแซง การแต่งตั้งข้าราชการ ดังนั้น ร.ต.อ.เฉลิม จึงเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีนี้โดยตรง และเป็นพยานคนสำคัญที่ศาลต้องไต่สวนข้อเท็จจริง หากศาลไม่ไต่สวน ร.ต.อ.เฉลิม จะไม่ได้ข้อเท็จจริงที่ครบถ้วนถูกต้อง
นายพิชิต กล่าวว่า นอกจากนี้ ที่ผ่านมาศาลปกครองสูงสุดยังไม่เคยนำสืบในประเด็นว่า ร.ต.อ.เฉลิม เป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการแต่งตั้ง ผบ.ตร. และการโอนย้าย นายถวิล มาเป็นเหตุผลในการพิพากษาคดี จึงอยากให้ศาลรัฐธรรมนูญ นำ ร.ต.อ.เฉลิมเข้ามาไต่สวนในชั้นการไต่สวนของศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่นายกรัฐมนตรี เพราะการที่ศาลอนุญาตให้นายถวิลเข้าไต่สวนในฐานะพยานฝ่ายผู้ร้อง แต่ไม่อนุญาตให้ ร.ต.อ.เฉลิม ซึ่งเป็นบุคคลที่นายถวิลกล่าวอ้างถึงเข้ามาไต่สวน จะทำให้ศาลได้ข้อเท็จจริง จากฝ่ายผู้ร้องเพียงอย่างเดียว
การให้ ร.ต.อ.เฉลิม ทำบันทึกถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริงต่อศาลนั้น ไม่เพียงพอที่จะทำให้การพิจารณาคดีของนายกฯ เป็นไปด้วยความยุติธรรมได้ จึงขอให้ศาลนำ ร.ต.อ.เฉลิม มาให้การไต่สวนต่อศาล เพื่ออำนวยความยุติธรรม และได้ข้อเท็จจริงที่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดียิ่งขึ้น สอดรับกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 197 ที่ระบุว่า การพิจารณาคดีของศาล ต้องเป็นไปด้วยความยุติธรรม ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย
"ปู" เตะถ่วงอีก !!! ท้วงศาล อ้อนไต่สวน "เหลิม" ปมคดีย้ายถวิล
วันนี้ (25 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพิชิต ชื่นบาน ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการต่อสู้คดีในชั้นศาลรัฐธรรมนูญของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีการถูกร้องให้สิ้นสภาพความเป็นรัฐมนตรี จากการโยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยมิชอบว่า ในวันที่ 25 เม.ย. นายกรัฐมนตรี มอบอำนาจให้ทีมทนายความไปยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอนำ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรองนายกรัฐมนตรี เข้าเบิกความเป็นพยานต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยตรง แทนการทำบันทึกการให้ถ้อยคำ ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งก่อนหน้านี้ เนื่องจากทีมทนายความ เห็นว่า ที่ผ่านมา นายถวิลได้อ้างข้อเท็จจริงในชั้นศาลปกครองสูงสุด พาดพิงถึง ร.ต.อ. เฉลิม ที่ขณะนั้นดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีว่า ร.ต.อ.เฉลิม ให้สัมภาษณ์กดดัน เพื่อให้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. ขณะนั้น ยินยอมมาดำรงตำแหน่ง เลขาธิการ สมช. เพื่อเปิดทางให้เครือญาติของนายกฯ มาดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.แทน
โดยโยงให้เห็นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ใช้สถานะการเป็นนายกฯ ก้าวก่ายแทรกแซง การแต่งตั้งข้าราชการ ดังนั้น ร.ต.อ.เฉลิม จึงเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีนี้โดยตรง และเป็นพยานคนสำคัญที่ศาลต้องไต่สวนข้อเท็จจริง หากศาลไม่ไต่สวน ร.ต.อ.เฉลิม จะไม่ได้ข้อเท็จจริงที่ครบถ้วนถูกต้อง
นายพิชิต กล่าวว่า นอกจากนี้ ที่ผ่านมาศาลปกครองสูงสุดยังไม่เคยนำสืบในประเด็นว่า ร.ต.อ.เฉลิม เป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการแต่งตั้ง ผบ.ตร. และการโอนย้าย นายถวิล มาเป็นเหตุผลในการพิพากษาคดี จึงอยากให้ศาลรัฐธรรมนูญ นำ ร.ต.อ.เฉลิมเข้ามาไต่สวนในชั้นการไต่สวนของศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่นายกรัฐมนตรี เพราะการที่ศาลอนุญาตให้นายถวิลเข้าไต่สวนในฐานะพยานฝ่ายผู้ร้อง แต่ไม่อนุญาตให้ ร.ต.อ.เฉลิม ซึ่งเป็นบุคคลที่นายถวิลกล่าวอ้างถึงเข้ามาไต่สวน จะทำให้ศาลได้ข้อเท็จจริง จากฝ่ายผู้ร้องเพียงอย่างเดียว
การให้ ร.ต.อ.เฉลิม ทำบันทึกถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริงต่อศาลนั้น ไม่เพียงพอที่จะทำให้การพิจารณาคดีของนายกฯ เป็นไปด้วยความยุติธรรมได้ จึงขอให้ศาลนำ ร.ต.อ.เฉลิม มาให้การไต่สวนต่อศาล เพื่ออำนวยความยุติธรรม และได้ข้อเท็จจริงที่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดียิ่งขึ้น สอดรับกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 197 ที่ระบุว่า การพิจารณาคดีของศาล ต้องเป็นไปด้วยความยุติธรรม ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย