โจรทุบรถ ฉกกระเป๋าแบรนด์เนม “เบนซ์-พรชิตา”


คนร้ายทุบรถยนต์ “เบนซ์-พรชิตา” ดารานักแสดงช่อง 3 หลังควงแฟนหนุ่มไปกินส้มตำ ย่านสามเหลี่ยมดินแดง ได้ทรัพย์สินเป็นกระเป๋าแบรนด์เนม แหวนพร้อมเงินสด รวมเกือบแสนบาท หลบหนีลอยนวล
       
       เมื่อเวลา 23.30 น. วานนี้ (25 เม.ย.) ร.ต.ท.ชัยมงคล เหมือนสนธ์ พนักงานสอบสวน สน.ดินแดง รับแจ้งเหตุคนร้ายทุบรถยนต์ที่จอดอยู่หน้าร้านส้มตำ ภายในซอยราชวิถี 2 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. จึงรีบไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบ ดาราสาว เบนซ์ พรชิตา ณ สงขลา ดารานักแสดงชื่อดังช่อง 3 และ มิค-บรมวุฒิ หิรัณยัษฐิติ ยืนคอยเจ้าหน้าที่อยู่ข้างรถยนต์อีซูซุ มิวเอ็กซ์ สีน้ำตาล ทะเบียน 1กฮ 34 กรุงเทพมหานคร พร้อมชี้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูสภาพรถซึ่งถูกคนร้ายทุบกระจกด้านหลังซ้ายแตกละเอียด
       
       น.ส.พรชิตา กล่าวว่า รถยนต์คันนี้ทางค่ายรถยนต์ที่สามีของตนนั้นเป็นพรีเซนเตอร์ ได้นำมาให้ใช้ ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถมาจอดที่บริเวณดังกล่าว เพื่อแวะกินส้มตำกับสามีก่อนเข้าบ้าน ซึ่งอยู่ภายในซอยดังกล่าว ขณะนั่งกินส้มตำอยู่นั้น มีวัยรุ่นที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ ได้เรียกเก็บเงินก่อนเดินออกไปจากร้าน ต่อมาจึงเดินกลับมาที่ร้านเพื่อถามว่าเป็นรถของใครถูกทุบกระจก ตนจึงออกไปดูพบว่ารถที่ถูกทุบกระจกแตกนั้นเป็นของตน ซึ่งคนร้ายได้ลักกระเป๋าสะพายซึ่งวางไว้พื้นรถและใช้ผ้าคลุมไว้ ก่อนหลบหนีไป
       
       น.ส.พรชิตา กล่าวต่อว่า ในช่วงเย็นของวันนี้ (26 เม.ย.) ทั้งสองคนจะมีพิธีฉลองมงคลสมรสกันที่สโมสรกองทัพบก โดยตั้งใจว่าวันนี้จะไปเบิกเงินสด จำนวน 1 ล้านบาท เพื่อสำรองไว้ใช้จ่ายในงาน แต่โชคดีที่ไปเบิกเงินไม่ทัน ถ้าเบิกมาคงใส่ไว้ในกระเป๋าที่คนร้ายลักไปด้วย สำหรับทรัพย์สินที่ถูกโจรกรรมไปนั้น ประกอบด้วย กระเป๋าสะพายแบรนด์เนมจำนวน 1 ใบ มูลค่า 4 หมื่นบาท ภายในกระเป๋ายังมีแหวนทองคำขาว 1 วง มูลค่า 3 หมื่นบาท นาฬิกา 1 เรือน ราคา 3 หมื่นบาท เงินสด 3 หมื่นบาท และเอกสารสำคัญต่างๆ
       
       ด้าน พ.ต.ท.สุภัทร ทองส้ม หัวหน้าพนักงานสอบสวน สน.ดินแดง เปิดเผยว่า หลังทราบเหตุได้มีการประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าเก็บลายนิ้วมือแฝง รวมถึงได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบพยานแวดล้อม กล้องวงจรปิด และเส้นทางการหลบหนีของคนร้าย ส่วนคนร้ายเป็นมืออาชีพหรือไม่นั้น ต้องรอการสอบสวนที่ชัดเจนก่อน




ข่าวจาก  :  ASTVผู้จัดการออนไลน์
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9570000046430
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่